บทที่ 19 : รอให้แม่ของข้ามาถามท่านเอง (1/2)
บทที่ 19 : รอให้แม่ของข้ามาถามท่านเอง (1/2)
“ถูกต้องที่สุด!!” นางเฉียวพูดเสริมสามีด้วยน้ำเสียงเหมือนผู้ชนะ “นี่พวกเจ้าคงแอบเอาข้าวไปขายกันล่ะสิ แล้วพอข้าวหมดก็รีบวิ่งแจ้นมาที่บ้านข้าแสร้งเล่นละครทำตัวน่าสงสาร แล้วก็มาใส่ร้ายว่าพวกเราโกงข้าวของพวกเจ้าไป แหม..... พวกเจ้าพี่น้องนี่ช่างหัวหมอกันเสียจริง ด้านหนึ่งก็ขายข้าวเอาเงินเข้ากระเป๋า อีกด้านก็มาขอข้าวที่บ้านลุงกับป้าเพิ่ม มีแต่ได้กับได้ ข้าล่ะนับถือพวกเจ้าจริงๆ!!”
“แม้ว่าพ่อแม่ของพวกเจ้าจะไม่ได้อยู่คอยสั่งสอนแล้ว แต่พวกเจ้าก็ควรจะหัดมีสำนึกและรู้จักผิดชอบชั่วดีบ้าง!! ไม่ใช่ว่าจะมาเป็นเด็กขี้โกงแบบนี้!!” เหลียนหลี่พูดเสริมขึ้นบ้าง “จริงอยู่ว่าพวกเจ้าเป็นหลานชาย และหลานสาวของข้า และถ้าพวกเจ้าต้องการความช่วยเหลือนิดๆ หน่อยๆข้าก็ยินดีไม่ได้ลำบากอะไร แต่การที่จู่ๆ พวกเจ้าก็มาอ้าปากร้องขอข้าวเป็น 1,000 ชั่งขนาดนี้ พวกเจ้าไม่คิดว่ามันเกินไปหน่อยหรอ!!”
“ท่าน- ท่าน-” เหลียนเซ่อโกรธจนพูดไม่ออก หน้าอกของเขากระเพื่อมขึ้นลงอย่างรุนแรง
สายตาของเขาฉายแววผิดหวังและเสียใจมากอย่างเห็นได้ชัด
เขาคาดไม่ถึงเลยว่าคนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นลุงแท้ๆกับป้าสะใภ้ของเขาจะเห็นแก่ตัวแล้วก็เห็นแก่ได้มากขนาดนี้ ในสายตาของพวกเขา เรื่องความสัมพันธ์ฉันท์เครือญาติ หรือความเกี่ยวพันทางสายเลือด คงไม่มีค่าอะไรเลย พวกเขาสามารถพูดกลับดำให้เป็นขาวได้อย่างหน้าตาเฉย อีกทั้งในสีหน้าและแววตาก็ไม่มีความละอายใจปรากฏออกมาให้เห็นเลยแม้แต่น้อย
ความรู้สึกของเหลียนเซ่อในตอนนี้ความเสียใจนั้นมันมีมากยิ่งกว่าความโกรธเสียอีก
เหลียนฟางโจวดึงเหลียนเซ่อเข้ามาใกล้ตัว ก่อนเธอจะตบบ่าของเขาเบาๆ เพื่อปลอบใจ ในขณะที่เหลียนฟางโจวในตอนนี้ยังคงสงบนิ่ง บนใบหน้าของเธอไม่แสดงความโกรธหรือความกังวลใจใดๆ ก่อนเธอจะพูดขึ้นอีกครั้งด้วยน้ำเสียงเรียบๆว่า “สรุปว่าท่านลุงกับท่านป้าปฏิเสธที่จะคืนข้าวให้พวกเราใช่ไหม?”
“ใช่ ฝันไปเถอะ!!” นางเฉียวตะคอกออกมาเสียงดังลั่น
เหลียนหลี่ที่เห็นได้ชัดว่ามีชั้นเชิงกว่าภรรยาที่โง่เขลาของเขามาก พูดขึ้นมาว่า “พวกเราไม่ได้เป็นหนี้อะไรพวกเจ้า ทำไมพวกเราต้องคืนด้วย?”
“ใช่ๆ!!” นางเฉียวรีบพูดเสริมขึ้นมาทันที
“หึหึ” เหลียนฟางโจวหัวเราะเบาๆ ก่อนจะยิ้มและพูดว่า “ตัวข้าก็ไม่ได้อะไรหรอกเจ้าค่ะ พอดีท่านแม่บอกให้ข้ามาข้าก็เลยมาตามคำสั่งก็เท่านั้น คำพูดทุกคำที่ท่านแม่ฝากมา ข้าก็ได้บอกกล่าวพวกท่านทั้งสองไปหมดแล้ว ในเมื่อพวกท่านปฏิเสธที่จะคืนข้าวพวกนั้นข้าเองก็คงจนปัญญาที่จะทำอะไรได้ โอ้....ข้าลืมบอกไป ท่านแม่ยังฝากมาบอกอีกนะว่าถ้าหากว่าท่านลุงกับท่านป้าไม่ยอมคืนข้าวล่ะก็ เดี๋ยวท่านแม่จะมาถามเรื่องนี้กับพวกท่านเองเป็นการส่วนตัว!! หมดธุระแล้ว ถ้าอย่างนั้นพวกเราขอตัวก่อนนะเจ้าคะ!!”
เหลียนหลี่และนางเฉียวหันมาสบตากันชั่วครู่ แต่พวกเขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา พวกเขาได้แต่สงสัยว่าทำไมเด็กสาวที่ปากคมเสียยิ่งกว่าตะไกรคนนี้ถึงได้ยอมสงบปากสงบคำและจากไปง่ายๆโดยที่ไม่โต้ตอบอะไรอีก
ด้วยความว่าคำพูดที่เหลียนฟางโจวทิ้งท้ายเอาไว้นั้นก็ชัดเจนมาก เลยทำให้เหลียนหลี่เริ่มรู้สึกแปลกๆ
“พวกเจ้าจะกลับกันแล้ว? จากไปเฉยๆแบบนี้เลยหรือ?” เหลียนหลี่อดไม่ได้ที่จะถามออกไป
เหลียนฟางโจวยิ้มบางๆและพูดว่า “ข้าไม่ได้กลับไปเฉยๆ แต่ข้าแค่เชื่อคำของท่านแม่เท่านั้น นางบอกว่ายังไงพวกท่านก็ต้องคืนข้าวให้พวกเราแน่!!”
“ฮ๊ะ!!” เหลียนหลี่ได้แต่จ้องมองสองพี่น้องที่เดินจากไปด้วยความงุนงง
“ท่านพี่…ทำไมข้าถึงรู้สึกว่ามันมีอะไรแปลกๆ” นางเฉียวพูดจาอึกๆอักๆเหมือนกับว่าตัวนางเองก็รู้สึกไม่ค่อยมั่นใจนัก
“เจ้าก็คิดอย่างนั้นหรือ?” เหลียนหลี่หันหน้ากลับไปถามภรรยา “ที่เจ้าพูดว่าแปลก แล้วมันแปลกยังไง?”
นางเฉียวคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “ถ้าจะถามว่าแปลกยังไงน่ะหรอข้าก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไงเหมือนกัน! แต่ท่านไม่เคยเห็นท่าทางของนางเมื่อตอนที่นางหยางมาถอนหมั้นน่ะสิ นังเด็กเหลือขอนั่นมันไร้เหตุผลจะตายไปอีกทั้งยังเจ้าเล่ห์แล้วก็ปากร้ายด้วย ขนาดข้าที่ว่าแน่ยังตีฝีปากสู้นางไม่ได้เลย แต่พอมาวันนี้นางกลับยอมจากไปง่ายๆ ข้าก็เลยคิดว่ามันค่อนข้างจะแปลกแค่นั้นเอง”
“หืม....” เหลียนหลี่พูดด้วยน้ำเสียงสบประมาทว่า “ไม่ใช่นางพูดว่าเดี๋ยวผีแม่นางจะมาหาพวกเราอย่างนั้นหรือ? ถ้าอย่างนั้นก็มารอดูกัน!!”
นางเฉียวกลัวจนพูดออกมาอย่างลนลานว่า “เพ้ย! เพ้ย! เพ้ย! ท่านพี่พูดเรื่องไร้สาระอะไรออกมา? พวกเราไม่ได้ไปทำอะไรให้นางสักหน่อย นางจะมาหาพวกเราทำไมกัน?”
“เจ้าจะกลัวอะไร!!” เหลียนหลี่จ้องหน้าภรรยาด้วยสายตาไม่พอใจ ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่แยแสว่า “ผีเผอมีที่ไหนกัน เรื่องไร้สาระพวกนี้ข้าไม่เชื่อหรอก!!”
ในใจของนางเฉียวนั้นยังรู้สึกหวาดกลัวอยู่เล็กน้อย แต่ด้วยกลัวว่าสามีจะไม่พอใจนางจึงทำได้แค่แสร้งยิ้ม แล้วก็ไม่พูดอะไรต่อ