บทที่14 ไม่ได้ร้องไห้ซักหน่อย
บทที่14 ไม่ได้ร้องไห้ซักหน่อย
“.........ฮึก”
“ฮึก?”
“ฮืออออออออออออออออออออออออออออ~~!”
จู่ๆเธอก็ร้องไห้ออกมาเหมือนเด็ก
“แพ้อีกแล้วอ่าาาา~! แงงงงงงงงงง~! ขนาดฝึกหนักขนาดนี้ ยังแพ้อีกแล้วอ่าาาาาาาาาาาาาาา~!”
และเธอก็ลุกขึ้นวิ่งหนีไปด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อ
“....เอ่อ ดูเหมือนเราจะทำให้เธอร้องไห้สินะ”
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมทำเด็กผู้หญิงร้องไห้
เพราะผมมักจะทำพี่สาวร้องไห้อยู่บ่อยๆ
◇ ◈ ◇
“ไม่ ไม่ได้ร้องซักหน่อย!”
เหมือนเธอได้ยินความคิดของผมเลย
เรย์นะตะโกนในตอนที่วิ่งไป
“เป็นไปไม่ได้น่า หมอนี่ชนะเรย์นะที่อยู่แรงค์B ได้เลยงั้นเหรอ!? อีกอย่าง ความเร็วนั่นมันอะไรกัน! น..นายไร้อาชีพจริงๆงั้นเหรอ...?”
ลิเลียลุกขึ้นด้วยความมึนงง
แล้วผมก็พึ่งรู้สึกตัวว่ามีคนดูอยู่
“...ยินดีต้อนรับเข้าสู่เขี้ยวมังกรนะอาเรล! พวกเรายินดีต้อนรับนายด้วยความเต็มใจเลย!”
มันคือการต้อนรับที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม ราวกับเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“เปลี่ยนไปไวจังนะ”
“ฮะๆๆๆ~ ไม่หรอกน่าา ฉันเชื่ออาเรลตั้งแต่แรกอยู่แล้วแหละ”
“หึๆ ตลกมาก ไม่ใช่ว่าเธอเป็นคนตะโกนออกมาเองเหรอว่า”นี่มันเป็นความผิดของนาย บ้าเอ้ย“น่ะหืม?”
“คงเป็นแค่ภาพติดตาล่ะมั้ง?”
อย่างที่คิดเอาไว้ แต่ว่าไม่มีทางที่ภาพติดตาจะพูดได้
“ช่างเถอะ เซ็นต์ไปแล้ว”
“ใช่แล้วใช่แล้ว!!”
“แล้ว ที่ว่ากิลด์นี้จะเสียฐานนี้ไปคือยังไง”
“..อ่า เรื่องนั้นคือ....”
เธอเล่าให้ฟังเกี่ยวกับสถานการณ์ที่กิลด์แห่งนี้กำลังเผชิญอยู่ในตอนนี้
สรุปง่ายๆก็คือ กิลด์นี้เหมือนจะติดหนี้ชาวบ้านไว้เยอะ
และถ้าหากหาเงินมาจ่ายไม่ได้ภายในเดือนนี้ ฐานนี้ก็จะต้องถูกนำไปปล่อยขาย และถ้าหากเสียฐานไป ก็จะสูญเสียสถานะกิลด์ด้วยเช่นกัน
แน่นอนว่าจะย้ายไปฐานใหม่ก็ได้.. แต่ติดหนี้อยู่อะไรๆมันก็ยาก
อาฮะ
ดูเหมือนจะวิกฤติพอตัวนะเนี่ย
“มีทางไหนบ้างที่จะเงินมาจ่ายหนี้ได้”
“อีกหนึ่งสัปดาห์ พวกเราคิดว่าจะเข้าร่วมสงครามกิลด์ ถ้าหากชนะได้ล่ะก็....”
แต่ว่ามันต้องใช้สามคนในการเข้าร่วม
“...เพราะอย่างนั้น ฉันเลยต้องหาสมาชิกใหม่อย่างเอาเป็นเอาตายไงล่ะ”
“หรือก็คือ นับรวมฉันแล้วก็มีกันแค่สามคนในกิลด์นี้สินะ”
“..ช-ใช่ พ่อก็อยู่ในสภาพนั้นด้วยสิ....”
ก็สมเหตุสมผลดี ถึงฐานนี้จะเป็นอาคารใหญ่ แต่ไม่เจอใครซักคนเลยนอกจากพวกเรา
“ก-ก่อนหน้านี้มีเยอะกว่านี้นะ! แต่เพราะพ่อกลายเป็นแบบนั้น ทุกคนเลยลาออกกันไปหมด....”
“งั้นตอนนั้นก็เหลือเธอคนเดียวที่อยู่เหรอ”
“เรย์นะด้วย เธอเป็นเด็กดี ดูเหมือนว่าเธอมาที่เมืองนี้ตั้งแต่ประมาณสิบขวบได้ และกิลด์ทุกกิลด์ก็เหมือนจะปฏิเสธเธอหมด ตอนนั้นพ่อก็เลยพาเธอมาที่กิลด์นี้.... ฉันดีใจมากเลยนะที่เธอบอกว่าจะอยู่ที่นี่จนถึงตอนสุดท้าย”
เธอเป็นคนดีจริงๆ
“เอาเถอะ รวมๆก็ง่ายๆ พวกเราก็แค่ชนะการแข่งขัน”
“...ใช่แล้ว”
“เป็นไรไปล่ะ ยอมแพ้ก่อนแข่งอีกเหรอ”
“ไม่ ไม่! ไม่มีทาง! ใช่แล้ว!! พวกเราจะชนะ ชนะแน่นอน!!”
เข้าใจง่ายดีนี่
“คู่แข่งแข็งแกร่งมากมั้ย”
“..ก-ก็แค่ตอนนี้แหละ”
ลิเลียพูดตะกุกตะกักอีกแล้ว
“ก็กิลด์ดาบทมิฬนั่น... ตอนนี้ที่ถูกเรียกว่าเป็นกิลด์ที่แข็งแกร่งที่สุดในเมือง”
เข้าใจแล้ว กิลด์นั้นนี่เอง
กิลด์แรกที่ไล่เราออกมา
“...ยิ่งไปกว่านั้น อาจจะมีศัตรูถึงสิบคน แต่ว่าอีกฝั่งมีกันอยู่สามคน”
เคยได้ยินมาว่าการแข่งขันนั้นคือวิธีการเอาชนะ
แสดงว่าคนสามคนต้องจัดการคู่ต่อสู้สิบคนให้ได้
“แล้วก็ มีนักดาบแรงค์ A แปดคนในกิลด์ดาบทมิฬ”
“แรงค์ A แรงค์ B คืออะไรงั้นเหรอ”
“สั้นๆเลยก็คือสิ่งที่วัดความแข็งแกร่งของนักดาบ ในการแข่งขันทัวร์นาเม้นต์ใหญ่ๆ นักดาบระดับสูงๆจะไม่ต้องเข้ารอบคัดเลือก”
แรงค์มีอยู่สี่ระดับ ได้แก่ A B C และ D แรงค์ A คือที่ดีที่สุด
ยิ่งแรงค์สูงมากเท่าไหร่ ยิ่งมีคนได้น้อยลงเท่านั้น อย่างในเมืองนี้มีนักดาบแรงค์ A แค่20คนเอง
จากนักดาบประมาณ500กว่าคนในเมืองนี้ พวกเขานั้นคือคนที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุด
ส่วนเรย์นะกับลิเลียนั้นเป็นนักดาบแรงค์ B ทั้งคู่
“แต่ว่าไม่มีทางที่นักดาบแรงค์ A ทุกคนจะถูกส่งออกมาแข่ง.... มีอุปสรรคอีกมากนอกจากแรงค์A มีแรงค์B บางคนยังแข็งแกร่งกว่าพวกเราอีก แต่ว่า ฉันไม่คิดว่าเราจะแพ้ตั้งแต่เริ่มหรอก”
◇ ◈ ◇
วันประลองใกล้เข้ามา
มีลานประลองมากมายในเมืองนี้ และแทบทุกวันจะมีการต่อสู้
นอกจากการต่อสู้ของนักดาบกับนักดาบแล้ว ยังมีการต่อสู้ระหว่างนักดาบกับมอนสเตอร์ขนาดยักษ์แบบทีมอีกด้วย
และเป็นที่สำหรับการลงพนันเป็นอย่างดี ศึกของพวกเราก็ไม่ต่างกัน