บทที่ 16 ปกรณัมของผู้ถูกกระทำ
บทที่ 16 ปกรณัมของผู้ถูกกระทำ
ภายในห้องที่แสงไฟจากเทียนสลัวๆ มีร่างของชายอ้วนคนหนึ่งนั่งเปลือยอยู่บนเตียง ในขณะที่บนเตียงมีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งนอนเปลือยอยู่
หายใจโรยริน ใบหน้าของเธอบวมช้ำและฟันหลายซีกที่แตกหักพร้อมมีเลือดไหลออกจากปาก
“เกลท์”
“ครับ!”
“เอานังเด็กนี่ไปทิ้ง ดูเหมือนว่าการทดลอง ‘กายอมตะ’ จะไม่สำเร็จ นอกจากจะไม่ฟื้นฟูพรหมจรรย์แล้วยังฟื้นฟูกระทั่งแผลไม่ได้”
“เข้าใจแล้วครับ!”
หญิงสาวที่บาดเจ็บสาหัสก็สั่นเล็กน้อยก่อนจะคลานเข้าหาชายอ้วนที่กำลังดูดบุหรี่พร้อมกับอ้อนวอน
“นายท่าน.. นายท่าน.. อย่าทิ้งข้าเลย.. จะทำอะไรข้าก็ได้แต่อย่าทิ้งข้าเลย”
“อย่ามาเกาะแกะ มันสกปรก!!”
มือของชายอ้วนฟาดใส่หน้าของเด็กผู้หญิงคนนั้นจนฟันหักไปอีกซี่และกลิ้งตกเตียงไป
“นายท่าน.. นายท่านได้โปรด…”
เด็กผู้หญิงอายุไม่กี่ขวบนั้นคลานเข้าใกล้เท้าของขุนนาง ก่อนจะเลียเท้าพร้อมพูดด้วยความอ้อนวอน
“นายท่านอย่าทิ้งข้าเลย”
“ไสหัวไป!”
ชายอ้วนเตะปากเด็กผู้หญิงคนนั้นจนกระเด็นกลับหลังทันที แต่เด็กหญิงก็รีบก้มหน้าชายอ้วนเลยบอก
“เอามันไปทิ้งไว้ในป่า จริงสิ.. จำได้ว่ามันมีน้องสาวที่อยู่ที่โบสถ์นี่น่า ไปเอาน้องสาวมันมาให้ข้าชิมด้วย”
เด็กผู้หญิงคนนั้นหน้าเผือดสี คลานเข้าไปใกล้กอดขาของชายอ้วนเหมือนขอร้องอ้อนวอนสุดชีวิต น้ำตาไหลลงมา
“นายท่าน.. น้องสาวข้า.. ปล่อยนางไปเถอะ.. ปล่อยนางไปเถอะ.. ข้าทำหน้าที่แทนนางเอง”
“แกมันก็แค่ยัยอัปลักษณ์ รีบๆ เอายัยอัปลักษณ์นี้ออกไปได้แล้ว!”
“ไม่ นายท่าน.. นายท่าน!!!”
เสียงกรีดร้องของเธอส่งไปไม่ถึงใครทั้งสิ้นถูกลากออกไปทันที เมื่อเธอนึกถึงน้องสาวตัวเองที่อายุพึ่งจะ 12 ปีต้องมากลายเป็นทาสบำเรอให้คนแบบนี้
เธอก็อยากจะสาปแช่งสวรรค์ ไม่สิ.. เรื่องมันก็เริ่มต้นที่เธอไม่มีเงินพอถูกเจ้าอ้วนนี่หลอกล่อก็เลยตามมาถูกทดลองต่างๆ
และถูกนำมาใช้เป็นที่ระบายความใคร่ แล้วถูกทำร้ายร่างกาย แม้จะได้รับเงินแต่ทว่าตอนนี้เธอถูกตัดทิ้งแล้วและน้องสาวของเธอก็…
“ถ้าหากมีพลัง… ถ้าหากมีเงิน.. ถ้าหากมีฐานะ………ชั้นต้องการมันทั้งหมด…”
อย่างไรก็ตามความปรารถนาที่ไม่อาจเป็นจริงนั้นมีเยอะกว่าผู้ที่ประสบความสำเร็จ และการจะประสบความสำเร็จคงเป็นไปไม่ได้อีกแล้ว
โดยเฉพาะลูเนีย อัลฟอร์ง ขุนนางที่ถูกทอดทิ้งอย่างเธอ…
………
ในหลุมลึกหลังเขามังกร เป็นหลุมขนาดใหญ่ที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 10 เมตร และหลุมลึกลงไป
ข้างใต้เต็มไปด้วยกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ หากตอนนี้เป็นตอนกลางวันจะเห็นโครงกระดูกหรือไม่ก็ซากศพที่ถูกทิ้งไว้แน่นอน
ในตอนนั้นมีรถม้าคันหนึ่งมาจอดก่อนจะมีชายคนหนึ่งแบกกระสอบสีดำบนบ่าออกมาจากรถม้าคันนั้น
“ฟู่ว…”
ชายคนนั้นปาดเหงื่อก่อนที่จะเปิดกระสอบออกเห็นเด็กผู้หญิงอายุราวๆ 17 ปีอยู่ในนั้นลมหายใจไม่มีหัวใจก็ไม่เต้น
“ให้ตายสิ ทำไมข้าต้องเป็นคนทำงานนี้ด้วย คนอื่นๆ ก็เล่นสนุกกับผู้กล้าคนนี้ไม่ใช่หรือไง!?”
