บทที่ 12 ปกรณัมของเราสองคน
บทที่ 12 ปกรณัมของเราสองคน
ชิซึกุเดินไปห้องริวตะก่อนจะผลักประตูเข้าไป ริวตะเองก็ยังไม่นอนแสงจันทร์สาดส่องมาภายในห้อง
“ชิซึกุ!?”
ริวตะลุกขึ้นและเดินมาหาทันที ชิซึกุยิ้มออกมาเมื่ออยู่ต่อหน้าริวตะเธอแทบเป็นคนละคน ดวงตาสดใสเหมือนชิซึกุที่เคยเป็น
“ไงริวตะ ขอโทษทีนะที่สองสามวันที่ผ่านมาชั้นไม่เข้าหา ชั้นมันโง่เองที่ทำแบบนั้น”
“ไม่ๆ เธอทำแบบนั้นถูกแล้ว ถ้ามาเป็นเพื่อนกับคนแบบชั้นเดียวก็ไม่มีเพื่อนหรอก!”
ริวตะส่ายหน้าเล็กน้อยพร้อมพูดออกมา มันเป็นความจริงแม้เขาจะเหงาอยู่บ้างแต่เพื่อที่ชิซึกุจะไม่เป็นเหมือนตัวเองเขาจึงคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ถูก
หากแต่ชิซึกุยิ้มออกมาก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่แทบจะกระซิบ
“ชั้นไม่ต้องการใครนอกจากริวตะ…”
“…?”
แต่เหมือนริวตะจะไม่ได้ยินเสียงที่ชิซึกุพูด ทำให้เขาแสดงสีหน้าสงสัย ชิซึกุจึงเปลี่ยนเรื่องทันที
“ว่าแต่ทำไมริวตะยังไม่นอน?”
“คือเรื่องมันเป็นแบบนี้…”
ริวตะก็เล่าเรื่องที่หลายวันที่ผ่านมาเขาตื่นมาเจอเรื่องประหลาดแต่ไม่กล้าบอกใคร ทว่าชิซึกุเขาก็บอกได้ตามปกติ
ชิซึกุขมวดคิ้วก่อนจะมองไปรอบๆ ห้อง…
“ริวตะ… ชั้นขอโทษ..”
“เอ๊ะ.. พูดอะไรของเธอ..?”
ชิซึกุจับไหล่ของริวตะแล้วพูดออกมา ก่อนที่เธอจะกอดริวตะและขอโทษซ้ำไปซ้ำมาพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาไม่หยุด
ริวตะคิ้วกระจุกไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น “ถึงจะไม่รู้ว่าอะไรก็เถอะ แต่ไม่เป็นไรหรอกนะ เธอไม่ต้องกังวลเรื่องของชั้นขนาดนั้นก็ได้.. แค่นี้เองชั้นสบายมาก!”
ริวตะปลอบชิซึกุพร้อมทั้งลูบหลังเธอ ไม่รู้เพราะอะไรชิซึกุยิ่งร้องไห้หนักกว่าเดิม ทำเอาริวตะเหงื่อตก
“เอ่อ.. นี่ชั้นพูดอะไรผิดหรือเปล่าเนี่ย..?”
“ไม่หรอก.. ขอโทษทีนะ”
ชิซึกุส่ายหน้าพร้อมกับห้ามน้ำตาที่ไหลออกมาไม่หยุด ริวตะเลยเช็ดน้ำตาให้ชิซึกุด้วยรอยยิ้ม
“ให้ตายสิ.. เล่นจู่ๆ ก็ร้องไห้ทำเอาชั้นหัวใจจะวายแน่ะ!”
“อะฮะๆ …”
ชิซึกุยิ้มแห้งและเกาแก้มเบาๆ ด้วยความเขินอายก่อนที่เธอจะนึกขึ้นได้ว่ามีบางอย่างจะให้ริวตะ
“จริงสิ.. ริวตะชั้นมีบางอย่างจะให้นาย”
“หืม อะไรเหรอ?”
