ตอนที่แล้วตอนที่ 29 เฝ้ารอ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 31 ฟินิกซ์ตัวน้อย

ตอนที่ 30 ฝากฝั่ง


ไประเบิดส้วมสาธารณะ? ไปขโมยเสื้อจากห้องลองเสื้อ? หรือให้เสกฝนกรดลงมา? หรือจะให้เอาน้ำสกปรกไปสาดใส่ชาวบ้านที่เดินผ่านไปผ่านมา?

ที่กล่าวไปข้างต้นนี้ ข้าไม่ทำซักกะอย่างเดียว ทั้งนี้ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่าการกระทำเหล่านี้ผิดกฎหมายเลย เพราะการกระทำเหล่านี้นั้นมันขัดต่อหลักการของข้า ในการพยายามที่จะไม่ลากผู้บริสุทธิ์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย อืม แค่พยายามน่ะนะ...

ข้ามีความคิดที่ดีกว่านั้นเยอะ! แถมยังถูกต้องตามกฎหมายร้อยเปอร์เซ็นต์!

ไงซะ ที่นครแห่งนี้ก็มีพวกโรคจิตอาศัยอยู่เยอะแยะไป เช่นนั้นแล้ว ข้าย่อมไม่มีเหตุผลอันใดที่จะลงไปก่อคดีด้วยตัวเอง...

พันธมิตรดรูอิดป่าสาขานครภูผาหลิวฮวง หรือเรียกย่อๆว่า พันธมิตรกระทิงป่า คือองค์กรที่ยึดหลักเป็นกลางของเหล่าดรูอิด อืม ที่ว่าเป็นกลางนั้นน่ะก็แค่คำเปรียบเปรยเท่านั้นแหละ ในหลายๆที่ เหล่าดรูอิดนั้นถูกจัดอยู่ในหมวดเดียวกับองค์กรผู้ก่อการร้าย ไม่ก็พวกตัวปัญหาชนิดอื่นๆ

ทำไมงั้นเหรอ? ไม่ใช่ว่าในสายตาของคนทั่วไปแล้ว เหล่าดรูอิดออกจะเป็นมิตรหรอกเหรอ? บุตรแห่งพงไพร ผู้ใช้ชีวิตเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ มัธยัสถ์พอเพียงไร้ซึ่งความต้องการทางโลกใดๆ

แต่ข้าต้องขอบอกไว้เลยล่ะว่า ผู้ที่จะกล่าวออกมาเช่นนั้นได้น่ะคือ ผู้ที่ยังไม่เคยไปรู้จักมักจี่กับเหล่าดรูอิดจริงๆ

ก็อย่างที่คนส่วนใหญ่รู้ เหล่าดรูอิดนั้นเคารพบูชาธรรมชาติ ถ้าให้ชี้ชัดกว่านั้นล่ะก็ อะไรที่เกิดจากธรรมชาตินั้นดี และอะไรที่คนสร้างขึ้นนั้นเลว

เหล่าดรูอิดนั้นยึดถือคำสอนดั่งเดิมที่ให้ชิงชังทุกสิ่งอย่างที่คนเราสร้างขึ้น พวกดรูอิดนั้นมองเครื่องไม้เครื่องมือโลหะเป็นศัตรูของธรรมชาติ ยิ่งไม่ต้องไปพูดถึงศาสตร์วิศวกรรมหรือผลผลิตที่ได้จากอุตสาหกรรมสมัยใหม่เลย ที่หนักกว่านั้น ในมุมมองของเหล่าดรูอิดแล้ว เมืองที่คนเราอยู่กันนั้นก็ไม่ต่างอะไรกับกรงขังที่สร้างขึ้นจากโลหะและคอนกรีต ในความคิดของดรูอิดแล้ว การที่อารยธรรมมาถึงจุดสิ้นสุด และทุกคนกลับไปใช้ชีวิตเยี่ยงสังคมยุคหินนั้นถือเป็นเรื่องที่ดีที่สุด

ในโลกที่ข้าเคยอยู่เอง ก็มีองค์กรเช่นนี้อยู่เหมือนกัน เพื่อที่จะปกป้องธรรมชาติ พวกมันเลือกที่จะฆ่าพวกลักลอบจับสัตว์ป่า และทำลายโรงงานที่คอยกัดกินธรรมชาติ ซึ่งในความเป็นจริง สิ่งที่พวกมันทำไปนั้นก็ไม่ได้ต่างอะไรกับพวกองค์กรก่อการร้ายเลย

แต่ก็ยังมีดรูอิดบางกลุ่มที่สามารถใช้ชีวิตร่วมกับเผ่าพันธุ์อื่นได้อย่างสันติ ซึ่งดรูอิดเหล่านี้ก็คงจะพอจัดให้อยู่กลุ่มที่เป็นกลางได้ และพันธมิตรกระทิงป่าเองก็เป็นกลุ่มที่เป็นกลางในกลุ่มที่เป็นกลางอีกที ไม่เช่นนั้น นครภูผาหลิวฮวงคงไม่ยอมปล่อยให้ดรูอิดกลุ่มนี้มีตัวตนอยู่ในนครหรอก

เอาล่ะ แม้แต่ที่ทวีปเอ็ชเอง เหล่าผู้ที่อยู่อาศัยต่างก็หวังที่จะให้ชีวิตของพวกตนเจริญก้าวหน้าดีขึ้นไป กว่าการที่ชีวิตของพวกตนจะถอยหลังเข้าคลองล้าหลังลงไปเรื่อยๆ เช่นนี้ คำสอนและเผ่าพันธุ์ของดรูอิดจึงไม่เหมาะกับชีวิตในสังคมคนปกติ แต่ก็ไม่ใช่ว่า ในสังคมดรูอิดจะไม่มีคนปกติธรรมดาอยู่เลย ทุกที่ย่อมมีคนที่อยากกินอาหารอร่อยๆกว่าการที่ต้องไปกินเนื้อสดเปื้อนเลือดอยู่แล้ว เมื่อเป็นเช่นนี้ โครงสร้างภายในของเหล่าดรูอิดจึงมีการปรับเปลี่ยนแตกแยกกันอยู่เสมอ

‘พวกเราขอต่อต้านเพียงเรื่องการตัดไม้ทำลายป่าที่มากเกินไปเท่านั้น (และแน่นอน พวกเราก็ขอคัดค้านเรื่องการทำเหมืองเหมือนกัน แต่นี่เป็นเพียงการคัดค้านทางวาจาเท่านั้น พวกเราจะไม่ลงไปห้ามจริงๆแต่อย่าใด)’ และ ‘พวกเราขอต่อต้านเพียงเรื่องการล่าวาฬเท่านั้น (พวกเราก็ขอคัดค้านการล่าโลมาและสิงโตทะเลเหมือนกัน! แต่พวกเราไม่ปกป้องปูทะเลกับม้าน้ำหรอกนะ ทั้งนี้ พวกเรายังต้องจัดประชุมกันอีกในวันอังคารเพื่อที่จะหารือเรื่องนี้)’ ที่จริงแล้ว ดรูอิดฝ่ายที่เป็นกลางนั้นจะลุกฮือขึ้นมาต่อต้านการกระทำบางประการเท่านั้น เพียงเพื่อที่จะรักษาตัวตนและคำสอนของดรูอิดเอาไว้ ซึ่งจริงๆแล้ว ดรูอิดที่เป็นกลางนั้นก็แทบไม่ได้แตกต่างอะไรกับคนปกติธรรมดาเลย

ด้วยฐานะที่เป็นกลุ่มที่เป็นกลางในกลุ่มที่เป็นกลางอีกที พันธมิตรกระทิงป่านั้นปฏิเสธของที่คนสร้างขึ้นเพียงหนึ่งสิ่งเท่านั้น ซึ่งนี่เองที่ทำให้ดรูอิดกลุ่มนี้เป็นที่รู้จักในเรื่องแบบอย่างการอยู่ร่วมกันอย่างสันติระหว่างดรูอิดและสังคมมนุษย์

แต่ช่างน่าเสียดายที่ของที่ดรูอิดกลุ่มนี้ปฏิเสธนั้นเป็นของที่เฉพาะเจาะจงเกินไป จนเป็นเหตุให้จำนวนสมาชิกของดรูอิดกลุ่มนี้ไม่เพิ่มขึ้นเสียที แม้เวลาจะผ่านไปนานนมแล้วก็ตาม... ก็นะ คงไม่ใช่ทุกคนหรอก ที่จะมีความกล้าพอจะถอดของชิ้นนี้ออกไป

เอาล่ะ ข้าขอใบ้ให้อีกนิดละกัน ของที่ดรูอิดกลุ่มนี้ปฏิเสธนั้นเป็นของที่ทุกคนต้องใส่กัน

ใช่แล้ว ดรูอิดกลุ่มนี้ปฏิเสธเสื้อผ้า...

คำสอนของดรูอิดกลุ่มนี้ได้สอนว่ากายเนื้อของคนเราคือ สิ่งที่ธรรมชาติสร้างสรรค์มาได้สมบูรณ์แบบที่สุด เสื้อผ้าถือเป็นสิ่งผิดบาป ยิ่งกว่านั้น ด้วยฐานะที่พวกเรา ชาวดรูอิดผู้เป็นร่างจุติแห่งธรรมชาติ ร่างของพวกเราก็ไม่ควรจะปกคลุมด้วยเสื้อผ้าอาภรณ์ใดๆ พวกเราจะต้องแสดงให้โลกนี้ได้ประจักษ์ถึงเรือนร่างอันสมบูรณ์พร้อมของพวกเรา

ที่จริง ‘พันธมิตรดรูอิดป่าสาขานครภูผาหลิวฮวง’ นั้นมีชื่อดั่งเดิมว่า ‘พันธมิตร จะมีก็แต่เพียงเรือนร่างอันเปลือยเปล่าเท่านั้นที่จะแสดงความงดงามแห่งธรรมชาติดออกมาได้ ดรูอิดที่ใส่เสื้อผ้าน่ะก็แค่พวกนอกรีตที่กำลังหลงผิดอยู่เท่านั้น’ ชื่อที่โคตรจะ ‘สุภาพบุรุษ’ เลยเช่นนี้ ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่ข้าจะยอมอนุมัติให้มาปรากฏอยู่ในนครภูผาหลิวฮวง ฉะนั้น หลังจากผ่านการแก้ไขหลายต่อหลายครั้ง ชื่อนี้ก็กลายเป็น พันธมิตรกระทิงป่า ซึ่งข้าพอจะจำยอมให้ผ่านได้

(TL note: คำว่า สุภาพบุรุษ ในภาษาจีนเป็นคำแสลงของคำว่า โรคจิต)

แถมอีกนิด เจ้ากลุ่มพันธมิตรดรูอิดกลุ่มนี้นั้นยังเป็นกลุ่มคนที่มีคนอยากรุมกระทืบมากที่สุดกลุ่มนึงเลยล่ะ เรื่องชื่อเสียก็ยังแย่กว่าพันธมิตรสุภาพบุรุษที่ข้าอยู่ด้วยซ้ำไป เพราะไงซะ คงไม่ใช่ทุกคนหรอกที่จะยอมรับภาพที่กลุ่มผู้ชายเปลือยกายวิ่งโบกสะบัดท่อนล่างตัดหน้าไปตอนที่กำลังยุ่งๆอยู่ได้น่ะ... แค่ก แค่ก แค่คิดข้าก็รู้สึกสะอิดสะเอียนขึ้นมาแล้ว ข้ารู้ว่าข้าควรจะไล่พวกมันออกไปจากนครให้พ้นๆไปซะ

แต่ เมื่อพิจารณาถึงเรื่องประชากรอันหลากหลายชาติเผ่าพันธุ์ที่อาศัยอยู่ที่นครแห่งนี้ ข้าจึงไม่เขียนกฎหมายที่ว่า ‘การทำให้วัฒนธรรมอันดีงามของสังคมเสื่อมเสีย’ เป็นความผิดมาตั้งแต่ต้นแล้ว เพราะจะอย่างไรซะ วิถีชีวิตของแต่ละเผ่าพันธุ์แต่ละชนเผ่าก็แตกต่างกันจนเกินไป ฉะนั้นจึงเป็นเรื่องง่ายดายนักที่ความเข้าใจผิดระหว่างกันจะเกิดขึ้น ยกตัวอย่างเช่น เผ่าธอร์เร็นนั้นมีนิสัยชอบดื่มนมจากเต้าทุกที่ทุกเวลา แต่ในสายตาของเผ่าพันธุ์อื่นแล้ว พฤติกรรมเช่นนี้ย่อมเป็นการทำอนาจารในที่สาธารณะ

แล้วถ้าตามที่บทประมวลว่าไว้ล่ะก็ ความโรคจิตนั้นถูกมองว่าเป็นเพียงปัญหาอันเกี่ยวเนื่องจากจริยธรรมและสมองเท่านั้น เช่นนี้การจะใช้กฎหมายมาจัดการกับความโรคจิตก็แลดูจะเกินเหตุไปหน่อย ฉะนั้นจึงไม่มีเหตุผลอันใดที่ข้าจะปฏิเสธไม่ให้เหล่าดรูอิดเข้ามาอาศัยอยู่ในนครแห่งนี้

และแน่นอนว่า เพียงไม่นานข้าก็ต้องเสียใจที่ได้ตัดสินใจไปเช่นนั้น หลังลงทะเบียนเป็นพลเมืองสำเร็จ และทำการย้ายเข้ามาอยู่ในนครเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ไม่มีแม้สักวินาทีเดียวที่เหล่าดรูอิดจะไม่คิดวางแผนเผยแพร่คำสอนของพวกตนให้เหล่าชาวเมืองรับรู้ ซึ่งนี่ก็เป็นเรื่องที่คอยสร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าให้กับเหล่าผู้บังคับใช้กฎหมายและชั้นศาลอย่างยิ่งยวด ถ้าจะให้พูดตรงๆกว่านั้นล่ะก็ เหล่าดรูอิดโรคจิตนี่ได้แอบจัดกิจกรรมวิ่งเปลื้องผ้าหมู่ขึ้น จนต้องสิ้นเปลืองกำลังพลข้าไปตามจับ

เมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับเหล่านักเปลือยกาย ผู้บังคับใช้กฎหมายธรรมดาทั่วไปก็มิอาจทำอะไรพวกมันได้เลย เปิดฉากสู้ไปตรงๆ? แต่อีกฝ่ายก็ยังไม่ได้ทำผิดกฎหมายข้อใดนิ แล้วถ้าเราหันไปใช้คำพูด ก็จะเป็นการเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้เผยแพร่คำสอนแทน

“ฮา พวกเรานั้นคือความสวยงามตั้งแต่ยุคบรรพกาล องค์มารดาแห่งธรรมชาติได้สร้างพวกเราขึ้นมาเปลือยเปล่า เช่นนี้ ไหนเลยพวกเราจะต้องละอาย...”

ด้วยหลักเหตุผลที่บิดเบือนไปแบบแปลกๆ ประสมโรงเข้ากับคำพูดที่ไม่ผิดไปซะทีเดียวของเหล่าดรูอิด ทำให้ไม่ง่ายเลยที่จะเถียงกลับไปได้ ยิ่งกว่านั้น หัวหน้าของพวกโรคจิตกลุ่มนี้ก็ยังเป็นดรูอิดระดับชั้นตำนานที่ยากจะต่อกรด้วยอีก

แต่โชคยังดี ที่หลังจากที่หน่วยรักษาความสงบดาร์ดเอลฟ์มารับหน้าที่เป็นผู้บังคับใช้กฎหมาย ความจองหองของเหล่าดรูอิดก็ถูกทลายให้ป่นปี้ไม่มีเหลือ

“...นี่เจ้ากล้าเอาหนอนขนปุยเล็กๆแบบนี้มาโชว์ให้คนอื่นเห็นเหรอเนี่ย แถม ยังไม่โกนอีกต่างหาก เจ้าเนี่ยใจถึงไม่เบาเลยนะ”

“หือ ดูสิไอ้คนตรงนั้นน่ะมีรอยปานแบบทุเรศสุดๆตรงแก้มก้นด้วย แถมขาทั้งสองข้างยังไม่สมมาตรกันอีก ทั้งที่ตัวเองพิกลพิการทุเรศถึงขนาดนี้ ยังมีหน้ามากล้าวิ่งเปลื้องผ้าอีก เจ้าเนี่ยช่างใจกล้าหน้าด้านจริงๆ เลย...”

“ไอ้ตัวสถุลถ่อย ถอยออกไปห่างๆข้าเลยนะ! เจ้าตัวเหม็นเน่านี่ นี่เจ้าไม่ได้อาบน้ำมานานแค่ไหนแล้วเนี่ย? ไอ้ตัวอุบาทว์ซกมก!”

“อย่าร้องไห้เลยนะ โมโมะล่ะสงสารเจ้าเหลือเกิน เหเห ถึงแม้ว่านี่มันจะเล็กจริงๆก็เถอะ ยาวไม่ถึงครึ่งของด้ามจับแส้ของโมโมะด้วยซ้ำไป แค่ก! อืม มันก็ไม่ได้เล็กขนาดนั้นหรอก เหห ฉะนั้น พยายามมีชีวิตอยู่ต่อไปเถอะนะ อาจจะมีบางคนที่ชอบเล็กๆแบบนี้ก็ได้! อืม เค้ามั่นใจเลยล่ะ ต้องมีคนชอบเล็กๆแบบนี้แน่นอน ฮาฮาฮา โมโมะ ห้ามตัวเองไม่ให้หัวเราะไม่ไหวแล้ว!”

สำหรับผู้ชายแล้ว เมื่อมาโดนดูหมิ่นเรื่องเช่นนี้ย่อมต้องได้รับความเสียหายที่มิอาจทานทน แล้วถ้ายิ่งผู้ที่มาดูหมิ่นที่สาวสวยแล้วด้วย ความเสียหายที่ได้รับยิ่งเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า

หลังจากถูกล้อมกรอบและวิพากษ์วิจารณ์โดนเหล่าแม่สาวถึกทนเผ่าดาร์ดเอลฟ์ผู้มาจากดินแดนที่สตรีเป็นใหญ่ พันธมิตรกระทิงป่าก็แทบจะสิ้นชื่อวงแตกไปในบัดดล แม้แต่ อีเกอร์สตรอม ดรูอิดชั้นตำนานผู้แข็งแกร่งเองก็แทบจะไปโดดน้ำตายในทันทีทันใดเช่นกัน...

หลังจากเหตุการณ์ในครั้งนั้น หน่วยรักษาสงบดาร์ดเอลฟ์ก็ได้กลายเป็นจุดอ่อนของพันธมิตรกระทิงป่า จนทุกครั้งที่จะจัดกิจกรรมวิ่งเปลื้องผ้าขึ้น เหล่าดรูอิดก็จะตระเตรียมแผนการกันอย่างระมัดระวังเพื่อที่จะหลีกหนีพื้นที่ที่หน่วยรักษาความสงบมีสิทธิ์จะปรากฏตัวออกมา

กลับมาสู่ปัจจุบัน ในตอนนี้ ข้าก็กำลังเขียนสุนทรพจน์อันยาวเหยียดและน่าเบื่อหน่ายแบบสุดๆให้กับอิลิซ่าที่จะมาปลอมตัวเป็นข้าไปรับหน้าที่ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์นี้ ซึ่งสุนทรพจน์นี้เป็นงานบังคับที่ผู้บังคับใช้กฎหมายทุกคนต้องเข้าร่วม (ซึ่งหน่วยรักษาความสงบก็รวมอยู่ในนั้นด้วย) เพื่อที่จะได้เรียนรู้จากสุนทรพจน์ในครั้งนี้ ซึ่งตัวเนื้อหาในสุนทรพจน์นี้น่ะ... น่าเบื่อแบบสุดๆ ระดับที่ตัวข้าเองยังหลับได้ แถมยังต้องใช้เวลาถึง 3 ชั่วโมงกว่าจะกล่าวจบและที่หน้าไม่อายที่สุดก็คือ ข้าที่ร้องขอให้เหล่าผู้บังคับใช้กฎหมายทุกคนส่งรายงานสรุปเรื่องที่ได้เรียนรู้จากสุนทรพจน์นี้มาให้ข้าในภายหลัง เพื่อที่ข้าจะได้รู้ว่าแต่ละคนเรียนเป็นยังไงกันบ้าง ถ้าไม่ตั้งใจเรียนกันล่ะก็ ได้โดนหักเงินเดือนแน่

ก็ได้ ข้ายอมรับว่านี่มันการทรมานกันชัดๆ... ก็นะในที่สุด ข้าก็ได้ระบายความขุ่นเคืองที่มีจากการต้องนั่งเคลียร์งานเอกสารกองโตติดๆกันเสียที ข้านี่มันชั่วจริงๆเลย โอ้ เย้!

เหเห ตอนนี้ ข้าก็แค่ให้เจ้าวัวเต่าเสวี่ยถีไปส่งข้อความให้กับพันธมิตรกระทิงป่าว่า หน่วยรักษาความสงบนั้นมีธุระติดพัน เช่นนี้ พันธมิตรกระทิงป่าย่อมต้องออกจัดกิจกรรมวิ่งหมู่แน่ แล้วเมื่อครั้งที่หน่วยรักษาความสงบเดินออกมาจากหอประชุมในสภาพหัวหมุน กิจกรรมเราออกมาวิ่งของพันธมิตรกระทิงป่าก็คงจะเสร็จสิ้นไปนานแล้ว

แต่ ด้วยความที่ข้าเองก็ไม่ค่อยจะชอบเจ้าพวกพันธมิตรกระทิงป่านี่ซักเท่าไหร่เหมือนกัน ฉะนั้นแล้ว เวลาที่ข้าแจ้งพวกดรูอิดกับเวลาสุนทรพจน์จริงๆจึงคลาดเคลื่อนกันเล็กน้อย ช้ากว่าสักประมาณ 1 ชั่วโมงเห็นจะได้ และเมื่อครั้งที่เหล่าดรูอิดจะถอยกลับฐานหลังจากเสร็จสิ้นกิจกรรมเราออกมาวิ่ง พวกมันก็จะพาตัวเองไปจ๊ะเอ๋เข้ากับเหล่าหน่วยรักษาความสงบ และรับความเสียหายทางจิตใจขั้นหนักหน่วงกลับไปกันทั่วหน้า เช่นนี้ พันธมิตรกระทิงป่าก็คงต้องใช้เวลาซัก 1 หรือ 2 เดือนอย่างสันติเพื่อฟื้นฟูแผลใจที่ได้รับ...

ว่าก็ว่าเถอะ นี่เจ้ายังจะคิดอยู่ไหมว่าภารกิจประจำวันนั้นง่าย? เจ้าจะต้องวางแผนทุกอย่างให้ละเอียดถี่ถ้วน แต่นี่ก็ถึงเวลาแล้วที่แผนการของข้าจะออกดอกออกผล ฉะนั้น เรามานั่งลงแล้วดูโชว์สนุกๆกันดีกว่า

พรวด!

พรวด!

ข้าที่นั่งอยู่ที่คาเฟ่(ร้านกาแฟ)ที่สามารถเห็นจัตุรัสใหญ่ได้ครอบคลุมทั้งหมด ก็ทำเป็นไม่สนใจเหล่าชายเปลือยกายที่พึ่งจะวิ่งผ่านไป ก่อนที่ข้าจะหันไปจ้องที่สหายอับโชคที่พึ่งพ่นกาแฟออกมาจากปาก พร้อมกับพลิกหน้าหนังสือพิมพ์ในมืออย่างมีความสุข ข้าล่ะมีความสุขจริงๆเลยที่ได้เห็นความพินาศวอดวายผ่านสายตาข้าเช่นนี้

“นั้นมันคู่พี่น้องแบล็คที่ให้ความสนับสนุนแอนนี่ เลย์ดี้ในการขึ้นเป็นเจ้านครรุ่นที่สองเสมอมานิ... ดูท่าหัวหน้ากิลด์จอมโจรรุ่นนี้จะฉลาดไม่เบาเลย เช่นนั้น ครั้งนี้ข้าจะปล่อยเจ้าทั้งคู่ไปก่อนละกัน”

พรวด!

