เล่ม1 : บทที่ 47 – สังหารหมู่
กำเนิดดาบปีศาจ(BDS) เล่ม1 : บทที่ 47 – สังหารหมู่
ขบวนเริ่มออกเดินทางไปยังคฤหาสน์ลานเซย์ ความเร็วต่ำเนื่องจากมีคนจำนวนมากที่เดินเท้าอยู่ข้างนอกรถ ขบวนประกอบไปด้วยรถม้าสี่คันและมีชายจำนวนหนึ่งที่ผ่านขั้นตอนการคัดออกจนเหลืออยู่สี่สิบคน ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะหาที่นั่งพอ
ทหารราวสิบคนที่เป็นคนของตระกูลลานเซย์ หน้าตาของพวกเขาคล้ายกับหองกำลังเล็กๆ ที่กำลังมุ่งหน้าไปสู่สงคราม
ด้วยความเร็วเท่านี้มันจะทำให้พวกเขาไปถึงยังที่หมายในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า
โนอาห์นั่งอยู่บนหลังคาของรถม้า แต่เมื่อใดก็ตามที่เขามองลงไปยังกลุ่มคนข้างล่างเขามักจะส่ายหน้าเสมอ
‘พวกเขารู้กันไหมว่าจะตัวเองกำลังจะไปเจอกับปัญหาอะไรข้างหน้า? เราจะต้องสู้กับผู้พิทักษ์เขตในของตระกูลขุนนาง ตระกุ,ลานเซย์อาจจะปฏิเสธแต่ด้วยจำนวนผู้ฝึกตนนั้นมีเยอะกว่าเรามาก พวกเขาแค่ใช้ปืนใหญ่ก็สิ้นเรื่อง’
ก่อนที่เขาจะยอมรับ โนอาห์ตั้งคำถามกับเควินมากมายถึงแผนเพื่อให้มั่นใจว่ามันจะเป็นไปได้ เมื่อเขาได้ยินเรื่องจำนวนของผู้ฝึกตนที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของ โทเบียส ลานเซย์ ก็ทำให้เขาแทบจะถอนตัวจากภารกิจนี้โดยไม่สนใจเรื่องรางวัลที่พวกเขาได้สัญญาไว้เลยแม้แต่น้อย
‘ผู้ฝึกตนยี่สิบห้าคนต่อของเราสิบคนก็ไม่ต่างอะไรจากโล่เนื้อหนังดีๆ นี่เอง มันจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะพาเบซิลกลับเข้าคฤหาสน์ไปอย่างหน้าตาเฉยและภารกิจสำเร็จ’
ถ้าสองกลุ่มนี้ต่อสู้กัน ผลลัพธ์ที่ได้ก็มีแต่แพ้เท่านั้น อย่างไรก็ตาม เควินบอกให้เขารู้ว่าเมื่อเบซิลเข้าสู่ประตูคฤหาสน์เขาจะถูกเข้าควบคุมทันที
ด้วยทรัพย์สมบัติที่ตระกูลลานเซย์สำสมมาตลอดหลายชั่วอายุคน โทเบียสอาจจะละทิ้งแผนของเขาเพื่อขึ้นมาเป็นอัครบิดรและวิ่งหนีหรือละทิ้งสถานะขุนนางของเขาไป
ท้ายที่สุดแล้ว ตระกูลชั้นสูงก็ไม่ได้สนใจสิ่งอื่นใดที่มากไปกว่าทรัพย์สมบัติและเคล็ดวิชา
‘ถ้าเราให้ผู้ไม่ใช่ผู้ฝึกตนมาเป็นโล่กำบังและมุ่งตรงไปยังใจกลางการป้องกันของคนพวกนั้น เราอาจจะทำได้ก็ได้’
นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมโนอาห์จึงเลือกที่จะอยู่ เขามั่นใจในชื่อเสียงของเควิน ทำลายแนวป้องกันของศัตรูก็ยังพอเป็นเรื่องที่เป็นไปได้อยู่
สัปดาห์แรกของการเดินทางผ่านไปโดยที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ขบวนเคลื่อนที่ไปได้อย่างราบรื่น แต่จากนั้นก็เกิดปัญหาขึ้น
โนอาห์คือคนแรกที่สัมผัสได้ถึงกลุ่มคนจำนวนมากอย่างผิดปกติบนถนนและเมื่อขบวนหยุดก็เห็นคนที่เข้ามาขวางทางได้อย่างชัดเจน
ชายจำนวนห้าสิบคนหรือมากกว่านั้นเข้ามาขวางทาง แต่ในหมู่พวกเขาไม่มีผู้ฝึกตน พวกเขาแต่งกายด้วยชุดธรรมดาหรือชุดเกราะสนิมเขรอะแต่อาวุธดูใหม่ถูกสร้างขึ้นมาด้วยช่างฝีมือดี
โนอาห์กระโดดลงมาจากหลังคารถม้าและเดินไปหาเควินที่กำลังจ้องมองกลุ่มชายฉกรรจ์ด้วยสายตาดุดัน เมื่อเขารู้สึกว่าโนอาห์มายืนอยู่ข้างๆ เขาก็พูดออกมา
“คนพวกนี้น่าจะถูกว่าจ้างโดยลุงของนายน้อยจากหมู่บ้านใกล้ๆ นี้ เขาคงอยากจะแหย่เราเล่น ถ้าข้าส่งคนไปส่งกับพวกนั้น เราจะเผยให้ถึงพวกมันเห็นถึงความสามารถของเรา แต่ถ้าข้าส่งผู้ที่ไม่ใช่ผู้ฝึกตนออกไป พวกเขาจะตายโดยเปล่าประโยชน์และเป็นการลดกำลังเราไปเสีย ซึ่งอันตรายต่อแผนมาก ข้าไม่คิดเลยว่าโทเบียสจะโหดเหี้ยมถึงขั้นที่ส่งคนมาตายเพียงเพื่อล้วงความลับจากเรา”
โนอาห์มองไปยังกองกำลังสามัญชน แต่ภายในจิตใจของเขากลับหัวเราะเยาะเย้ย
‘นายก็ทำแบบเดียวกันไม่ใช่หรือ? มันไม่ใช่ว่าคนที่ถูกคัดเลือกมาที่นี่จะรอดกลับไปทุกคนสักหน่อย’
เขาถอนหายใจเล็กน้อยจากนั้นก็ตอบกลับ “ถ้างั้นเราต้องโหดเหี้ยมกว่าเขา” โนอาห์ชักดาบออกมาและตรงไปยังกลุ่มศัตรู
“ถ้าให้ข้าจัดการ ความลับของเราจะไม่ถูกเปิดเผยต่อคนพวกนี้เลยและคนของท่านก็จะไม่มีคนใดที่ได้รับบาดเจ็บเลย”
เควินรู้สึกละอายเล็กน้อยเมื่อได้ฟังคำพูดของโนอาห์แต่ก็ไม่ได้ตอบกลับ เขาเพียงมองเด็กคนนั้นเข้าไปใกล้กลุ่มสามัญชน เมื่อโนอาห์ห่างจากพวกเขาได้ราวยี่สิบเมตรเขาก็หยุดและพูดเสียงดังลั่นออกมา
“ใครอยากตายเชิญก้าวออกมาข้างหน้า ถ้าไม่ จงถอยออกไป หลังจากที่ข้านับถึงสาม ไม่ว่าหน้าไหนก็ตามที่ไม่ยอมถอยไป ข้าจะทำตามความประสงค์ให้พวกท่านเอง” เด็กหนึ่งคนกำลังข่มขู่ชายฉกรรจ์ราวห้าสิบคน อย่างไรก็ตาม ก่อนที่พวกเขาจะมีโอกาสได้หัวเราะ ลมเย็นๆ ก็พัดผ่านพวกเขาเมื่อได้เห็นสายตาของเด็กคนนั้นที่คลื่นความเย็นชาออกมา
“หนึ่ง!”
ชาวบ้านทุกคนที่ถูกคัดเลือกมาจากหมู่บ้านได้รับความทุกข์ทรมานจากการถูกลงโทษโดยตระกูลลานเซย์ พวกเขาช่างน่าสงสาร
“สอง!”
เนื่องจากตระกูลลานเซย์ต้องชดใช้ค่าส่วยให้กับตระกูลโชสติจำนวนมาก พวกเขาจึงขึ้นภาษีชาวบ้านที่อยู่ภายใต้การปกครอง ซึ่งนำพาพวกเขาไปสู่ความอดอยาก
“สาม!”
เช่นนั้นเอง จึงไม่มีใครก้าวถอยหลังหนีเด็กชายที่น่ากลัวคนนี้เลย พวกเขาได้รับเงินส่วนหนึ่งจากโทเบีนสแล้ว และหากพวกเขารอดชีวิตมาได้ ก็จะได้รับเงินเพิ่มอีก
สิ่งที่ตามมาต่อจากนั้นคือการสังหารหมู่ จากสิ่งที่ทหารผู้อ่อนแอรอบๆ ขบวนเห็นนั้นคืออาห์เพียงแค่เดินไปตามแถวของศัตรู อย่างไรก็ตาม ชายบ้านต่างร่วงไปกองกับพื้นด้วยสภาพที่ศีรษะถูกตัดขาดหรือไม่ก็ถูกแทงที่หน้าอก เลือดสีแดงฉานนองไปทั่วพื้น
ไม่มีใครทันสังเกตว่าอาวุธที่ดีที่สุดที่ชาวบ้านใช้ได้หายไปก่อนที่มันจะร่วงลงพื้นเสียอีกและถูกดูดเข้าไปในเอวของโนอาห์
เมื่อโนอาห์กลับมาที่ขบวน รองเท้าหนังของเขาเปื้อนเลือดและเห็นรอยเท้าบนพื้นชัดเจนเมื่อเขาเดิน สีหน้าที่ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นถูกแสดงออกมาอย่างชัดเจน ราวกับเขาเพิ่งกลับมาจากการเดินเล่นเพื่อผ่อนคลายเท่านั้น
‘ยิ่งฉันแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ ฉันก็จะมองผู้คนที่อ่อนแอในฐานะมนุษย์น้อยลงเท่านั้น ฉันคิดว่าการแยกอารมณ์ออกจากมนุษย์ทั่วไปมันเป็นสาเหตุตามธรรมชาติที่ทำให้พลังของฉันเพิ่มขึ้น’
เหล่าทหารต่างหลีกทางให้เขาเดินกลับไปยังหลังคารถม้า
โนอาห์กระโดดขึ้นไปและถอดรองเท้าที่เปื้อนเลือดทิ้งไป เหลือเพียงเท้าเปล่าเตะอากาศห้อยอยู่บนหลังคา
แหวะ!
เบซิลพุ่งออกมานอกรถเพื่ออ้วก เขาแอบมองการต่อสู้ของโนอาห์และไม่สามาถยับยั้งความรู้สึกที่เขามีได้ เควินปรี่ไปหาเขาทันทีและพาเขากลับขึ้นรถภายใต้สายตาที่ผิดหวังจากเหล่าทหารของเขา
พวกเขากำลังเปรียบเทียบขุนนางหนุ่มในรถกับเด็กชายผู้โหดเหี้ยมบนหลังคาคนนี้ และอดไม่ได้ที่จะนึกถึงภาพในอนาคตของตระกูลลานเซย์ว่ามันจะเป็นอย่างไร