ริวตะถามออกมาด้วยความสงสัยและสนอกสนใจ ชิซึกุดึงเอากล่องสีแดงออกมามองยังไงก็เป็นกล่องเก็บแหวน
เธอเปิดกล่องเล็กๆ ดังกล่าวก็มีแหวนเงินที่ไม่มีอะไรเป็นพิเศษวงหนึ่งอยู่ในนั้นก่อนจะเอามันออกมา
“นี่คือแหวนที่ชั้นเคยได้รับมาจากใครสักคน เขาบอกกับชั้นว่าหากเจอคนที่ทำให้ชั้นไม่สนหลักเหตุผลใดๆ เพื่อคนคนนั้นได้ ก็มอบมันให้คนคนนั้น”
“เอ๊ะ..?”
ริวตะตกใจแต่ทว่าชิซึกุก็จับมือซ้ายของริวตะขึ้นและสวมมันไว้ที่นิ้วนางของเขา.. ซึ่งมันดูเหมือนการขอแต่งงานไม่มีผิดเพี้ยน
สมองของริวตะตกอยู่ในสภาวะหยุดทำงานไปชั่วขณะ ก่อนจะติดสถานะมึนงงไปอีกครู่ และติดสถานะสงสัยไปอีกพัก
“เอ๊ะ … เอ่อ..ห๊ะ.. อ๊าาาาา”
เหมือนพึ่งจะเข้าใจริวตะก็ร้องออกมาพร้อมกับหน้าแดงจนถึงใบหู ชักสงสัยแล้วว่าจริงๆ ข้างในใครกันแน่ที่เป็นผู้ชาย
ริวตะกัดฟันพยายามรวบรวมสติแล้วพูดสิ่งที่ไม่เคยคิดจะพูดออกมา
“เอ่อ.. ชั้นก็มีของจะให้เธอเหมือนกัน..”
“หืม.. อะไรเหรอ…?”
ชิซึกุแสดงสีหน้าสงสัยออกมาก่อนที่ริวตะจะเอากล่องสีแดงออกมา เหมือนกล่องของชิซึกุไม่มีผิดเพี้ยน
“นี่เป็นแหวนที่ชั้นได้รับมาจากคนๆ หนึ่ง.. เขาเคยบอกกับชั้นว่าหากมีใครสักคนที่ช่วยเหลือชั้นจากการรังแกและมอบความสุขให้จงมอบให้แก่คนคนนั้น”
แม้จะเขินอายริวตะก็สวมใส่ให้ชิซึกุด้วยความเขินอายหน่อยๆ แหวนนี้เขาพกติดตัวตลอดเวลาตั้งแต่เด็กๆ แน่นอนว่าชิซึกุเช่นกัน
ชิซึกุยกมือซ้ายขึ้นแล้วมองโดยหันมือไปทางแสงจันทร์… เธอยิ้มออกมา “ขอบคุณนะ.. จะรักษามันไว้มากกว่าชีวิตเลยล่ะ!”
“เดี๋ยวสิ เฮ้ย ชีวิตต้องมาก่อนสิ!”
“นั่นสินะ.. อะเฮะๆ …”
และในเวลานั้นเอง.. ทั้งสองคนก็หยุดชะงักลง…. ภาพแห่งความทรงจำวัยเด็กปรากฏขึ้นมาเหมือนกับนัดกัน
ในหน้าร้อนอันอบอ้าวเสียงจักจั่นกรีดร้อง ‘วี๊ดๆ’ ไม่หยุดหย่อนบนถนนแถวชนบทมีเด็กสองคนกำลังวิ่งไล่กันด้วยความสนุกสนาน
“ริตคุงรอชั้นด้วยสิ~”
“สึกุนั่นแหละรีบๆ วิ่งตามมาได้แล้ว”
เด็กทั้งสองคนเล่นไล่จับกันอย่างสนุกสนาน จนกระทั่งเด็กชายวิ่งไปชนเด็กสองสามคน…
แล้วเด็กที่เป็นผู้เสียหายเลยโกรธพร้อมกับชกหน้าเด็กชายที่เรียกว่าริตคุง แต่ทว่าริตคุงก็ไม่คิดจะตอบโต้กลับแต่อย่างใด
“ชิ อะไรของมันวะ น่าเบื่อเป็นบ้า!”
มันพูดออกมา แต่ในตอนนั้นเองสึกุก็วิ่งมาห้าม
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ! อย่าทำร้ายริตคุงนะ!”
“ห๊า.. พูดอะไรของเธอยัยผู้หญิง ไอ้หมอนี่มันชนพวกเราก่อนนะ”
“นั่นมันก็…นั่นมันก็…”
สึกุไม่สามารถตอบโต้ได้จนริตคุงถูกต่อยตีไปจนน่วม สึกุวิ่งมาหาริตคุงแล้วร้องไห้ออกมา
“ริตคุง ชั้นขอโทษ.. ชั้นขอโทษ.. ถ้าชั้นเก่งดกว่านี้ชั้นคงช่วยริตคุงได้แล้วแท้ๆ”
“อย่าโทษตัวเองเลยน่า”
ริตคุงยิ้มออกมาพร้อมกับลูบหัวสึกุที่กำลังร้องไห้ ก่อนที่เขาจะคิดไอเดียอะไรดีขึ้นมาได้
“งั้นเอาแบบนี้เป็นไง นี่เป็นกล่องที่คุณแม่ชั้นเคยให้ไว้ ถ้าหากเธอชนะไอ้ความยึดมั่นในหลักเหตุผลจนซื่อบื้อมากเกินไปของเธอและช่วยใครสักคนโดยไม่สนหลักเหตุผลใดๆ นั้น เธอจงมอบมันให้เขา”
สึกุเช็ดน้ำตาก่อนจะพยักหน้า “ถ้างั้นชั้นก็จะให้เหมือนกันนี่เป็นของคุณพ่อให้ชั้นไว้ ถ้าหากริตคุงโดนรังแกและมีคนช่วยริตคุงไว้ เธอคนนั้นคงจะเหมาะสมกับริตคุงแล้วล่ะ มอบมันให้เธอนะ!”
…….
ภาพความทรงจำพัดผ่านไป.. ริวตะได้สติกับมาก่อนจะถามด้วยความสงสัย..
“เธอคือ… สึกุ..?”
“ริวตะคือ..ริตคุง…?”
โชคชะตาช่างน่าหวาดกลัว ไม่คิดว่าทั้งสองจะเคยเป็นเพื่อนสมันเด็กกันเมื่อนานมาแล้ว
ริวตะกอดชิซึกุในทันทีก่อนที่น้ำตาเขาจะไหลบ้าง..
“สึกุ…สึกุ… สึกุ… รู้ไหมชั้นคิดถึงเธอขนาดไหนสึกุ…”
“อื้อ.. ริตคุง… ชั้นเหมือนกัน..ตามหามาตลอด..ตามคนที่มอบแหวนให้ชั้นมาตลอดเลยล่ะ…”
ทั้งสองคนกอดกันปลดทุกข์ในใจออกมา…
ชิซึกุคิดในใจ
“นี่…ริตคุง… คงทรมานมากสินะ.. เจ็บปวดมาตลอดสินะ.. ชั้นที่เคยคิดจะแข็งแกร่งเพื่อช่วยริตคุง.. เพราะแบบนี้ถึงฝึกเคนโด้ แต่ว่าก็เอาชนะตัวเองไม่ได้.. ทำให้ริตคุงเจ็บปวดทรมาน… ในขณะที่ชั้นลืมเรื่องต่างๆ .. ขอโทษนะ.. ขอโทษ…. ชั้นขอโทษจริงๆ … ใช่แล้ว.. ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะใช้วิธีสันติอีกต่อไป.. ถ้าแบบนั้นชั้นก็จะแกร่งขึ้นเพื่อที่จะทำให้คนอื่นๆ เชื่อฟังชั้น… และ… ฆ่าคนที่ทำให้ริตคุงเป็น ‘บ้า’ แบบนี้”
ชิซึกุมองไปที่ผนังห้อง..ที่เตียงในห้อง.. ในสายตาของเธอนั้นมันแทบจะปกติดีทุกอย่าง… และไม่แม้แต่จะเห็นรอยถูกฟันหรือรอยขีดขวดอะไรเลย……….
………..
[นึกว่าจะสดใสทั้งตอน ตอนท้ายตอน.. อะไรของมึ*วะคนเขียน กันไหมครับ..? แต่เห็นไหมเริ่มสดใสแล้ว! เชื่อใจผมได้ยังคร้าบ! – ผู้เขียน]