ตอนที่แล้วตอนที่ 13 ประชุมสภา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 15 ร่วมเล่นเกมกับผู้บุกรุก

ตอนที่ 14 ดาบฆ่ามังกร


ที่อยู่ตรงหน้าข้าคือดาบสีดำทมิฬเล่มนึง

ตัวใบดาบมีความหนาประมาณนิ้วเล็กๆซักนิ้ว และอัดแน่นไปด้วยสนิมสีดำทะมึนจนตอนนี้มิอาจเห็นประกายแสงสีเงินจากดาบเล่มนี้ได้อีกแล้ว แทนที่จะบอกว่านี่คืออาวุธ ให้บอกว่าคือมีดสนิมเขอะไว้หั่นผักจะน่าเชื่อซะกว่า

ถึงจะเป็นเช่นนั้นก็เถอะ แต่เมื่อมองดูจากสนิมที่เกาะที่ดาบแล้ว ตอนนี้ดาบเล่มนี้คงเป็นได้แค่แท่นเหล็กใช้การอะไรไม่ได้เท่านั้น

แต่ตัวข้าก็รับรู้ได้ว่าทั้งหมดนี้เป็นเพียงภาพลวงหลอกตาที่อุปกรณ์ชั้นเทวะสร้างขึ้น ซึ่งข้ารู้ได้จากการที่ข้าเผลอไปทำเตียงนอนและนิ้วก้อยของข้าขาดด้วยดาบเล่มนี้ ความคมของดาบเล่มนี้ช่างยากแท้หยั่งถึงจริงๆ

【อาวุธชั้นเทวะจากต่างโลก: ดาบฆ่ามังกร】

ในระบบของข้า ได้ระบุว่าดาบเล่มนี้คืออุปการณ์สังหารมังกรชั้นเทวะอันโด่งดัง แต่ช่างน่าเสียดายที่คำอธิบายต่อหลังมีเพียงน้อยนิด

【ดาบเล่มนี้ถูกตีขึ้นจากโลหะล่ำค่าจากต่างโลก นามว่าโลหะทมิฬเก้าสวรรค์ ความคมของดาบเล่มนี้นั้นถือได้ว่าเหนือล้ำ】

เท่านี้แหละ ทื่อๆแบบนี้เลย

ใช่แล้วล่ะ อธิบายมาทื่อๆเช่นนี้ แม้แต่มีดปอกผลไม้ธรรมดายังให้คำอธิบายว่า 【พลังโจมตี: 0-1 ความทนทาน: 1 ความคมเมื่อใช้กับผลไม้+1】 แล้วก็ความสามารถพิเศษอื่นๆต่อท้ายเป็นอย่างน้อยเลย แล้วอุปกรณ์ชั้นเทวะที่ไม่ว่าจะดูยังไงก็ไม่มีทางเป็นของธรรมดาแน่นอนจะให้คำอธิบายมาทื่อๆเช่นนี้ได้อย่างไรกันเล่า

แต่เอาความจริงแล้ว อุปกรณ์ชั้นเทวะจากโลกอื่นที่ข้าได้มาผ่านทางระบบกาชาปองมักจะมีปัญหาคล้ายคลึงกันนี้อยู่เสมอ เนื่องด้วยของเหล่านี้ไม่ใช่ของที่ควรจะมีอยู่ที่โลกแห่งนี้ ฉะนั้นแล้วกฎต่างๆที่ใช้กันในโลกใบนี้จึงไม่สามารถวิเคราะห์อุปกรณ์เหล่านี้ได้ ด้วยประการฉะนี้ ระบบของข้าเองก็ไม่อาจทำอะไรกับเจ้าอุปกรณ์เหล่านี้ได้เช่นกัน

แล้วในเมื่อไม่สามารถวิเคราะห์(ตรวจสอบ)ได้ ก็ไม่สามารถใช้ได้เช่นกัน แม้ว่าอุปกรณ์เหล่านี้จะประวัติเลื่องลือติดตัวมาสักเพียงใด แต่ถ้าข้าไม่สามารถเรียกขานนามที่แท้จริงของอุปกรณ์เหล่านี้ออกมาได้ ดาบเล่มนี้คงเป็นได้แค่เพียงมีดปอกผลไม้เล่มใหญ่ก็เท่านั้น

ซึ่งนั้นก็แปลว่า ดาบเล่มนี้เป็นแค่ของไร้ค่าชิ้นนึง...

