ตอนที่แล้วตอนที่ 9 จอมมาร
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 11 และแล้ว เนื้อเรื่องหลักก็มาถึง

ตอนที่ 10 เสียงกระซิบของปิศาจ


ชื่อลอร์ดย่งเย่น่ะเหรอ? เอาความจริงแล้ว ชื่อนี้มาจากคำประกาศที่เหมือนมุกตลกของข้าเองแหละ

“ถ้าแสงศักดิ์สิทธ์เป็นดั่งตะวันที่ไม่มีวันมอดดับ คอยเฉิดฉายแสงแก่เหล่าปวงชนไปชั่วนิรันดร์กาลล่ะก็? แต่ตัวข้าผู้นี้กลับถูกทอดทิ้งโดยแสงศักดิ์สิทธิ์ เช่นนั้นข้าก็ขอชโลมแผ่นดินนี้ด้วยราตรีอันเป็นนิจนิรันดร์”

ถูกทรยศจากโบสถ์แสงศักดิ์สิทธิ์ ตัวข้าที่เป็นเชื้อพระวงศ์ต้องสูญเสียทั้งครอบครัวทั้งอาณาจักรของข้า ข้าได้แต่สาปแช่งแสงศักดิ์สิทธิ์ที่ข้าเชื่อมั่น ข้าขอให้คำมั่นสัญญาว่าจะนำกฎระเบียบอันใหม่มาสู่พื้นทวีปแห่งนี้และกวาดล้างเจ้าพวกกษัตริย์เน่าเปื่อยฟอนเฟะให้เหลือเพียงคำบอกเล่าในประวัติศาสตร์

“ในเมื่อพวกเจ้าทุกคนเลือกที่จะหันหลังให้กับความเป็นพันธมิตรของพวกเราเพื่อผลประโยชน์ของอาณาจักรเจ้า หักหลังต่อประเทศของข้าประชาชนของข้า ย่อมได้เพื่อเป็นการตอบแทน ข้าจะบดขยี้อาณาจักรของพวกเจ้าทุกคนเอง”

ก็ได้ ข้ายอมรับว่านี่ฟังแล้วจูนิโคตรๆเลย แต่ก็เป็นกันทุกคนไม่ใช่เหรอที่มีประวัติดำมืดที่อยากให้หายไป?

ข้าขอบอกเลยว่าจูนินั้นน่ากลัว แต่จูนิผู้เป็นผู้ก้าวข้าม(มาจากโลกอื่น)ที่มาพร้อมกับระบบทองคำ(ของโกง)นั้นยิ่งน่ากลัวเข้าไปใหญ่

ระบบลิชแสนชั่วร้ายให้แต้มข้าโดยดูว่าการกระทำของข้านั้น สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงต่อเหตุการณ์ในปัจจุบันและสร้างผลกระทบต่อโลกนี้ได้มากเพียงไร แค่แกล้งชาวบ้านน่ะไม่ค่อยส่งผลอะไรต่อโลกใบนี้นักหรอก เพราะงั้นค่าตอบแทนจากการแกล้งถึงได้น้อยนิด แต่ถ้าข้าเกิดตัดสินใจที่จะนำพาความตายและหายนะมาล่ะ ข้าย่อมได้แต้มมาอย่างไม่มีวันหมดสิ้นและนั้นยิ่งทำให้ข้าแกร่งขึ้นยิ่งทำให้ข้าสร้างหายนะได้มากขึ้นไปอีก

แล้วอะไรกันล่ะที่สามารถนำพาความตายและหายนะมาได้มากกว่าศึกพิชิตโลก?

