บาทที่ 26
บาทที่ 26
ขณะนี้พวกเขาอยู่บนดาดฟ้าเรือ เบื้องหน้าของพวกเขานั้นเป็นเมฆฝนก้อนใหญ่ดำทะมึน ทำให้เรือของพวกเขานั้นดูเล็กกระจ้อยร่อย
เมฆฝนก้อนใหญ่นั้นปั่นป่วนอยู่ตลอดเวลาแต่ไม่ได้กินพื้นที่เพิ่มแต่อย่างไร ในเมฆก้อนนั้นมีสายฟ้าหงิกงอฟาดแปลบปลาบอยู่ตลอดเวลา จนไม่มีใครคิดว่าหากก้าวเข้าไปในนั้นแล้วจะมีคนรอดจากการถูกสายฟ้าฟาดใส่ได้
ยานของพวกเขาลอยนิ่งอยู่ด้านนอกเมฆนั้น
รอคอยอยู่กันไม่นานนัก ยานบินของสำนักต่างๆก็พากันเดินทางมาถึง ต่างก็มีรูปทรงและขนาดแตกต่างกันไป และต่างก็พากันรายล้อมเมฆนั้นไว้อยู่อย่างเงียบๆ
เวลาล่วงเลยผ่านไป สุดท้ายสายฟ้าที่ฟาดแปลบปลาบอยู่ในก้อนเมฆนั้นก็ลดจำนวนลงและเงียบหายไปในที่สุด
ยานแต่ละลำเห็นเช่นนั้นต่างก็พากันขับเคลื่อนเข้าไปในเมฆนั้น
ในเมฆนั้นเมื่อพวกเขาเข้าไปใกล้มากพอกลับเป็นแผ่นดินราบเรียบที่ลอยอยู่ในก้อนเมฆ และที่ยิ่งแปลกไปกว่านั้นก็คือ ใจกลางผืนแผ่นดินที่ราบเรียบนี้กลับเป็นทะเลสาบกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา
ยานบินแต่ละลำต่างพากันเข้าเทียบแท่งหินที่ยื่นออกมาจากเกาะลอยฟ้านี้ โดยไม่มียานลำไหนเลยที่จะบินเข้าไปจอดบนแผ่นดินบนเกาะ
ทุกคนต่างพากันเดินออกมาจากยานบิน และรวมตัวกันเป็นสำนัก
แต่มีข้อยกเว้นบางประการที่พลันมีหญิงสาวสวยผิวเนียนเรียบดุจมุกพากันเดินไปยังจุดหนึ่ง ซึ่งมีชายหนุ่มรูปหล่อเจ้าสำอางยืนแยกตัวออกมาจากสำนักของตนเอง
“ชิวเยว่ นั่นเจ้าจะไปไหนรึ” เซียนจางหลางขมวดคิ้ว
“อ๋า อาจารย์จำพี่ชายหง-- พี่ชายฉงฮุ้ยจินได้หรือไม่ คนที่ช่วยข้าให้เป็นเซียนไง ตอนนี้เขาสามารถสร้างชีพจรเซียนได้แล้ว ข้าจะไปทักทายเขา” ชิวเยว่ากล่าว
“อ๋อเจ้าหนุ่มนั่นรึ เจ้าหนุ่มนั่นสร้างชีพจรเซียนได้อย่างไรกัน เจ้าไปเถอะ ฝากทักทายเผื่อข้าด้วย ข้ายังต้องช่วยควบคุมเด็กพวกนี้อยู่” เซียนจางหลางผ่อนคลายลง เขาอยากไปพบกับชายหนุ่มคนนี้ด้วยเช่นกัน เมื่อนึกถึงตอนที่เด็กคนนี้ถามเขาว่าคนธรรมดาจะมีชีพจรเซียนได้หรือไม่ จวบวันนี้ผ่านไปไม่กี่ปีเจ้าเด็กนั้นกลับเป็นหนึ่งในหมู่เซียนด้วย ช่างน่าเหลือเชื่อนัก
“จินหลิน เจ้าจะไปไหนกัน” ชายหนุ่มคนหนึ่งในกลุ่มที่ห้อมล้อมหญิงสาวคนหนึ่งไว้ส่งเสียงทัก เมื่อหญิงสาวคนนี้พลันแยกตัวออกไปจากกลุ่ม ทั้งที่ยากนักที่พวกเขาจะมีโอกาสมาใกล้ชิดกับเธอ
“นั่นไม่ใช่เรื่องของเจ้า” จินหลินตอบอย่างเย็นชา ก่อนจะก้าวเดินออกไป
บรรดาหนุ่มเหล่านั้นต่างพากันสบตากัน ก่อนจะเดินตามเธอไปเพื่อดูว่าเธอไปไหน
ซิ่วจูกลับไม่ประสบปัญหานี้ เมื่อเธอสร้างตัวของตัวเธอเองด้วยพลังเซียนให้เดินไปตามกลุ่ม ส่วนตัวของเธอนั้นแอบเดินออกมาอย่างเงียบๆ
“อาจารย์ข้าจะขอไปพบกับพี่ชายหงเซียวชั่วครู่ ท่านคงไม่ว่าอะไร” เหมยเหมยกล่าวกับอาจารย์ของเธอเอง
“ชายหนุ่มรึ หล่อไหม ข้าขอตามเจ้าไปด้วยได้ไหม” นี่คือคำตอบจากอาจารย์ของเธอ
“อาจารย์….” เหมยเหมยหน้าแดง
“คิกคิกคิก ข้าล้อเล่น เจ้าไปเถอะ หากว่าเจ้าสามารถหลอกเจ้าหนุ่มนั่นกลับมาสำนักได้ ข้าจะให้รางวัลเป็นพิเศษ” อาจารย์ของเธอยังไม่วายแกล้งศิษย์สาว
“ซีชี่ นั่นเจ้าจะไปไหนกัน” ผู้อาวุโสที่ดูแลบรรดาศิษย์กล่าวด้วยความแปลกใจ
“ข้าจะไปทักทายเพื่อนที่ห่างหายกันมานาน เจ้าค่ะ” ซีชี่ตอบ
“เพื่อนย่อมชักนำเจ้าจมดิ่งสู่ความมืด เจ้าควรตัดใจจากเพื่อนของเจ้าได้แล้ว” ผู้อาวุโสกล่าว
“ผู้อาวุโส หากว่าข้าทิ้งพวกเขาไปยามที่ตนเองได้ดี นั่นไม่หมายความว่า ใจข้ามืดบอดไปยิ่งกว่าหรือไร” ซีชี่ตอบ
“อืม เจ้าพูดได้ดี เช่นนั้นก็ไปเถอะ จำไว้ว่า แสงสว่างคือเส้นทางของพวกเรา” ผู้อาวุโสกล่าว
“เจ้าค่ะผู้อาวุโส” เธอตอบก่อนจะหันกายออกไป
“เจ้าหนุ่มคนนี้ ยิ่งนานข้ายิ่งถูกใจ” เจ้าสำนักเซียนสร้างสรรค์อดที่จะยอมรับนับถือหงเซียวไม่ได้ เมื่อเห็นหญิงสาวจากสำนักใหญ่พากันมารุมล้อมเขา
ผู้อาวุโสทุกคนต่างพากันพยักหน้า ในเมื่อพวกเขาได้เห็นบ้านที่หงเซียวออกแบบหลังนั้นแล้ว ไม่มีใครในหมู่พวกเขาเลยสักคนที่จะไม่ยอมรับฝีมือของชายหนุ่มคนนี้ อีกทั้งเครื่องเรือนที่พวกเขาได้รับไปก่อนหน้านั้นก็ใช้งานได้ดีทั้งยังดูหรูหราสง่างามประณีตมาก
แต่เมื่อพวกเขาเห็นชายหนุ่มหลายคนจากสำนักเซียนห้าธาตุติดตามจินหลินมาด้านหลัง พวกเขาก็ขมวดคิ้ว
“คอยดูว่าเจ้าหนุ่มคนนี้จะจัดการเรื่องราวอย่างไร” เจ้าสำนักกล่าวอย่างยิ้มๆ
ห้าสาวเข้าร่วมกลุ่มกับหงเซียวด้วยการโผพุ่งกายเข้าไปในอ้อมกอดเขาพร้อมกับจูบปากของเขาหนึ่งฟอด แต่ก่อนที่เธอจะได้ทำอะไรต่อไป ก็มีมือหลายมือดึงตัวเธอออกไป และคนอื่นก็ผลัดกันจูบเขาที่ปากหนึ่งฟอด
ชิวเยว่ซึ่งได้เห็นตั้งแต่จินหลินทำแล้วได้แต่ยืนนิ่งเป็นไก่ไม้อยู่ที่ตรงนั้นพร้อมกับหน้าแดงก่ำ แต่สุดท้ายจินหลินและเหมยเหมยพลันลากเธอเข้าไปหาเขา พร้อมกับมีซิ่วจูและซีชี่ดันอยู่ด้านหลัง
จุฟ… ชิวเยว่อ่อนระทวยอยู่ในอ้อมแขนของหงเซียว เมื่อถูกจูบลงไปบนปาก โลกทั้งใบหมุนคว้าง ไม่รู้ว่าถ้าอาจารย์ของเธอจางหยางเห็นภาพนี้จะรู้สึกอย่างไรบ้าง
หงเซียวไม่ได้จูบพวกเธอนาน เพราะว่าเขาเห็นว่ามีคนมากนักในบริเวณนี้ เพียงแค่จูบแค่ครั้งเดียว ซึ่งนั่นก็มีน้อยคนที่เห็นชัดเพราะว่าสี่สาวคอยช่วยบังอยู่
เขาประคองชิวเยว่อยู่นานกว่าเธอจะคืนสภาพ
ในระหว่างที่เขากำลังประคองเธออยู่นั้น ชายหนุ่มกลุ่มหนึ่งก็ตรงเข้ามาหา
“จินหลิน เจ้าติดต่อกับชายนอกสำนัก ข้าคงต้องฟ้องอาจารย์เรื่องนี้” ชายคนก่อนหน้านั้นที่พาพรรคพวกตามจินหลินมาพูดขึ้น
“กฏของสำนักข้อไหนที่ห้ามติดต่อกับคนนอกสำนัก เจ้าพูดมาซิ” จินหลินกล่าว
อีกฝ่ายนิ่งงันไปชั่วขณะก่อนจะกล่าวว่า “ถึงแม้จะไม่มีกฏข้อนี้ แต่ว่าการที่เจ้าแอบหลบออกมานี่โดยไม่ขออนุญาตจะทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงสำนัก”
“คิกคิก ช่างน่าขำ พวกเจ้าเองก็แอบติดตามข้ามาไม่ใช่เหรอ แล้วจะแตกต่างกันตรงไหน ในเมื่อเจ้าเองก็ไม่ได้ขออนุญาตเช่นกัน” จินหลินหัวเราะ
“เจ้า...” ชายหนุ่มคนนั้นพลันพูดไม่ออก เขาหันไปทางหงเซียว ในเมื่อเขาไม่อาจเอาผิดจินหลินได้ เขาก็จะหักหน้าเจ้าคนนี้แทน
“นี่เจ้าคนนั้น เจ้าล่อลวงคนของสำนักเซียนห้าธาตุมา เจ้ามีความผิดรู้ไหม จงคืนคนของสำนักข้ามาเดี๋ยวนี้”
“หืม อย่างนั้นรึ เจ้ารู้ได้ยังไงกัน แต่ว่าข้าคิดว่าเจ้าพูดผิดแล้ว จริงแล้วต้องบอกว่าเจ้าจุดไต้ตำตอจึงจะถูก” หงเซียวกล่าวอย่างเยือกเย็น
“หมายความว่ายังไง” อีกฝ่ายไม่เข้าใจ
“ก็หมายความว่า เจ้ากำลังไล่ตามจีบเด็กของคนอื่นอยู่นะสิ เข้าใจไหม” หงเซียวยิ้มเย้ย
“คิกคิกคิก ฮ่าฮ่าฮ่า” หญิงสาวทั้งห้าคนต่างพากันหัวเราะขึ้นมาพร้อมกัน รวมไปถึงคนที่ติดตามชายหนุ่มคนนั้นมาต่างก็อดขำไม่ไหวพากันโก่งคอหัวเราะ