เมื่อสมัยก่อนนั้น อาวุธจากต่างโลกเหล่านี้คงเป็นได้เพียงของเล่นชิ้นใหญ่ที่สิ้นเปลืองพื้นที่เก็บของบ้านข้าก็เท่านั้น แต่แล้วก็มีอุบัติเหตุอยู่ครั้งนึงที่ถือได้ว่าเป็นเคราะห์ดีที่ทำให้ข้าได้ทราบถึงวิธีลับที่สามารถทำให้อาวุธเหล่านี้เปิดเผยรูปลักษณ์ที่แท้จริงออกมาได้

“วลีมนตราแห่งกฎหมาย: ฝ่าฝืนบังคับตามสัญญา!”

เมื่อค้อนพิพากษาฟากลง วงแสงสีเงินสองวงได้ล้อมรอบตัวข้าและอิลิซ่าเอาไว้ พร้อมกับสัญลักษณ์มนตรารูปคันชั่งที่เป็นตัวแทนแห่งความเที่ยงธรรมปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า ซึ่งแสดงถึงการคงอยู่ของสายสัมพันธ์ทางพันธะสัญญา(สัญญาจ้างงาน)ระหว่างพวกเราทั้งสอง

จากนั้น คันชั่งก็ได้เริ่มโอนเอียงลงไปข้างนึง ซึ่งสื่อได้ว่าข้านั้นติดค้างอิลิซ่าเรื่องค่าจ้างอยู่ไม่ใช่น้อยๆเลยทีเดียว

【วลีมนตราแห่งกฎหมาย: ฝ่าฝืนบังคับตามสัญญา】

【ความสามารถ: ฝ่าฝืนบังคับให้เงื่อนไขตามสัญญาที่เป็นข้อตกลงของทั้งสองฝ่ายสัมฤทธิ์ผล】

【ไชล็อก: ข้าที่สรรเสริญความเสรีของสัญญาอันสูงส่ง อันโตนิโยผู้โง่เขลาเอ๋ย ในตอนนี้เจ้าได้ฝ่าฝืนคำสัญญาที่เจ้าได้ให้ไว้แล้ว เฉกเช่นตามที่ตกลงกันไว้ ตัวข้าจะเชือดเนื้อหนี่งปอนต์มิขาดมิเกินจากตัวเจ้าเป็นการลงทัณฑ์!】

วลีมนตราแห่งกฎหมายบทนี้ใช้สำหรับการบังคับให้สัญญาสัมฤทธิ์ผล ถ้าเกิดฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งติดค้างอีกฝ่ายแล้วยังไม่ชดใช้คืน วลีมนตราบทนี้จะบังคับให้สัญญาเป็นผล โดยการแย่งชิงสินทรัพย์จากฝ่ายผู้ติดค้างไปให้ฝ่ายเจ้าหนี้เพื่อชดใช้หนี้สินที่ติดค้างอยู่

ด้วยการที่ข้าติดค้างอิลิซ่าอยู่ไม่น้อย ของหลายๆอย่างจากตัวข้าย่อมลอยไปหาอิลิซ่าโดยพลัน แล้วเปลี่ยนเป็นทรัพย์สินในความครอบครองของอิลิซ่า ซึ่งแน่นอนว่าต้องรวมไปถึงเจ้าดาบไร้นามล่ำค่าเล่มนี้ด้วย

แต่ในทันตา ปัญหาก็เกิดขึ้น

วลีมนตราแห่งกฎหมายของข้าเป็นพลังที่แทบจะเคียงคู่กับต้นกำเนิดแห่งกฎระเบียบ ถึงความสามรถของเวทมนต์ของข้าจะแลดูธรรมดาสามัญแต่ในความจริงแล้ว เวทมนต์ของข้านั้นมีระดับพลังแทบจะเทียบเท่ากับกฎที่ใช้ปกครองโลกใบนี้ เวทมนต์ใหญ่ระดับชั้นตำนาน

มูลค่าของกระดูกบนตัวข้านั้นสามารถประเมินได้จากเราทั้งสองคน และแม้แต่ต้นกำเนิดแห่งกฎระเบียบเองก็สามารถประเมินค่าสิ่งต่างๆออกมาได้เช่นกัน แต่มูลค่าของดาบเล่มนี้นั้นเป็นค่าที่มิอาจระบุออกมาได้

เหล่านักเวทย์เองก็มักมีเวทมนต์ตรวจสอบของตนอยู่เช่นกัน แต่เวทมนต์ตรวจสอบเหล่านั้นเองก็ต้องอาศัยฐานข้อมูลจากต้นกำเนิดแห่งกฎระเบียบ เช่นนั้นแล้วเวทมนต์เหล่านั้นจะสามารถตรวจสอบได้เพียงของที่มาจากโลกฝั่งนี้เท่านั้น ของจากต่างโลกนั้นไม่สามารถที่จะตรวจสอบออกมาได้

เช่นนี้แล้ว เวทมนต์จึงได้หยุดชะงักไป....

พลังงานสีเงินที่ห่อหุ้มดาบสมบัติล่ำค่าเล่มอยู่นะตอนนี้นั้น กำลังพยายามที่จะตรวจสอบถึงมูลค่าของตัวดาบแต่ดาบจากโลกอื่นเอง ก็ประพฤติตนราวกับเด็กดื้อหัวรั้น ไม่ยอมเผยรูปลักษณ์ที่แท้จริงออกมาซักที

“ไม่สามารถอ่านถึงประวัติของตัวดาบได้ รวมทั้งมิอาจวิเคราะห์ (ตรวจสอบ) วัสดุที่ใช้สร้างดาบเล่มนี้ขึ้นได้ นี่ข้าเกือบจะได้ยินเสียงโหยหวนจากต้นกำเนิดแห่งกฎระเบียบเลยนะเนี่ย อย่างที่คาดไม่ว่าตัวระบบจะเหนือชั้นซักเพียงใด แม้เป็น ‘ต้นกำเนิดแห่งทุกสรรพสิ่ง’ ‘ฝันร้ายแห่งความโกลาหล’ ‘ร่างจุติของเทพธิดาแห่งกฎระเบียบ’ แต่พลังงานก็เป็นพลังงานอยู่วันยังค่ำ สามารถโดนหลอกเอามาใช้ประโยชน์ได้”

ต้นกำเนิดแห่งกฎระเบียบนั้นเป็นที่ยอมรับกันดีในฐานะแหล่งกำเนิดของพลังต่างๆของฝ่ายกฎระเบียบ แม้แต่แนวคิดอันสูงส่งของแสงศักดิ์สิทธิ์ และรวมทั้งแนวคิดในพลังทางกฎหมายของข้าเองก็ได้รับพลังมาจากต้นกำเนิดแห่งกฎระเบียบเช่นกัน จนมีผู้คนนับไม่นับถ้วนร่วมร้องสรรเสริญถึงต้นกำเนิดแห่งกฎระเบียบ ราวกับว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่มีสิ่งใดเทียบเคียง แต่ในฐานะที่ข้าเป็นผู้สร้างพลังแห่งกฎหมาย ถึงแม้ตัวข้าเองจะใช้พลังจากต้นกำเนิดแห่งกฎระเบียบเช่นกัน แต่ข้าก็เห็นว่าเจ้าสิ่งนี้เป็นเพียงแหล่งพลังอันไร้สมองก็เท่านั้น

“ตามใดที่สามารถทำตามเงื่อนไขที่มีไว้ได้ ไม่ว่าใครก็สามารถใช้พลังจากต้นกำเนิดแห่งกฎระเบียบได้แล้ว ช่างสำส่อนซะจริงๆ แล้วเจ้าจะยังบอกว่าระบบนี้มันไม่ไร้สมองอีกเหรอ? ในเมื่อแทนที่จะบอกว่าช่างสูงส่งจริงๆแบ่งพลังให้ทุกคนอย่างเท่าเทียม ทำไมไม่บอกว่าโง่เง่าไปเลยล่ะ แค่ข้าให้ร่างมนุษย์กับปิศาจที่เชื่อในความโกลาหล เท่านี้แม้แต่พวกปิศาจเองก็ใช้แสงศักดิ์สิทธิ์ได้เช่นกัน ไปให้พลังกับศัตรูคู่อาฆาตแบบนี้ เจ้ายังกล้าบอกว่าระบบนี่ไม่ไร้สมองอีกรึ?”

นี่เป็นหนึ่งในคำพูดที่ข้าใช้โต้วาทีกับอาร์คบิชอปแห่งแสงศักดิ์สิทธิ์ เมื่อครั้งที่อีกฝ่ายลั่นวาจามาว่าตราบใดที่เชื่อมั่นในแสงศักดิ์สิทธิ์ ก็ย่อมสามารถใช้พลังจากแสงศักดิ์สิทธิ์ได้ ข้าก็ตอบเจ้านั้นเป็นเช่นนี้แหละ

ก็นะ สุดท้ายการโต้วาทีก็จบลงแบบ...เอาเป็นว่าคล้ายๆกับการที่ต้องกับคุยกับพวกงมงายในลัทธิสังคมนิยมของ คาร์ล มากซ์ นั้นแหละ อาร์ดบิชอปเฒ่าที่โดนข้าตอกกลับไปหายใจแทบไม่ทันจนเกือบได้ขึ้นไปบูชาแสงศักดิ์สิทธิ์ต่อในบนสวรรค์ซะแล้ว

แม้ต้นกำเนิดแห่งกฎระเบียบจะแลดูไร้สมองยังไงก็เถอะ แต่ยังไงซะเจ้าสิ่งนี้ก็ยังคงเป็นแหล่งกำเนิดของพลังมากมายที่สรรค์สร้างโลกใบนี้ขึ้นมาอยู่ดี ฉะนั้นแล้วต้นกำเนิดแห่งกฎระเบียบนั้นแข็งแกร่งอย่างสุดซึ้งเลยล่ะ จากนั้นไม่นาน ดาบเล่มหนาจากต่างโลกก็เริ่มดูเฉียบคมขึ้นและแสงสะท้อนจากใบดาบที่กลับย้อนมา พร้อมกับรูปร่างที่ผิดแปลกไป

พลังของฝ่ายกฎระเบียบนั้นย่อมปฏิเสธความโกลาหลทุกรูปแบบและความไม่รู้เองก็ถือเป็นความโกลาหลเช่นกัน ฉะนั้นแล้วในเมื่อคุณสมบัติดั่งเดิมมิอาจวิเคราะห์ออกมาได้ งั้นก็ให้คุณสมบัติใหม่เข้าไปแทนเลยละกัน ด้วยเหตุนี้เอง ‘พลังของฝ่ายกฎระเบียบอันสูงส่ง’ ก็ได้กลายมาเป็นขี้ข้าให้ข้าใช้เปลี่ยนของจากต่างโลกให้กลายเป็นของที่ถูกต้องตามกฎของโลกฝั่งนี้ไป

ในชั่วอึกใจต่อมา เมื่อแสงจากกฎระเบียบหายไป ตรงนั้นก็ไม่มีดาบผ่าฟืนทื่อๆสนิมเขอะอีกแล้ว แต่กลับมีดาบยักษ์สีเงินที่มีรอยสลักรูปมังกรอยู่บนตัวใบดาบปรากฏขึ้นมาเบื้องหน้าข้าแทน

【อาวุธเทวะ: ดาบมังกรหยก】

【พลังโจมตี: 0-35 ระดับชั้น: มหากาพย์】

【ความสามารถพิเศษ ดาบที่ไม่มีวันโอนอ่อน: มีโอกาส 100% ที่จะทำลายอาวุธที่ระดับชั้นต่ำกว่าชั้นยอด มีโอกาส 50% ที่จะทำลายอาวุธที่อยู่ระดับชั้นยอด มีโอกาส 30% ที่จะทำลายอาวุธที่อยู่ระดับชั้นมหากาพย์ มีโอกาส 1% ที่จะทำลายอาวุธที่ระดับชั้นต่ำกว่าชั้นเทวะ】

【ความสามารถพิเศษ รัศมีคร่าชีวิต: ใช่แล้ว ท่านดูไม่ผิดหรอกไม่ใช่รัศมีดึงดูดสายตา แต่เป็นรัศมีคร่าชีวิต เมื่อท่านได้ถือครองดาบเล่มนี้ ตัวท่านจะกลายเป็นตัวเอกในสายตาทุกคู่ แต่เป็นตัวเอกในละครโศกอะนะ ผู้ใช้อาวุธชิ้นนี้ค่าโชคจะลดลง 10 ค่าเสน่ห์เพิ่มขึ้น 10 แล้วถ้าเกิดท่านผู้ถือครองเป็นบุรุษเพศผู้มีสีผมและสีตาเป็นสีทองค่าโชคของท่านจะลดลงไปอีก 10】

【ความสามารถพิเศษ คลุ้มคลั่ง: มีโอกาส 1% ที่จะเข้าสู่สภาวะคลุ้มคลั่งที่มิอาจแยกแยะมิตรศัตรูได้อีก เมื่อท่านตกอยู่ในสภาพนั้น ตัวท่านจะพุ่งเป้าสังหารไปที่สหายของท่านเป็นอันดับแรก】

【ตรงด้ามดาบได้มีคำจารึกสีเหลืองไว้ว่า: ในอดีตกาล ดาบเล่มนี้เคยเป็นศาตราในตำนานที่แสดงที่ฐานะ ‘จุดสูงสุดในใต้หล้า ดาบที่สังหารได้แม้แต่มังกร’ แต่ตอนนี้ได้ถูกนำมาตีความครั้งใหม่เป็น...ดาบสังหารมังกร ที่หาได้ง่ายราวกับซื้อหนึ่งแถมอีกหนึ่ง】

เมื่อข้าได้เห็นข้อความเหล่านี้ ข้าถึงกับนิ่งตะลึงไปเลย

ในโลกเอ็ชแห่งนี้นั้นจะแยกแยะระดับชั้นของอาวุธออกเป็น ธรรมดา ชั้นสูง ชั้นยอด มหากาพย์ และตำนาน แม้แต่อาวุธเทวะของอดัม พรแห่งฟินิกซ์ เองก็อยู่ในระดับชั้นตำนานเช่นกัน ส่วนที่เหนือกว่าระดับชั้นตำนานก็มี ชั้นกึ่งเทวะ และ ชั้นเทวะ เป็นอาวุธระดับชั้นที่มนุษย์ไม่สามารถสร้างสรรค์ออกมาได้

แต่ในความจริงแล้ว ระดับชั้นที่แตกต่างกันของอาวุธนั้นไม่ได้สร้างข้อได้เปรียบเสียเปรียบมากมายแต่อย่างใด แต่เป็นความสามารถในการดึงศักยภาพของอาวุธออกมาใช้ได้อย่างเต็มที่ของตัวผู้ใช้ต่างหากที่สร้างข้อได้เปรียบเสียเปรียบขึ้น โดยข้อแตกต่างหลักๆของอาวุธระดับชั้นสูงกว่ากับอาวุธที่ระดับชั้นต่ำกว่านั้นก็ตรงที่จำนวนความสามารถพิเศษเพียงเท่านั้น

ระดันชั้นยอดจะมีความสามารถพิเศษ 2 ความสามารถ ระดับชั้นมหากาพย์จะมี 3 ถึง 4 ความสามารถ ส่วนระดับชั้นตำนานจะมีอยู่ที่ 4 ถึง 6 ความสามารถ

