ไซตามะต่างโลก Ep.15 - กัปตันบาร์กี้จงเจริญ!
ไซตามะต่างโลก Ep.15 - กัปตันบาร์กี้จงเจริญ!
“ถ้าจะให้คืนตัวเจ้าหมอนี่ไปคงทำไมได้ … แล้วอีกอย่างทำไมฉันต้องฆ่านายด้วย?”
ไซตามะกระพริบตาปริบๆด้วยความสับสน “การฆ่าคือมาตรการสุดท้าย มีเพียงคนชั่วร้ายที่เก็บเกี่ยวชีวิตของผู้บริสุทธิ์เท่านั้น การฆ่าถึงจะเหมาะสมกับค่าตอบแทนที่เขาควรได้รับ ซึ่งในการจัดการกับคนประเภทนี้ มันย่อมไม่แตกต่างจากวิธีการที่ฮีโร่ใช้จัดการกับพวกมนุษย์ประหลาด เราจะไม่แสดงความเมตตา .. แต่ในตอนที่นายโจมตีฉันครั้งแรก นายก็เลือกที่จะใช้ส่วนหลังของใบดาบ ซึ่งมันไม่คมไม่ใช่หรอ ดังนั้นฉันเลยไม่ฆ่านายไง”
“นั่นก็ใช่ แต่ว่า-”
โซโลอ้าปากหอบหายใจ ฝืนยิ้มอย่างไม่ยินยอม “นายดูไม่เหมือนกับพวกทหารเรือที่นี่เลย ถ้าอย่างงั้นก็หมายความว่านายจะไม่ฆ่าเจ้าหมวกฟางที่อยู่บนไหล่แน่ๆใช่ไหม?”
“อ๋า? ไม่หรอกๆ”
ไซตามะโบกมือด้วยดวงตาที่ว่างเปล่า “-แต่ถ้าเป็นปู่ของเขาล่ะก็ไม่แน่นะ …”
ปู่งั้นหรอ?
โซโลชะงักงัน เขาตระหนักได้ว่าตนเองคล้ายกับได้ทำบางสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไปซะแล้ว
ทหารเรือคนนี้ น่าจะรู้จักกับลูฟี่ นั่นคืออย่างน้อยความปลอดภัยของลูฟี่ก็ไม่ต้องกังวลอีกต่อไป
เมื่อคิดถึงจุดนี้ โซโลก็ระบายลมหายใจโล่งอก
“นายแข็งแกร่งจริงๆ .. ครอบครองความแข็งแกร่งที่มากพอจนเกือบจะทำให้ทุกคนต้องหมดหวัง ..”
หลังจากที่วางใจได้ โซโลก็เริ่มเพ่งมองหัวล้านที่คล้ายกับว่าไม่เป็นอันตรายใดๆต่อมนุษย์และสัตว์ “ฉันไม่เคยคิดเลยว่าวันนี้จะพ่ายแพ้ ช่องว่างความแข็งแกร่งระหว่างนายกับฉันช่างกว้างใหญ่เหลือเกิน … ช่วยบอกชื่อของนายให้หน่อยจะได้ไหม?”
“โอ้ แน่นอน”
ไซตามะยกนิ้วโป้งเสยชี้ลงตรงอกตัวเอง พยักหน้าด้วยแววตาเฉยชา “ฉันชื่อไซตามะ มีงานอดิเรกเป็นฮีโร่”
ในเวลาเดียวกัน ทาชิงิก็รีบลุกขึ้น ปัดๆฝุ่นตามเสื้อผ้า วิ่งตรงมายืนเคียงข้างไซตามะ “พลจัตวาไซตามะเป็นคนของทางกองทัพเรือที่ทรงพลังที่สุดในอีสต์บลู เขาเป็นสมบัติแห่งความชอบธรรมที่แข็งแกร่งที่สุด! โรโรโนอา นายไม่ควรที่จะโจมตีไซตามะซัง!”
“พลจัตวา …”
โซโลหัวเราะหยันให้กับตัวเอง เปลือกตาของเขาเริ่มหนักอึ้ง ร่างกายซวนเซค่อยๆล้มลง “หนทางที่จะมุ่งสู่การเป็นที่หนึ่งของโลก ดูเหมือนว่าจะต้องข้ามผ่านสัตว์ประหลาดอีกมากมายเลยสินะ-”
พอได้ฟังเรื่องนี้ ทาชิงิก็โบกไม้โบกมือเล็กน้อย “อ๊ะ ไม่ ไม่ ไม่ พลจัตวาที่แกร่งขนาดนี้น่ะมีเพียงคนเดียว มีแค่ไซตามะซังคนเดียวเท่านั้นที่แตกต่าง ..” น่าเสียดาย ไม่อาจรอฟังให้เธอพูดจนจบ โซโลก็สิ้นสติไป และไม่ได้ยินถึงเนื้อหาช่วงท้ายๆ
…
เรื่องราวต่อจากนี้ง่ายดายมาก
มอร์แกนถูกนำตัวไปขังในเรือรบของไซตามะ ส่วนทาชิงิก็รับหน้าที่ต่อ คุมตัวเขาไปส่งแก่ศาลทหาร
สำหรับลูฟี่ เขายังไม่รู้สึกตัว ส่วนโซโลเองก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ดังนั้นทั้งสองเลยยังคงอยู่ในเมือง
ไซตามะทำการติดต่อกับการ์ป และการ์ปก็ตอบกลับมาว่าเขาจะมาถึงที่นี่ในอีกไม่กี่วัน เพื่อมอบกำปั้นเหล็กแห่งความรักที่ลูฟี่ไม่ได้ลิ้มรสมานาน
ฐานทัพเรือสาขา 153 ได้รับการดูแลต่อโดยร้อยเอก ทุกอย่างก็กลับมาสู่ความสงบดังเดิม
ตามการคำนวณ คิดว่าการ์ปน่าจะมาถึงที่นี่ในอีก 3 วันต่อมา ไซตามะจึงเฝ้ารออยู่ที่นี่ แน่นอนว่าจุดประสงค์ก็คือส่งตัวลูฟี่ให้ถึงมือการ์ป
แต่อะไรๆมันก็ไม่แน่นอน โลกใบนี้มันผิดเพี้ยนไปหมด เฝ้ารอได้เพียง 1 วัน ทางสาขา 153 ก็ได้รับจดหมายของความช่วยเหลือจากเมืองท่าแห่งหนึ่ง
ภายในโรงพยายบาล
“ตัวตลกบาร์กี้?”
ระหว่างที่ไซตามะกำลังเฝ้าจับตาดูลูฟี่ไม่ให้หลบหนี เขาก็ได้รับคำสั่งจากทางศูนย์บัญชาการใหญ่ “อืม .. ค่าหัว 15 ล้านเบรี ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่โจรสลัดที่ทหารเรือธรรมดาจะจัดการได้จริงๆด้วย”
“สารภาพตามตรงว่าเป็นแบบนั้น”
ร้อยเอกก้มหน้าลง “ช่างน่าละอายจริงๆ แม้พวกเราจะมีความยุติธรรมอยู่ในจิตใจก็ตาม แต่ความแข็งแกร่งของพวกเราก็ยังไม่เพียงพอที่จะจัดการกับโจรสลัดที่มีค่าหัวมากกว่า 10 ล้านเบรีได้ ดังนั้น พวกเราเลยเลือกที่จะมาพบท่านนายพลจัตวาเพื่อขอความช่วยเหลือ ..”
“เฮ้ เฮ้ ไม่ต้องรู้สึกผิดถึงขนาดนั้นหรอกน่า”
ไซตาะโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ และชี้นิ้วไปทางลูฟี่ที่นอนหมดสติอยู่ “แต่ถ้าจะให้ฉันออกไปตอนนี้ นายก็ต้องเป็นคนเฝ้าเจ้าเด็กนี่ที่กำลังหมดสติ กับนักดาบอีกคนหนึ่งให้ดี เพราะอีกประมาณสองวันการ์ปซังจะมาถึง เพื่อพาตัวพวกเขากลับไป ได้โปรดอย่าปล่อยให้พวกเขาหนี ก่อนจะถึงเวลานั้น”
ร้อยเอกยืดตัวตรง โค้งกายคำนับ “รับทราบ! ขอรับประกันด้วยนามแห่งความยุติธรรม!”
หลังจากอธิบายทุกอย่างแล้ว ไซตามะก็เริ่มออกเดินทางอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากสาขา 153 เป็นเพียงฐานทัพเรือขนาดเล็ก ดังนั้นมันจึงไม่มีเรือรบดีๆที่ได้รับการปรับแต่ง มันมีแค่เรือพลเรือนที่มีตราของกองทัพเรือเท่านั้น
หลังจากตระเตรียมต้นหนและลูกเรืออยู่หลายคน เรือของกองทัพก็แล่นออกจากท่าไปในที่สุด
ร้อยเอกยืนส่งไซตามะ เฝ้ารอจนเงาของเรือได้หายไปจากสายตาโดยสมบูรณ์ เขาจึงเตรียมที่จะกลับไปยังโรงพยาบาลเพื่อนำตัวลูฟี่ที่หมดสติอยู่กลับไปคุมตัวไว้ที่ฐานทัพเรือ
เพราะท้ายที่สุดแล้ว ทหารเรืออย่างเขาน่ะเคยได้เห็นพลังของเจ้าหนุ่มหมวกฟางกับตาตัวเองมาก่อน ดังนั้น หากลูฟี่ที่ยังคงอยู่ในโรงพยาบาล แล้วเกิดตื่นขึ้นมา คงจะไม่มีใครสามารถหยุดได้
ยังไงก็ตาม …
“อาเร๊ะ?”
เมื่อร้อยเอกกลับมาถึง สองตาของเขาก็เบิกกว้างด้วยความตะลึงงัน เพราะบัดนี้สองเตียงมันว่างเปล่าเสียแล้ว! “เจ้าหนุ่มหมวกฟางกับนักล่าโจรสลัดโซโลหายไปไหน!?”
‘แย่ .. แบบนี้แย่แน่ๆ’
‘ฉันพึ่งจะให้สัญญากับนายพลจัตวาไป แต่นี่ยังไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเลย ก็ทำตามที่พูดไม่ได้แล้ว!’
‘คราวนี้จะทำอย่างไรดี?’
‘ต้องรีบตามหาพวกเขาโดยเร็วที่สุด!’
ร้อยเอกตะโกนไปทางทหารเรือที่อยู่เบื้องหลังเขา “ทหารทุกคนจงฟังให้ดี! รีบระดมพลทั้งหมดเข้าไปในเมืองเพื่อตามหาตัวสองคนนั่นทันที!”
“รับทราบ!”
แม้เสียงตอบรับจะฟังดูหนักแน่น แต่จิตใจของร้อยเอกกลับไม่มีแม้เสี้ยวของความฮึกเหิม
เพราะมันผ่านมายาวนานกว่าเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว บางทีเจ้าสองคนนั่นอาจจะออกทะเลไปแล้วก็ได้! ตอนนี้ตัวเขาคล้ายดั่งกำลังพยายามงมหาเข็มในกองหญ้า!
ในเวลาเดียวกัน
บนถนนเส้นเล็กๆในเมือง
โซโลพยายามวิ่งหนีสุดกำลัง พลางแบกลูฟี่ที่สิ้นสติอยู่บนหลังเขา
หลังจากที่วิ่งหนีมานานกว่าครึ่งชั่วโมง โซโลก็หยุดมองถนนเบื้องหน้าที่แยกออกเป็นสามสาย ก่อนจะตัดสินใจตามสัญชาตญาณ เลือกวิ่งตรงไปยังทิศทางกองทัพทัพเรือสาขา 153 ...
…
ณ เมืองท่าแห่งหนึ่ง
เสียงร่ำไห้และกรีดร้องดังระงมไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
พร้อมกับฉากโศกนาฏกรรมของมนุษย์ที่เกิดขึ้นในเมืองท่า สะท้อนกังวานไปด้วยเสียงหัวเราะและอาละวาดของโจรสลัด
“เฮ้พวกเด็กๆ เร่งมือหน่อยเร็ว!”
กลางจตุรัสในเมือง โจรสลัดนับหลายร้อยคนกำลังรายล้อมกัปตันโจรสลัดของพวกเขา ‘ตัวตลกบากี้’
บนพื้นดินเต็มไปด้วยเพชรพลอย และเงินมากมายที่ถูกขโมยมาจากทั่วทั้งเมือง
“น่าหงุดหงิดจริงๆ เห็นได้ชัดว่านี่มันเป็นเมืองใหญ่ แต่กลับปล้นมาได้แค่เล็กน้อย ..”
บากี้ในชุดคลุมขนปุยของเขา นั่งยองๆลงด้วยความไม่พอใจ “เดิมทีฉันอุตส่าห์ตั้งความหวังเอาไว้มากแท้ๆ ไม่คิดเลยว่ามันจะเป็นเมืองที่ยากจนถึงขนาดนี้ .. ในเมื่อเป็นแบบนั้นล่ะก็ หลังจากที่ปล้นพวกของมีค่าจนหมดแล้ว พวกเราก็มาใช้ปืนใหญ่ระเบิดเมืองระบายความโกรธของฉันกันเถอะ!”
เขาเอ่ยปากออกมา ราวกับหลายพันชีวิตของผู้บริสุทธ์มันไม่ได้สลักสำคัญอะไรเลย
คำกล่าวอันน่าขวัญผวาเช่นนี้ ไม่ว่าผู้คนในเมืองคนไหนได้รับฟัง ในหัวใจก็กลายเป็นด้านชา หมดสิ้นแล้วซึ่งความหวัง
ผสานไปกับรอยเลือดบนใบมีดที่ยังไม่แห้ง
เหล่าโจรสลัดพากันตื่นเต้น ส่งเสียงโห่ร้องด้วยความยินดี ราวกับงานรื่นเริงสนุกสนานกำลังจะเริ่มต้นขึ้น!
“กัปตันบากี้จงเจริญ!!!”
…
นี่คือความจริงอันโหดร้ายของยุคสมัยแห่งโจรสลัด
มันเต็มไปด้วยการนองเลือด
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม แต่ราชาโจรสลัดโรเจอร์ผู้ซึ่งเริ่มเปิดศักราชแห่งความชั่วร้ายนี้ก็ไม่สมควรได้รับการให้อภัย สมควรแล้วที่เขาต้องตายเพราะอาชญากรรมที่ตนเป็นคนก่อขึ้น
ทุกๆวันผู้คนล้วนหวาดกลัว ว่าวันหนึ่งพวกเขาจะต้องจบชีวิตลงภายใต้คมมีดของโจรสลัด
ในช่วงเวลาที่มืดมนที่สุดเช่นนี้
มนุษยชาติต่างก็กระตือรือร้น เฝ้าอธิษฐานด้วยความหวังเป็นอย่างยิ่งว่า …
จะมีฮีโร่จะปรากฏตัวขึ้น!