บทที่ 18 : ทวงข้าวคืน (2/2)
บทที่ 18 : ทวงข้าวคืน (2/2)
ในใจของเหลียนหลี่นั้น ทั้งรู้สึกโมโหแล้วก็หงุดหงิดใจเป็นอย่างมาก แต่เขาก็ทำได้แค่คิดในใจว่า ‘ข้าจะต้องไม่เต้นไปตามเกมของนาง!’ ก่อนเขาจะเอ่ยถามอย่างเยือกเย็นว่า "จริงๆ แล้ว พวกเจ้ามาบ้านข้าทำไม? รีบๆ พูดธุระของพวกเจ้ามา จะได้รีบๆ ออกจกบ้านข้าไปซะ!"
เห็นดังนั้นเหลียนฟางโจวจึงพูดขึ้น "เมื่อตอนช่วงเก็บเกี่ยวของฤดูใบไม้ร่วงที่ผ่านมา ท่านลุงกับท่านป้าอุตส่าห์เมตตาไปช่วยบ้านเราเก็บเกี่ยวข้าวในนาทั้งหมดจนเสร็จ พวกเราพี่น้องรู้สึกขอบคุณแล้วก็ซาบซึ้งใจในน้ำใจของพวกท่านเป็นอย่างมากวิญญาณท่านพ่อท่านแม่ของพวกเราที่อยู่สวรรค์เอง ก็คงจะขอบคุณพวกท่านด้วยเช่นกัน! แต่ข้าเห็นว่าพวกท่านนั้นช่วยเก็บรักษาข้าวพวกนั้นแทนเราไว้นานแล้ว เพราะฉะนั้นพวกเราเลยคิดว่าคงถึงเวลาแล้วล่ะ ที่พวกเราจะรับข้าวพวกนั้นไปดูแลเองสักที!"
“เจ้ากำลังพูดถึงเรื่องอะไร?” นางเฉียวเริ่มโมโหจนถึงขีดสุด ก่อนนางจะตะโกนออกมาอย่างเกรี้ยวกราด “เจ้าฝันเหรอ?!”
เหลียนฟางโจวเพิกเฉยต่อการขัดจังหวะของนางเฉียว เธอยังคงพูดต่อไปด้วยน้ำเสียงในโทนเดิมว่า “เมื่อคืนท่านแม่มาเข้าฝันข้า บอกว่าให้มาเอาข้าวหนึ่งพันชั่งคืนที่บ้านท่านลุงกับท่านป้า และส่วนที่เหลือก็ให้มอบให้ท่านทั้งสอง เพื่อเป็นการแสดงความกตัญญูที่พวกท่านนั้นอุตส่าห์ช่วยเก็บเกี่ยวให้ ท่านลุงกับท่านป้าก็แก่ปูนนี้แล้ว คงจะไม่ทำตัวหน้าไม่อายฮุบเอาข้าวของหลานๆไปหรอกใช่ไหมเจ้าคะ?”
“หยุดแต่งเรื่องไร้สาระ แล้วก็อ้างเรื่องผีสางได้แล้ว!!” นางเฉียวไม่เคยสัมผัสกับคำว่าเป็นผู้ให้อยู่แล้ว เพราะส่วนมากนางมักจะเป็นผู้รับอยู่เสมอ แล้วยิ่งอ้อยเข้าปากช้างขนาดนี้แล้วด้วย มีหรือที่นางจะยอมคายออกมาง่ายๆ
ถึงแม้ว่าเรื่องที่เหลียนฟางโจวพูดจะเป็นเรื่องจริงแล้วยังไงล่ะ แค่คิดว่านางต้องจะเสียข้าวพวกนั้นออกไป นางก็รู้สึกเหมือนกับกำลังจะโดนเฉือนเนื้อแล้วไป นังเด็กจองหอง ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห
นางเฉียวหัวเราะเย้ยหยัน “หึเจ้านี่มันเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวเสียจริง นี่ถึงขนาดไปเอาแม่ที่ตายไปแล้วมาอ้างเป็นตุเป็นตะเลยเหรอ คิดว่าเอาคนตายมาอ้างแล้วพวกเราจะกลัวเหรอ ฝันไปเถอะว่าพวกเราจะเชื่อฝันไร้สาระของเจ้า!!!”
“สิ่งที่ท่านป้าพูดมามันก็ไม่ถูก” เหลียนฟางโจวเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่ดังมากนัก “ที่ข้าพูดไปทุกคำนั้น ล้วนแต่เป็นความจริง คิดดูสิ ข้าจะกล้าเอาเรื่องพวกนี้มาล้อเล่นได้ยังไงกันล่ะเจ้าคะ อีกอย่างถ้ามันไม่ใช่เรื่องจริงมีหรือที่ข้าจะกล้าบุกมาหาท่านลุงกับท่านป้าถึงบ้านเช่นนี้?”
“ใช่ เมื่อก่อนเจ้าอาจจะไม่กล้า แต่ตอนนี้เจ้ามันโดนผีเข้า มีอะไรบ้างที่เจ้าจะไม่กล้าทำ!!” นางเฉียวพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน
ในขณะที่นางเฉียวกำลังตอบโต้กับเหลียนฟางโจวอยู่เหลียนหลี่ก็กำลังครุ่นคิดอย่างสงสัยว่า ถ้าหากว่าไม่ใช่เพราะแม่ที่ตายไปแล้วของนางมาเข้าฝันจริงๆ มีหรือที่เด็กอย่างนางจะกล้าวิ่งมาก่อเรื่องถึงที่บ้านของเขา?
แต่ถึงอย่างนั้น เหลียนหลี่กับนางเฉียวก็ยังมีความคิดตรงกันที่ว่าพวกเขาไม่ต้องการที่จะส่งข้าวหนึ่งพันชั่งคืนให้กับเด็กพวกนี้ พวกเขาไม่แม้แต่อยากจะพูดถึงมันด้วยซ้ำ
เหลียนหลี่ลืมตาขึ้นแล้วก็จ้องมองไปยังสองพี่น้อง ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ข้าว่าที่แม่ของเจ้าพูดนั้นก็ไม่ถูกนะ ทำไมหลังจากเก็บเกี่ยวเสร็จแล้วข้าวของพวกเจ้าถึงจะมาอยู่ที่บ้านของข้าได้ล่ะ? ก็ในเมื่อตอนที่เก็บเกี่ยวเสร็จ พวกเราก็เอาข้าวทั้งหมดให้พวกเจ้าไปหมดแล้ว ทำไมพวกเจ้ายังมาทวงถามหาข้าวพวกนั้นอยู่อีก? พวกเจ้าสองพี่น้องไม่มียางอายบ้างเลยหรือไง ในสายตาของพวกเจ้ายังเห็นข้าเป็นลุงอยู่ไหม?”
“ที่ลุงของพวกเจ้าพูดมานั้น ถูกต้องที่สุด!!” นางเฉียวเมื่อได้ยินสามีพูดมาแบบนั้น นางก็รีบพูดเสริมด้วยน้ำเสียงเชิงน้อยใจว่า “ทำดีแล้วไม่ได้ดีจริงๆพวกเราอุตส่าห์ลำบากลำบน ไปช่วยพวกเจ้าเก็บเกี่ยวอย่างยากลำบากตลอดทั้งวันทั้งคืน เหนื่อยจนสายตัวแทบขาด แต่พวกเจ้าก็ยังมาหาว่าพวกเราผัวเมียโกงเอาข้าวของพวกเจ้าไปอีก พวกเราก็ไม่คาดหวังว่าพวกเจ้าจะต้องมาขอบคุณหรือให้เกียรติพวกเราหรอกนะ แต่ก็ไม่เคยคิดว่าพวกเจ้าจะเนรคุณได้ขนาดนี้! สวรรค์จะต้องลงโทษพวกเจ้าแน่!!”
“ท่านป้า!! ท่านกล้าสาบานหรือไม่ ว่าทุกคำที่ท่านพูดออกมาเป็นความจริง!!” เมื่อเหลียนเซ่อได้ยินคำพูดของนางเฉียวที่พูดกลับดำให้เป็นขาว เขาถึงกับโมโหจนควันออกหู
“สวรรค์!! ท่านดูสิ!!” นางเฉียวแกล้งร้องไห้ออกมาเสียงดัง “หลานชายที่ไหนกล้าบังคับให้ป้าสาบานแบบนี้บ้าง? เลี้ยงหมาเลี้ยงแมวมันยังรู้คุณคน แต่นี้เป็นคนแท้ๆทำไมถึงได้อกตัญญูขนาดนี้!! นี่มันไม่ยุติธรรมเลย...”
“พอแล้วๆ เจ้าพูดให้น้อยลงหน่อยเดี๋ยวเขาจะหาว่าพวกเราเป็นผู้ใหญ่รังแกเด็กอีก” เหลียนหลี่พูดขัดนางเฉียวออกมาเมื่อเห็นว่าเรื่องเริ่มชักจะไปกันใหญ่ ก่อนเขาจะพูดกับสองพี่น้องบ้านเหลียนด้วยน้ำเสียงเนิบๆว่า “ข้าวพวกนั้นข้ามอบให้พวกเจ้าไปหมดแล้ว ถ้าเจ้าจะมาขอเพิ่มอีก มันก็คงจะเป็นไปไม่ได้หรอก”
“พวกท่านให้ข้าวพวกเรามาก็จริง แต่นั่นมันไม่ใช่ข้าวทั้งหมดของพวกเรา นา 3 หมู่ของพวกเราให้ผลผลิตราวๆ1,400 – 1,500 ชั่ง แต่ที่พวกท่านให้เรามามันแค่ 300 – 400 ชั่งเท่านั้น!! ท่านกล้าพูดได้อย่างไรว่าให้พวกเรามาหมดแล้ว!!” เหลียนเซ่อตอบกลับด้วยความโมโห
“ฮ่าๆ” เหลียนหลี่หัวเราะเย้ยหยันก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงสบประมาทว่า “พวกเจ้ามีหลักฐานอย่างนั้นหรือ? หรือว่าตอนนั้นพวกเจ้าชั่งน้ำหนักเอาไว้? แล้วถ้าชั่งเจ้ามีพยานรู้เห็นด้วยไหม? ยังไงข้าก็ยืนยันว่าข้าวที่เก็บเกี่ยวได้ข้าให้บ้านเจ้าไปหมดแล้ว ส่วนหลังจากนั้นพวกเจ้าจะเอาไปขายหรือว่าเก็บเอาไว้กินต่อ มันก็เรื่องของพวกเจ้า ข้าไม่รู้อะไรด้วยแล้ว!!”