ดาบชั้นมหากาพย์เล่มนี้มีความสามารถพิเศษอยู่ 3 อย่าง โดยที่ 2 ใน 3 นั้นเป็นความสามารถพิเศษที่ให้ผลด้านลบ ซึ่งมิอาจเทียบเคียงกับพรแห่งฟินิกซ์ที่มีความสามารถพิเศษที่ให้ผลในด้านบวกถึง 5 ความสามารถได้เลย เช่นนั้นความสามารถพิเศษด้านบวกเพียงหนึ่งเดียวของดาบเล่มนี้จึงแข็งแกร่งอย่างผิดมนุษย์มนาเช่นนี้

【ความสามารถพิเศษ ดาบที่ไม่มีวันโอนอ่อน: มีโอกาส 100% ที่จะทำลายอาวุธที่ระดับชั้นต่ำกว่าชั้นยอด มีโอกาส 50% ที่จะทำลายอาวุธที่อยู่ระดับชั้นยอด มีโอกาส 30% ที่จะทำลายอาวุธที่อยู่ระดับชั้นมหากาพย์ มีโอกาส 1% ที่จะทำลายอาวุธที่ระดับชั้นต่ำกว่าชั้นเทวะ】

โดยปกติแล้ว สำหรับยอดฝีมือชั้นทองคำการที่สามารถหาอาวุธระดับชั้นยอดมาอยู่ในความครอบครองได้ก็ถือว่าประสบความสำเร็จไม่น้อยแล้ว ส่วนอาวุธชั้นมหากาพย์ ก็ตามชื่อระดับชั้นเลย อาวุธเหล่านี้นั้นต่างถูกใช้โดยเหล่าปรมาจารย์ที่ฝากร่องรอยไว้ในประวัติศาสตร์กันทั้งนั้น ซึ่งแม้แต่อาวุธชั้นมหากาพย์เช่นนี้อาจต้องมาพังทลายลงเลย เมื่อต้องมาเผชิญกับการโจมตีจากดาบมังกรหยกเพียง 3 ครั้ง

หรือจะให้กล่าวก็คือ ถ้าเป็นอาวุธธรรมดาสามัญคงโดนฟันขาดภายในการฟันเพียงทีหรือสองทีเท่านั้น แล้วยิ่งถ้าอยู่ในระหว่างการต่อสู้พัวพันด้วยแล้ว อยู่ๆอาวุธเกิดหักขึ้นมาล่ะก็....แค่คิดก็ทำให้เสียวสันหลังขึ้นมาแล้วนะเนี่ย

“นี่สินะผลลัพธ์จากการตีความ ความคมอันเหนือล้ำของดาบเล่มนี้ จากต้นกำเนิดแห่งกฎระเบียบให้เข้ากับกฎของโลกใบนี้ ฮะ? ข้าไม่คิดไม่ฝันเลยนะว่าจะหยิบสมบัติเลอค่าเช่นนี้ออกมาได้ ถึงด้านพลังโจมตีจะไม่ค่อยเสถียร กับผลข้างเคียงที่จัดการได้ค่อนข้างยุ่งยากก็เถอะ แต่แค่มีความสามารถพิเศษในการพังอาวุธฝ่ายตรงข้ามก็คุ้มแล้ว ฮึ่ม? ดาบเล่มนี้มาเป็นชุดศาตราคู่ โดยอาวุธอีกชิ้นคือ – กระบี่อิงฟ้า?”

ในตอนนี้ค่าโบนัสจากชุดศาตราคู่ยังเป็นสีเทาที่แสดงว่ายังไม่เปิดใช้งาน แต่แค่ชื่อ กระบี่อิงฟ้า ก็ทำให้ใจเต้นได้แล้ว ดูท่าข้าต้องไปลองเสี่ยงโชคกับระบบกาชาปองหมวดอาวุธเทวะจากต่างโลกมากกว่านี้สักหน่อยแล้ว

“ตู้ม!!” “ตู้ม!!”

ระหว่างที่ข้ากำลังยินดีกับอาวุธเทวะที่ได้มาใหม่อยู่นั้น ก็เกิดระเบิดขึ้นต่อเนื่องจนคฤหาสน์ทั้งหลังสั่นไหวไปหมด

“ผู้บุกรุก?!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด