ตอนที่ 18 มังกรแดงตัวน้อย
ในเทือกเขาที่คละคลุ้งไปด้วยกลิ่นกำมะถัน ณ ที่แห่งนั้นได้มีถ้ำขนาดมหึมาที่ซึ่งอสูรกายร่างยักษ์ใหญ่ที่แสร้งทำเป็นหลับใหลพำนักอยู่
ช่างสง่า ช่างงดงาม ช่างใหญ่โต ช่างดุดัน เหล่าวลีที่ขัดแย้งซึ่งกันและกันนี่ได้ผสมผสานกันอย่างลงตัวเมื่อต้องมาอยู่ต่อหน้าอสูรกายที่ขนาดตัวมิได้ด้อยกว่าเนินเขาเล็กๆตนนี้ เกล็ดบนร่างอันคมกริบดังใบมีดที่ทอประกายแสงเป็นลำเงาเฉกเช่นกระจกสะท้อนแสงตะวัน คมเล็บสีเงินเรืองรองที่ใหญ่โตราวเสาค่ำยัน
ตัวตนอันสูงส่งที่ราวกับร่างจุติของผู้ปกครองใต้หล้า ลมหายใจที่นำมาซึ่งลมพายุและสายฟ้าฟาด ภายใต้การจ้องมองจากดวงตาเวทย์ของเหล่ามังกร ทุกสรรพชีวิตย่อมรู้สึกราวกับว่าชีวิตของตนนั้นได้มาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว
แต่ ณ วินาทีนี้ ราชันย์โดยกำเนิดตนนี้กำลังหลี่ตาของตนลง ราวกับว่ากำลังจดจ้องไปที่อะไรบางอย่าง แล้วในฉับพลันนั้นเอง อสูรกายตนนี้ก็คำรามลั่นออกมา
“อ่าว อ่าว อ่าว!”
ราวกับเป็นการตอบสนองต่อเสียงคำรามดังลั่นราวสายฟ้าฟาดของอสูรกายร่างมหึมา ภูเขาทั่วทั้งลูกสั่นไหว สัตว์อสูรนับร้อยนับพันต่างหนีเอาตัวรอดจากเสียงคำราม เหล่าอีแร้งอสูรกินซากที่แสนดุร้ายต่างบินหนีตายไปทั่วทุกสารทิศราวกับนกกระจอกที่หวาดกลัวก็มิปาน
เมื่อผู้อยู่บนจุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหาร เจ้าของที่แท้จริงของขุนเขาแห่งนี้ – มังกรแดงโบราณ ไอน์ เมซุส คำรามลั่นด้วยโทสะ ย่อมไม่มีสรรพชีวิตใดที่ไม่รู้สึกเกรงกลัว
ถึงแม้ เนื้อความในเสียงคำรามจะทำให้ผู้ได้ฟังต้องชะงักจนพูดไม่ออกก็เถอะ...
“ว๊าก ฮาฮาฮาฮา ใครจะไปคิดล่ะว่าเจ้าเองก็มีวันแบบนี้เช่นกัน ข้าจะหัวเราะจนตายแล้วเนี่ย”
ที่จริงอสูรกายร่างยักษ์ตนนี้กำลังเอามือกุมท้อง ก่อนจะเริ่มกลิ้งไปกลิ้งมาจนถ้ำทั้งถ้ำสั่นสะท้าน ราวกับว่าจะพังลงได้ทุกเมื่อ
“หุบปากเลยนะ เสี้ยวหงส์!”
ใช่แล้ว คนที่อยู่เบื้องหน้าของนางตอนนี้ก็คือข้า ลิชโรแลนด์ ซึ่งสถานการณ์ของข้าในตอนนี้นั้นไม่ค่อยสู้ดีซักเท่าไหร่...
“...นี่มันท่านโรแลนด์ผู้ปราดเปรื่องของพวกเรามิใช่รึ? แล้วร่างกายท่านไปอยู่หนใดกัน? ทำไมท่านถึงเหลือแต่เพียงศีรษะเช่นนี้ได้ล่ะ”
เบื้องหน้าของอสูรกายร่างยักษ์เทียมขุนเขาตนนี้ มีหัวกะโหลกที่ขนาดยังเล็กซะยิ่งกว่าเกล็ดบนตัวอสูรกายเบื้องหน้าอยู่ อืม นั้นแหละข้า
“หืมม” ที่จริงข้าก็ไม่ได้อยากมายุ่งกับนางนักหรอก แต่เจ้าราชสีห์หางแมงป่องตนนี้กลับเอาข้ามารายงานเจ้านายของตนเรื่องสมบัติที่ตนหามาได้แทนเสียนี่
“อวู อวู” เจ้าราชสีห์หางแมงป่องส่งเสียงแปลกๆผ่านทางจมูกประสมไปกับภาษามังกรบางเป็นบางคำ จนข้าแปลไม่ออกจริงๆว่าเจ้านี่กำลังพูดอะไรอยู่ แต่ดูท่าทางฝั่งไอน์ เมซุสจะสนใจเรื่องที่เจ้าราชสีห์นี่เล่าขึ้นเรื่อยๆ
“อ่อ อ่อ เจ้าจะบอกว่าเจ้ากะโหลกนี่ตอนแรกถูกเหล่าอีแร้งรุมทึ้งกันสินะ จากนั้นก็โดนมนุษย์สุนัขยิงร่วงลงมา ต่อจากนั้นก็มีกริฟฟินมาขโมยเจ้ากะโหลกนี่ไปจากพวกมนุษย์สุนัข และหลังจากที่เจ้าเป็นสักขีพยานในเรื่องทั้งหมด เจ้าก็ตัดสินใจปล้นชิงเจ้ากะโหลกนี่มาจากกริฟฟิน แล้วเจ้าก็พบว่าเจ้ากะโหลกนี่มันดูคุ้นๆ เจ้าก็เลยตัดสินใจว่าจะเอามันมามอบให้ข้าได้ฆ่าเวลางั้นเหรอ?”
“โรแลนด์ ดูท่าเจ้าจะไปประสบพบเจอกับการผจญภัยที่น่าตื่นเต้นไม่เบาเลยนี่ เดี่ยวไว้ข้าจะไปแบ่งปันเรื่องราวในครั้งนี้ให้กับอดัมและพวกที่เหลือเองละกัน”
เพื่อเมินเฉยต่อเจ้ามังกรโง่นี่ ข้าขอเลือกที่จะเงียบต่อไป
ใช่แล้ว กระดูกลิชนั้นหาได้ย่อยได้ง่ายๆ ตัวข้าที่เหลือเพียงหัวกะโหลก จึงได้ไปร่วมสนุกทัวร์ระบบห่วงโซ่อาหารรอบนครภูผาหลิวฮวง ตั้งแต่ล่างสุดไปยันบนสุดค่อยๆไต่ขึ้นทีละระดับ จนท้ายที่สุดข้าก็มาตกอยู่ในมือของไอน์ เมซุสผู้อยู่บนจุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหาร
และแน่นอนว่า ข้าย่อมมีวิธีที่จะคืนสภาพได้ในทันทีแต่นั้นต้องสิ้นเปลืองมาน่าข้า แต่ถ้าข้ารอจนถึงตอนเที่ยง ร่างโครงกระดูกของข้าก็จะประกอบขึ้นใหม่โดยอัตโนมัติภายใต้ผลของมนตราของข้า ด้วยเหตุนี้เอง ข้าจึงไม่มีความตั้งใจใดๆที่จะผลาญมาน่าของตัวเองเพื่อประกอบร่างขึ้นมาใหม่ ซึ่งผลที่ออกมาก็อย่างที่เห็น...ว่าข้าต้องไปร่วมทัวร์แสนสนุกในระบบห่วงโซ่อาหารรอบนครภูผาหลิวฮวง
“เจ้าจะดีใจเร็วเกินไปรึเปล่า ลองคิดดูดีๆสิว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้ข้าต้องมีสภาพเช่นนี้กัน?”
เจ้ามังกรแดงใช้เล็บอันใหญ่โตมาเท้าคางของตน แสดงท่าทางออกมาเยี่ยงมนุษย์ที่กำลังใช้ความคิด ในตอนแรกนางก็ดูจะไม่ใส่ใจอะไรนักแต่เพียงชั่วครู่ ที่นางคิดออกว่าสาเหตุคืออะไร ตัวนางก็โก่งขึ้นทันที ส่งผลให้คางของนางต้องกระแทกพื้นถ้ำอย่างรุนแรง แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่นางจะมาสนใจเรื่องอาการเจ็บปวดอีกแล้ว
“เป็นไปไม่ได้ อย่าบอกนะว่าเธอคนนั้นกลับมาแล้ว?”
ข้าได้แต่พยักหน้ากลับไปอย่างเศร้าสลด
“ตามนั้น นางกลับมาแล้ว แถมยังเป็นเวอร์ชั่นอัฟเกรดเพิ่มสมรรถนะอีกต่างหาก เจ้าดูสิว่าครั้งนี้ข้าลอยขึ้นมาสูงเท่าใด...”
ก่อนที่ข้าจะทันพูดจบ มังกรร่างมหึมาก็ร้องตะโกนออกมาเสียก่อน
“เร็วเข้า เร็ว! รีบช่วยข้าไปปักป้าย ‘ไม่ว่างประลอง’ ที่ตีนเขาเร็ว แค่บอกว่าข้าเดินทางไปเยี่ยมเยียนสหายก็พอ จริงด้วย กุญแจตู้เซฟข้าอยู่ไหนกัน? โยนกุญแจนั้นทิ้งไปในป่องภูเขาไฟได้เลย เราต้องไม่ปล่อยให้เจ้าเด็กนั้นเข้าถึงคลังสมบัติข้าโดยเด็ดขาด ช่างเถอะ ข้าไปก่อนนะ”
ในวันนั้นเองที่มังกรร่างมโหฬารต้องระลึกถึงวันเวลาอันน่าสะพรึงกลัวที่ต้องอยู่ใต้อาณัติการกลั่นแกล้งจากอันธพาลตัวน้อย...ความอับอายที่เกล็ดอันภาคภูมิของเธอต้องเต็มไปด้วยภาพวาดเด็กเล่นหลังจากที่เธอตื่นขึ้นจากการนอนกลางวัน ความหวาดกลัวที่คลังสมบัติของเธอต้องอัดแน่นไปด้วยน้ำส่งกลิ่นเหม็นเยี่ยงเนื้อสดผสมกับกำมะถันและลาวา ความดูหมิ่นที่เหรียญทองอันเงางามของเธอต้องถูกสับเปลี่ยนด้วยเศษแก้วไร้คุณค่า...
“เหมียว เจ้าเห็นว่าข้าเป็นเหมือนพวกกิ้งก่าหน้าโง่นั้นรึไง เจ้าถึงคิดว่าแก้วสะท้อนแสงพวกนี้จะมาแลกกับเหรียญทองคำได้? ฝันไปเถอะ!”
“แงงงงง เค้าก็แค่อยากให้คุณป้าเสี้ยวหงส์ดีใจเอง ก็ทุกคนบอกว่าคุณป้ามังกรชอบของมีประกายนินา แง แอนขอโทษ อย่าเกลียดแอนเลยนะ”
สมัยนั้น เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆที่กำลังร้องไห้และสายตาแอบเคืองจากพ่อแม่เด็ก อดัมและมากาเร็ต รวมทั้งคำเยาะเย้ยทำนองว่า ‘เจ้าทำเด็กร้องไห้’ จากข้า แม้จะเป็นมังกรร่างมโหฬารก็มิอาจรักษาท่าทางตรึงเครียดของตนต่อไปได้ เสี้ยวหงส์ได้แต่จนใจยอมแพ้แล้วลงมาโอ๋แอนแต่โดยดี
“อืม อืม พี่สาวมังกรรักแอนที่สุดเลย แอน อย่าร้องไห้อีกเลย แอนต้องเชื่อฟังป้านะรู้มั้ย ดูสิ คุณป้าคนนี้มีขนมมาให้เจ้าด้วย ไม่สิ ป้ามีเครื่องสวมใส่ชั้นเทวะมาด้วย ของชิ้นนี้มีค่าหลายตังค์เลยนะ นี่ไง เดี่ยวป้าจะให้นี่กับเจ้านะ เจ้าไม่ชอบงั้นเหรอ? งั้นชุดเกราะปีกลงอาคมอันนี้เป็นไง เจ้าจะได้มีชุดเกราะไว้ใส่เมื่อครั้งที่เจ้าโตขึ้น...”
จากประสบการณ์ที่ข้าต้องสูญเสียหนังสือสุดรักสุดหวงเป็นเครื่องยืนยัน ทำให้ข้ารู้ได้ว่าส่วนที่น่ากลัวที่สุดของพวกอันธพาลตัวน้อยน่ะไม่ใช่ความสามารถในการสร้างความวอดวายหรอก แต่เป็นเมื่อครั้งที่เด็กๆกลั่นแกล้งเจ้าเสร็จแล้ว เจ้าที่เป็นผู้เคราะห์ร้าย กลับทำได้แค่โอบกอดหายนะครั้งนั้นไว้กับตัวเท่านั้น เพราะถ้าเจ้าดุด่าพวกเด็กๆแรงเกินไปล่ะก็ เด็กๆพวกนี้ก็จะร้องไห้ใส่เจ้า จนสุดท้ายเจ้าก็ต้องยอมควักเนื้อตัวเองออกมาเพื่อโอ๋นางหนูอีก
ซึ่งในครั้งนั้น ไอน์ เมซุส ต้องยอมควักเนื้อตัวเองจ่ายด้วยเครื่องสวมใส่ชั้นเทวะ ชุดเกราะโซ่ระดับชั้นมหากาพย์สุดรักสุดหวงของนางทั้งชุด และ...อมยิ้มอีกสองไม้ ที่จริงข้าคิดว่าของชิ้นแรกนั้นไม่จำเป็นหรอก แค่อมยิ้มสองไม้ก็น่าจะพอแล้ว ซึ่งแน่นอนว่า ข้าเองก็ไม่ได้เข้าไปเตือนสติเจ้ามังกรโง่นี่แต่อย่างใด
และในตอนนี้ เสี้ยวหงส์ที่ได้ยินว่าแอนนี่กลับมาแล้ว ก็พึ่งระลึกได้ถึงเคราะห์กรรมที่นางต้องทนทุกข์ในครั้งอดีต จนมังกรแดงโบราณผู้ถูกขนานนามว่า ภัยพิบัติแห่งเวรอน ตนนี้ต้องจำใจหนีไปหาที่ซ่อนตัว
การโจมตีจากอันธพาลตัวน้อยช่างร้ายกาจยิ่งนัก แม้เป็นมังกรร่างยักษ์ใหญ่ก็ต้องยอมสยบเมื่อมาอยู่ต่อหน้าอันธพาลตัวจ้อยเหล่านี้
“อย่าเพิ่งแตกตื่นไป ตอนนี้นางหนูยังอยู่ในนครภูผาหลิวฮวง ไว้ข้าจะแจ้งเจ้าเองถ้านางขึ้นมาบนภูเขา แต่ไหนๆพวกเราก็ได้พบกันแล้ว ข้ามีบางสิ่งที่อยากจะปรึกษากับเจ้า”
“ปรึกษา บ้านเจ้าสิ? ข้ายังต้องย้ายคลังสมบัติอีกเนี่ย! เจ้าเห็นมั้ยว่าตอนนี้ข้ากำลังยุ่ง”
“เอาเป็นว่าเรามาคุยเรื่องแม่ของเจ้าหน่อยเป็นไง?”
ถึงนี่จะเป็นคำถามที่หยาบคาบ แต่ตัวเสี้ยวหงส์ก็สงบลงเมื่อได้ยินถึงคำถามนี้
“เจ้าหมายความว่าอย่างไร? มังกรที่สถาปนาตัวเองขึ้นเป็นจักรพรรดินีมังกรมอลลี่นั้นน่ะเหรอ? มีเรื่องอะไรเกี่ยวกับนางล่ะ?”
ใช่แล้ว มังกรแดงโบราณ ไอน์ เมซุส คือลูกสาวผู้ไม่รักดีของจักรพรรดินีมังกรมอลลี่ นางคือลูกสาวจอมขบถที่โดนเนรเทศออกจากเผ่ามังกรใต้พิภพ เฉกเช่นเด็กสาววัยรุ่นที่หนีออกจากบ้านเมื่อเข้าสู่วัยต่อต้าน นางนั้นมีความแค้นต่อเพื่อนร่วมเผ่าและแม่ของนางไม่น้อยเลย
“ตอนนี้นางกำลังหมายตานครภูผาหลิวฮวงอยู่น่ะ หรือถ้าจะให้ชี้ชัดกว่านั้น ก็คือเทพต้นกำเนิดแห่งเปลวเพลิงที่ถูกผนึกอยู่ใต้ผืนแผ่นดินนี้ อย่าบอกนะว่าเจ้าไม่เคยรู้สึกตัวเลยว่ามีเทพชั่วร้ายถูกผนึกเอาไว้ที่นี่”
“...ข้าก็อุตส่าห์สงสัยมาตั้งนานว่าทำไมมานอนที่นี่ถึงได้สบายนัก อบอุ่นอย่างกับเตาผิงแน่ะ ที่แท้ก็เพราะมีเตาไฟมาหลบอยู่ข้างใต้นี้นี่เอง”
เอาเถอะ เหล่ามังกรแดงและอสูรธาตุไฟนั้นต่างชื่นชอบภูเขาไฟที่กำลังคุกรุ่นกันทั้งนั้น ฉะนั้นสำหรับนางแล้ว ถึงจะมีเทพอสูรธาตุไฟถูกผนึกอยู่ใต้ภูเขาลูกนี้จริงๆก็ตาม ก็คงเป็นได้เพียงเตาให้ความร้อนแสนอุ่นสบายเท่านั้นแหละ
“ก็ตามนั้นแหละ แต่สถานการณ์ในตอนนี้มันยุ่งยากนิดหน่อยน่ะ ผนึกที่อยู่ข้างใต้บ้านเจ้าตอนนี้ได้ตกเป็นเป้าหมายของพวกมันแล้ว ซึ่งก็คงขึ้นอยู่กับเวลาเพียงเท่านั้นว่าเมื่อไหร่ที่เจ้าพวกนครอื่นจะเคลื่อนทัพพันธมิตรบุกมาที่นี่ ข้าว่าเจ้าเองก็คงไม่อยากเห็นบ้านตัวเองเหลือเพียงซากและคลังสมบัติของเจ้าโดนถล่มปล้นชิงทุกอย่างไปหลังจากที่เจ้าตื่นขึ้นมาจากการงีบหลับหรอกกระมัง”
“ยิ่งกว่านั้น แอนนี่กำลังจะขึ้นเป็นผู้สืบทอดของอดัมแล้วในตอนนี้ แม้นางจะเป็นเด็กเกเร แต่นางก็เป็นเด็กเกเรที่พวกเราร่วมกันชุบเลี้ยงขึ้นมามิใช่เหรอ แต่เจ้าพวกบัดซบนั้นกลับกำลังจะออกเคลื่อนไหวเพื่อโค่นล้มแอนนี่ เยี่ยงนี้แล้วเจ้าจะยอมปล่อยให้ลูกของพวกเราถูกรังแกเช่นนั้นรึ?”
เมื่อได้ยินเพียงเท่านั้น ประกายเพลิงโทสะสีแดงเข้มก็ลุกวาวขึ้นในแววตามังกรทั้งสองดวง และสิ่งที่ตามมาจากจิตสังหารก็คือแรงกดดันอันน่าสะพรึง
แรงกดดันอันน่าสะพรึงของมังกร ที่ทำให้สัตว์อสูรราชสีห์หางแมงป่องสุดแกร่งที่ระดับชั้นเกือบถึงชั้นตำนานต้องเกรงกลัวจนถึงขั้นต้องคุดคู้ตัวเองให้เล็กที่สุด แต่ตัวข้าที่กำลังปะทะกับต้นเหตุของแรงกดดันนี้ตรงๆ กลับยิ้มออกมา
ข้าเข้าใจนางดี ถึงตัวเสี้ยวหงส์จะชอบขี้เกียจอยู่บ้านไปวันๆ แต่นางก็มิใช่คนโง่อย่างแน่นอน สายสืบของนางนั้นส่งข่าวกลับมาให้นางไม่น้อยเลยทีเดียว
แม้ปากนางจะร้าย แต่คนที่เอ็นดูแอนนี่มากที่สุดก็ยังคงเป็นสาวน้อยมังกรที่อายุเลยวัยแต่งงานแต่ยังเป็นโสดและเต็มเปี่ยมไปด้วยความรักของผู้เป็นแม่ตนนี้เช่นเดิม นางนั้นมองแอนนี่ไม่ต่างจากลูกสาวของตนเลยไม่เช่นนั้น ทำไมมังกรแดงที่ขึ้นเรื่องโลภมากและเห็นแก่ตัวถึงยินยอมมอบเครื่องป้องชั้นเทวะแสนล้ำค่าให้อย่างง่ายดายเช่นนี้ล่ะ
แล้วในครั้งนี้ข้าได้เอ่ยเรื่องที่แอนนี่จะถูกรังแกออกไป เช่นนั้นย่อมเป็นธรรมดาจิตสังหารของนางจะพุ่งเป้าไปที่เจ้าพวกโง่เง่าในนครภูผาหลิวฮวง ที่คิดว่าอีกไม่นานพวกตนก็จะได้ไปเสวยสุขในสวรรค์ชั้นฟ้า
“เลิกพล่ามเรื่องไร้สาระได้แล้ว แค่บอกแผนการของเจ้าออกมาก็พอ เหมือนกับทุกครั้งที่เจ้าใช้สมอง ส่วนข้าจะเป็นคนใช้กำลังไปบดขยี้พวกมันเอง”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ตัวข้าก็หัวเราะอย่างเริงร่าออกมา ในเมื่อเสี้ยวหงส์ยินยอมมาเป็นนักสู้ให้กับข้าเช่นนี้ ก็เท่ากับว่าเป้าหมายในการมาที่นี่ของข้าในวันนี้ได้สำเร็จลุล่วงไปแล้วครึ่งหนึ่ง ส่วนอีกครึ่งน่ะเหรอ...
“ข้าต้องการเวทีแสดงละคร ละครแสนสนุกที่ว่าด้วยเรื่องมังกรชั่วร้ายบุกนคร”
...ในเมื่อตอนนี้ข้าจัดการเตรียมเวทีเรียบร้อยแล้ว ที่เหลืออยู่ก็ภารกิจของข้าไง!