เอาล่ะ ดูท่าข้าจะดีใจเร็วไปหน่อย อิลิซ่าที่นั่งอยู่ตรงข้ามข้า ก็ได้พ่นกาแฟในปากนางมาทางข้า จนหัวของข้าเปียกไปหมด

“อิลิซ่า นี่เจ้าตั้งใจใช่ไหม!!”

“ขออภัยค่ะ!! นี่เป็นอุบัติเหตุจริงๆนะคะ นายท่าน” แม่สาวใช้ครึ่งปิศาจได้รีบหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมา เพื่อที่จะเช็ดศีรษะข้าให้แห้ง แต่เดี่ยวก่อนสิ...

“ปะเดี่ยวก่อน!! ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่กัน? ไม่ใช่ว่าเจ้าต้องไปกล่าวสุนทรพจน์แทนข้าเหรอไง? เจ้า...”

“ดิฉันก็ตั้งใจจะไปกล่าวสุนทรพจน์แทนท่านนั้นแหละค่ะ แต่เมื่อครั้งที่เรื่องการสุนทรพจน์ครั้งนี้ถูกส่งไปถึงสำนักนิติบัญญัติเพื่อรอการอนุมัติ พี่ลิลลี่ก็บอกกับดิฉันว่า ในเมื่อนี่เป็นคาบเรียนภายในของสำนักผู้บังคับใช้กฎหมาย เช่นนี้ การจะให้ท่านตุลาการสูงสุดลงมาจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเองก็คงจะแลดูไม่สมควรเท่าไหร่ ฉะนั้น ปล่อยเรื่องนี้ให้หัวหน้าสำนักผู้บังคับใช้กฎหมายไปจัดการเองก็น่าจะเหมาะสมกว่า”

“อ่อ เป็นเช่นนี้เอง!” เมื่อได้ยินเช่นนั้น จิตใจข้าก็สงบลง ตราบใดที่ข้ายังรั้งหน่วยรักษาความสงบเอาไว้ได้ จะเป็นใครขึ้นไปกล่าวสุนทรพจน์ก็ได้ทั้งนั้น ฉะนั้น ข้าก็ขอฝากฝั่งเรื่องนี้ให้กับเสวี่ยถีเลยละกัน แต่จู่ๆ ข้าก็สัมผัสได้ถึงความกังวลใจบางอย่างจากอิลิซ่าที่นั่งอยู่ตรงข้ามข้า

“อะไรกัน? นี่เจ้าก็อายเป็นกับคนเค้าด้วยเหรอ? เหเห ไม่ว่าปากเจ้าจะร้ายแค่ไหน เจ้าก็ยังเป็นผู้หญิงอยู่วันยังค่ำนี่เนอะ ถึงได้ต้องกลัวเมื่อเห็นกลุ่มผู้ชายเปลื้องผ้าวิ่งเล่นกันเช่นนี้? สบายใจเถอะ ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ได้แกล้งทำ ถ้าเจ้ารู้สึกอายล่ะก็ เจ้าก็กลับไปก่อนได้เลยนะ แล้วเฝ้ารอฟังผลการเก็บเกี่ยว(แต้ม)ครั้งใหญ่ของข้าในวันนี้ได้เลย!”

ต่อตัวข้าที่กำลังยิ้มแสยะอยู่ อิลิซ่าก็ส่ายหัวของนางกลับมาด้วยใบหน้าที่มีแต่คำว่า ‘เวทนา’ แปะอยู่ทั่วทั้งใบหน้า

“...นายท่านค่ะ ถ้าท่านอยากรู้ถึงสาเหตุที่ดิฉันทำตัวแปลกไปเช่นนี้ ท่านก็โปรดลองหันไปดูทางด้านหลังท่านสิค่ะ”

“ข้างหลังข้า?”

เมื่อหันกลับไป ภาพที่ข้าเห็นเป็นภาพที่แม้แต่ปิศาจยังต้องขนลุก ภาพที่อีเกอร์สตรอมผู้มีจมูกแหลมกับเสวี่ยถีกำลังจับมือถือแขน กระโดดโลดเต้นไปมาพร้อมกับร้องเพลงประสานเสียงกันไปด้วย ซึ่งในขณะนี้เหล่าชายเปลื้องผ้าก็กำลังล้อมกรอบ อัศวินศักดิ์สิทธิ์ผู้โชคร้าย 2 คนที่กำลังกอดกันกันกลมด้วยร่างกายอันสั่นเทา

การที่ต้องมาถูกล้อมกรอบด้วยกลุ่มผู้ชายเต้นระบำเปลื้องผ้าเช่นนี้ ข้าว่านี่ก็เป็นประสบการณ์ครั้งแรกของอัศวินศักดิ์สิทธิ์คู่นี้เหมือนกัน

และที่เลวร้ายกว่านั้น ตอนนี้เริ่มมีพวกโรคจิตบางคนมาจับอัศวินศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 2 คนถอดเสื้อผ้ากันแล้ว เพื่อที่จะลากให้ทั้งคู่มาเข้าร่วมกิจกรรมเราออกมาวิ่งในครั้งนี้ด้วย...

“นั้นมัน... ทิมกับลูคัสนิ? พวกเจ้านี่ช่างน่าสงสารเสียเหลือเกิน ที่ต้องมาพบเจอกับพวกโรคจิตเหล่านี้... ข้าหวังว่าเรื่องในครั้งนี้จะไม่ฝากรอยแผลไว้ในใจของเจ้าทั้งคู่นะ แค่เป็นอัศวินไม่มีใครเอาพวกเจ้าก็โชคร้ายพออยู่แล้ว”

แน่นอนอยู่แล้วว่า ข้าต้องจำเจ้าอัศวินศักดิ์สิทธิ์ตูดหมึก 2 หน่อนี้ได้ ข้ายังไม่ได้คิดบัญชีเรื่องที่มาทำลายชิงช้าสวรรค์ของข้ากับเจ้าสองคนนี้เลย แต่ในเมื่อเจ้าตูดหมึกทั้งสองได้ประสบเคราะห์กรรมเยี่ยงนี้ไปแล้ว และอารมณ์ของข้าในวันนี้ก็ดีเสียด้วย ฉะนั้น ข้าจะเลิกมองหาโอกาสเอาคืนพวกเจ้าละกัน ส่วนเรื่องที่ผ่านไปแล้ว ก็ให้มันผ่านไป

“เดี่ยวก่อนสิ ไม่ใช่เรื่องนั้นสิ! ทำไมเสวี่ยถีถึงมาอยู่ที่นี่กัน!!”

แต่คำถามของข้ากลับได้รับเพียงสายตาอันเวทนากลับมาเท่านั้น ก่อนที่อิลิซ่าจะกระแอมไอเบาๆ และเริ่มเลียนเสียงที่ข้าคุ้นชิน

“ท่านซิลเวอร์โรส ข้าขอร้องท่านล่ะ ว่าอย่าได้ช่วยท่านวูเมี้ยนเจ้อในการรับงานของท่านมาทำเช่นนี้อีกเลย ถึงแม้ความสามารถในการเลียนแบบของท่านจะไร้ที่ติเหมือนตัวจริงไม่มีผิดเพี้ยน แต่ถ้าเกิดมีคนรู้เรื่องนี้เข้าล่ะก็ ชื่อเสียงกระบวนการยุติธรรมของพวกเราอาจจะได้รับผลกระทบได้ จริงสิ ช่วยฝากบอกท่านวูเมี้ยนเจ้อด้วยล่ะว่า ทางเราไม่สามารถหาตัวหัวหน้าสำนักผู้บังคับกฎหมาย ท่านผู้พิทักษ์เหล็กไหล เจอที่ไหนได้เลย ฉะนั้น การสุนทรพจน์จึงได้เลื่อนไปเป็นตอนบ่าย 2 ครึ่งของวันพรุ่งนี้ ถ้าท่านสนใจ ท่านก็มาเข้าร่วมได้นะ”

อิลิซ่าที่เลียนแบบลิลลี่ที่พยายามจะพูดสุภาพนั้นถือว่าทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม แต่ข้าไม่มีเวลาว่างพอมาดื่มด่ำกับการแสดงเลียนแบบผู้อื่นหรอกนะ...

“ถ้างั้น สุนทรพจน์ก็โดนเลื่อนน่ะสิ? เช่นนี้ หน่วยรักษาความสงบก็ปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ แล้วก็มีสิทธิ์ที่จะโผล่มาได้ทุกเมื่อ!!!”

“เจ้าพวกบ้า!! นี่เป็นเจ้าพวกโรคจิตนี่อีกแล้วเหรอ! แสงศักดิ์สิทธิ์เอ่ย ไม่สิ กฎหมายเอ่ย โปรดมอบพลังให้แก่ข้าด้วย! วลีมนตราแห่งกฎหมาย: คำตัดสิน!”

ตอนนี้สถานการณ์ทางด้านหลังข้ากำลังวุ่นวายแบบสุดตัวแล้ว ด้วยการปรากฏกายอย่างกะทันหันของหน่วยรักษาความสงบได้สร้างความตื่นตระหนกให้กับพันธมิตรกระทิงป่าและเสวี่ยถีอย่างยิ่ง แทบในทันทีทันใด กลุ่มชายเปลือยกายก็มีความคิดเป็นหนึ่งเดียวกันว่าพวกตนนั้น

“เจ้าบ้าโรแลนด์ นี่เจ้าหักหลังพี่น้องเจ้าอีกแล้วเหรอ ข้าวัวเต่าผู้นี้จะไม่ยอมปล่อยเจ้าไปแน่!!”

เจ้าวัวเฒ่าผู้ไม่รู้ถึงตื้นลึกหนาบางของสถานการณ์ทั้งหมดก็คิดว่าตนนั้นโดนเจ้าลิชนั้นหลอกเข้าให้แล้ว ทั้งที่จริงๆ แล้วผู้ที่ทำแผนล่มนั้นเป็นตัวเองแท้ๆ ก่อนที่เจ้าวัวเฒ่าจะเงยหน้าของตนขึ้น พร้อมกับคำรามลั่นต่อสวรรค์ ราวกับว่าตนนั้นพึ่งผ่านเหตุการณ์อันไม่เป็นธรรมมา

“เวร ที่นี่ไม่ปลอดภัยแล้ว”

ข้าที่โยนเหรียญทองคำ 2 เหรียญไปเป็นค่าหนังสือพิมพ์ ก็รีบกลับหลังหันเตรียมพุ่งออกร้านไปให้เร็วที่สุด แต่ช่างน่าเสียดายที่ทางเข้าร้านตอนนี้ ได้มีเอลฟ์สาว 2 คนกำลังส่งยิ้มมาทางข้า

“สวัสดีจ้า ผู้ที่อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมด เป็นเจ้าอีกแล้วสินะ”

หนึ่งในนั้นคือไดอาน่าหัวหน้าแห่งหน่วยรักษาความสงบ ส่วนอีกคนที่เหลือคือรองหัวหน้าแห่งหน่วยรักษาความสงบ หยาเหวิน โดยที่เท้าของนางนั้นได้มีดาบมังกรหยกเล่มใหญ่ยักษ์อยู่

นางนั้นเกิดมาพร้อมกับภูมิต้านทานเวทมนต์ทางจิตใจทุกชนิด ซึ่งนี่ก็เป็นสาเหตุหลักที่ว่าทำไมข้าถึงยอมส่งดาบมารที่คอยทำให้ผู้ใช้คลุ้มคลั่งเล่มนี้ ให้กับหน่วยรักษาความสงบ แต่ ณ วินาทีนี้ ตัวข้ากลับไม่รู้สึกถึงความดีใจเลยที่สามารถหาผู้ใช้ที่เหมาะกับดาบมารเล่มนี้เจอ แต่ข้ากลับรู้สึกสิ้นหวังที่ข้าสามารถยิงเข้าที่เท้าตัวเองได้อีกครั้งแล้ว

เมื่อหันกลับไป อิลิซ่าก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยดั่งคาด พรสวรรค์ในการเดินทางข้ามมิติของครึ่งปิศาจเนี่ยถือว่าเหนือชั้นจริงๆเลย ระดับที่ทำให้นางปิศาจเลือดเย็นนี่ทิ้งสหายของตนในยามหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ได้ ในพริบตานี่เอง ตัวข้าที่ตอบสนองช้าไปชั่วครู่หนึ่ง จนพื้นที่รอบๆตัวข้างโดนร่ายเวทสมอปิดกั้นมิติ จนข้าไม่สามารถที่จะหลบหนีไปได้ด้วยเวทมนต์มิติอีก

ด้วยประการฉะนี้ หลังจากสิ้นเสียงหัวเราะอันยาวเหยียด ข้าก็ยกมือทั้งสองข้างขึ้น ก่อนจะ...

...ก้มตัวลงพร้อมกับเอามือกุมศีรษะตัวเอง

“อย่าทุบหน้าข้า!! ข้ายังต้องไปให้แม่สื่อหาเจ้าสาวให้อีก!”

ในระหว่างที่ข้ากำลังสนุกสนานไปกับการต้อนรับอันแสนอบอุ่นของเหล่าสาวงามจากหน่วยรักษาความสงบ ข้าก็ได้ยินน้ำเสียงอันแสนคุ้นชินของอิลิซ่าดังขึ้นที่ข้างหูข้า

“นายท่าน ท่านยังจำที่ดิฉันบอกไว้เมื่อวานว่า ภารกิจนี้พวกเราควรจะร้องขอความช่วยเหลือจากบุคคลอื่น ได้อยู่ไหมคะ?”

“หืม!? หยุดพูดแล้วมาช่วยข้าได้แล้ว!!”

“...ที่จริง ดิฉันไม่ได้หมายถึงให้ท่านไปหาดรูอิดพวกนั้น ท่านน่าจะหันกลับมองเหล่าสหายเก่าของท่านที่เขตอันเดดนะคะ เพราะไม่ว่าจะทั้งซอมบี้ ทหารโครงกระดูก บุชเชอร์และมังกรโครงกระดูก ทุกคนล้วนแล้วแต่เปลือยกายทั้งสิ้น เพียงแค่ท่านพาสหายเหล่านี้ออกไปเดินเล่นบนท้องถนนจนถึงยามรุ่งสาง เพียงเท่านี้ ภารกิจของท่านก็ประสบสำเร็จครั้งใหญ่แล้วล่ะค่ะ!”

ในตอนนี้เองที่ภาพๆหนึ่งได้มาปรากฏขึ้นในหัวข้า ภาพที่สาวน้อยนางนึงกำลังหัวเราะสะใจอยู่ข้างใน แต่ภายนอกนั้นกลับตีหน้าซื่อด้วยความงุนงง แสร้งทำเป็นว่าตัวเองนั้นบริสุทธิ์ไม่รู้เรื่องใดๆ...

อิลิซ่า!! เจ้าหลอกข้า!!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด