GE474 เหตุการณ์ไม่คาดฝัน [ฟรี]
หมิงเชว่น้อย ปีศาจสมุนไพรผันแปรที่ 5 ตอนนี้นางได้ขนมจากหนิงฝานแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องเดินทางไปหาสมุนไพรที่ใด
หนิงฝานเข้าสู่โลกหยินเพื่อเก็บตัวฝึกฝน เขาได้ปราณเยือกแข็งสวรรค์มาจากงานประมูล และได้ปราณเยือกแข็งสวรรค์อีกชนิดมาจาดหมิงเชว่ หลังจากผสานกับพวกมัน ก็ได้ปราณมาเพิ่มอีก 2 พันเกราะ จนยามนี้ เขามีปราณมากถึง 650,000 เกราะ และเพลิงที่ทรงพลังมากขึ้น
ตอนนี้เขารวบรวมปราณเยือกแข็งสวรรค์ได้ทั้งหมด 11 ชนิด ขาดอีกเพียงชนิดเดียวคือปราณเยือกแข็งสวรรค์อันดับหนึ่ง 1 ‘ซ่อมหัวใจสวรรค์’
ส่วนเพลิงชีพจรพิภพ เขาได้มาทั้งหมด 10 ชนิด เหลืออีกเพียง 2 ชนิดได้แก่ เพลิงอันดับ 1 ‘เพลิงผลาญพิภพ’ และเพลิงอันดับ 5 ‘เพลิงสมุทร’
เพลิงอับดับ 5 หนิงฝานอาจพอหาซื้อได้ แต่เพลิงและปราณน้ำแข็งอันดับ 1 เป็นสิ่งที่หาได้ยากมาก แม้ว่าพวกมันจะถูกจัดอยู่ในเพลิงระดับ 5 แต่อานุภาพของพวกมันก็เกือบจะเทียบเคียงระดับ 6 หากต้องการพวกมัน คงทำได้เพียงพึ่งโชค
“การจะได้ครอบครองเพลิงและปราณเยือกแข็งเหล่านั้นขึ้นอยู่กับโชคชะตา ยิ่งกับอันดับ 1 ของทั้งสองยิ่งแล้วใหญ่… เส้นทางของการฝึกฝนนั้นไม่ได้พึ่งเพียงความสามารถ เพราะทุกสิ่งจะเป็นไปตามโชคชะตาสรรค์สร้าง”
หลังจากผสานกับเพลิงและปราณน้ำแข็งเสร็จ หนิงฝานได้เตรียมความพร้อมร่างกายเพื่อทะลวงขอบเขตกายทองคำ
หากได้อนุสรณ์ปีศาจที่ 4 มา เขามั่นใจว่าทะลวงขอบเขตกายทองคำได้ เขาได้เตรียมทุกสิ่งไว้พร้อมสรรพ ทั้งโอสถ ร่างกาย และสิ่งอื่นๆ จะเหลือก็เพียงปราณปีศาจจากอนุสรณ์ปีศาจเท่านั้น
รอยสักที่อยู่บนแผ่นหลังของหนิงฝานกำลังร้อนระอุ ราวกับเป็นสัญญาณว่ามันต้องการอนุสรณ์ปีศาจ หากได้ดูดซับอนุสรณ์ปีศาจชิ้นสุดท้าย รอยสักสมควรเป็นเปลี่ยนเป็นรูปเขาคู่
เฟินซื่อช่วยเขากระตุ้นรอยสักเพื่อเพิ่มความเร็วแล้ว ยังเหลือสนมปีศาจอีก 3 คนที่เขาต้องขอให้ช่วย แต่ยามนี้เขายังไม่มีเวลา จึงต้องรอไปก่อน
ผ่านไป 3 วัน หนิงฝานก็กลับออกจากโลกหยิน ยามนี้เป็นราตรี จันทรากระจ่างใส เขาจึงเร่งมุ่งหน้าไปยังสถานที่นัดหมายในเผ่าเขาคู่
ไม่มีผู้ใดในเผ่าเขาคู่ที่สัมผัสถึงตัวตนของหนิงฝานได้ บริเวณจุดนัดหมายอยู่ในเขตหวงห้ามของเผ่า แม้จะมีข่ายอาคมขนาดใหญ่ป้องกัน แต่ยามนี้กลับไม่มีผู้ใดเฝ้ายาม
หนิงฝานมุ่งเข้าสู่เขตหวงห้าม ทิวทัศน์ภายในงดงามมาก ไกลออกไปมีบึงน้ำขนาดใหญ่นามว่าสระคราม มีปราณวิญญาณที่อุดมสมบูรณ์ เหมาะกับการฝึกฝนเป็นอย่างยิ่ง
ภายในสระคราม มีเรือลำน้อยลำหนึ่ง บนนั้นมีสตรีที่งดงามสง่า ในมือถือแผ่นหยกราวกับกำลังอ่านบางสิ่ง มืออีกข้างถือถถ้วยชาจิบน้ำชาอย่างผ่อนคลาย
รอบๆสระคราม มี มีมังกรเกร็ดเงินอยู่ 12 ตัว แต่ละตัวมีพลังอยู่ในระดับกึ่งไร้ดัดแปลง เมื่อมังกรเหล่านั้นรับรู้ได้ถึงการมาเยือนของหนิงฝาน พวกมันสั่นสะท้าน เพราะสัมผัสได้ถึงโลหิตที่สูงชั้นกว่า
สตรีผู้งดงามบนเรือประหลาดใจพลางแหงนหน้ามองท้องนภา เห็นผู้เยาว์ในอาภรณ์ขาวเหยียบย่างนภาตรงมา
“สหายเต๋ามีโลหิตของเผ่าพันธุ์อสูรระดับสูงไหลเวียนอยู่ มังกรเหล่านี้เป็นอสูรสายเลือดแท้ ไม่เคยหวาดกลัวผู้ใด แต่พวกมันกลับหวาดกลัวท่าน...” ซูหยานยิ้มอย่างงดงาม
หนิงฝานร่อนลงบนเรือของนาง ยิ้มให้ แต่ไม่กล่าวตอบสิ่งใด
สิ่งที่นางถามนับเป็นความลับของหนิงฝาน เขาจึงไม่อาจบอกนางได้
นางก้มใช้มือวิดน้ำเล็กน้อย แล้วรินชาที่อยู่ในเยือกบนโต๊ะให้หนิงฝาน ชาของนางนับเป็นชาคุณภาพดี
หนิงยกถ้วยชาขึ้นแต่ยังไม่ดื่มทันที เขาสูดกลิ่น และรับรู้ได้ว่าเป็นชั้นเลิศ และไร้พิษใดๆเจือปน
“สหายเต๋าเป็นคนช่างระวังเสียจริง… กลัวว่าข้าจะแอบใส่ยาพิษลงไปหรือไง?” นางยิ้ม
“มันเป็นความเคยชินของข้า...” หนิงฝานดื่มชาของนางลงไปในคราวเดียว พลังที่อัดแน่นอยู่ภายในชา ช่วยยกระดับร่างกายเล็กน้อย
เขาพยักหน้าอย่างพึงพอใจพลางกล่าว “ส่วนผสมของชาคือบุบผากระดูกปีศาจ มิน่ามันถึงมีสีดำ… ดูจากปราณที่อัดแน่นอยู่ภายในแล้ว บุบผากระดูกปีศาจสมควรมีอายุอย่างน้อย 7 หมื่นปี นับเป็นบุบผาที่หาได้ยาก เพราะโดยทั่วไปแล้ว อายุของมันมากสุดก็เพียง 5 หมื่นปี”
“สหายเต๋าหูตากว้างไกล ชาของข้าใช้บุบผากระดูกปีศาจ 7 หมื่นปีเหมือนท่านว่า เดิมทีบุบผากระดูกปีศาจไม่อาจมีอายุได้ถึง 7 หมื่นปี แต่ด้วยเผ่าของข้ามีสถานที่พิเศษ ที่ภายในมี ‘จิตวิญญาณปีศาจ’ และอัดแน่นไปด้วยปราณปีศาจที่ทรงพลัง ทำให้สมุนไพรที่เกิดอยู่ภายในมีอายุมากกว่าปกติ”
นางไม่ได้ปิดบังเรื่องสถานที่ลับกับหนิงฝาน เพราะผู้เชี่ยวชาญทะเลส่วนในล้วนทราบถึงการคงอยู่ของมัน และเป็นที่ทราบกันดีว่า เป็นสรวจสวรรค์ของสมุนไพรปีศาจ หนึ่งในนั้นก็ต้นหม่ายู่หลานที่หนิงฝานต้องการ
“จิตวิญญาณปีศาจ...” หนิงฝานใช้วิชาคารม ทำให้ทราบความลับของนางเปิดเผยโดยไม่รู้ตัว
เขาได้รู้ว่าในเผ่าเขาคู่ไม่ได้มีบรรพบุรุษโบราณหรือผู้ที่ทรงพลังหนุนหลัง มีเพียงนางและผู้เชี่ยวชาญไร้ดัดแปลงอีก 2 คนเท่านั้น
แต่ความพิเศษของเผ่าเขาคู่คือโลกลับอีกใบ ที่เป็นสถานที่ปลูกสมุนไพรปีศาจ นอกจากนี้ เผ่าเขาคู่ยังมีวิชาลับที่จะช่วยให้สมุนไพรปีศาจเหล่านั้นมีอายุยืนยาวขึ้น
ด้วยส่วนพิเศษนี้ เมื่อเผ่าเขาคู่ได้รับอันตราย เหล่าผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากจะเข้าช่วยเหลือ
สถานที่ลับแห่งนั้นเรียกขานว่า ‘โลกแห่งเผ่าเขาคู่’
ภายในโลกแห่งนั้นมีจิตวิญญาณปีศาจอยู่นับ 10 ล้านตน ซึ่งแต่ละต้นมีระดับพลังอย่างน้อยในขอบเขตแก่นทองคำ
ในจำนวนดวงจิต 10 ล้านตน มีขอบเขตดวงจิตแรกเริ่ม 1 แสน ตัดวิญญาณ 800 และไร้ดัดแปลง 15 ตน แต่ในจำนวน 15 ตนนั้น มีอยู่ 7 ตนที่อยู่ขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นกลาง
ชีวิตของจิตวิญญาณเหล่านั้นผูกติดกับผู้นำเผ่า ซึ่งก็คือนายของพวกมัน… ตัวตนของจิตวิญญาณปีศาจเหล่านั้นเป็นความลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเผ่าเขาคู่ ซึ่งมีเพียงผู้นำเผ่าเท่านั้นที่รู้ความลับเรื่องนี้
ความลับของเผ่าเขาคู่ไม่ได้ทำให้หนิงฝานตกตะลึง เขาแค่ประหลาดใจเล็กน้อย… ดูเหมือนเผ่าเขาคู่จะไม่ธรรมดาเหมือนที่เขาคาดเอาไว้
ในบรรดาจิตวิญญาณปีศาจไร้ดัดแปลงทั้ง 15… 8 ตนที่อยู่ขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นต้นไม่เป็นปัญหา แต่อีก 7 ตนที่เหลือที่อยู่ขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นกลางเป็นปัญหาไม่น้อย
ความแข็งแกร่งของหนิงฝานในตอนนี้ยังไม่สามารถรับมือกับขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นกลาง 7 ตนพร้อมกันได้
การที่ยังไม่ล่วงเกินเผ่าเขาคู่ตอนนี้ นับเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
“สหายเต๋าซัว ข้ามีคำถามอยากจะถามท่าน ท่านจะช่วยไขข้อสงสัยของข้าได้หรือไม่?” นางกล่าวถาม
“สถานที่แห่งนี้ไม่มีผู้ใด หากแม่นางมีข้อสงสัยอะไรก็ถามมาเถอะ”
“สหายเต๋าซัวสัมผัสได้หรือไม่ ว่าระหว่างเรามีความเชื่อมโยงบางอย่าง… ตั้งแต่ที่ท่านเข้าเมืองไท่ฉือมาเป็นครั้งแรก ข้าก็สัมผัสถึงตัวตนท่านได้ ทั้งๆที่เรายังไม่เคยพบกันมาก่อน มันเป็นความรู้สึกที่แปลกมาก ข้าไม่รู้ว่าทำไมถึงได้คุ้นเคยกับท่านขนาดนั้น”
“แม่นางรู้หรือไม่ว่าความเชื่อมโยงมาจากที่ใด?” หนิงฝานยังไม่ตอบคำถามนาง
“ข้า...ไม่รู้” ใบหน้านางแดงระเรื่อ เบนสายตาไม่กล้าสบ
จริงๆแล้วนางเคยอ่านตำราโบราณ ในตำราบันทึกเอาไว้ว่า ในเผ่าพันธุ์ปีศาจ ผู้เป็นบ่าวจะมีความเชื่อมโยงทางจิตวิญญาณกับผู้เป็นนาย ซึ่งความเชื่อมโยงนั้นก่อเกิดมาจากโลหิต ไม่ว่าคนผู้นั้นจะเกิดและตายไปกี่ครั้ง ความเชื่อมโยงที่ยังแฝงอยู่ในโลหิตก็จะยังคงอยู่ และทั้งสองจะได้กลับมาพานพบกันอีกครั้ง
แต่ที่นางยังไม่รู้คือ หนิงฝานมีโลหิตของโม๋หลัว ส่วนนางก็เป็นสนมปีศาจ จึงมีความเชื่อมโยงต่อกัน
นางคิดแค่เพียงว่า ชาติที่แล้วหนิงฝานคงจะเคยทำพันธะสัญญากับนาง
แม้ว่านางจะเป็นผู้นำเผ่า แต่นางก็คือสตรี นางคิดว่าชาติที่แล้วหนิงฝานอาจจะเคยเป็นสามีของนาง นางจึงหวั่นไหวกับความสัมพันธ์ที่เชื่อมโยงกันด้วยจิตวิญญาณเช่นนี้
แต่ถึงอย่างนั้นนางก็ทำได้เพียงแค่ถอนหายใจ เพราะต่อให้นางจะเคยเป็นภรรยาของเขาเมื่อในอดีต แต่ในตอนนี้นางก็ไม่คิดจะเป็นภรรยาของเขา
ดังนั้น การที่นางขอพบหนิงฝาน ก็เพื่อจะขอตัดความเชื่อมโยงนี้ทิ้งไป
นางคือผู้นำเผ่าเขาคู่ ตัวตนของนางถือเป็นความลับ ไม่เหมาะที่จะผูกพันธ์กับผู้ใด
หากยังไม่ตัดความเชื่อมโยงกับหนิงฝานทิ้งไป หนิงฝานจะยังรับรู้ถึงตัวตนของนางได้ และนั่นอาจนำภัยมาสู่นาง
“แม่นางอยากจะตัดความเชื่อมโยงกับข้าใช่หรือไม่?” หนิงฝานยกถ้วยชาจิบพลางจ้องมองนาง ที่เขารู้ความคิดนาง เพราะเขายังใช้วิชาคารมอยู่
นางประหลาดใจแต่ก็พยักหน้ารับ
“ที่ข้าและท่านได้พบกันนับเป็นวาสนา แต่การเชื่อมโยงถึงกันก็อาจทำให้เราเป็นภัยกันทั้งคู่ ข้าจึงคิดว่าหากตัดความเชื่อมโยงนี้ทิ้ง ย่อมเป็นประโยชน์กับเรามากกว่า”
“ในเมื่อแม่นางกล่าวเช่นนั้น ข้าก็ไม่ขัดข้อง แต่แม่นางรู้วิธีตัดความเชื่อมโยงนี้หรือไม่? หรือมันจำเป็นต้องหยิบยืมพลังของอนุสรณ์ปีศาจ?”
หนิงฝานกล่าวถึงอนุสรณ์ปีศาจอย่างตรงไปตรงมา ทำให้นางตกตะลึง แต่นางก็ยังยิ้ม
“อนุสรณ์ปีศาจของเผ่าข้าไม่มีวิธีตัดขาดความเชื่อมโยงที่ว่า… แต่ในโลกแห่งเผ่าเขาคู่ มีสถานที่แห่งหนึ่งชื่อว่า ‘สระหมอกปีศาจ’ น้ำในสระแห่งนั้นอัดแน่นด้วยปราณปีศาจที่รุนแรง ผู้นำเผ่าเขาคู่ทุกรุ่น และจิตวิญญาณปีศาจจะไปทำพันธะสัญญากันที่นั่น และมันก็สามารถลบล้างพันธะสัญญาได้เช่นกัน ข้าจึงคิดว่าสระหมอกปีศาจน่าจะตัดความเชื่อมโยงระหว่างเราได้”
เมื่อนางรู้ว่าหนิงฝานยินยอมที่จะตัดความเชื่อมโยงกับนาง นางก็วางใจ เพราะหากหนิงฝานไม่ยอม ต่อให้ข่มขู่ไปก็ทำอะไรหนิงฝานไม่ได้
ในระหว่างที่นางบอกเล่าถึงสระหมอกปีศาจ หนิงฝานก็ได้รู้ว่าอนุสรณ์ปีศาจอยู่ในโลกแห่งเผ่าเขาคู่ ซ่อนอยู่ในข่ายอาคมขนาดใหญ่ที่อยู่ไม่ไกลจากสระหมอกปีศาจแห่งนั้น
โลกแห่งเผ่าเขาคู่เป็นสถานที่ที่มีเพียงผู้นำเผ่าเท่านั้นที่เข้าไปได้ ซึ่งเหล่าผู้นำจะมีเหรียญตราที่ใช้ผ่านเข้าออก
ต่อให้เป็นหนิงฝานหรือผู้ใด ก็ไม่ไม่อาจเข้าไปที่นั่นได้
นางจะนำหนิงฝานเข้าไปในโลกใบนั้น และนั่นเป็นโอกาสให้หนิงฝานได้ช่วงชิงอนุสรณ์ปีศาจ
หากเขาได้มันมาครองเมื่อไหร่ เขาจะเก็บตัวเพื่อทะลวงขอบเขตกายทองคำทันที
เมื่อเห็นหนิงฝานนิ่งเงียบราวกับกำลังขบคิด นางเข้าใจว่าหนิงฝานกำลังกังวลที่จะเข้าไปยังโลกใบนั้น
นางเข้าใจที่เขาจะกังวล เพราะในนั้นมีจิตวิญญาณปีศาจนับ 10 ล้านดวง ทั้งยังมีจิตวิญญาณไร้ดัดแปลงอีก 15 ตน หากนางสั่งพวกมันจู่โจม หนิงฝานคงไม่รอด
นางจึงนำป้ายหยกชิ้นหนึ่งขึ้นมาแล้วยื่นให้หนิงฝาน
“นี่คือป้ายของผู้นำเผ่าเขาคู่ หากท่านมีมัน ท่านจะเข้าออกโลกใบนั้นได้ตลอดเวลา ข้าขอมอบให้ท่านชั่วคราวเพื่อให้ท่านสบายใจ”
“แม่นางซู ข้าไม่ได้กังวลเรื่องความปลอดภัยหรอก… แล้วเราจะเข้าไปที่นั่นเมื่อไหร่?”
“เช่นนั้นเข้าไปคืนนี้?” นางกล่าวถาม
“ย่อมได้” หนิงฝานพยักหน้า
ทั้งสองวางถ้วยชาและลุกยืน หนิงฝานส่งกระบี่บินแจ้งข่าวไปยังหมิงเชว่ เพื่อไม่ให้นางออกจากเผ่าเขาคู่ไปที่ใด
เขาไม่รู้ว่าการตัดความเชื่อมโยงจะใช้เวลานานขนาดไหน จึงไม่อยากให้หมิงเชว่เป็นห่วง
“ท่านผู้นำ การจะพาคนนอกเข้าสู่โลกของเผ่าเรา ข้าคิดว่าเป็นเรื่องไม่เหมาะ!”
ในขณะเดียวกัน บุรุษในเกราะดำผู้หนึ่งปรากฏตัว มันเพิ่งมาถึงแต่ก็ทันได้ยินสิ่งที่หนิงฝานและนางคุยกันพอดี จึงปรากฏและทัดทานนางไว้
บุรุษผู้นี้แผ่กลิ่นอายที่ทรงพลัง แต่ยังไม่เสถียรนัก ราวกับมันเพิ่งบรรลุขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นกลาง
สีหน้านางแปรเปลี่ยนเย็นชา แต่เมื่อนางสัมผัสได้ถึงระดับพลังของผู้ที่มา นางประหลาดใจ
“ซีโม๋! เจ้าจะบรรลุขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นกลาง?!”
ผู้ที่มาคืออันดับ 3 ของเผ่าเขาคู่ มันผู้นี้ไม่เคยเห็นด้วยกับนางสักครั้ง
เมื่อคราวที่มันอยู่ขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นต้น นางไม่เห็นมันอยู่ในสายตา แต่ยามนี้มันทรงพลังขึ้น จึงกล้าล่วงเข้ามาในเขตหวงห้ามของนาง
“ข้าไม่ให้เจ้าเข้าโลกของเผ่าเรา หากยังฝืน อย่าหาว่าข้าไร้หัวใจ!”
มันเหยียบย่างนภา จ้องมองหนิงฝานด้วยสายตาเย้ยหยัน
“เจ้าคิดว่าทำได้เหรอ?” หนิงฝานกล่าวราวกับไม่เห็นมันอยู่ในสายตา
“สามหาว!” ซีโม๋โกรธ มันปลดปล่อยปราณปีศาจที่ทรงพลัง ชี้นิ้วไปยังหนิงฝาน ก่อนที่ภูเขายักษ์หมื่นจ้างจะปรากฏและพุ่งเข้าใส่
วิชาที่มันใช้คือวิชาระดับไร้ดัดแปลงขั้นต้น แต่เมื่อขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นกลางเป็นคนใช้ ย่อมทรงพลังมากพอจะสยบขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นต้นได้
มันรู้ว่าวิชาของมันทำอะไรหนิงฝานไม่ได้ แต่มันแค่อยากสั่งสอนที่มาสามหาวกับมัน
แต่แล้วหนิงฝานที่เผชิญหน้ากับภูเขายักษ์กลับไม่หลบเลี่ยง เขาง้างหมัดที่เปล่งแสงสีทอง ชกเข้าใส่โดยไม่หวาดกลัว
แม้ว่าร่างกายของหนิงฝานยังไม่บรรลุขอบเขตกายทองคำที่สมบูรณ์ แต่หลังจากได้ปราณปีศาจจากอนุสร์ปีศาจมา ก็ทำให้เขาทรงพลังเกือบจะเทียบเท่าขอบเขตกายทองคำที่ 2
*ตูม!*
ภูเขายักษ์ของซีโม๋แตกละเอียด สีหน้าของมันแปรเปลี่ยนตกตะลึง มันคาดไม่ถึงว่าหนิงฝานจะทรงพลังขนาดนี้
ดูเหมือนเขาจะทรงพลังกว่าข่าวลืออยู่มาก
เหตุที่มันยอมลงมือเพราะไม่อยากให้หนิงฝานเข้าไปในโลกใบนั้น เพราะจะกระทบกับแผนการที่มันวางเอาไว้มานานหลายปี
แต่ก่อนที่มันจะลงมือจู่โจมอีกครั้ง ซูหยานกลับมาขวางมันเอาไว้ พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ซีโม๋ เจ้ากล้าทำร้ายแขกของข้า คิดว่าแค่บรรลุขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นกลางแล้วจะมีศักดิ์ฐานะเสมอข้างั้นเหรอ?”
นางแค่นเสียง เปล่งแรงกดดันที่รุนแรงเข้าสะกดซีโม๋จนเลือดลมปั่นป่วน สีหน้าแปรเปลี่ยนตกตะลึง
มันคาดไม่ถึงว่านางจะทรงพลังขนาดนั้น กระทั่งขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นกลางด้วยกันก็ยังยากจะเอาชนะ
หากมันยังล่วงเกินนางต่อ นางคงลงมือสั่งสอนมัน!
“ถึงเจ้าจะบรรลุขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นกลาง แต่เจ้าสาบานว่าจะจงรักภักดีกับข้า หากครั้งหน้าเจ้ายังล่วงเกินข้าอีก ข้าจะทำโทษเจ้า! ไสหัวไปซะ! สหายเต๋าซัวเป็นผู้ที่ข้าไว้วางใจ ในเมื่อข้าอนุญาติให้เขาเข้าสู่โลกของเผ่า เจ้าก็ไม่มีสิทธ์มาห้าม!”
แม้ว่านางจะโกรธ แต่ซีโม๋ก็ถือเป็นคนสำคัญของเผ่า ต่อให้นางลงโทษมันจริง ก็ไม่ถึงกับสังหารทิ้ง
“เช่นนั้นข้าขอลา!” ซีโม๋กำหมัดแน่น มันขบฟัน ป้องมือให้นางแล้วจากไป
ตอนนี้มันยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนาง มันจะยั่วยุนางซึ่งหน้าไม่ได้ แต่รอให้นางและหนิงฝานเข้าไปในโลกใบนั้นเมื่อไหร่ มันจะลงมือทันที!
ในเมื่ออยากเข้าไปนัก มันก็จะให้ตายในนั้นให้สมใจ!
หลังจากซีโม๋จากไป นางหันมองหนิงฝานพลางยิ้มเป็นเชิงขอโทษ “เป็นความผิดของข้าที่ปล่อยให้เขาล่วงเกินท่าน… ถือว่าเห็นแก่หน้าข้า อย่าได้ถือสาเขาเลย”
ก่อนที่ซีโม๋จะลงมือ แววตาหนิงฝานปรากฏเจตนาสังหาร แม้จะยังไม่ได้ปลดปล่อยพลังเพื่อหวังสังหาร แต่นั่นก็ทำให้นางรับรู้ได้ถึงอันตรายร้ายแรงจากหนิงฝานแล้ว
นางรู้ว่านางหนิงฝานคิดจะลงมือจริงๆ ซีโม๋คงไม่รอด มันจะถูกสังหารเหมือนฉือคุณและโม่ฉุย
เหตุลงที่นางเอาตัวเข้ามาขวาง ไม่ใช่เพราะกลัวมันจะทำร้ายหนิงฝาน แต่กลัวว่าหนิงฝานจะสังหารมัน แม้นางจะไม่พอใจในตัวมัน แต่มันก็เป็นคนของเผ่าคนหนึ่ง
“ขอสหายเต๋าให้อภัยด้วย ข้ามีสิ่งตอบแทบที่ซีโม๋ล่วงเกินท่าน รับรองว่าท่านต้องพอใจ”
“สิ่งตอบแทน? สิ่งใด?” หนิงฝานสงบอารมณ์ เขาไม่พอใจซีโม๋มาก หากไม่เพราะเห็นแก่หน้านาง เขาไม่มีทางปล่อยมันไปแน่นอน
อีกอย่าง ซีโม๋เป็นบริวารของนาง หากเขาฆ่ามัน อาจจะทำให้นางเกลียดเขาไปตลอดชีวิต
ซูหยานเป็นหนึ่งในสนมปีศาจของเขา เขาจึงไม่อยากให้นางเกลียด
“ข้ามีสมุนไพรดีๆในโลกของเผ่า และมีสุราชั้นเลิศที่จะร่วมดื่มกับท่าน เช่นนั้นพอจะทำให้ท่านพึงพอใจหรือไม่?”
“ได้ร่ำสุรากับสาวงามเช่นท่าน นับเป็นสิ่งที่น่ายินดี” หนิงฝานยิ้มพลางจ้องมองนางด้วยสายตาแปลกๆ
แต่นั่นก็ทำให้นางไม่พอใจเล็กน้อย เพราะนางอยู่เหนือบุรุษทุกผู้ที่เข้าหา จึงไม่มีผู้ใดกล้าล่วงเกินนางมาก่อน ยกเว้นหนิงฝานที่ล่วงเกินนางด้วยสายตา
นางโบกมือเบาๆ แผ่พลังมิตินำพาหนิงฝานและนางไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง
วิชาที่นางใช้คือวิชาเคลื่อนที่พริบตา เป็นวิชาที่หยิบยืมพลังมิติเพื่อเดินทางไปยังสถานที่หนึ่งด้วยความเร็วสูง แต่ผู้ที่จะใช้วิชานี้ได้ มีเพียงผู้เชี่ยวชาญไร้ดัดแปลงขั้นกลางขึ้นไปเท่านั้น
ทั้งสองปรากฏตัวยังสถานที่ประหลาดแห่งหนึ่ง นางนำเหรียญตราออกมา ชูขึ้น ก่อนที่ประตูแห่งแสงจะปรากฏ
จากนั้นก็ยื่นเหรียญตราให้หนิงฝานเก็บไว้แล้วยิ้มพลางกล่าว
“ข้าให้ท่านเก็บไว้ ท่านจะได้เข้าออกโลกใบนี้ได้ตามต้องการ เว้นแต่โลกใบนี้จะพังทะลายเท่านั้นถึงจะกักขังท่านได้”
“อืม” หนิงฝานรับเหรียญตรามาแล้วตามนางเข้าไป
จริงๆแล้วต่อให้ไม่มีเหรียญตราหนิงฝานก็คิดว่าเข้านอกออกในที่นี่ได้ อีกอย่าง นางเป็นสตรี เขาสามารถสยบนางและลักพาตัวนางได้ไม่ยาก
นอกจากนี้ เขาก็ไม่ได้กลัวจิตวิญญาณปีศาจไร้ดัดแปลง 15 ตนนั่น เพราะถึงเขาจะสู้พวกมันไม่ได้ แต่เขาก็มีผ้าคลุมลวงสวรรค์ และดรรชนีหมอกเมฆาที่ทำให้หนีออกมาได้ง่ายๆเช่นเดียวกัน
แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด คือเขาอยากรู้ว่านางคิดร้ายกับเขาหรือเปล่าก็เท่านั้น
หลังจากผ่านประตูแห่งแสงเข้าไป ทั้งสองปรากฏตัวยังโลกใบหนึ่ง บนท้องนภาเต็มไปด้วยเมฑทมึน ปราณปีศาจหนาแน่น
ในโลกใบนี้มีภูเขาอยู่นับแสน เป็นที่อาศัยของเหล่าจิตวิญญาณปีศาจ
“ที่นี่คือโลกของเผ่าข้า...” นางยิ้มให้หนิงฝาน แต่จู่ๆโลกกลับสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง รอยปริแตกปรากฏเต็มผืนนภา
สีหน้านางแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง นางคาดไม่ถึงว่าโลกจะล่มสลาย
“นี่มัน...เกิดอะไรขึ้น” นางเพิ่งจะเข้ามา เหตุใดโลกถึงล่มสลาย
หนิงฝานขมวดคิ้ว คาดไม่ถึงว่าเพิ่งจะเดินทางเข้ามา ก็ต้องพบกับเหตุการณ์ประหลาด
เขาลองกระตุ้นเหรียญตรา แต่ทางเข้าก็ไม่ปรากฏ แม้จะลองใช้หมอกเมฆาม่วง ก็ยังไม่สามารถออกไปจากที่นี่ได้
เขาหันมองนางด้วยสายตาเย็นชา ตัวนางก็ตกใจพลางเร่งกล่าว
“สหายเต๋าซัวอย่าได้เข้าใจผิด เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับข้า ข้าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มันอาจเป็นเรื่องบังเอิญ”
“ข้ารู้”
หนิงฝานโยนเหรียญคืนให้นาง เพราะตอนนี้มันกลายเป็นของไร้ค่าแล้ว
“แต่ที่โลกใบนี้กำลังล่มสลาย ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่นอน แม่นางซูดูนั่น...”
หนิงฝานชี้นิ้วไปเบื้องหน้า จิตวิญญาณปีศาตจำนวนมหาศาลกำลังมุ่งตรงมาหาทั้งสองราวกับตั้งใจจะจู่โจมสังหาร และในจำนวนพวกมัน ยังมีจิตวิญญาณ 15 ดวงที่เปล่งแรงกดดันในขอบเขตไร้ดัดแปลง
“ท่านผู้นำซู ในที่สุดท่านก็มา พวกข้ารอท่านมานานมากแล้ว ครั้งนี้พวกข้าจะไม่ให้ท่านออกไปไหนอีก ท่านต้องทิ้งชีวิตไว้ที่นี่!”
กลับกลายเป็นว่า เป้าหมายของพวกมันไม่ใช่หนิงฝาน แต่เป็นนาง!...