บาทที่ 22
บาทที่ 22
การเดินทางไปของสำนักต่างๆนั้น เป็นเหมือนกับการอวดความสามารถของสำนักเซียนต่อสำนักอื่นด้วยเช่นกัน อย่างเช่นสำนักเซียนห้าธาตุนั้นผู้อาวุโสของสำนักใช้ธาตุดินจัดสร้างแผ่นพื้นบางๆขึ้น และใช้พลังลมหนุนมันขึ้นไปบนท้องฟ้าและพาทุกคนจากไป สำนักสรรพสัตว์นั้นใช้เหยี่ยวอาคมตัวใหญ่ยักษ์พาทุกคนขี่หลัง สำนักเซียนมายานั้นกลับวางประตูมายาขึ้นบนพื้นและพาศิษย์ทุกคนเข้าไปในประตูมายานั้น ส่วนสำนักเซียนโชติช่วงใช้ตะเกียงโคมยักษ์เป็นพาหนะพาทุกคนไป
สำนักเซียนสร้างสรรค์นั้นกลับมีวิธีการเดินทางหลากหลายรูปแบบ และที่พวกเขาใช้ตอนนี้ก็คือยันต์ ศิษย์รุ่นก่อนสี่คนยืนล้อมทุกคนไว้ตรงกลางและหันหน้าออกไปด้านนอกและยื่นเหยียดมือที่ถือยันต์ออกไปพร้อมกับร่ายอาคม เมื่ออาคมทำงานพร้อมกับยันต์ ทุกคนที่อยู่ในวงอาคมต่างก็พากันสลายหายไปพร้อมกัน
หงเซียวรู้สึกเหมือนเป็นฉากเปลี่ยนดังในภาพยนตร์ ชั่วพริบตาเขาก็ปรากฏตัวอยู่ที่ลานโล่งในสำนักเซียนสร้างสรรค์แล้ว เขาตะลึงไปชั่วขณะเมื่อนี่เหนือกว่าความสามารถทางวิทยาศาสตร์จะทำเลียนแบบได้
ระยะทางนี่เท่าไหร่กัน และเวลาที่ใช้ในการเดินทางนี่นานกี่มิลลิวินาทีกัน
ดูเหมือนทุกคนรวมถึงศิษย์ใหม่คนอื่นไม่ตระหนักถึงอานุภาพนี้ แม้ว่าศิษย์ใหม่จะรู้สึกถึงความแปลกของยันต์นี้ แต่ก็ไม่มีใครคิดว่ามันผิดหลักการทางวิทยาศาสตร์เท่ากับหงเซียว เพราะสิ่งต่างๆก่อนหน้านี้เขาพอจะอธิบายเป็นวิทยาศาสตร์ได้ หรือไม่ก็พอจะเลียนแบบ หรือสร้างสรรค์ขึ้นมาด้วยวิทยาศาสตร์ได้ แต่สิ่งนี้เกินไปสำหรับเขา
นี่เหนือกว่ากฏของอวกาศและกาลที่เขาเคยทำความเข้าใจอย่างสิ้นเชิง
สำนักเซียนสร้างสรรค์นี้กลับเป็นเหมือนโรงงานขนาดใหญ่หลายโรงงานตั้งอยู่ในพื้นที่เดียวกันโดยมีรั้วโลหะกั้นจากเบื้องนอก ซึ่งหงเซียวเห็นสภาพภายนอกชัดเจนเหนือรั้วทึบนั้นว่าเป็นที่โล่งไปไกลสุดสายตาทุกด้าน
“ยินดีต้อนรับสู่สำนักเซียนสร้างสรรค์ ต่อไปนี้พวกเจ้าจะมีตำแหน่งเป็นช่างฝึกหัด มีสาขาให้พวกเจ้าเลือกสาขา ได้แก่ อาวุธ ชุดเกราะ อาภรณ์ อุปกรณ์เสริม ยันต์ ค่ายกล ยา พวกเจ้าสามารถเลือกเรียนได้ตามความพอใจและความถนัด” ผู้อาวุโสกล่าว ศิษย์พี่หนึ่งในนั้นก็แจกป้ายให้กับพวกเขาทั้งสี่คน คนละแผ่นป้ายซึ่งมีอักขระติดอยู่และมีคำว่าฝึกหัดติดอยู่อีกด้านหนึ่งของป้ายด้วย
“ที่พักและสิ่งที่พวกเจ้าต้องทำต่อไปนั้นศิษย์พี่เจ้าจะช่วยแนะนำให้ ข้าไม่มีคำกล่าวอะไรไปมากกว่านี้ ตามศิษย์พี่ของเจ้าไปได้” ผู้อาวุโสดูเหมือนไม่สนใจกับพวกเขาอีกต่อไป หันกายจากไปโดยปล่อยให้รุ่นพี่เป็นผู้แนะนำ
“ตามพวกเรามา” ศิษย์พี่สี่คนนั้นชักนำพวกเขาไปยังพื้นที่ที่มีบ้านเรียงรายกันเป็นแถวยาว บ้านแต่ละหลังต่างก็มีขนาดพื้นที่แตกต่างกันและมีระยะห่างจากพื้นที่ทำงานแตกต่างกันไปด้วย และให้พวกเขาเลือกบ้านที่ประตูบ้านเปิดอยู่คนละหลัง จากที่หงเซียวสำรวจและคำนวณดูโดยคร่าวๆ คนในนี้ดูเหมือนจะมีเกือบพันคน เนื่องจากว่าหากแต่ละปีมีคนเข้ามาปีละประมาณสี่คน สิบปีก็สี่สิบคน ร้อยปีก็สี่ร้อยคน แต่เพราะว่าทุกคนล้วนเป็นเซียนมีชีวิตไม่ต่ำกว่าร้อยปีขึ้นไป ดังนั้นคนในที่นี้ต้องมีมากกว่าสี่ร้อยคนอย่างแน่นอน แต่ว่าคนมีเกือบพันนั่นหมายความว่าโดยเฉลี่ยแล้วคนที่เข้ามาในแต่ละปีอาจจะอยู่ในช่วงหกถึงเก้าคนเป็นส่วนใหญ่
โดยประมาณแล้วทุกร้อยคนจะมีสักคนที่ได้ก้าวเข้าสู่ชั้นมัชฌิมเซียน ดังนั้นประชากรจึงเพิ่มขึ้นแต่ด้วยอัตราที่ช้ามาก
หงเซียวเลือกบ้านที่อยู่ไกลออกไปและมีพื้นที่กว้าง ซึ่งก็มีหลายคนที่เลือกเช่นนี้แต่ก็มีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่เลือกพื้นที่ที่ใกล้กับพื้นที่ทำงานแต่มีอาณาเขตของบ้านน้อย ขึ้นกับความพอใจชองแต่ละคน อีกทั้งพวกเขายังสามารถย้ายได้ตามใจปรารถนาหากว่าต้องการเปลี่ยนและมีบ้านว่างในบริเวณที่พวกเขาชอบ
เมื่อแนะนำสถานที่เรียบร้อยแล้ว ศิษย์พี่ก็พาพวกเขาไปรู้จักแผนกต่างๆที่มีอยู่พร้อมกับแนะนำว่าแต่ละแผนกนั้นต้องทำอะไรบ้าง จากนั้นก็พาพวกเขาไปรู้จักกับภารกิจและการหารายได้ ก่อนจะปล่อยให้พวกเขาอยู่ที่อาคารภารกิจนั้นตามลำพัง
พวกเขาต่างไม่พูดจากัน ต่างพากันดูภารกิจด้วยความสนใจ ซึ่งติดอยู่บนกระดานภารกิจ
ภารกิจพื้นฐาน
ภารกิจตัดไม้แก่นเพลิง หนึ่งแต้มเซียนต่อไม้หนึ่งกิโลกรัม
ภารกิจช่วยงานเย็บผ้า หนึ่งแต้มเซียนต่อครึ่งวัน
…
ภารกิจหาสมุนไพร แต่ละแต้มเซียนขึ้นกับชนิดและอายุสมุนไพรดังตารางประกอบ
…
ภารกิจลูกมือช่างตีเหล็ก หนึ่งแต้มเซียนต่อครึ่งวัน
หงเซียวตาเป็นประกายเมื่อเห็นภารกิจหาสมุนไพร ดูเหมือนว่าเขาจะมีวิธีหาแต้มเซียนที่ง่ายไม่ต้องออกไปหาจากข้างนอกแล้ว
ภารกิจที่นี่ไม่ต้องรับภารกิจ ยกเว้นว่าเป็นภารกิจที่มีเพียงครั้งเดียว หากเป็นภารกิจที่ทำได้เรื่อยๆก็เพียงแค่ทำตามนั้นและส่งผลของภารกิจก็พอ
หงเซียวออกจากอาคารภารกิจมุ่งไปยังอาคารปรุงยาที่ซึ่งมียาและวัตถุดิบในการปรุงยาขาย เขาต้องการซื้อสมุนไพรแต่ก็พบว่าตนเองไม่มีแต้มเซียนพอที่จะซื้อ เมื่อศิษย์พี่เห็นว่าเขาเป็นผู้มาใหม่ เขาจึงนำวัตถุดิบที่หมดสภาพแล้วมาขายแลกกับแต้มเซียนที่หงเซียวมี
วัตถุที่หมดสภาพนี้อาจจะหมดสภาพของการเป็นยาไปแล้ว แต่ก็ยังสามารถปลูกขึ้นได้อยู่ ดังนั้นหงเซียวจึงยินดีแลกกับวัตถุดิบเหล่านี้ ซึ่งเขาได้มาหลายกระสอบ เพราะว่าวัตถุเหล่านี้ยังไม่ถูกจำหน่ายทิ้ง
หงเซียวรู้จักวิธีพลิกแพลงมาอีกอย่างหนึ่งจากการดูการต่อสู้ที่สนามประลอง เขาเปลี่ยนร่างของผึ้งเซียนกลุ่มหนึ่งให้เป็นเหมือนลูกโป่ง และใช้เวทบอลน้ำใส่เข้าไปในตัวมันเพิ่มขนาดตัวของมันให้มีขนาดใหญ่เท่ากับตัวคน ดูเหมือนกับสไลม์ในเกมในโลกเดิมของศาสตราจารย์ จากนั้นก็ให้มันช่วยแบกกระสอบอันหนักอึ้งนี้กลับไปที่บ้านพัก ซึ่งถ้าหากว่ามันล่องลอยไปตามลมตามแบบปกติ พวกมันอาจต้องใช้จำนวนหลายตัวเพื่อยกกระสอบนี้หนึ่งกระสอบ
ศิษย์พี่ห้องสมุนไพรไม่แปลกใจ เพราะว่ามียันต์มากมายหลายแบบมาก เขาก็คิดว่านี่เป็นยันต์แบบหนึ่งที่เขาไม่รู้จัก
ศิษย์พี่ยินดีที่ได้มีคนมาช่วยกำจัดสมุนไพรที่กลายเป็นขยะและได้แต้มเซียนกลับเข้าคลังสมุนไพร ขณะที่หงเซียวก็ยินดีที่ตนเองได้พืชมาปลูก ต่างฝ่ายต่างก็รู้สึกว่าได้ประโยชน์
หงเซียวกลับเข้าบ้านและเริ่มปลูกสมุนไพรตามหลักของค่ายกล สมุนไพรที่ไม่ค่อยมีความสำคัญหรือราคามากนักถูกปลูกอยู่รอบนอกเป็นขอบเขต ส่วนสมุนไพรสำคัญก็จะถูกปลูกไว้ตรงกลาง กลายเป็นค่ายกลพืชที่เขาปลูกอยู่ดังเช่นทุกครั้ง แต่ในเมื่อครั้งนี้มีพืชสมุนไพรจำนวนมาก เขาจึงสร้างซ้อนทับกันหลายชั้นจนพลังเซียนในบริเวณตรงกลางมีปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างมากมาย
เขาอดคิดถึงสี่สาวนั้นไม่ได้ นับตั้งแต่สี่สาวนั้นสร้างชีพจรเซียนสำเร็จ เขาก็ได้สอนค่ายกลนี้ให้พวกเธอได้เรียนรู้เรียบร้อยแล้วตั้งแต่เมื่อตอนที่พวกเขาอยู่ที่สำนักเซียนคุณไสย เขาก็คาดว่าพวกเธอเมื่อไปอยู่ด้วยตนเองก็จะสร้างค่ายกลนี้เพื่อฝึกวิชาเช่นเดียวกัน
ไส้เดือนรากอสูรถูกปล่อยออกไปเพื่อช่วยเร่งการเติบโตของพืช ด้วยการซ้อนทับของค่ายกลจากการที่มีสมุนไพรจำนวนมากนี้ เขาคาดว่าพืชจำนวนมากที่อยู่ในใจกลางค่ายกลจะได้รับพลังเซียนป้อนอย่างเพียงพอไม่ขาดแคลน
ผึ้งเซียนสไลม์นั้นได้รับหน้าที่ในการดูแลพืช พวกมันจะทำการรดน้ำ รักษาความชุ่มชื้นให้เหมาะสม
ผึ้งเซียนบางตัวใช้คาถาอาณาเขตพสุธา ปรับสภาพดินให้เป็นดินร่วนซุยเหมาะกับการเจริญเติบโตของพืช
ผึ้งเซียนอีกกลุ่มหนึ่งก็ถูกทำเป็นลูกโป่งเช่นกัน แต่ว่าตัวของมันนั้นมีคาถาประจำตัวเป็นคาถากรงเล็บโลหะ พวกมันถูกใช้ให้ขุดดินเพื่อจัดสร้างบ่อน้ำ ห้องน้ำและส้วมตามแบบที่หงเซียวต้องการ พร้อมทั้งใช้ในงานสวนคอยกำจัดพืชและแมลงศัตรูพืชเปลี่ยนพวกมันให้กลายเป็นปุ๋ย รวมถึงตัดแต่งกิ่ง
ยังมีผึ้งเซียนที่มีคาถาอาณาเขตพฤกษา ซึ่งจะทำให้ต้นไม้ในอาณาเขตนั้นเติบโตอย่างรวดเร็ว และตามความต้องการ
ยิ่งไปกว่านั้นเขาใช้ผึ้งเซียนอีกสี่ตัวใช้คาถาร่างอัคคีของสำนักห้าธาตุ กระจายอยู่ในสวน เปลี่ยนตัวมันให้เป็นดวงตะวันดวงเล็กๆคอยให้แสงแก่พืชพรรณทั้งหลายในยามกลางคืน
เมื่อจัดการทุกสิ่งเสร็จสิ้นรวมถึงธุระส่วนตัวแล้ว หงเซียวก็ทิ้งภูษาเซียนห้าธาตุที่เป็นรูปกระบี่ประดับอัญมณีห้าเม็ดไว้ที่ตัวกระบี่ไว้คอยเติมพลังเซียนให้กับผึ้งเซียนเหล่านั้น ส่วนตัวเขานั้นกลับไปยังอาคารภารกิจเพื่อตรวจสอบภารกิจอีกครั้ง ในเมื่อการปลูกสมุนไพรนั้นอาจจะกินเวลาอยู่บ้าง
เขาเห็นว่าภารกิจช่วยงานเย็บผ้าเป็นภารกิจที่น่าสนใจ ในเมื่อเขากับพวกสาวๆได้ช่วยกันออกแบบและเย็บผ้ากันมาแล้ว แต่ก่อนอื่นนั้นเขาจะต้องไปดูในหอคัมภีร์ก่อนว่า วิธีเย็บเสื้อผ้าเซียนนั้นมีความแตกต่างกับการเย็บผ้าของโลกมนุษย์อย่างไร
เดินเข้าไปในหอคัมภีร์ ในนี้มีหมวดหมู่จัดไว้มากมายแตกแขนงไปตามพื้นฐานที่ผู้อาวุโสได้กล่าวไว้ตั้งแต่ต้น เขาหักห้ามความอยากรู้อยากเห็นและตรงไปยังพื้นที่ของหมวดเสื้อผ้าชุดเกราะ ภาคเสื้อผ้า และหาหนังสือพื้นฐานเกี่ยวกับเสื้อผ้ามาอ่าน
ยิ่งอ่านก็ยิ่งตื่นเต้น เสื้อผ้าเซียนนั้นไม่ธรรมดา มันมีความสามารถหลากหลาย แต่โดยพื้นฐานแล้วจะต้องมีพลังป้องกันทางกายภาพ พลังป้องกันทางเวทมนตร์ และความสามารถอื่น
การตัดเย็บนั้นไม่ได้ง่ายดายเหมือนกับการเอากรรไกรตัดแล้วเย็บเหมือนที่เขาทำตอนที่อยู่งานชุมนุมหมื่นเซียน เพราะว่าการทำเช่นนั้นจะทำลายความสามารถของชุดไปมากกว่าครึ่งหนึ่ง
หงเซียวเหงื่อตก