บทที่ 17 : ทวงข้าวคืน (1/2)
บทที่ 17 : ทวงข้าวคืน (1/2)
บ้านลุงของเหลียนฟางโจวนั้นอยู่ไม่ไกลจากบ้านของพวกเขามากนัก บ้านหลังใหญ่โอ่โถ่งกว้างขวาง อีกทั้งยังดูสะอาดสะอ้านเรียบร้อย นับว่าชีวิตความเป็นอยู่ของพวกเขานั้นไม่เลวเลยทีเดียว
เมื่อนางเฉียวเห็นเหลียนฟางโจวและเหลียนเซ่อ นางก็นึกถึงเรื่องที่นางหยางมาถอนหมั้น แล้วเหลียนฟางโจวก็ไม่ยอมแบ่งเงินค่าถอนหมั้นให้นางขึ้นมา ความโกรธที่มีเยอะเป็นทุนเดิมอยู่แล้วก็ปะทุขึ้นมาอีกครั้ง นางเฉียวมองเหลียนฟางโจวด้วยสายตาไม่เป็นมิตร ก่อนจะตะคอกขึ้นว่า “พวกเจ้ามาที่นี่ทำไม!! ออกไปจากบ้านของข้าซะ!! ที่นี่ไม่ต้อนรับพวกเจ้า!!”
แต่แทนที่เหลียนฟางโจวจะเดินกลับไป เธอกลับเดินดุ่มๆเข้าไปที่ห้องโถง ก่อนจะนั่งลงที่ม้านั่งตัวหนึ่ง แล้วตอบกลับไปว่า “พวกเราก็มาทวงของที่ควรจะเป็นของพวกเราคืนน่ะสิ!! หรือท่านป้าคิดว่าพวกเรามาทำไมอะไรกันล่ะ?”
“เหลวไหล!!” ใบหน้าของเหลียนหลี่ผู้ซึ่งมีศักดิ์เป็นลุงของเหลียนฟางโจวเปลี่ยนเป็นมืดครึ้ม ก่อนเขาจะขึ้นอีกครั้งด้วยน้ำเสียงเชิงตำหนิว่า “เหลียนฟางโจว! เจ้าคิดอะไรของเจ้าอยู่ นั่นเป็นสิ่งที่เจ้าควรพูดกับผู้อาวุโสอย่างนั้นหรือ?”
“โอ้ว.....ท่านลุงยังจำได้ด้วยเหรอว่าตัวเองเป็นผู้อาวุโส!!” เหลียนฟางโจวหัวเราะอย่างเยือกเย็นและพูดต่อว่า “วางแผนฮุบเอาทรัพย์สมบัติของหลานๆที่กำพร้าพ่อแม่!! อีกทั้งยังคอยกลั่นแกล้งและเอารัดเอาเปรียบเด็กกำพร้าไม่มีทางสู้ นี่นะหรือสิ่งที่ผู้อาวุโสพึงกระทำกัน!! ลุงกับป้าไม่ละอายต่อท่านพ่อท่านแม่ของพวกเราที่กำลังมองดูอยู่บนสวรรค์บ้างหรือยังไง?!”
“เจ้า!!” เหลียนหลี่โมโหจนลมแทบจับ เขาทั้งแน่นหน้าอกแล้วก็หน้าแดงก่ำไปหมด “ไม่ต้องเอาพ่อแม่ของเจ้ามาอ้าง!! พวกเราไม่ได้เป็นหนี้อะไรเจ้าทำไมพวกเราต้องชดใช้ให้เจ้าด้วย! อีกอย่างถ้าเจ้าบอกว่าพวกเรารังแกเจ้า ไหนล่ะหลักฐาน? เอาหลักฐานออกมาสิ! พูดจาไร้สาระจริงๆ นี่เห็นว่าเจ้ายังเป็นเด็กและไม่บรรลุนิติภาวะอยู่นะ ข้าก็เลยจะไม่เอาเรื่องก็แล้วกัน ทีนี้พวกเจ้าก็รีบๆ ขอโทษมา แล้วก็ออกจากบ้านข้าไปได้แล้ว!”
เหลียนหลี่จ้องหน้าเหลียนฟางโจวเขม็ง ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังหนักแน่น “เจ้าช่างเปลี่ยนไปจากเดิมมากจริงๆ อะไรถึงทำให้เจ้ากลายเป็นคนแบบนี้ไปได้ หรือว่าเจ้าจะโดนผีเข้าเหมือนอย่างที่พวกชาวบ้านเขาว่ากันจริงๆ แล้วก็เพราะเจ้ากลายเป็นเด็กก้าวร้าวไม่รู้จักเด็กไม่รู้จักผู้ใหญ่แบบนี้ไง บ้านหยางเขาถึงเร่งเร้าอยากจะถอนหมั้นกับเจ้านักหนา นิสัยอย่างนี้ ชาตินี้ทั้งชาติก็คงหาผู้ชายดีๆมาแต่งงานด้วยไม่ได้หรอก!!”
“ท่านลุง ท่านพูดแบบนี้กับพี่สาวของข้าได้อย่างไร!!” เหลียนเซ่อโกรธมาก แต่เขาก็ไม่รู้จะช่วยยังไง เด็กชายเลยได้แต่กำมัดแน่น
เหลียนฟางโจวตบไหล่ของเขาเบาๆเป็นเชิงปรามให้เขาใจเย็นลง ก่อนจะตอบเหลียนหลี่ว่า “ทำไมข้าถึงกลายเป็นคนแบบนี้น่ะหรือ? ก็เพราะแม่ของข้ามาสอนข้าในฝันว่า ม้าดีแบบไหนที่ควรเลือกมาขี่ แล้วก็คนแบบไหนที่ควรค่าแก่การเคารพนับถือน่ะสิ แถมท่านยังบอกอีกนะว่าถ้าเกิดเราทำตัวใจดีเกินไปจะโดนคนเอารัดเอาเปรียบและรังแกเอาได้ ดังนั้นข้าก็เลยกลายมาเป็นคนแบบนี้ยังไงล่ะ อ่อ…อีกอย่างเรื่องในครอบครัวข้าท่านลุงไม่จำเป็นต้องมากังวล ส่วนเรื่องที่บ้านหยางถอนหมั้นกับข้านั่นก็ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของท่านลุงอีกเหมือนกัน แล้วไหนจะเรื่องนิสัยของข้าที่ท่านลุงบอกว่าชาตินี้ทั้งชาติก็คงไม่ได้แต่งงานอีก ถามจริงท่านลุงคิดว่าพูดแบบนี้แล้วข้าจะเสียใจหรือ บอกไว้ตรงนี้เลยนะว่าข้าไม่สนใจแล้วก็ไม่เสียใจด้วย!!”
เหลียนฟางโจวคิดในใจว่าดีนะคนที่โดนด่าแบบนี้เป็นเธอ เพราะสำหรับเธอแล้ว คำด่าแค่นี้ถือว่าสบายมาก แถมยังไม่ได้ระคายเคืองผิวเธอเลยสักนิดเดียว กับอีแค่โดนถอนหมั้นแล้วไม่ได้แต่งงานถือว่าเป็นเรื่องธรรมดามาก แต่ถ้าลองเป็นเหลียนฟางโจวคนเดิมมาโดนด่าแบบนี้สิ คงได้โมโหตายไปอีกรอบแน่ๆ
ในสมัยโบราณนั้นคำพูดสามารถมีพิษร้ายมหาศาลจนถึงขั้นทำให้คนๆ หนึ่งตายได้เลยทีเดียว ยิ่งมาพูดว่าเป็นเด็กไม่มีสัมมาคาราวะ หรือชาตินี้ทั้งชาติก็คงจะไม่มีใครมาแต่งงานด้วยแล้ว สำหรับเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ยังไม่ถึงวัยแต่งงานดี มีหรือที่พวกนางจะทนฟังคำพูดพวกนี้ได้
สังเกตง่ายๆจากอาการของเหลียนเซ่อที่พอได้ยินคำพวกนั้น เขาถึงกับโกรธเป็นฟืนเป็นไฟยังไงล่ะ
เหลียนหลี่คาดไม่ถึงว่าเหลียนฟางโจวจะยังคงสงบนิ่งและไม่สะทกสะท้านอะไรกับคำพูดของเขาเลย ยิ่งไปกว่านั้นนางยังตอกหน้าเขากลับมาเป็นฉากๆ อีก และท่าทางที่ไม่แยแสเหล่านั้นของนาง ก็ดูเหมือนว่าไม่ใช่แค่การแสดงหรือการแสร้งทำเลยสักนิด
เขาถึงกลับตกตะลึงและมึนงงเป็นอย่างมาก
นางเฉียวเมื่อเห็นว่าทางฝั่งสามีกำลังเพลี่ยงพล้ำ นางก็เริ่มรู้สึกขุ่นเคืองใจเป็นอย่างมาก เธอฟึดฟัดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันว่า “หน้าหนา!! หน้าด้าน!! คนอะไรช่างไร้ยางอายเสียจริง!!”
“ใช่ๆ หน้าไม่อาย” เหลียนหลี่พูดเสริมขึ้นมาบ้าง
“พวกท่านกำลังพูดอะไรกัน!!” เหลียนเซ่อโกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขาพร้อมที่จะวิ่งเขาไปปะทะกับสองผัวเมียเต็มที่แต่ก็ดันถูกเหลียนฟางโจวห้ามเอาไว้ก่อน
“อาเซ่อไม่จำเป็นต้องโมโหไปหรอก” เหลียนฟางโจวหัวเราะเบาๆ ก่อนจะยิ้มและพูดด้วยน้ำเสียงเนิบๆ ว่า “เป็นคนแบบไหนก็มักจะพูดแบบนั้นออกมาเป็นธรรมดา ถ้าท่านลุงท่านป้ายังด่าไม่สาแก่ใจท่านจะขุดบรรพบุรุษสิบแปดชั่วโครตของข้ามาด่าด้วยก็ได้นะเจ้าคะ พอด่าเสร็จแล้วจะได้มาคุยเรื่องธุระกันสักที!!”
เหลียนหลี่โกรธจนตัวสั่น เขาจ้องเหลียนฟางโจวตาเขม็ง ดูคำพูดคำจาของนางสิ ฟังแล้วเขาก็อยากจะเป็นลมตายไปให้รู้แล้วรู้รอด บรรพบุรุษสิบแปดชั่วโครตของนาง มันก็บรรพบุรุษของเขาด้วยไม่ใช่หรือ นี่แม้แต่บรรพบุรุษของตระกูลนางก็ยังไม่เว้น นังเด็กนี่มันเจ้าเล่ห์ร้ายกาจจริงๆ!