มันบ่นออกมาก่อนที่จะมองไปในหลุม “ให้ตายสิ หลุมนี่ยังเคยได้ข่าวว่ามีผีปรากฏออกมาบ่อยๆ ด้วยสิ รีบกลับดีกว่าเรา”
มันโยนร่างของเด็กผู้หญิงคนนั้น.. ไม่สิ.. ชิซึกุลงไปในหลุมแล้วรีบกลับรถจากไปในทันที
“เน่าเหม็น… มนุษย์ที่เน่าเหม็น…”
“แล้วก็มนุษย์คนนี้สินะ.. ที่ท่านผู้นั้นต้องการให้ข้า ‘จัดการ’ บางอย่าง”
“เอาล่ะ… มันถึงเวลาแล้ว… ท่านผู้นั้นมักกล่าวว่า… ‘ทุกๆ อย่างมันเริ่มต้นด้วยตัวพวกเจ้าเอง’ ใช่.. จุดเริ่มต้นครั้งนี้ก็เช่นกัน.. มาดูกันเถอะว่า.. พวกเจ้าทั้งหลายจะดิ้นรนกันยังไง!”
“แด่ท่านผู้นั้น… จงเจริญ!”
เสียงลึกลับดังขึ้นในความมืดยามราตรีไม่มีใครทราบว่ามันเกิดอะไรขึ้น ไม่สิ ไม่มีใครรู้สึกถึงเลยมากกว่า.. พายุฟันเฟืองที่กำลังเดินหน้า
……….
หลายวันต่อมา
ทุกๆ คนที่เป็นผู้กล้าอัญเชิญมาปัจจุบันเหลือเพียง 22 คนเท่านั้น ชิซึกุ กับ ซาโต้นั้นหายตัวไปแล้ว
แต่ทว่าเหมือนทุกๆ คนในห้องจะไม่สนใจใดๆ เลยวันนี้คือวันที่จะไปสู่โรงเรียนที่อยู่ใจกลางทวีป
‘สถาบันอุโรโบรอส’
สถาบันที่ไม่สนเรื่องสถานะหรือเผ่าพันธุ์ว่ากันว่ามีกระทั่งปีศาจเรียนอยู่ในนั้น และวันนี้ก็เป็นวันที่จะเดินทางไปยังโรงเรียนนั้นเอง
“ก่อนอื่นเลย พวกเจ้าทุกคนหลังจากเข้าโรงเรียนไปแล้วควรจะปฏิบัติตามกฎให้เคร่งครัด แม้พวกเจ้าจะเป็นผู้กล้าวิเศษ แต่เมื่ออยู่ในโรงเรียนพวกเจ้าก็คือนักเรียน”
“ทางโรงเรียนได้จัดเตรียมที่พักแชะสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ หลังจากนี้อีกสามปีพวกเจ้าจะต้องใช้ชีวิตอยู่ในนั้นหากไม่ผิดพลาดอะไรภายใน 3 ปี พวกเจ้าคงบรรลุระดับพระเจ้าได้”
“ถ้างั้นก็ออกเดินทางกันเลย!”
จากนั้นทุกคนก็แยกย้ายกันขึ้นรถม้าที่มีที่นั่งไม่สะดวกสบายมาก แต่คันหนึ่งนั่งได้ประมาณ 6 คน
ทว่าริวตะนั้นเขาเพียงถูกนำพาไปยังรถม้าอีกคัน ที่นั่งอยู่คนเดียว
“ดูเจ้านั่นสิมันได้นั่งคนเดียวไม่แออัดด้วยว่ะ”
“น่าอิจฉาชะมัด..!”
“แต่ว่าทางอาณาจักรก็ใจดีจริงๆ เข้าใจความรู้สึกพวกเราได้”
“ใช่ๆ ใครจะอยากเห็นหน้าอัปลักษณ์นั่นตลอดหลายเดือนกันละ ตาชั้นบอดพอดี”
“นั่นสิวะ”
เสียงกระซิบกระซาบดังขึ้น แม้แต่ริวตะยังสมควรที่จะได้ยินเพียงแต่เขานั่งกอดแขนตัวเองเหมือนคนตายอยาก
ดวงตาดำสนิทไม่เหลือแม้แต่ความรู้สึกนึกคิด อีกทั้งหน้าตาที่ถูกไฟไหม้ของเธอจึงไม่มีใครอยากเข้าใกล้เธอ หรือไม่มีใครอยากช่วยเธอแม้แต่น้อย
หากเป็นอดีตทุกคนจะอิจฉาความสวยของริวตะ และหากเขากลายเป็นเหมือนคนบ้าแบบนี้ ก็ต้องมีคนมาช่วยเขาด้วยความสงสารแน่ๆ
เพราะว่าการรังแกมันรุนแรงถึงขั้นนี้ต้องมีความรู้สึกสงสารขึ้นมาบ้าง แต่นั่นมันกรณีที่รูปโฉมของริวตะยังคงสวยสด
แต่ตอนนี้เธอไม่ต่างไปจากสัตว์ประหลาดที่มีหน้าตาสยดสยอง แม้มองผู้เด็ก เด็กยังกลัวแล้ววิ่งหนีแน่นอน
อย่างไรก็ตามทั้งหมดทั้งมวลที่ว่ามามันก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้น ใบหน้าของริวตะทำเอาไม่มีใครอยากเข้าใกล้อีกต่อไป
การเดินทางจึงเริ่มขึ้น.. หลายวันต่อมารถม้าของริวจะก็แยกตัวออกมาโดยไม่มีใครสังเกตมุ่งหน้าไปยัง ‘ป่าทมิฬ’
ป่าทมิฬ เป็นป่าที่แปลกประหลาดเพราะใบไม้ในป่านี้เป็นสีดำและมีมอนสเตอร์ที่แข็งแกร่ง
ริวตะถูกโยนทิ้งลงในป่าลึกและถูกหักแขนหักขาเหมือนพวกมันหักไม้เล่น
ริวตะต้องตายอยู่ตรงนี้แหละใช่.. ชายที่มาส่งก็รีบควบม้าจากไปในขณะที่ริวตะนอนอยู่กลางผืนป่า
ไม่นานก็มีเสือตัวหนึ่งโผล่มา..
เขาผิดอะไร…?
ทำไมเขาต้องตาย..?
ใช่.. นั่นเป็นเพราะเขามอบความสนุกให้คนอื่นโดยการให้คนอื่นกลั่นแกล้ง.. แต่ว่าเขาต้องการเหรอ ไม่! เขาไม่ต้องการ
งั้นทำไมเขาต้องตาย ความยุติธรรม.. ไม่สิ.. ไม่ว่าจะโลกนี้ โลกอื่น โลกไหนๆ ความยุติธรรมมันก็แค่ของจอมปลอม
ริวตะเป็นเพียงแค่ผู้ถูกกระทำ… เป็นเท่านั้นจริงๆ
เสือตัวนั้นเดินเข้ามาหาริวตะอย่างช้าๆ …
“นี่ชั้นกำลังจะตาย…แล้วสินะ..”
ริวตะพูดพึมพำออกมาหลังจากที่ไม่ได้พูดมาหลายวัน เขาพยายามยกมือซ้ายที่หักขึ้นไปบนฟ้าที่มีดวงอาทิตย์สาดแสงลงมา
แหวนสีเงินบนนิ้วสะท้อนแสง..
“ชิซึกุ.. ชั้นกำลังจะตามไปหาเธอแล้วนะ”
ริวตะพึมพำ.. อย่างไรก็ตามเสือตัวนั้นก็โดดมากัดแขนซ้ายริวตะจนขาดทันที.. เจ็บ.. เจ็บจังเลยเหรอ.. ไม่สิ.. มันไม่เจ็บเท่าตอนถูกถลกเนื้อหนังโดนแทะกระดูกเลย
แต่ทว่า.. ความรู้สึกไม่พอใจและทรมานใจของริวตะมันคืออะไรกัน..
“แหวน..ของชั้น…ที่ชิซึกุมอบให้….”
“ทำไม… ทำไม… ทำไม!!”
“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก”