ตอนที่แล้วบทที่ 14 : ให้ไข่ไก่เป็นของขวัญ (2/2)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 16 : ความสัมพันธ์ของทั้งสองครอบครัว (2/2)

บทที่ 15 : ความสัมพันธ์ของทั้งสองครอบครัว (1/2)


บทที่  15  :  ความสัมพันธ์ของทั้งสองครอบครัว  (1/2)

หลี่ซานเก๋อมองหน้าภรรยาเหมือนกับจะส่งสัญญาณว่าพวกเราไม่น่าจะปิดเรื่องนี้ได้แล้ว  เขาส่งสายตาเป็นเชิงขอโทษให้นาง  ก่อนจะตัดสินใจเล่าความจริงให้ผู้เป็นแม่ฟัง

เขาเล่ายังไม่ทันจบดี  นางจางก็พูดแทรกขึ้นมาด้วยน้ำเสียงโมโหว่า   “เหม่ยซีนั่นเจ้าทำอะไรลงไป!  เจ้าไม่รู้หรือว่าสี่คนพี่น้องนั่นน่าสงสารแค่ไหน!   มันเป็นเรื่องดีแค่ไหนแล้ว  ที่บ้านเราพอจะช่วยเหลืออะไรพวกเขาได้บ้าง  และที่ข้าช่วยก็ไม่เคยได้คาดหวังสิ่งใดตอบแทนแต่เจ้ากลับรับของมาง่ายๆได้อย่างไร   ดูไข่พวกนี้สิไม่รู้ว่าพวกเขาต้องเก็บกันกี่วันถึงได้ไข่มามากมายขนาดนี้  เจ้านี่มันหน้าไม่อายจริงๆ!  ยังไม่รีบเอาไปคืนฟางโจวอีก!”

นางจ้าวรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมากอีกทั้งใบหน้าของเธอก็เริ่มบึ้งตึงอย่างเห็นได้ชัด  “ท่านแม่ทำไมท่านถึงพูดกับข้าแบบนี้!!  ข้าทำอะไรผิดเจ้าคะ  ก็บ้านเราเคยช่วยเหลือนางตั้งหลายครั้งหลายครา  แค่นางเอาไข่มาให้เป็นการตอบแทนน้ำใจเล็กๆน้อยๆ  ข้ารับไว้มันผิดมากหรือเจ้าคะ  นี่ข้าเองก็พยายามปฏิเสธนางแล้ว  แต่นางก็ดึงดันเอาตะกร้ามายัดใส่มือข้า  แล้วทำไมท่านถึงมาโทษว่าเป็นความผิดของข้าเพียงคนเดียวล่ะ  อีกอย่างข้าก็ไม่เข้าใจเลยว่า  ทำไมท่านถึงต้องไปช่วยเหลือนางมากมายขนาดนั้นครอบครัวเราก็ใช่ว่าจะร่ำรวยมีเงินเหลือกินเหลือใช้ถึงขนาดที่จะไปช่วยเหลือคนอื่นได้   แล้วที่ข้าทำเนี่ยก็เพื่อครอบครัวของเราทั้งนั้น  อีกอย่างข้าก็ไม่ได้รับไข่พวกนี้ไว้แล้วเอาไปซ่อนแอบกินเงียบๆคนเดียวเสียหน่อย   ใช่สิข้ามันคนไม่ดี  ข้ามันคนเห็นแก่ตัว  ส่วนไข่นี่ใครจะเอาไปคืนก็เอาไปเถอะ  ข้าไม่ยุ่งด้วยแล้ว!”

นางจ้าวรู้สึกน้อยใจมากดวงตาของนางเริ่มแดงก่ำและมีน้ำตาคลออยู่น้อยๆนางวางตะกร้าไข่ในมือลงกับพื้นอย่างแรงก่อนจะหันหลังและวิ่งหนีเข้าบ้านไป

หลี่ซานเก๋อเห็นสีหน้าของผู้เป็นแม่เปลี่ยนไปเล็กน้อย  แต่บนใบหน้าก็ยังมีร่องรอยของความโกรธปรากฏอยู่  เขาไม่รู้จะทำยังไง  จึงทำได้แค่พูดเสียงอ่อนออกมาว่า  “ท่านแม่นางยังเด็กแถมยังไม่ค่อยฉลาด  พูดจาอะไรก็ไม่ค่อยรู้ประสา   ท่านอย่าไปโมโหนางให้เสียสุขภาพเลยนะขอรับ  อีกเดี๋ยวข้าจะรีบให้นางมาขอโทษท่าน  ส่วนเรื่องไข่ก็ค่อยให้อาฮวนเอาไปคืนให้ฟางโจว”

“เฮ้อ…”  นางจางถอนหายใจออกมาหนักๆก่อนจะพูดว่า   “แม่ไม่ได้ถือโทษโกรธเมียเจ้าหรอก  สิ่งที่นางพูดมามันก็ไม่ได้ผิด  ถ้าจะโทษก็คงต้องโทษที่ครอบครัวของเราเอง!   หลังจากนี้แม่ว่าเจ้าควรจะเล่าเรื่องบ้านของเราให้นางฟังบ้างแล้วล่ะ  นางจะได้เข้าใจอะไรๆ มากขึ้น  ซานเก๋อเอ้ยปีนั้นพ่อของเจ้าไปช่วยเขาทำงานยกท่อนซุง  แต่ดันเกิดอุบัติเหตุท่อนซุงทับขาจนขาหักพ่อเจ้าล้มป่วยนานเป็นปี  เดินก็ไม่ได้  ทำงานก็ไม่ได้  บ้านเหลียนช่วยเราไว้มากแค่ไหนเจ้าก็น่าจะจำได้  ตอนนั้นบ้านเรายากจนนัก  เงินจะซื้อยามาให้พ่อเจ้ากินรึก็ไม่มี  ข้าต้องบากหน้าไปขอความช่วยเหลือจากพวกเขา  ป้าเหลียนของเจ้าเมื่อรู้เรื่องเข้า  นางถึงกับยอมขายสินสอดส่วนตัวของตัวเองเพื่อมาเป็นค่ายาให้กับพ่อของเจ้าอย่างไม่ลังเล   ถ้าหากว่าไม่ได้นางช่วยไว้ครานั้นพ่อของเจ้าคงได้กลายเป็นคนพิการไปแล้ว!   เรื่องนี้เจ้ายังจำได้ใช่ไหม?!”

“ท่านแม่!”   หลี่ซานเก๋อพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสำนึกบุญคุณ   “ท่านสอนข้ากับอาฮวนเสมอว่าอย่าลืมบุญคุณของท่านป้ากับท่านลุงเหลียน   แล้วข้าจะกล้าลืมได้อย่างไร  ท่านป้ากับท่านลุงเหลียนนั้นเป็นคนดีมาก  ตอนนี้พวกเขาไม่อยู่แล้ว  แต่ลูกๆของพวกเขากำลังลำบาก  เพราะฉะนั้นการที่พวกเราเข้าไปช่วยเหลือนั่นเป็นสิ่งที่สมควรทำแล้ว!!”

“ถ้าเจ้าคิดได้อย่างนั้นแม่ก็เบาใจ!”  นางจางถอนหายใจอย่างโล่งอก   “เกิดเป็นคนต้องรู้จักสำนึกบุญคุณคน!   ใครไม่รู้แต่ตัวเราเองก็รู้ดีอยู่แก่ใจ  อีกอย่างพวกเราก็ไม่ได้ช่วยเหลืออะไรพวกเขามากเลย!  นี่มันยังไม่เทียบไม่ได้กับสิ่งที่บ้านเหลียนเคยช่วยพวกเราไว้ด้วยซ้ำ  เมื่อรู้อย่างนี้แล้วเรายังจะรับข้าวของจากพวกเขาได้หรือ!  รู้ทั้งรู้ว่าพวกเขาเองก็กำลังลำบาก  แม่จะกล้าทำแบบนั้นกับลูกของผู้มีพระคุณได้อย่างไร!  ถ้าแบบนั้นแม่กับพ่อของเจ้าก็คงไม่มีหน้าไปสู้ใครได้แล้ว!!”

“ข้ารู้แล้วท่านแม่ท่านสบายใจได้อีกเดี๋ยวข้าจะรีบไปอธิบายเรื่องนี้ให้เหม่ยซีฟังเอง  ข้าเชื่อว่านางจะต้องเข้าใจแน่   เพราะตอนแรกนางไม่รู้เรื่องราวพวกนี้ก็เลยหุนหันพลันแล่นไปบ้าง  ท่านก็อย่าถือสานางเลยนะขอรับ”  หลี่ซานเก๋อปลอบผู้เป็นแม่ด้วยเสียงนุ่มนวล  ก่อนจะพูดต่อว่า  “เดี๋ยวข้าจะไปบอกอาฮวนให้เอาไข่ไปคืนพี่ฟางโจวของนางเอง  ท่านแม่ไม่ต้องกังวลไปนะขอรับ”

“ไม่เป็นไรเดี๋ยวข้าเอาไปคืนเองดีกว่า”  นางจางถอนหายใจด้วยความหนักใจ  “ขืนให้อาฮวนเอาไปคืน  เดี๋ยวนางก็ไม่ยอมรับกลับไปอีก  เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ให้ข้าจัดการเองจะดีกว่า  ข้าจะได้คุยกับนางให้เข้าใจด้วยว่า  ทีหลังไม่ต้องเอาของอะไรมาตอบแทนพวกเราอีกเพราะพวกเราเต็มใจที่จะช่วยเหลืออยู่แล้วสิ่งของตอบแทนพวกนี้ไม่ได้จำเป็นเลย”

พอพูดจบนางจางก็เดินถือตะกร้าไข่ไปที่บ้านของพี่น้องตระกูลเหลียนทันที

เมื่อนางมาถึงบ้านเหลียนก็เป็นเวลาที่สี่คนพี่น้องกำลังนั่งกินข้าวเย็นกันอยู่พอดี

เมื่อเห็นโจ๊กมันเทศในหม้อ  ที่เรียกได้ว่าส่วนใหญ่มีแต่น้ำและแทบจะไม่มีเม็ดข้าวอยู่เลย  นางจางก็อดที่จะเศร้าใจไม่ได้  ที่เห็นว่าพวกเขามีชีวิตความเป็นอยู่ที่ยากลำบากกันขนาดนี้

เมื่อพี่น้องบ้านเหลียนเห็นนางจางเดินมาก็พากันลุกขึ้นทักทายอย่างกระปี้กระเปร่า  “สวัสดีค่ะป้าจาง”  เหลียนฟางโจวเอ่ยทักทายด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม  แต่เมื่อเธอเห็นตะกร้าไข่ในมือของป้าจาง  เธอก็พอจะเดาเรื่องราวต่อไปออกได้ทันที....

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด