GE477 ก้าวเข้าสู่เส้นทางแห่งปีศาจ ( 3 ) (ฟรี)
ยามนี้หนิงฝานและซูหยานอยู่ภายในโลกเย่าหยวน
หนิงฝานพยายามทำให้ปราณปีศาจในร่างสงบ ส่วนซูหยานก็มองสวนสมุนไพรและโลงลงศพสีครามเบื้องหน้าด้วยความประหลาดใจ
“สมุนไพร? โลงศพ? ใครอยู่ในโลงศพ?” นางกล่าวถามหนิงฝาน แต่เขาย่อมไม่อาจตอบนางได้ จึงพานางไปยังหอคอยทองคำที่อยู่ไกลออกไปแทน
“เราจะอยู่ที่นี่กันสักพัก เจ้าห้ามรบนางเด็ดขาด!” หนิงฝานกล่าวเบาๆ แต่ด้วยน้ำเสียงที่จริงจังของเขา ทำให้นางไม่กล้าปฏิเสธ
“อืม...” นางกล่าวตอบเบาๆ แม้ท่าทางของหนิงฝานจะยิ่งทำให้นางสงสัย แต่นางไม่กล้าถาม เพราะการที่หนิงฝานกล่าวด้วยสีหน้าจริงจังเช่นนั้น ย่อมหมายความว่าเขาไม่ได้ล้อเล่น
ซูหยานเป็นสตรี ย่อมมีสัมผัสรับรู้เรื่องราวทำนองนี้ได้ดี แม้หนิงฝานไม่ได้บอกกล่าวว่าสตรีที่อยู่ในโลงเป็นใคร แต่นางก็เดาได้ว่าสตรีนางนั้นสำคัญกับหนิงฝานมาก
“เขาเป็นห่วงนางมาก… นางคงเป็นสตรีของเขา” ซูหยานกล่าวในใจ ยิ่งนางมองเหว่ยเหลียงที่หลับไหล ก็ยิ่งรู้สึกอิจฉา
เมื่อพานางมาถึงหอคอยทองคำ หนิงฝานพานางเข้าไปข้างใน ผนึกทางออกเอาไว้ ป้องกันไม่ให้นางท่องเที่ยวไปทั่วโลกเย่าหยวน เพราะไม่อยากให้เกิดปัญหา
“ที่นี่คือหอคอยทองคำ เป็นสมบัติที่อยู่อาศัยที่ใช้ในการฝึกฝน เวลาภายในนี้จะเร็วกว่าข้างนอก ตัวเจ้าไปได้สูงสุดแค่ชั้น 4 ที่มีการไหลเวียนของเวลาเร็วกว่าภายนอก 16 เท่า… แต่ชั้นที่ 5 ขั้นไป หากข้าไม่อนุญาติ เจ้าห้ามขึ้นไปเด็ดขาด เพราะตัวเจ้าจะเป็นอันตราย... ข้าจะใช้เวลาฝึกฝนอยู่ในนี้สักระยะ แล้วข้าจะพาเจ้าออกไปสังหารพวกมัน”
หนิงฝานกล่าวพลางมอบโอสถจำนวนหนึ่งให้นาง แล้วมุ่งไปยังชั้น 5
“หอคอยทองคำ...สมบัติที่อยู่อาศัยที่ใช้ฝึกฝน? ไม่นานมานี้ข้าได้ยินว่าเผ่าเนตรปีศาจขัดแย้งกับราชาสุสานบุบผาก็เพราะเรื่องนี้… เผ่าเนตรปีศาจถูกขโมยสนมปีศาจ อนุสรณ์ปีศาจ สมุนไพร และหยกสวรรค์ทั้งหมดไป ส่วนราชาสุสานบุบผาเสียสมบัติของตนไป หรือว่านี่...” นางตกตะลึง นางคิดว่าเหตุที่ราชาสุสานบุบผาและเผ่าเนตรปีศาจต่อสู้กันจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด เป็นเพราะแผนการของหนิงฝาน
นั่นยิ่งทำให้นางสงสัยในตัวหนิงฝานมากขึ้น คำถามมากมายผุดขึ้นในหัว ยิ่งนางได้ใกล้ชิดกับหนิงฝาน นางก็ยิ่งเห็นปริศนามากมายในตัวเขา
นางรู้ว่าเรื่องทั้งหมดเหล่านี้เป็นความลับ หากจะถามหาคำตอบคงไม่ใช่เรื่องง่าย อีกอย่าง การที่ล่วงรู้ความลับไม่ใช่เรื่องที่ดี เพราะหากวันหนึ่งศัตรูของเขารู้เข้า นางอาจถูกสังหารและอ่านความทรงจำ
“ไม่รู้ว่าเขาคิดจะทำยังไงกับข้า เขาแข็งแกร่ง แม้ถูกรุมล้อมด้วยผู้เชี่ยวชาญไร้ดัดแปลง 15 คน ก็ยังเอาตัวรอดมาได้ ข้าสู้เขาไม่ได้… เขาเป็นผู้มีพระคุณของข้า ต่อให้เขาอยากให้ข้าเป็นภรรยา ข้าก็ไม่อาจขัดขืน แต่เขาบอกข้าว่า ข้าคือสนมปีศาจของเขา และบอกว่าข้าเป็นของเขาแล้ว...”
“แต่ข้าเป็นถึงผู้นำเผ่า หากให้เป็นสนมปีศาจของเขา ข้าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน...” ยิ่งขบคิด จิตใจของนางก็ยิ่งว้าวุ่น แม้ว่านางไม่อยากอยู่ใต้อาณัติใคร แต่ก็ดูเหมือนหนิงฝานจะกลายเป็นข้อยกเว้นไป
อีกอย่าง ยามนี้ปราณปีศาจในร่างกายของหนิงฝานผันผวนอย่างรุนแรง จนนางอดเป็นห่วงไม่ได้
“คนในเผ่าทรยศ จากมิตรกลายเป็นศัตรูหักหลัง… ข้าไม่อยากจะปกป้องเผ่าอีกแล้ว”
“ยามที่ข้าต้องเผชิญกับความตาย เขาคอยอยู่เคียงข้างข้า ไม่ทิ้งข้าไว้ลำพัง… หากเรารอดจากภัยพิบัติครั้งนี้ไปได้ แม้ว่าข้าจะต้องเสียหน้า ข้าก็ขอเป็นสนมปีศาจของเขา ตอนนี้ข้าขอแค่...ให้เขาปลอดภัยก็พอ”...
บนชั้น 7 ของหอคอยทมิฬ กาลเวลาไหลเวียนเร็วกว่าโลกภายนอก 128 เท่า
ปราณปีศาจจำนวนมหาศาลที่หนิงฝานได้มาจากอนุสรณ์ปีศาจที่ 4 ทำให้รอยสักปีศาจที่แผ่นหลังยกระดับ โลหิตของโม๋หลัวที่อยู่ภายในตันเถียนเดือดพร่าน
“ข้าต้องทะลวงขอบเขตกายทองคำให้ได้!” หนิงฝานกล่าวในใจ เมื่อก้าวมาถึงจุดนี้แล้ว เขาจะไม่หันหลังกลับ
...
ในเวลาเดียวกันที่ภายในโลกปีศาจ… ได้มีการจัดงานชุมนุมขนาดใหญ่ของโลกทั้ง 9 ใบยังวังภูติ
กษัตริย์พิรุณ… 3 กษัตริย์กระบี่… และ 9 กษัตริย์ปีศาจชุมนุมกันที่นั่น
ภายในโลกปีศาจมีขุมกำลังขนาดใหญ่คล้ายวิหารพิรุณ 9 แห่ง เรียกขานว่าวังทั้ง 9 โดยมี 9 กษัตริย์ปีศาจปกครอง แต่ละวังแข็งแกร่งยิ่งกว่าวิหารพิรุณทั้งหมด
แคว้นที่อยู่ข้างเคียงวังภูติก็ได้จัดงานชุมนุมขนาดใหญ่ขึ้นเช่นกัน งานนั้นเป็นแหล่งรวมตัวของผู้ที่มีพรสวรรค์มีในโลกปีศาจ เพื่อปลุกสายเลือดปีศาจ...
ผู้ที่ควบคุมการจัดงานทั้งหมดคือหนึ่งในกษัตริย์ปีศาจที่ทรงพลัง... หานเนี่ยเทียน
วิถีของปีศาจโบราณนั้นคือการฝึกร่างกายและยกระดับโลหิต แตกต่างจากเผ่าพันธุ์อสูร ดังนั้นที่งานจัดขึ้นก็เพื่อเฟ้นหาผู้มีโลหิตปีศาจไม่สมบูรณ์ ปลุกโลหิตให้กลายเป็นโลหิตปีศาจแท้จริง เดินรอยตามเผ่าพันธุ์ปีศาจโบราณ
ระดับของสายเลือดเผ่าพันธุ์ปีศาจเหมือนกับเผ่าพันธุ์อสูร ซึ่งแบ่งออกเป็น ‘โลหิตปีศาจทั่วไป’ ‘โลหิตปีศาจไม่สมบูรณ์’ ‘โลหิตปีศาจแท้จริง’ ‘โลหิตราชาปีศาจ ’และ ‘โลหิตปีศาจโบราณ’
ผู้เชี่ยวชาญฝ่ายอธรรมทั่วไปจะครอบครองโลหิตปีศาจทั่วไป จะมีเพียงบางคนเท่านั้นที่ปลุกโลหิตปีศาจไม่สมบูรณ์ขึ้นได้
โดยส่วนมากแล้ว ผู้ที่ครอบครองโลหิตปีศาจไม่สมบูรณ์ จะอยู่ในขุมกำลังใหญ่ของโลกปีศาจ หากคนใดสามารถปลุกโลหิตปีศาจแท้จริงขึ้นได้ คนผู้นั้นจะได้กลายเป็นศิษย์ของหนึ่งในกษัตริย์ทั้ง 9 และได้รับการถ่ายทอดวิชาลับให้
เหล่ากษัตริย์ปีศาจทุกคน ล้วนเป็นผู้ครอบครองโลหิตปีศาจแท้จริง เพียงแต่หานเนี่ยเทียนเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์มากที่สุดในเหล่ากษัตริย์ เพราะโลหิตของมันเกือบจะเทียบเคียงโลหิตราชาปีศาจ หากมันปลุกโลหิตราชาปีศาจได้สำเร็จเมื่อไหร่ คงหาผู้ที่ต่อกรกับมันได้ยาก
ในจำนวนผู้ที่ถือครองโลหิตปีศาจไม่สมบูรณ์ 1 ล้านคน จะมีอยู่เพียง 1 ที่สามารถปลุกโลหิตปีศาจแท้จริงได้
ในโลกปีศาจที่สูงชั้นขึ้น นอกจาก 9 ปีศาจโบราณแล้ว ผู้ที่จะครอบครองโลหิตราชาปีศาจนั้นหาได้ยากมาก หากผู้ใดได้ครอบครอง คนผู้นั้นจะกลายเป็นบุคคลสำคัญทันที
ขนาดในโลกระดับสูงยังหาโลหิตราชาปีศาจได้ยาก โลกทั้ง 9 ใบที่ต่ำชั้นกว่าย่อมหาได้ยากยิ่งกว่า
ดังนั้น การที่ 9 กษัตริย์ปีศาจได้ศิษย์ที่ครอบครองโลหิตปีศาจแท้จริง ย่อมถือเป็นวาสนาของพวกมันเช่นเดียวกัน พวกมันจึงจะตั้งใจฝึกฝนศิษย์ของตนเป็นอย่างดี
“ฮ่าฮ่า งานชุมนุมโลหิตที่ 100 ปีจัดครั้ง... ไม่รู้ว่าครั้งนี้จะได้เห็นผู้ที่ครอบครองโลหิตปีศาจแท้จริงหรือเปล่า ข้าหล่ะอยากเห็นจริงๆ” ผู้ที่กล่าวมีนามว่ากษัตริย์ภูติ
“ข้าว่าคงไม่มากนักหรอก เพราะขนาดโลกปีศาจที่สูงชั้นขึ้นไปยังหาโลหิตปีศาจแท้จริงได้ยาก หากเราได้พบสักคนในงานครั้งนี้ก็นับว่าเป็นวาสนาแล้ว” ผู้ที่กล่าวถือกษัตริย์ปีศาจในเกราะแดง นามว่ากษัตริย์โลหิต
กษัตริย์เนี่ยหรือหานเนี่ยเทียนไม่กล่าว อาการบาดเจ็บในวันที่บุกโลกพิรุณของมันหายแล้ว
แม้ว่ามันจะเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์มากที่สุดในเหล่ากษัตริย์ปีศาจทั้งหมด แต่มันไม่ใช่ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด
ในอดีตมันได้พบกับศิษย์น้องของมันที่เมืองฉีเหม่ย ผู้ซึ่งอ่อนแอไร้กำลังจนไม่ควรค่าให้เหลียวมอง แต่สิ่งที่ศิษย์น้องของมันได้ทำเอาไว้ คือใช้ปราณกระบี่ที่ทรงพลังจู่โจมจนมันได้รับบาดเจ็บสาหัส… ความทรงจำในวันนั้นยังคงชัดเจนในใจ ปราณกระบี่ที่ทรงพลังนั่น เป็นของบรรพบุรุษกระบี่โบราณได้ตกทอดไว้
มันสืบหาข้อมูลของบรรพบุรุษกระบี่ จนทราบว่าบรรพบุรุษกระบี่เป็นตัวตนที่ยิ่งใหญ่และทรงพลัง มันคิดไม่ออกว่าเหตุใดศิษย์น้องของมันถึงได้มีปราณกระบี่ระดับนั้นป้องกันตัว ใครเป็นผู้มอบให้? อย่างน้อยๆก็ไม่ใช่หานหยวนจี๋ เพราะกระเป๋าของหานหยวนจี๋อยู่ในแดนสวรรค์… หรือโลกกระบี่เป็นผู้มอบให้? แต่ปราณกระบี่ที่ทรงพลังเทียบเท่าการจู่โจมของ 3 กษัตริย์กระบี่ปัจจุบันรวมกัน เหตุใดพวกมันจะยอมยกให้ผู้อื่น?
ข้อสงสัยนี้ยังคงค้างใจของมัน เหตุที่มันต้องสังหารหานหยวนจี๋และหนิงฝาน ก็เพราะมันได้รับคำสั่งมาจากแดนสวรรค์
เมื่อลองขบคิดสวนทาง มันคิดว่าบางทีศาลาไร้ธรรมอาจจงใจมอบให้หนิงฝาน เพราะด้วยจ้าวแห่งศาลาไร้ธรรมแล้ว การจะหาปราณกระบี่ระดับนั้นมาได้ย่อมไม่ใช่เรื่องยาก
แต่ความจริงของเรื่อง คือหานเนี่ยเทียนเดาได้ถูกแล้ว เพราะผู้นำศาลาไร้ธรรม...สาวน้อยที่หนิงฝานพบเจอในวันนั้น จงใจนำฝักกระบี่มาประมูล เพื่อให้หนิงฝานได้ครอบครองมัน นางรู้ว่าหนิงฝานจะปรุงโอสถรักษาหานหยวนจี๋ได้สำเร็จ และรู้ว่าหานเนี่ยเทียนจะตามมาสังหารชายชรา นางจึงได้มอบฝักกระบี่นั่นให้หนิงฝานเพื่อใช้ขับไล่หานเนี่ยเทียน
ยามนี้หานเนี่ยเทียนทุ่มทุกสิ่งไปกับการฝึกฝนเพื่อทะลวงขอบเขตไร้แบ่งแยกที่ 6 และก็ถึงเวลาของงานชุมนุม มันจึงออกจากการฝึกมาร่วมงาน
ภายในงานมีอนุสรณ์ปีศาจขนาดใหญ่ของปีศาจโบราณทั้ง 9 ตั้งตระหง่าน เป็นสมบัติที่คนโบราณเป็นตกทอดเอาไว้ให้รุ่นหลังได้ใช้ปลุกโลหิตปีศาจของตน
ในขณะที่ทุกคนกำลังพูดคุย จู่ๆบนท้องนภากลับปรากฏหมอกสีแดงฉาน ก่อตัวเป็นหยดโลหิตขนาดใหญ่ เหล่าผู้เชี่ยวชาญตกตะลึง งานชุมนุมกลายเป็นอัมพาต
ผู้ที่อยู่ขอบเขตแก่นทองคำและดวงจิตแรกเริ่มจ้องมองปรากฏการณ์ด้วยความสงสัย
ขอบเขตตัดวิญญาณและไร้ดัดแปลงตกตะลึง ราวกับพวกมันรู้อะไรบางอย่าง
แต่กับเหล่ากษัตริย์ปีศาจทั้งหมดกลับผุดลุกยืนด้วยสีหน้าแตกตื่น โดยเฉพาะกับหานเนี่ยเทียนที่แทบไม่อยากเชื่อสายตา
“ปรากฏการณ์โลหิตทมิฬบนท้องนภา!”
หานเนี่ยเทียนพยายามข่มใจ ทุกครั้งที่เกิดปรากฏการณ์นี้ขึ้น จะตาม,าด้วยเหตุการณ์ใหญ่ที่สั่นสะเทือนไปทั้งโลกปีศาจ ซึ่งเหตุการณ์ที่ว่า จะมีแต่เหล่ากษัตริย์ปีศาจเท่านั้นที่รู้
“เป็นไปไม่ได้! ทำไมโลกชั้นล่างอย่างเราถึงให้กำเนิดโลหิตราชาปีศาจ!” กษัตริย์โลหิตตกตะลึง
“คนผู้นั้นเป็นใคร? ข้าจะไปตามหาตัวมัน ข้าต้องรับมันเป็นศิษย์ให้ได้!” กษัตริย์ภูติกล่าวด้วยความตื่นเต้น
ปราณกฏการณ์ที่ปรากฏคือจุดเริ่มต้นของการปลุกโลหิตราชาปีศาจ แต่ยังไม่แน่ว่าจะปลุกได้สำเร็จ
แต่ในชั่วพริบตาถัดมา เงาร่างของผู้เยาว์ในอาภรณ์ขาว ได้ปรากฏขึ้นกลางท้องนภา แต่ไม่อาจเห็นรูปลักษณ์และใบหน้าได้ชัดเจน ซึ่งนั่นทำให้เหล่ากษัตริย์ปีศาจเสียดาย เพราะไม่อาจทราบได้ว่าผู้เยาว์คนนั้นเป็นใคร
จะมีก็เพียงแต่หานเนี่ยเทียนที่รู้สึกคุ้นกับลักษณะของผู้เยาว์คนนั้น ราวกับมันเคยเห็นที่ใดมาก่อน
ถึงผู้อื่นจะยินดี แต่หานเนี่ยเทียนกลับไม่มีความรู้สึกว่าอยากจะได้ผู้เยาว์คนนั้นมาเป็นศิษย์ มันรู้สึกเป็นปฏิปักษ์และอยากสังหารอีกฝ่าย
“มันเป็นใคร… ข้าเคยเห็นมันที่ไหนมาก่อน...”
ในชั่วพริบตานั้น ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเมืองฉีเหม่ยก็ปรากฏ เงาร่างของผู้เยาว์ในอาภรณ์ขาวผู้นั้น คล้ายคลึงกับศิษย์น้องของมันมาก
“ไม่… ไม่ใช่มัน ไม่มีทางเป็นมดปลวกอย่างมัน!”
หานเนี่ยเทียนเย้ยหยันพลางนั่งลงเช่นเดิม… มดปลวกตัวนั้นหากไร้ซึ่งปราณกระบี่โบราณ ก็ไร้ค่าให้มันจดจำ
“หากไม่ใช่ขอบเขตไร้แบ่งแยก ทุกคนล้วนเป็นแค่มดปลวก เด็กนั่นอยู่เพียงขอบเขตประสานวิญญาณ ทั้งชีวิตของมันไม่มีทางมาถึงขอบเขตไร้แบ่งแยก… ไอ้คนไร้ค่า”
“แม้ปรากฏการณ์จะบ่งบอกว่าผู้ที่ครอบครองโลหิตราชาปีศาจถือกำเนิด แต่ก็ใช่ว่ามันผู้นั้นจะปลุกโลหิตได้สำเร็จ… เป็นไปได้ยากที่โลหิตระดับนั้นจะปรากฏเป็นโลกเบื้องล่าง”
ในขณะที่มันกล่าวกับตนเองอยู่นั้น ปรากฏการณ์บนท้องนภาก็ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น ราวกับกำลังจะมาถึงบทสรุป ว่าจะปลุกโลหิตราชาปีศาจสำเร็จหรือไม่
แววตาหานเนี่ยเทียนแปรเปลี่ยนเย็นชา ในโลกทั้ง 9 ใบนี้ มันคือผู้เชี่ยวชาญฝ่ายอธรรมอันดับ 1… หากมีผู้ปลุกโลหิราชาปีศาจได้สำเร็จ แสดงว่าคนผู้นั้นมีพรสวรรค์เหนือกว่ามัน
“มันไม่มีทางสำเร็จแน่!” ใบหน้าหานเนี่ยเทียนเริ่มซีดขาว มันได้แต่หวังว่าให้คนผู้นั้นล้มเหลว
*ตูม!*
เสียงระเบิดดังสนั่น ปรากฏการณ์ทวีความรุนแรงขึ้นในชั่วพริบตา พร้อมกับแรงกดดันของผู้เยาว์ในอาภรณ์ขาวที่ยกระดับจนถึงขั้นที่น่าสะพรึงกลัว
โลหิตของผู้เชี่ยวชาญในโลกปีศาจเดือดพร่าน กษัตริย์ปีศาจทั้ง 9 สัมผัสได้ว่าโลหิตของผู้เยาว์คนนั้นบรรลุระดับที่เหนือกว่าพวกมัน
ในขณะที่ทุกตกตะลึงอยู่นั้น เส้นแสงสีดำได้พุ่งออกจากร่างของผู้เยาว์อาภรณ์ขาว เสียงระเบิดดังกึกก้อง สนั่นไปทั่วท้องนภาโลกปีศาจ
“โลหิตราชา… คนผู้นั้นปลุกโลหิตราชาสำเร็จ!”
*เปรี้ยง!*
หานเนี่ยเทียนทุบโต๊ะแล้วผุดลุกขึ้น ความเกลียดชังและไม่ยอมแพ้ผุดขึ้นในใจของมัน ผู้ที่มีพรสวรรค์มากกว่ามันปรากฏตัวขึ้นแล้ว!
“มันต้องเป็นคนจากโลกเบื้องสูงแน่ ไม่มีทางอยู่ในโลกทั้ง 9 นี้ แค่มันมาปลุกโลหิตปีศาจที่นี่เท่านั้น!”
“ข้าไม่เชื่อว่าในโลกทั้ง 9 ใบจะมีผู้ที่มีพรสวรรค์เหนือข้า!”...
หนิงฝานไม่รู้ว่าปรากฏการณ์โลหิตบนท้องนภา ได้ปรากฏขึ้นในโลกทั้ง 9 ใบ ตอนนี้เขากำลังดูดซับปราณปีศาจภายในร่างอย่างช้าๆ ร่างกายของเขาเปล่งแสงสีทองบริสุทธิ์ และกำลังพยายามทะลวงขอบเขตกายทองคำ
รอยสักปีกศาจที่แผ่นหลังยกระดับไปอีกขั้น จนยามนี้ รอยสักได้กลายเป็นตราสัญลักษณ์ของโม๋หลัวไปแล้ว
โลหิตในกายหนิงฝานเดือดพร่าน เขาสัมผัสได้ว่าโลหิตของตนยกระดับไปอีกขั้น ซึ่งเขาไม่รู้ว่าความหมายของขอบเขตที่บรรลุว่ามันคืออะไร
หนิงฝานรู้เพียงว่าเขากำลังจะบรรลุขอบเขตกายทองคำ และนั่นก็ยังไม่พอที่จะให้เขาลบล้างตราประทับทาส หรือดูดซับโลหิตของโม๋หลัวได้ เหตุผลเป็นเพราะเขายังไม่มีสัญลักษณ์ปีศาจโบราณ
เหตุผลหลักที่ผู้เชี่ยวชาญฝ่ายอธรรมผู้ถือครองโลหิตปีศาจ ยังไม่อาจปลุกโลหิตในระดับสูง หรือกระทั่งยกระดับเป็นโลหิตปีศาจโบราณได้ เพราะพวกมันไม่มีสัญลักษณ์ปีศาจโบราณ
“ก่อนที่ข้าจะทะลวงขอบเขตกายทองคำ ข้าต้องใช้วิชาปีศาจโบราณ สร้างสัญลักษณ์ปีศาจของโม๋หลัวให้ได้ก่อน หากสำเร็จ...ข้าก็สามารถดูดซับโลหิตของโม๋หลัวได้อย่างสมบูรณ์ ดูดซับโอสถและสิ่งต่างๆ เพื่อให้กายทองคำของข้าสมบูรณ์แบบ!”
“และนั่น...ก็จะทำให้ข้ากลายเป็นผู้ที่เดินตามเส้นทางปีศาจโบราณอย่างแท้จริง!”
“ในเมื่อตัวข้าหนิงฝานก้าวเดินในเส้นทางของปีศาจ ข้าก็จะมุ่งไปให้ถึงจุดสูงสุด… เพื่อเป็นปีศาจที่แข็งแกร่งที่สุดให้ได้!”
“หากตัวข้ายังไม่ตาย สวรรค์ก็ไม่อาจอยู่อย่างสงบ!”
“สร้างสัญลักษณ์!” หนิงฝานขยับมือเป็นท่าทาง โคจรตามวิชาที่ได้จากอนุสรณ์ปีศาจ แล้วร่ายเคล็ดความ
รอยสักที่อยู่บนแผ่นหลังบิดตัวไปมา บนแผ่นอกปรากฏหลุมขนาดใหญ่ดูน่ากลัว แต่กลับไม่มีโลหิตไหลออกมา
หลุมบนแผ่นอกขยายใหญ่ขึ้นอย่างต่อเนื่อง ราวกับจะกลืนกินไปทั้งร่าง ความรู้สึกกระหายในโลหิตปรากฏขึ้นในใจ ดวงตาแดงฉานราวกับโลหิต
“โลหิต… สิ่งสำคัญสำหรับปีศาจโบราณคือโลหิต มีเพียงโลหิตที่จะเติมเต็มช่องว่างในร่างกายได้!”
“ข้าต้องการโลหิต! เอาโลหิตมาให้ข้า!”
คำกล่าวของหนิงฝานสะท้อนก้อง ก้อนโลหิตสีดำขนาดยักษณ์ปรากฏขึ้นเหนือศีรษะ แล้วระเบิดกลายเป็นหมอกปราณปีศาจซึมเข้าสู่ร่างหนิงฝาน
ที่มือข้างขวาของเขาปรากฏอักษรสีทองดำ ก่อตัวจากปราณปีศาจที่ถูกดูดซับเข้ามา… และนั่นคือสัญลักษณ์ปีศาจโบราณ!...