ใช่แล้ว สงคราม สงครามที่จะทำลายทุกสิ่ง

เรื่องของข้าก็เฉกเช่นเดียวกับมหากาพย์เรื่องเล่ามากมายที่ถูกบันทึกบนพื้นทวีปไว้ว่า อันเดดลอร์ดไร้นามตนหนึ่งได้เรียกปลุกกองทัพอันเดดที่ซื่อสัตย์ของตนขึ้นมา ปีกสีทมิฬแห่งเผ่าโลหิตปกคลุมแสงตะวันที่ปลายขอบฟ้านั้นและค่ำคืนอันเป็นนิรันดร์ก็ย่ำกายเข้ามา

ภายในค่ำคืนอันเป็นนิรันดร์ เหล่าอันเดดร่วมเริงระบำท่ามกลางสมรภูมิ เหล่าอัศวินดำผู้บ้าคลั่งเริ่มแข่งขันล่าศีรษะมนุษย์ ทันใดนั้นเองคลื่นสีขาวก็ปรากฏขึ้นที่ปลายขอบฟ้า มหาสมุทรแห่งโครงกระดูกได้ย่ำกายมาถึงเพื่อร่วมสรรเสริญแด่งานเลี้ยงโลหิตที่กำลังจะเริ่ม

ท่ามกลางสนามรบ เช่นเดียวกับความตายที่คืบคลานออกไป พลังและกองทัพของข้าได้เพิ่มพูนขึ้นราวกับก้อนหิมะที่กลิ้งลงทางลาด จนท้ายที่สุดข้าก็กลายเป็นจักรพรรดิอันเดดชั้นกึ่งเทวะเพียงหนึ่งเดียวในช่วงเวลานั้น

จักรพรรดิอันเดด – ลอร์ดย่งเย่ กลายเป็นฝันร้ายแก่คนเป็นทุกหมู่เหล่า

ภายใต้ภัยพิบัติอันเดดครั้งนั้น ได้ทำให้ 4 จักรวรรดิอันยิ่งใหญ่ที่คงอยู่ในประวัติศาสตร์กว่าพันปีถึงกาลสิ้นสุดลง ร่วมด้วย 3 สหราชอาณาจักรและ 6 อาณาจักรได้ถูกกวาดล้างเหลือเพียงเศษฝุ่นทิ้งไว้ในประวัติศาสตร์

ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ได้ว่า เหตุใดกันลอร์ดย่งเย่ถึงแข็งแกร่งขึ้นทุกครั้งที่ผ่านการต่อสู้ เหตุใดถึงมีพลังเวทย์เพียงพอต่อการควบคุมกองทัพทั้ง 10 ล้านของเขาได้ เหตุใดถึงมีพลังมากพอในการสั่งการอันเดดลอร์ดทั้ง 10 ได้

และสุดท้าย มหาสมุทรแห่งอันเดดก็ได้กลืนกินทุกสรรพสิ่ง หลังจากที่ลอร์ดย่งเย่ได้ทำลายกองทัพพันธมิตรภายใต้การนำของโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ลงอย่างสิ้นซาก นะเวลานั้นทุกคนต่างคิดว่านี้คงถึงกาลอวสานของยุคแห่งคนเป็นและคงถึงเวลาที่ยุคแห่งอันเดดจะเริ่มต้นขึ้น

แต่แล้ว ก็มีข่าวด่วนแพร่สะพัดไปทั่วโลก ทำให้ประชาชนทุกหมู่เหล่าต่างยินดีด้วยความสุข

ลอร์ดย่งเย่ถูกลอบสังหาร กองทัพอันเดดแตกพ่าย!

‘ผู้กล้าดอกบัวแดง’ อดัม ฮานต์ โด่งดังขึ้นภายในชั่วข้ามคืน

ทั่วทั้งทวีปเอ็ชต่างร่วมร้องสรรเสริญในชื่อของบุรุษผู้นี้ เหล่าผู้เฒ่าต่างร่วมยกแก้วขึ้นอธิฐานให้วีรกรรมของบุรุษหาญกล้าผู้นี้ถูกจารึกในประวัติศาสตร์ไปชั่วกาลนาน เหล่าผู้ใหญ่ต่างร่ำร้องสรรเสริญแก่วีรกรรมของบุรุษผู้นี้ เหล่าคนหนุ่มและเด็กน้อยต่างมองบุรุษผู้นี้เป็นเป้าหมายในอนาคตและแบบอย่างที่ตนนับถือ

ให้คำนวณคราวๆหลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้น ถ้าไม่ได้ผู้กล้าที่ราวกับเดินออกมาจากตำนานเรื่องเล่า อดัม ฮานต์ และสหายของเขาสังหารลอร์ดย่งเย่ จำนวนประชากรทั้งทวีปเอ็ชคงเหลือเพียงแค่ 30 % จากที่ควรจะเป็น

แต่ ณ ตอนนี้เอง ผู้กล้าในตำนานท่านนี้กลับทำตัวเหมือนเด็กที่โดนหลอก ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความโกรธ

“นี่ ไหนๆข้าก็กำลังจะตายแล้ว เจ้าช่วยบอกความจริงข้าสักทีได้ไหม เหตุการณ์ตอนนั้น ทำไมเจ้าถึงยอมอ่อนข้อให้พวกเรากัน? ทำไมหน่วยอารักขาถึงว่างเปล่า? ทำไมราชองครักษ์หมาล่าเนื้อสีชาดถึงอยู่ห่างออกไปพันลี้? ทำไมข้างกายเจ้าถึงไม่มีอันเดดชั้นลอร์ดอยู่เลยสักตน? แล้วทำไมตัวเจ้าที่มีพลังถึงชั้นกึ่งเทวะถึงพ่ายแพ้ให้กลุ่มชั้นตำนานอย่างพวกเราด้วย?”

ข้าลังเลไปชั่วครู่ แต่ข้าก็ติดสินใจที่จะไม่บอกความจริงออกไป

“ก็นะ ไม่ใช่ว่าเจ้าก็รู้นิว่าการคืนชีพจากความตายส่งผลให้ต้องเสียความทรงจำบางส่วนไป? ส่วนที่เจ้าถามข้าลืมไปหมดแล้ว”

ความจริงแล้ว หลังจากที่ข้าได้ทำลายเหล่าประเทศที่หักหลังประเทศของข้า และทำลายโบสถ์ใหญ่ของแสงศักดิ์สิทธิ์ที่ทรยศต่อแผ่นดินแม่ของข้า สหราชอาณาจักรมิสท์ตะวันตกไปแล้ว เพลิงโทสะของข้าก็มอดดับลง รึไม่อย่างน้อยข้าก็คิดได้มากขึ้น

เมื่อข้าก้มมองสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น ถ้ากองทัพย่งเย่ยังเดินหน้าเคลื่อนทัพต่อไป สิ่งที่จะหลงเหลือคงมีเพียงความตายและหายนะอันไม่มีที่สิ้นสุด

แต่ ณ ช่วงเวลานั้น มันยากเกินกำลังข้าที่จะหยุดการเคลื่อนทัพได้อีกแล้ว....

เหล่าบริวารอันเดดลอร์ดของข้าต่างเริงร่าพูดคุยถึงเรื่องการสร้างประเทศขึ้น และเปลี่ยนให้ทวีปเอ็ชแห่งนี้ให้เป็นสรวงสวรรค์สำหรับเหล่าอันเดด กองทัพย่งเย่ที่ประกอบไปด้วยอันเดดลอร์ดกว่าหลายร้อยตนไม่ใช่สิ่งข้าจะหยุดได้เพียงลำพัง

ฉะนั้นแล้ว ตัวข้าที่เป็นผู้นำแห่งพันธมิตรนี้ ต้องจากโลกนี้ไป แต่ก่อนหน้านั้น ข้าต้องหลงเหลือคำสั่งเสียไว้ว่าเพียงผู้ที่สามารถหาสัญลักษณ์แห่งอาณาจักรของข้า คทาประกาศิตย่งเย่ พบเท่านั้นถึงจะมีสิทธิ์แสดงตัวขึ้นเป็นจักรพรรดิอันเดดองค์ต่อไปได้

“อาวุธเทวะ คทาประกาศิตย่งเย่ เครื่องหมายแห่งพระมหากษัตริย์ของมวลประชาอันเดด ว่ากันไว้ว่าของชิ้นนี้นั้นเป็นสมบัติที่ย่งเย่ไว้กับตัวไม่เคยห่าง และยังว่าอีกว่าของชิ้นนี้ได้เก็บซ่อนความลับของความยิ่งใหญ่ขององค์จักรพรรดิเอาไว้ภายใน แต่จนถึงปัจจุบันนี้ คทาชิ้นนี้ยังไม่เคยปรากฏโฉมมาบนหน้าประวัติศาสตร์เลย” สารบัญภาพอาวุธเทวะ โดย หอหมื่นมนตรา นี้แหละคือคำแนะนำของคทาประกาศิตย่งเย่

แต่สุดท้ายแล้ว ข้าก็จากโลกนี้ไปเร็วเกินไป เร็วจนข้ายังไม่ทันบอกออกไปว่าจริงๆแล้วคทาประกาศิตย่งเย่คืออะไรกันแน่ สุดท้ายแล้วเหล่าอันเดดลอร์ดก็เริ่มสงสัยกันเองว่ามีใครแอบซ้อนคทาไว้.....ใครบอกกันล่ะว่าอันเดดไม่มีความปรารถนา? พลังและอำนาจน่ะต่างเป็นที่บูชา(ต้องการ)ของสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญาทุกรูปแบบ

ก็นะ ข้าคงไม่ต้องเล่ารายละเอียดสิ่งที่ขึ้นต่อจากนั้นหรอก ความขัดแย้งภายในที่ปะทุขึ้นทำให้ภัยพิบัติอันเดดครั้งนั้นจบลงและประเทศของเหล่าอันเดดในปัจจุบันนี้ จักรวรรดิซีโหล กว่าครึ่งของ 12 อันเดดลอร์ดที่นั้นเป็นพวกหน้าเก่าๆในกองทัพทั้งนั้น

“แหะแหะ ขนาดยังมีตำนานไว้เลยว่าผู้ใดก็ตามที่ได้ครอบครองคทาประกาศิตย่งเย่จะได้เป็นจักรพรรดิอันเดดองค์ต่อไป แต่น่าเสียดายที่ตำนานนี้คงเป็นได้แค่เรื่องลวงโลกเพราะว่า....คทาประกาศิตย่งเย่นั้นไม่มีอยู่จริงน่ะสิ”

ใช่แล้ว แม้แต่ชื่อเรียก ลอร์ดย่งเย่ ยังมาจากมุกตลกเลย แล้วมันจะเป็นไปได้ยังไงที่บนโลกนี้จะมีอุปกรณ์ชั้นเทวะแปลกประหลาดแบบนั้นได้ ทุกคนบนโลกนี้ต่างโดนข้าหลอกกันหมด

หลังจากที่ข้าล้างแค้นสำเร็จลุล่วงแล้ว ข้าก็ไม่มีเป้าหมายอะไรให้ทำอีก หลังจากที่ข้าเปลี่ยนไปร่างอื่นแล้ว ข้าก็เหมือนเกิดใหม่

ในตอนแรก ข้าตั้งใจจะเริ่มต้นใหม่แต่แรกหลังจากคืนชีพแล้ว เก็บสะสมพลังคอยเฝ้ารอให้ ‘เหตุการณ์ในเกม’ การกลับมาของน้องชายที่โง่เง่าของข้ามาถึง

แต่ข้าก็พลาด สิ่งเดียวที่ไม่เป็นตามแผนที่ข้าวางไว้นั้นคือ นักบุญมากาเร็ต สามารถมองแผนข้าออก นางรู้ดีว่าการจะฆ่าลิชให้ได้จริงๆนั้นยากแค่ไหนสุดท้ายแล้วนางจึงผนึกฮอร์ครักซ์ข้า กลายเป็นตรวนขังข้าไว้

นครภูผาหลิวฮวงตอนเริ่มแรกเป็นเพียงแผ่นดินแห้งแล้งกันดารแต่พวกนั้น(สามผุ้นำ)ก็ตัดสินใจที่จะปักหลักอยู่กันที่นี่ แต่จากนั้นไม่นานก็มีเหล่าผู้ลี้ภัยเข้ามาอาศัยด้วย ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนั้นเป็นจุดเริ่มต้นของนครที่พวกเรารู้จักกันดี

ในโลกใต้พิภพที่มีอันตรายอยู่ทุกหนทุกแห่ง การคุ้มครองจากผู้ที่แข็งแกร่งถือว่าสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด เพราะอย่างน้อย ก็คงไม่ต้องจบลงที่เป็นเหยื่อของพ่อค้าทาสหรือเป็นอาหารของสัตว์ป่า

แต่ก็อย่างที่ว่า อดัม ไอ้เกลอคนนี้มันใจดีอยากช่วยเหลือผู้อื่น มากาเร็ตก็บ้าจี้ยินดีทำทุกอย่างที่อดัมเห็นชอบ ส่วนเสี้ยวหงส์นั้นตัวนางกำลังสนุกที่ได้ของเล่นชิ้นใหม่ ซึ่งก็คือข้าเอง ก็ตัดสินใจช่วยด้วยอีกแรง

ไปๆมาๆ ผู้ลี้ภัยกลุ่มแล้วกลุ่มเล่าก็เข้ามาขออาศัยความคุ้มครองมากขึ้นมากขึ้น และแล้วหมู่บ้านภูผาหลิวฮวงก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นอย่างช้าๆ และด้วยเวลาหนึ่งร้อยปีที่ผ่านพ้นไป จากหมู่บ้านเล็กๆแห่งนี้ก็กลายเป็นเมืองสวรรค์ชั้นฟ้าอันเลื่องลือไปในที่สุด

เช่นนี้แหละ เหล่าเกลออินดี้และขี้เบื่อทั้ง 3 คนก็กลายเป็นที่รู้จักในนามสามผู้นำแห่งนคร ตัวอดัมขึ้นเป็นเจ้านครที่เป็นได้แค่เครื่องรางนำโชค มากาเร็ตก็ถูกบังคับให้บริหารกิจการภายใน ส่วนตัวเสี้ยวหงส์ก็ยังคงหลับใหลต่อไป นานๆทีถึงจะตื่นมาสร้างเรื่องให้ทุกคนบ้างเป็นบางครั้ง

หลังจากเฝ้าดูทั้งสามคนทำงานกันอย่างเงอะๆงะๆแล้ว ตัวข้าที่อินดี้พอกัน ก็ได้ใช้ความรู้จากทั้งสองโลก สร้างสรรค์ระบบการปกครองและระบบกฎหมายที่ยังคงอยู่จนถึงทุกวันนี้ขึ้นมา

เมื่อได้มองดูลิชที่กำลังเล่นนิ้วกระดูกของตัวเองอยู่เบื้องหน้าของตนแล้ว อดัมได้แต่ถอดถอนหายใจยาวเหยียดออกมา

ถ้าอาศัยมุมมองของคนส่วนใหญ่ในทวีปเอ็ชแล้ว แสงศักดิ์สิทธิ์และกฎหมายนั้นต่างอยู่ฝั่งกฎระเบียบ ความตายและการทำลายล้างนั้นต่างอยู่ฝั่งความโกลาหลทั้งสองสิ่งนี้ควรจะแยกจากกันเฉกเช่นน้ำกับน้ำมัน ในโลกนี้น่ะวินาทีที่ลืมตาดูโลกก็โดนกำหนดฝั่งที่ต้องอยู่ตั้งแต่ต้นแล้วด้วยเผ่าพันธุ์ที่ตนเกิดมา

“เมื่อครั้งที่พวกเราได้ยินว่าเจ้าอยากจะเป็นตุลาการสูงสุดคอยดูแลเรื่องกฎหมายและความเป็นระเบียบ พวกเราทุกคนคิดว่าเจ้าล้อเล่นซะอีก ตัวข้าเองยังคาดไม่ถึงว่าเจ้าจะทำได้สำเร็จจริงๆ สำหรับระบบกฎหมายที่ได้รับการชื่นชมว่าเป็นผลงานชิ้นเอกของฝ่ายกฎระเบียบกลับถูกสร้างขึ้นด้วยมือของลิชที่เป็นตัวแทนแห่งความโกลาหลและความตาย ถึงแม้ว่าเราจะประกาศเรื่องนี้ออกไป ข้ายังสงสัยเลยว่าจะมีใครเชื่อ”

ลิชที่อยู่เบื้องหน้าของอดัมตอนนี้นั้น ยิ่งเป็นสิ่งที่ทำความเข้าใจได้ยากเข้าไปอีก

ถ้าพวกเราจะบอกว่าบุรุษผู้นี้เป็นคนดี แต่บุรุษผู้นี้ก็ก่อกรรมทำเข็ญด้วยตัวคนเดียวมาจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนในฐานะร่างจุติของความโกลาหลอันชั่วร้าย แล้วถ้าเราจะบอกว่าบุรุษผู้นี้เป็นคนชั่ว เช่นนั้นเวลากว่าร้อยปีที่พวกเราใช้ร่วมกันมา บุรุษผู้นี้ก็ทำให้พวกเราตกใจอีกด้วยการไม่ทำความชั่วที่มันร้ายแรงเลยสักครั้งเดียวแต่ตรงกันข้ามบุรุษผู้นี้กลับยึดมั่นในกฎหมายและคอยลงโทษเหล่าคนชั่วช้าแทน

สำหรับเผ่าโลหิตและเผ่าเอลฟ์ที่เกิดมาพร้อมอายุไขอันยืนยาวแล้ว จะใช้ชีวิตกันอย่างเชื่องช้าเฉื่อยแฉะ ยิ่งเป็นเผ่ามังกรยักษ์และอันเดดด้วยแล้วยิ่งไม่รู้จักแนวคิดเกี่ยวกับเวลาเข้าไปใหญ่ แต่เผ่าพันธุ์ธรรมดาที่มีอายุไขแสนสั้นแล้ว พวกเขาเหล่านี้ต่างหวงแหนเวลาอันน้อยนิดของตนและเมื่ออายุย่างเข้า 50 ไปแล้ว ความเจ็บปวดและเหนื่อยล้าจากดวงวิญญาณจะทำให้พวกเขาเหล่านี้กลายเป็นพวกเอื่อยเฉื่อยเกียจคร้านแทน(ชรา)

มนุษย์นั้นเป็นสัตว์สังคม การแตกแยกออกจากกลุ่มไปอยู่เพียงลำพังนั้นจะทำให้คนผู้นั้นกลายเป็นพวกวิปริต(บ้า)ไป

ได้มีใครสักคนเคยคำนวณไว้ว่า ไม่ว่านักเวทย์คนนั้นจะมีเมตตาหรือยึดถือความถูกต้องสักเพียงใดก่อนที่จะกลายเป็นลิช แต่ถ้าให้ลิชตนนั้นห่างหายจากสังคมไปสักร้อยปี ในสายตาคนนอกแล้ว ลิชตนนั้นคงเป็นคนชั่วช้าและวิปริต(บ้า)ไปแล้วจากการที่ต้องอยู่กับมนต์ดำมาตลอดเวลาที่ผ่านมา

แม้แต่นักรบที่ไม่รู้จักตายอย่างอดัมเองยังอยู่มาถึงจุดที่รู้สึกเบื่อหน่ายกับการใช้ชีวิตเลย แต่ลิชตรงหน้าเขาตนนี้นั้นช่างต่างกับเพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์ที่ต่างเป็นโรคซึมเศร้า เจ้าหมอนี่ใช้ชีวิตอย่างเริงร่ามีชีวิตชีวาแถมยังคอยสร้างเรื่องอยู่ทุกวี่ทุกวัน

“ไอ้คนประหลาด.....ความจริงแล้ว บางครั้งข้าเองก็แอบชื่นชมเจ้าอยู่เหมือนกัน”

“หืม?”

“...วลีมนตราแห่งกฎหมายและผู้เอ่ยวลีแห่งกฎหมาย บัญญัติแห่งจุดกำเนิดของเจ้าสามารถมอบโอกาสในการเปลี่ยนอาชีพขั้นสูงอย่าง อัศวินแห่งความยุติธรรม ผู้พิพากษาและผู้เอ่ยวลีแห่งกฎหมาย ซึ่งก็หมายความว่าต้นกำเนิดแห่งกฎระเบียบได้ยอมรับพลังแห่งกฎหมายของเจ้าแล้ว ในฐานะผู้สร้างพลังวิเศษของฝ่ายกฎระเบียบที่เทียบเท่ากับแสงศักดิ์สิทธิ์แล้ว ตัวเจ้าคงได้สัมผัสสิ่งที่อยู่เหนือเส้นกั้นนั้นไปแล้วสินะ”

เมื่อได้ยินที่เจ้านี่พูดมา ตัวข้าชะงักไปครู่หนึ่ง ดูท่าแล้วข้าจะประเมินชายตรงหน้าข้าต่ำไปหน่อย สมแล้วที่เป็นบุรุษที่ไต่เต้าทีละก้าว ทีละก้าวจนมาถึงนักรบระดับชั้นกึ่งเทวะได้แบบนี้ เจ้าหมอนี่ก็คงรู้สึกถึงเส้นกั้นนั้นเหมือนกันสินะ เส้นกั้นของระดับชั้นเทพเจ้า

ตาของข้าส่ายไปส่ายมาพร้อมกับคำพูดไร้สาระมากมายที่พร้อมจะออกไปทุกเมื่อแต่ก็ต้องหยุดลงที่ปลายลิ้นของข้าเมื่อคิดถึงเรื่องที่อายุไขของอดัมกำลังจะหมดลง หลังจากลังเลไปชั่วครู่หนึ่ง ข้าก็ตัดสินใจที่จะบอกความจริงกับเจ้าหมอนี่เพราะเห็นแก่ความสัมพันธ์นานับปีของเราทั้งสอง

“โฮะโฮะ ความตายนั้นมอบพลังอันไร้ที่สิ้นสุดให้ข้า และด้วยการที่เหล่าอันเดดเกิดมาโดยขาดบางสิ่งบางอย่างไปทำให้เหล่าอันเดดไม่มีวันที่จะย่างก้าวเข้าสู่ระดับชั้นนั้นได้ หลังจากข้าคืนชีพครั้งหน้า ข้าก็น่าจะไปถึงชั้นนั้นได้เหมือนกัน”

“แต่ว่านี่มันคุ้มกันเหรอ? ความตายพรากร่างกายของเจ้า พลัง....แม้แต่ความทรงจำของเจ้าไป จะมีอดีตเหลืออยู่อีกเท่าใดกันที่เจ้าจะยังจดจำได้? ตัวเจ้าจะยังจดจำวันเวลาที่เราร่วมผจญภัยกันมาได้อีกไหม?”

“อีวานลี่ คาร์เว็นซ์ ท่านพ่อ...” ใบหน้ามากมายได้ปรากฏขึ้นในความคิดของข้า แต่ใบหน้าที่สลักในความทรงจำของข้าเหล่านี้ส่วนใหญ่ล้วนขาดหายไม่สมบูรณ์อีกแล้ว

แต่ว่า ข้าน่ะไม่เสียใจหรอก เพราะอย่างน้อยข้าก็ได้แก้แค้นให้พวกเจ้าแล้ว ส่วนความทรงจำหรืออะไรพวกนั้นน่ะ สำหรับข้าแล้วขอแค่พวกเรายังมีชีวิตอยู่ก็เพียงพอแล้ว ถ้าพวกเรามัวแต่จดจำอยู่แต่อดีต พวกเราคงท้อแท้ซะเปล่าๆ นั้นคงจะเป็นการน่าเบื่อแย่

“แน่นอนสิว่าต้องคุ้ม ความฝันของข้านั้นเป็นดั่งฝืนสมุทรแห่งดวงดารา สักวันหนึ่งบัญญัติแห่งความยุติธรรมของข้าจะต้องก้าวข้ามพลังแห่งแสงศักดิ์สิทธิ์อันกระจ้อยร่อยนั้นไปให้ได้”

“เห่อ ข้านี่อิจฉาในความมีชีวิตชีวาของเจ้าจริงๆเลย แบบนี้ข้าก็วางใจที่จะฝากฝั่งนครภูผาหลิวฮวงไว้กับเจ้า”

อาการตกใจเกินขนาดทำให้ข้าต้องใช้เวลาอีกกว่าหลายนาทีกว่าข้าจะหยิบกระดูกกรามของข้ามาติดกลับที่เดิมได้

“หยุดล้อเล่นได้แล้ว! มีที่ไหนกันที่นักโทษจะมาเป็นผู้คุมซะเอง! อย่าฝันไปหน่อยเลยไอ้ผู้คุมไร้ความรับผิดชอบ!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด