บาทที่ 27
บาทที่ 27
“เงียบนะ” ชายหนุ่มหน้าแดงด้วยความโกรธ ตะโกนก้อง
แต่อย่างไรก็ตามบรรดาหญิงสาวต่างไม่หยุดหัวเราะ มีแต่คนที่อยู่เบื้องหลังชายหนุ่มที่หยุดหัวเราะ พากันทำสีหน้าละอาย
“ข้าจะฆ่าเจ้า” ชายหนุ่มคนนั้นคำราม พลันร่ายคาถาเปลี่ยนร่างตนเองเป็นเปลวเพลิง
“พี่ฟ่านหยุดก่อน ท่านไม่เคยได้ยินกฏของเกาะเหรอ ห้ามต่อสู้กันที่นี่น่ะ” ชายอีกคนรีบตะโกนบอก
“ฮึ่ม พวกเรากลับ” ชายชื่อฟ่านนั้นสลายคาถาเซียน สะบัดหน้าพาคนของตนเองกลับไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อทุกคนขึ้นจากยานบินมารวมตัวกันบนเกาะหมดแล้ว แต่ละสำนักก็พากันส่งตัวแทนมารวมกันที่ตรงกลางสำนักละหนึ่งคน ซึ่งแทบทั้งหมดล้วนก็เป็นเจ้าสำนักจะมีเพียงไม่กี่แห่งที่จะเป็นรองเจ้าสำนักหรือผู้อาวุโส
พวกเขาเข้าร่วมประชุมหารือกันไม่นานนัก และก็กลับออกมายืนรวมร่วมกัน
“สวัสดี เพื่อนตัวน้อยจากทุกสำนัก” เจ้าสำนักเซียนห้าธาตุซึ่งมีคลื่นพลังอันรุนแรงที่สุดในทุกคน ร่างกายของเขาแต่ละส่วนนั้นมีความเปลี่ยนแปลงไม่หยุดยั้ง จากที่พลันก็มีเพลิงลุกโหมขึ้นมาบนผิวส่วนหนึ่งจากนั้นก็ดับมอดลงเปลี่ยนเป็นดินจากนั้นดินก็เปลี่ยนสีเปลี่ยนสภาพเป็นโลหะจากนั้นก็มีน้ำมาเกาะบนโลหะนั้นและละลายโลหะนั้นหายไปและเกิดไม้สีเขียวขึ้นมาบนน้ำก่อนที่ไม้นั้นจะลุกโพลงเป็นไฟไม่รู้จบสิ้น
“นี่คือชั้นปัจฉิมเซียนอย่างนั้นรึ” หงเซียวคิดอย่างหวาดหวั่น ชั้นปัจฉิมเซียนของแต่ละสำนักนั้นแตกต่างกัน แต่ชั้นปัจฉิมเซียนของเซียนห้าธาตุนั้นน่าหวาดหวั่นที่สุด
“เป็นที่น่ายินดีสำหรับทุกคนที่มาเข้าร่วมวันอันทรงเกียรติของพวกเราทุกคนในวันนี้ เนื่องจากว่าจะมีมากกว่าหนึ่งเปอร์เซ็นต์ของคนที่เข้าร่วมกิจกรรมในวันนี้จะกลับออกมาจากแดนเซียนปลามังกรนี้ด้วยความรู้ที่มากพอที่จะก้าวข้ามไปสู่ชั้นมัชฌิมเซียน สมกับชื่อของปลามังกรที่สามารถกระโดดพ้นน้ำแปลงร่างเป็นมังกรผู้ยิ่งใหญ่ ดังนั้นข้าจึงต้องขอแสดงความยินดีกับทุกคนที่เข้าไปไว้ล่วงหน้า” เจ้าสำนักเซียนห้าธาตุกล่าว
“ข้ายังต้องการบอกให้พวกเจ้ารู้ว่า เกินกว่าครึ่งของผู้อาวุโสและเจ้าสำนักหลายคนรวมถึงตัวข้าเองในที่นี้ต่างก็บรรลุมัชฌิมเซียนหลังจากที่ได้เข้าไปหาประสบการณ์ภายในนี้ ดังนั้นหากเจ้าต้องใช้เวลาหลายปีแต่ก็ยังไม่อาจจะบรรลุมัชฌิมเซียน การมาที่นี่ของพวกเจ้านับว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง”
“อย่างไรก็ตาม ข้าก็ยังขอเตือนทุกคนที่เข้าไปในที่นี้อีกครั้งว่า จงรักษาชีวิตรอดกลับออกมาให้จงได้ ถึงแม้เจ้าไม่อาจประสบความสำเร็จอะไร อย่างน้อยรักษาชีวิตเอาไว้เพื่อที่จะเข้าไปหาประสบการณ์ใหม่ในครั้งหน้านั้นสำคัญที่สุด”
“ข้าต้องการบอกพวกเจ้าอย่างคร่าวๆว่า ทันทีที่เจ้าก้าวเข้าไปในแดนเซียนปลามังกร พวกเจ้าจะถูกส่งตัวไปแบบสุ่ม ต่อให้พวกเจ้าจับมือกันไว้แน่นหนาเพียงใดก็ตาม เมื่อเจ้ารู้ตัวว่าอยู่ในดินแดนนั้นแล้ว พวกเจ้าจะพบว่าอยู่ตามลำพังเสมอ” เจ้าสำนักเซียนห้าธาตุเตือน
“ยิ่งไปกว่านั้น ตำแหน่งสุ่มของพวกเจ้านั้นไม่จำกัด เจ้าอาจจะปรากฏตัวเหนือฟ้ากว่าพันเมตร หรืออาจจะอยู่ใต้ดินนับพันเมตร ในลาวา หรืออะไรล้วนเป็นไปได้ทั้งหมด ดังนั้นจงเตรียมรับมือให้พร้อม หากว่าไม่พร้อมก็จงภาวนาว่าอย่างต่ำอย่าไปปรากฏในลาวาหรือใต้ดินลึกพันเมตรก็แล้วกัน เพราะว่านั่นย่อมเป็นกรณีที่เลวร้ายมาก”
“แต่ข้าเชื่อว่าทุกคนคงเตรียมรับมือมาด้วยดีแล้ว หากว่าใครไม่พร้อมก็จงยกเลิกภารกิจนี้ไปก่อน และค่อยเข้าไปใหม่ในครั้งหน้าเมื่อพวกเจ้าพร้อมแล้ว”
“การเข้าไปนั้น พวกเราไม่ได้จำกัดว่าสำนักไหนต้องเข้าไปก่อน หากว่าพวกเจ้าพร้อมแล้วก็จงเดินลงน้ำนี้ไป จำไว้ว่าเมื่อใดที่พวกเจ้าลงไปลึกเกินกว่าสิบเมตร พวกเจ้าก็จะถูกส่งไปอีกมิติทันที” เจ้าสำนักเซียนห้าธาตุกล่าวเป็นครั้งสุดท้าย “เมื่อพร้อมแล้วก็จงเดินทางไปได้”
ชายฝั่งนี้มีพื้นที่กว้างมาก ดังนั้นทุกคนจึงสามารถเลือกที่จะลงไปบริเวณไหนก็ได้ไม่จำกัด แต่ส่วนใหญ่แล้วก็จะเปิดใช้งานคาถาป้องกันตัวหรืออุปกรณ์เซียนที่ตนเองมีก่อนที่จะลงไปในน้ำ
หงเซียวพาห้าสาวหลบไปไกล ที่พวกเขาไปไกลก็เพราะว่าพวกเขาจะเปิดใช้งานไข่มุกก่อนลงไป และการเข้าไปในไข่มุกนั้นเครื่องแต่งกายพวกเขาจะสลายตัว ดังนั้นพวกเขาจึงต้องระมัดระวังตัว
แต่อย่างไรก็ตามหงเซียวก็พบว่าหากว่าเขาเปลี่ยนร่างเป็นดักแด้ของแมลงก่อน ซึ่งดักแด้แมลงนี้จะครอบร่างของพวกเขาเอาไว้ เมื่อเข้าไปในไข่มุกแล้ว ทุกสิ่งที่อยู่ภายในดักแด้นั้นจะไม่เสียหายแต่อย่างใด
เพียงแต่มีปัญหาอยู่ที่ว่าจินหลิน ซิ่วจู และชิวเยว่ไม่ได้ฝึกวิชาของสำนักเซียนคุณไสย
หงเซียวพาห้าสาวไปห่างไกลจากผู้คน ตั้งฉากกั้นสายตาผู้คนไว้ หงเซียวสร้างร่างจำแลงของแมลงปีกแข็งขึ้นสามตัว และให้กลืนจินหลิน ซิ่วจู และชิวเยว่ลงไป โดยออกคำสั่งให้สำรอกพวกเธอออกหากว่าหงเซียวไม่ได้อยู่ในระยะใกล้ๆ หากว่าอยู่ในดินก็ให้ขุดดินขึ้นมาบนพื้นผิวก่อนที่จะปล่อยพวกเธอออก และหากอยู่กลางอากาศก็ให้บินให้นิ่งก่อนสำรอกพวกเธอออกมา
ส่วนตัวเขาเอง ซีชี่ และเหมยเหมยนั้นใช้วิธีเดียวกันกับตัวเอง แต่ไม่ได้ออกคำสั่งอะไรเป็นพิเศษ
จากตรงนี้ หากว่าใครเข้ามาใกล้ก็จะเห็นแมลงปีกแข็งขนาดใหญ่ห้าตัวกำลังเกาะกลุ่มกันอยู่ และแมลงที่อยู่ตรงกลางนั้นก็มีไอสีฟ้าพวยพุ่งออกมาจากร่างของมันเปลี่ยนเป็นก้อนพลังงานครอบคลุมแมลงปีกแข็งขนาดใหญ่ทั้งห้าตัวนั้นจนมิดก่อนที่ผิวด้านนอกนั้นจะแข็งตัวกลายเป็นไข่มุกสีขาวลอยตัวอยู่กลางอากาศ
ไข่มุกลอยเลื่อนไปทางทะเลสาบอย่างช้าๆ รอบไข่มุกนั้นมีไอสีฟ้าปกคลุมอยู่โดยรอบ ก่อนที่จะค่อยจมตัวลงไปในทะเลสาบอย่างช้าๆ
หงเซียวผู้ที่อยู่ในตัวแมลงสามารถเห็นเหตุการณ์ภายนอกได้อย่างชัดเจน แต่อย่างไรก็ตามสี่สาวนั้นเนื่องจากถูกปกคลุมด้วยไอพลังของเขาจึงไม่อาจจะมองทะลุออกมาได้ ซึ่งหงเซียวเองก็คาดหวังไว้ว่าพลังมิติของดินแดนแห่งนี้จะไม่สามารถแยกพวกเขาออกไปจากกันได้หากว่าเขาเก็บพวกเธอไว้ในไอพลังของเขา ซึ่งก็เหมือนกับอาหารในท้อง ซึ่งพลังของดินแดนก็จะไม่แยกออกไปจากตัว
ดูเหมือนว่าจะเป็นเช่นนั้น เมื่อหงเซียวพบว่าเขาพุ่งผ่านลงไปในช่องทางเส้นหนึ่ง และช่องทางนี้มีทางแยกมากมาย เมื่อเขาตรงไปถึงทางแยกทันทีที่ผิวของไข่มุกล่วงล้ำไปในทางแยกใด ไข่มุกก็จะถูกดูดไปในทางแยกนั้นทันที ซึ่งหงเซียวเข้าใจว่า หากคนสองคนจับมือกัน และทั้งสองคนนี้สัมผัสกับทางแยกคนละทางพร้อมกัน พวกเขาก็คงจะถูกดูดไปคนละทาง และเหมือนว่าทางแยกนี้จะมีมากมายมหาศาลโอกาสที่คนสองคนจะแยกจากกันนั้นยิ่งสูงมาก
เหมือนเนิ่นนานเป็นนิรันดร์ แต่ก็เหมือนชั่วพริบตาเดียว หงเซียวพลันพบว่าไข่มุกจมอยู่ในน้ำที่ขุ่นมัวปั่นป่วนถึงที่สุด จากการใช้ไอพลังสีฟ้าสัมผัสกับน้ำเหล่านั้น เขาก็พบว่าน้ำเหล่านั้นอุณหภูมิสูงเกินร้อยองศาไปมาก พร้อมกับแรงดันมหาศาลที่ต้องการกลายเป็นไอ เขาส่งเสียงผ่านป้ายยันต์สื่อสารแจ้งให้ทุกคนทราบถึงสถานการณ์ภายนอก
ด้วยทุกคนต่างก็มีภูษาเซียนที่ฝึกฝนวิชามาแตกต่างกันดังนั้นแต่ละคนจึงมีวิธีการแก้ไขสถานการณ์ไม่เหมือนกัน แต่อย่างไรก็ตามหงเซียวก็ทำการประคองไข่มุกไว้อย่างเต็มความสามารถ
ทุกคนเมื่อรู้ว่าไข่มุกสามารถรับแรงกดดันและป้องกันความร้อนนี้ได้ พวกเธอต่างก็เบาใจหวังว่าตนเองจะไม่ต้องสร้างไข่มุกขึ้นมาภายในร่างแมลงอีกชั้น ซึ่งนั่นเสื้อผ้าของพวกเธอคงไม่มีเหลือ
ด้วยว่าแรงดันสูงย่อมต้องหาทางออก ดังนั้นไม่นานนักพวกเขาก็ถูกผลักไปยังทิศทางหนึ่ง แต่หงเซียวก็ไม่อาจคาดเดาได้ว่าด้านไหนเป็นบนหรือล่างในเมื่อไข่มุกหมุนติ้วอย่างไม่อาจหยุดยั้ง
บางครั้งท่ามกลางฟองอากาศผสมน้ำขุ่นขาวนี้เขาสามารถเห็นเส้นแสงสีเหลืองส้มและอุณหภูมิที่ร้อนมหาศาลวาบผ่่าน สัมผัสบอกเขาว่านั่นเป็นลาวาที่กำลังไหลทะลัก
ตูม ฟู่ๆๆๆ สุดท้ายเขาก็พบว่าตนเองหลุดพ้นออกมาจากน้ำและพุ่งสูงขึ้นไปในอากาศผสมกับเมฆหมอกไอน้ำสูงกว่าพื้นนับเป็นกิโลเมตร จากไข่มุกเขามองเห็นโลกนี้ไปไกลสุดสายตา เบื้องล่างของเขาเป็นน้ำพุและไอน้ำพวยพุ่งด้วยอำนาจของภูเขาไฟใต้น้ำ รอบบริเวณเป็นอาณาเขตน้ำกว้างใหญ่ไพศาล มองไปไกลๆก็จะเห็นว่ามีภูเขาไฟระเบิดอยู่ทั่วไปใต้น้ำ แต่นั่นไม่ใช่ทั้งหมด ไกลออกไปเขาก็เห็นว่ามีแผ่นดินอยู่ บนแผ่นดินนั้นก็มีภูเขาไฟเช่นนี้อยู่ทั่วทุกหนทุกแห่ง
“นี่มันโลกอะไรกัน มีแต่ภูเขาไฟเต็มไปหมด” หงเซียวคิดในใจ เขาบังคับไข่มุกให้ลอยออกพ้นจากเขตม่านหมอกไอน้ำที่พวยพุ่งขึ้นสูงนี้ ก่อนจะสลายไข่มุกปลดปล่อยหญิงสาวทั้งห้าออกมาจากไอพลังของตนเอง
ทุกคนสลายแมลงจำแลงที่สร้างขึ้นและมองออกไปโดยรอบ โลกเบื้องล่างนั้นทั้งสวยงามและน่ากลัว บนฝั่งนั้นต้นไม้เขียวชะอุ่มไกลตา แต่พวกเขาก็เห็นควันดำพวยพุ่งสู่ฟ้าลิบๆมากมายทั่วทุกทิศ ส่วนในทะเลนั้นหากไม่ปรากฏภูเขาไฟขึ้น ก็เป็นภูเขาไฟใต้น้ำที่พวกเขาตกลงไปอยู่นี้
“พี่ชายดูนั่น” ซิ่วจูชี้ไปยังทิศทางหนึ่งบนฝั่ง พวกเขาเห็นเหมือนกับว่ามันคือวิหารอะไรสักอย่างหนึ่ง มันมีสีขาวตั้งซ่อนอยู่ในแมกไม้ หากไม่สังเกตให้ดีก็สามารถที่จะมองผ่านไปได้ง่ายๆ
“ไปดูกัน” พวกเขาพากันใช้การบินของวิชาวิถีเซียนไร้ลักษณ์ที่ทุกคนต่างฝึกปรือในเมื่อเป็นวิชาฝีมือพื้นฐานของพวกเขาทั้งหมดมาตั้งแต่ยังฝึกวิชาปราณ
เมื่อมันอยู่ในระยะสายตา ดังนั้นพวกเขาบินไปไม่ถึงสิบนาทีก็ถึง เมื่อถึงสถานที่นั้นแล้วพวกเขาต่างก็พากันตกตะลึงกับสิ่งที่เห็น
วิหารหลังนี้ไม่เล็กมันมีความสูงนับร้อยเมตร กินพื้นที่กว้างเกือบสองร้อยเมตร แต่ถึงกระนั้นในป่าดึกดำบรรพ์ที่ต้นไม้สูงมากกว่านั้นทำให้มันถูกมองข้ามไปได้ง่าย
เบื้องหน้าวิหารมีเสาที่จัดสร้างเป็นเทวรูปสูงเทียบได้กับตัววิหารสี่เสา
ที่น่าตะลึงก็คือเทวรูปทั้งหมดนี้เหมือนกับเทวรูปสี่แขนที่เขาพบในป่าในเมืองเว่ยที่ตั้งของตระกูลหงทุกประการ ต่างกันที่ว่าเทวรูปเหล่านี้ไม่มีจุดเส้นจารึกอักขระใด