Chapter 7 คนรวยที่เอาแต่ใจ
“ลูลู่ นี่คุณยอมจ่ายหนึ่งร้อยดอลลาร์เลยเหรอ คุณตัดสินใจซื้อภาพวาดที่มีราคาแพงเนี่ยนะ ช่างเป็นเด็กสาวที่ใช้เงินไม่เป็นเอาซะเลย!”
“และลายเซ็นศิลปะนั่นก็ด้วย!”
“คุณใจดีเกินไปแล้ว! มันไม่ยากที่จะหาคนมาเพื่อสร้างลายเซ็นแบบนั้นทางอินเตอร์เน็ต ในราคาเพียงห้าดอลลาร์”
“การออกแบบออนไลน์เหล่านั้นดูเหมือนขยะราคาถูก ฉันชอบอันนี้มากกว่าค่ะ มันเป็นการแสดงออกถึงชื่อและเอกลักษณ์ของฉันได้อย่างสมบูรณ์แบบ ฉันได้ตรวจสอบรูปภาพที่ฉันถ่ายอย่างละเอียด คุณรู้อะไรมั้ย...เธอแสดงท่าทางแบบไหนตอนที่กำลังวาดฉัน? คุณอาจไม่รู้ แต่สำหรับฉัน หญิงสาวที่ยื่นภาพวาดให้ฉันมีท่าทางที่อ่อนโยนและน่ารักมาก แล้วเธอพูดว่า”สิ่งที่ฉันวาด ก็เหมือนกับที่คุณมองฉัน“ในขณะที่เธอพูดประโยคนั้น ฉันถึงกับขนลุก! เธอสุดยอดมาก! คุณไม่คิดแบบนั้นเหรอ...?”
“…ฉันขี้เกียจที่จะคุยกับคุณล่ะ ต่อให้คุณไม่มีเงินคุณสามารถกลับไปหาครอบครัวของคุณได้นี่เนอะ เอาล่ะ...หัวหน้างานของฉันเรียกแล้ว ดังนั้นฉันต้องกลับไปทำงานล่ะ ฉันไม่ได้โชคดีแบบคุณนี่เนอะ”
ริมฝีปากของหลิวลู่กระตุก และเธอเอาโทรศัพท์ออกจากหูของเธอ ก่อนจะพึมพำขึ้นมาเบาๆ “เธอทำอย่างกับว่า ฉันคิดว่าเงินของพ่อแม่ของฉันเป็นสิ่งไม่มีค่าอย่างนั้นแหละ ฉันไม่ได้ใช้มันอย่างฟุ่มเฟือยสักหน่อย ฉันคิดว่ามันคุ้มค่าที่จ่ายมันต่างหากล่ะ” จากนั้นเธอก็ก้มลงมองดูภาพวาดในมือของเธอ ยิ่งเธอมองมันมากเท่าไรเธอก็รู้สึกพึงพอใจมากขึ้นเท่านั้น
“ผมขอดูภาพวาดในมือของคุณหน่อยได้ไหมครับ...?” ทันใดนั้น เธอก็ได้ยินเสียงเข้มๆจากด้านข้าง
หลิวลู่ตกใจและเงยหน้าขึ้นมามองหา เธอเห็นชายสองคนยืนอยู่ด้านซ้ายมือของเธอ หนึ่งในนั้นคือชายที่ดูแข็งแรง ซึ่งดูเหมือนจะอายุประมาณสามสิบปีได้แล้ว เขาสวมเสื้อยืดสีดำและกางเกงยีนส์สีน้ำเงินเข้ม โดยที่โชว์กล้ามเนื้อแขนอันแข็งแรงของเขา เขาดูเหมือนคนแปลกหน้าสำหรับเธอ
ในขณะที่ดวงตาของเธอกำลังมองไปที่ชายทั้งสอง เธอก็รู้ทันทีว่าเธอถูกจับจ้องอยู่ พวกเขาไม่ได้มีท่าทีแสดงออกว่าโกรธอีกฝ่าย แต่เธอกลับกลัวมากกว่าตอนที่พ่อของเธอดุเธอซะอีก แล้วเปลี่ยนกระดาษจากที่เคยอยู่ในมือซ้ายย้ายไปไว้ในมือขวาแทน เพื่อให้ห่างจากผู้ชายพวกนั้นให้มากที่สุด
ประตูลิฟต์เปิดขึ้นพร้อมกับ ติ้ง!
“อืม…ฉันต้องขึ้นลิฟต์” เขาใช้โอกาสนี้พูด หลิวลู่จ้องมองชายที่ยืนอยู่ข้างเธอ ใบหน้าของเขาสงบนิ่งลงอย่างน่าประหลาดใจ เมื่อดวงตาของเขาลดระดับลงมาเพื่อดูภาพ ขนตายาวของเขาปิดบังความรู้สึกที่อยู่ภายใต้ดวงตาของเขา
ว้าว! หล่อมาก!
หลิวลู่ไม่สามารถพูดได้ว่าส่วนไหนของเขาที่หล่อ ใบหน้าของเขาไม่สะดุดตาเหมือนกับเหล่าคนดัง แต่มันก็ยังให้ความรู้สึกหล่อเหลา และในขณะที่เขารูปร่างค่อนข้างสูงความสูงของเขาไม่สามารถเปรียบเทียบกับร่างของชายอีกคนที่ดูแข็งแกร่งข้างเขา แต่เขาก็ไม่ได้ผอมจนเกินไป
“คนที่วาดภาพนี้อยู่ที่ไหน...?” ชายคนนั้นเงยหน้าขึ้นมองด้วยแววตาที่จริงจังขึ้นเล็กน้อย พลางกวาดสายตาไปข้างหลังของหลิวลู่
“ถัดจากแปลงดอกไม้ตรง Hundred Flower Square ไปนิดหน่อยค่ะ” หลิวลู่ตอบกลับโดยทันที
เมื่อชายคนนั้นหันหลังให้ แล้วเขาก็เดินออกไปข้างนอก หลิวลู่มองไปที่กระดาษที่ถืออยู่ในมือของเขา และเพิ่งรู้ตัวว่าเขาได้ฉกฉวยรูปไปจากมือของเธอไปในขณะที่เขาพูดกับเธอ เธอไล่ตามเขาไปอย่างรวดเร็วและตะโกนว่า “ภาพวาดของหนูนะ!”
ชายนั้นหยุดและหันไปมองหลิวลู่ด้วยสายตาที่แหลมคมราวกับใบมีด ทำให้ความกล้าหาญในการขอภาพวาดของเธอคืนได้สลายหายไปทันที
“คุณต้องการเงินเท่าไหร่เป็นค่าตอบแทน?”
“ฉะ...ฉันไม่ได้ต้องการเงินค่ะ…”
ก่อนที่หลิวลู่จะพูดจบ ชายที่ดูดีคนนั้นได้พยักหน้ารับกับชายคนหนึ่ง แล้วเขาก็ดึงธนบัตรออกมาจากกระเป๋าเงินของเขาแล้วส่งเงินนั้นมาให้เธอ ดูเหมือนว่าจะประมาณหนึ่งพันดอลลาร์ได้
“ไม่ฉัน…”
ธนบัตรอีกจำนวนหนึ่งก็ถูกดึงออกมาจากกระเป๋าเงินอีกครั้ง
“ไม่พอเหรอ...?” ชายคนนั้นได้หันมาถามเธออีกครั้ง พร้อมกับมองมาด้วยสายตาที่ราวกับคนไม่พอใจอยู่อย่างนั้นแหละ
หลิวลู่รีบยกมือขึ้นมาปิดปากของตัวเองทันที
หลังจากชายสองคนเดินลับสายตาของเธอไปแล้ว หลิวลู่มองดูเงินที่ถืออยู่ในมือของเธอพร้อมกับเริ่มนับจำนวนเงินในมือของเธอ เมื่อเธอนับเสร็จเธอก็ต้องตกใจอีกครั้ง เพราะว่าธนบัตรที่เธอเพิ่งจะได้รับมาลบหนึ่งร้อยดอลลาร์ที่เธอใช้ไปในการซื้อภาพวาด เธอได้รับถึงสองพันหกร้อยดอลลาร์เชียวล่ะ!
“เขารวยจริงๆ แถมเอาแต่ใจด้วย!”
เฉิงเจียวหยางซึ่งปัจจุบันไม่ทราบว่าภาพวาดของเธอถูกขายไปแล้วในราคาที่มากกว่าสองพันดอลลาร์ ในขณะนี้ซึ่งกำลังทำงานอย่างหนักเพื่อช่วยให้ผู้คนออกแบบลายเซ็นของพวกเขา ห้าดอลลาร์สำหรับลายเซ็นที่กำหนดเองนั้นไม่แพงเลยด้วยซ้ำ อย่างน้อยที่สุดมันก็ทำให้เธอ สามารถซื้อชานม บางคนสนใจ แต่ก็ไม่มีใครขอให้เธอวาดภาพเหมือนให้อีก
เฉิงเจียวหยางได้จัดการร่างลายเซ็นศิลปะที่กำหนดเองหลายฉบับ และตัดสินใจที่จะหยุดพักก่อนเพราะเธอจะได้ย้ายไปยังสถานที่ที่อากาศเย็นกว่านี้เพื่อหลีกเลี่ยงแสงแดดที่ร้อนระอุ แต่เมื่อเธอกำลังก้มเก็บของ ได้มีใครบางคนมาหยุดอยู่ข้างหน้าเธอแล้ว
“เธอเป็นคนวาดภาพนี้หรือเปล่า…!?” ทันใดนั้น เธอก็ได้ยินเสียงที่เธอคุ้นเคยเป็นอย่างดี
เฉิงเจียวหยางเหลือบมองสิ่งที่อยู่ตรงหน้าของเธอตอนนี้ มันเป็นภาพวาดใบแรกของเธอในวันนี้ ภาพเหมือนของหลิวลู่ จากนั้นสายตาของเธอก็ไม่สะดุดแหวนหยกเลือดบนนิ้วหัวแม่มือที่กำลังจับถือกระดาษอยู่ หัวใจของเธอก็เต้นไม่เป็นจังหวะทันที!
สายตาของเธอค่อยๆ ไล่ดูจากแขนขึ้นไปที่ใบหน้าของคนตรงหน้าเธอ และเธอก็พบใบหน้าที่ดูดีของเฉินจือหนิง
ริมฝีปากของเฉิงเจียวหยางเริ่มสั่นเทา แต่เมื่อเธอตระหนักได้ถึงตัวตนในปัจจุบันของเธอแล้วเธอก็สงบลง และพูดตอบไปว่า “ใช่ค่ะ...มีอะไรรึเปล่าคะ?”
หากไม่ใช่ประสบการณ์ที่เธอเจอมาด้วยตัวเอง ใครจะเชื่อว่า มีใครบางคนอาจกลายเป็นบุคคลอื่นที่มีรูปลักษณ์และสายเลือดที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงแบบเธอในตอนนี้
“เจียวหยาง?” ชายคนนั้นตั้งคำถามอีกครั้งอย่างไม่ลดละ ในขณะที่สายตาของเขาได้จับจ้องมาที่เธอ
มีคนสองคนที่อาศัยอยู่ในโลกที่แตกต่างกันต่างกัน แต่ยังคงมีรูปแบบและลายเซ็นเหมือนกัน มันจะเป็นไปได้ยังไง!?
เขาไม่เคยเชื่อในเรื่องบังเอิญมาก่อน ความบังเอิญเหล่านั้นเป็นสิ่งที่มนุษย์เตรียมไว้โดยเจตนาเขาเชื่อแบบนั้น
เฉิงเจียวหยางได้ยินชื่อที่ชายคนนั้นที่พูดออกมาและด้วยเหตุผลที่เธอไม่สามารถอธิบายได้ เธอรู้สึกได้ถึงความรู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมาทันทีจากน้ำเสียงเย็นชานั่น มันเป็นความรู้สึกนี้คุ้นเคยกับเธอมาก ทุกครั้งที่เขาเรียกหาเธอด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาเช่นนี้มันหมายความว่าสถานการณ์ที่โชคร้ายมันจะเกิดขึ้นกับเธอเสมอ
ก่อนหน้านี้ เฉินจือหนิงหนุ่มลูกครึ่งคนนี้ชอบรังแกเธอตอนเขาไม่มีความสุข โชคไม่ดีที่ตอนนั้นเขาไม่มีความสุขทุกวันเลย ก่อนหน้านี้เธอไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเธอถึงถูกรังแกและเขาก็ทำให้เธอร้องไห้ทุกวัน เขาข่มขู่เธอหลายครั้ง ตอนที่เธอยังเป็นเด็ก มันทำให้เธอมีฝังใจมาก เมื่อเธอโตขึ้นเธอเลยจะพยายามทุกวิถีทางเพื่อหลีกเลี่ยงสถานที่ที่เฉินจือหนิงอยู่เสมอ ถ้าเธอบังเอิญเจอเขา เธอจะหนีไปให้ไกลที่สุด
แม้ว่าตอนนี้เจ้าชายปีศาจตัวน้อยคนนั้นจะโตแล้ว แต่ก็ไม่น่าเป็นไปได้ที่เขาจะกลายเป็นเทวดา และในตอนนี้เขาดูน่ากลัวเกินไป ความเย็นรอบๆ ตัวเขาสามารถแข็งเป็นน้ำแข็งได้เลย ในขณะที่ดวงอาทิตย์กำลังสาดแสงอยู่ แต่เธอกลับรู้สึกถึงความเย็นชาราวกับว่าเธออยู่ในทะเลสาบน้ำแข็ง ซึ่งมันทำให้เธอหนาวไปถึงขั้วของหัวใจเลยล่ะ
“นั่นคือ นามแฝงของฉัน” เฉิงเจียวหยางตอบไปด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยมั่นใจ
“เปลี่ยนมันซะ!!”
เมื่อได้ยินคำสั่งของอีกฝ่ายเฉิงเจียวหยางก็หัวเราะออกมาด้วยความโกรธ ก่อนจะพูดตอบกลับไปว่า “โอ้....แค่นายเดินมาบอกว่าฉันว่าควรเปลี่ยนลายเซ็น แล้วฉันจะต้องเปลี่ยนมันงั้นสิ นายเป็นใคร? ทำไมฉันต้องเปลี่ยนมันเพื่อทำตามคำสั่งของนายด้วยงั้นเหรอ?”
“เธอจะไม่เปลี่ยนมันสินะ!!” น้ำเสียงของเขาบ่งบอกถึงอันตรายที่จะตามมาหากเธอไม่ยอมทำตาม
เมื่อเฉิงเจียวหยางได้ยินน้ำเสียงแบบนั้น เธอก็นึกถึงที่ครั้งหนึ่งเธอเคยได้ยินน้ำเสียงนี้ มันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับเฉิงจือหนิง เมื่อหลายปีก่อนตอนที่เฉินจือหนิงยังเป็นเด็กเขาสวมชุดสูทและมือซ้ายของเขาอยู่ในกระเป๋ากางเกง ในขณะที่มือขวาของเขาถือแก้วไวน์ แหวนหยกเลือดบนนิ้วหัวแม่มือของเขาตรงกันข้ามกับไวน์ในแก้ว ทำให้มันดูสะดุดตา ถึงอย่างนั้นสิ่งที่โดดเด่นที่สุดของเฉินจือหนิง คือชายวัยกลางคนที่ถูกเหยียบอยู่ใต้ฝ่าเท้าของเขาจนชายคนนั้นร้องออกด้วยน้ำเสียงเจ็บปวด ชายคนนั้นนอนราบกับพื้นใบหน้าที่บวม ส่วนข้อมือขวาของเขาโดนตรึงรองเท้าของเฉินจือหนิง ถึงแม้จะเป็นการกระทำที่โหดร้ายเช่นนี้ แต่เขากลับเผยรอยยิ้มโหดเหี้ยมที่มุมปากก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา ในไม่ช้าเธอก็พบว่า มือของเขาถูกบดขยี้ด้วยรองเท้าของเฉินจือหนิง ซึ่งชายนั้นเป็นลูกน้องของเขาที่ได้ทรยศเขา
น่าเสียดายที่มันสายเกินไป ฉากนั้นถูกไฟไหม้ในความทรงจำของเธอ เจ้าชายมารตัวน้อยกลายเป็นราชาปีศาจ เขาไม่ได้เปลี่ยนไปแค่รูปร่างของขนาดตัว แต่รวมไปถึงอารมณ์ของเขาด้วยที่ตอนนี้ได้แผ่ซ่านความเย็นชาออกมา อารมณ์ของเขาไม่อาจคาดเดาได้เลย
ฉันจะไม่ยอมก้มหัวให้กับราชาปีศาจเฉินอย่างแน่นอน! ด้วยคำเหล่านี้ที่จารึกอยู่ในใจของเฉิงเจียวหยาง เธอจึงตัดสินใจที่จะใช้เป็นแนวทางในการเดินหน้าต่อไป
“แน่นอนค่ะ...แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นไปไม่ได้นะคะที่ฉันจะเปลี่ยนลายเซ็นของฉัน แต่ทำไมฉันต้องเปลี่ยนมันด้วยล่ะคะ?” น้ำเสียงของเฉิงเจียวหยางอ่อนลงในตอนท้าย ก่อนหน้านี้เธอมักจะมีคนรอบๆ ตัวเธอที่คอยปกป้องเธอจากราชาปีศาจเฉิน แต่ตอนนี้เธอเป็นแค่คนธรรมดาที่ไม่มีใครรู้จัก คงเป็นเรื่องที่ไม่ยากที่เขาจะกำจัดเธอโดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็น
“เธอเป็นคนที่ฉลาดนะ แต่ทำไมเธอยังคงยืนยันที่จะคัดลอกผลงานของคนอื่นแบบนี้ เธอจะทำให้ตัวเองดูโง่ทำไมกัน?” เฉินจือหนิงพูดในขณะที่เขามองตรงเข้าไปในดวงตาของเธอ แม้ว่าเขาจะไม่ได้เปิดเผยอารมณ์ใดๆ แต่ใบหน้าของเขา เฉิงเจียวหยางก็สามารถรับรู้ได้ว่าเขากำลังสบประมาทเธออยู่
ฉลาด? คัดลอก?
“โอ้…? มีศิลปินชื่อ เจียวหยาง ที่เก่งกว่าฉันในโลกนี้ด้วยเหรอเนี่ย?” เฉิงเจียวหยางถามตัวเองอย่างเงียบๆ หากมีศิลปินแบบนี้ฉันจะไม่รู้ได้อย่างไร!
เฉินจือหนิงพูดจาดูถูก พร้อมกับใช้สายตาของเขาจ้องมองไปที่เฉิงเจียวหยาง และแสดงสีหน้าให้เห็นถึงความสงสาร มันเหมือนว่าเขากำลังดูคนที่ไม่มีประสบการณ์ทางโลก
“บ้าเอ้ย!”
เฉิงเจียวหยางแม้ใบหน้าของเธอจะยิ้มแย้มอยู่ในขณะนี้ แต่เธอรู้ดีว่าเธอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมแพ้
“ฉันสามารถเปลี่ยนลายเซ็นของฉันได้ แต่เนื่องจากนายเป็นคนที่ต้องการให้ฉันเปลี่ยนมัน ฉันต้องการค่าชดเชย” การใช้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาไม่ใช่ปัญหาเลยสำหรับเขา
“เธอต้องการเท่าไหร่?”
เฉิงเจียวหยางยื่นมือออกมาทำท่าทางกำลังนับนิ้วอยู่แปบนึง ก่อนที่เธอจะทันตอบออกไป ก็มีเสียงของเฉินจือหนิงแทรกขึ้นมาซะก่อน
“...หนึ่งแสนดอลลาร์...?”
มันเป็นจำนวนเงินที่เยอะมาก?! เฉิงเจียวหยางลดสายตาลงและไม่ตอบไปในทันที เนื่องจากเธอรู้สึกแปลกใจมาก
“เธอยังต้องการอะไรอีกเหรอ ชีวิตของเธอไม่มีค่าแม้แต่ล้านดอลลาร์ด้วยซ้ำ!” เฉินจือหนิงได้หรี่ตามองไปที่เฉินเจียวหยางเล็กน้อย
มุมหนึ่งของปากของเฉิงเจียวหยางกระตุกขึ้น ในตอนที่เธอเป็นเฉิงเจียวหยาง เธอได้รับการยกย่องด้วยซ้ำ เงินหนึ่งแสนดอลลาร์มันเป็นเพียงเงินค่าขนมของเธอเท่านั้น มันไม่เพียงพอที่เธอจะซื้ออัญมณีชิ้นหนึ่งด้วยซ้ำ ตอนแรกเธอกะแค่อยากได้เงินหนึ่งหมื่นดอลลาร์ แต่เมื่อเฉินจือหนิงยื่นข้อเสนอเงินแสนดอลลาร์มา แม้มันจะทำให้เธอแปลกใจ แต่มันก็เป็นเรื่องที่น่ายินดี และแม้ว่าคำพูดของเขาในตอนนี้มันจะทำให้เธอรู้สึกไม่พอใจก็ตาม แต่ในเมื่อเขาตัดสินใจที่จะดูถูกเธอ เธอจึงตัดสินใจขอราคาเป็นล้านดอลลาร์เลยล่ะกัน
“ศิลปินที่โดดเด่นคนนั้นวาดรูปและได้มากกว่านั้นอีกใช่มั้ยล่ะ? ชีวิตของฉันอาจไม่คุ้มค่ากับเงินหนึ่งล้านดอลลาร์ แต่ในอนาคตภาพวาดของฉันอาจจะมีค่ามากกว่านั้น!” เฉิงเจียวหยางลุกขึ้นยืนและมันก็ทำให้เธอสามารถเผชิญหน้ากับราชาปีศาจเฉินได้แล้ว เธอไม่จำเป็นต้องเงยหน้าขึ้นเพื่อมองเขาเหมือนที่เธอทำก่อนหน้านี้
เฉินจือหนิงจ้องมองไปที่หญิงสาวอย่างไม่ละสายตา มันทำให้เขานึกถึงใครบางคน ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีใครกล้ากับเขาแบบนี้มาก่อน ยกเว้นก็แต่คนๆนึง ราวกับว่าเขาจำบางสิ่งได้ การแสดงออกของเขาดูเหมือนจะอ่อนลงเล็กน้อย “โอเค”
แต่วินาทีต่อมาราชาปีศาจก็กลับมาอีกครั้ง
“แต่ถ้าครั้งต่อไป ฉันพบว่าเธอยังคงใช้ชื่อเจียวยางอยู่ ฉันจะทำให้เธอทรมานและรู้จักว่าชีวิตที่เลวร้ายยิ่งกว่าความตายมันเป็นยังไง จำไว้!”