บทที่ 13 : ให้ไข่ไก่เป็นของขวัญ (1/2)
บทที่ 13 : ให้ไข่ไก่เป็นของขวัญ (1/2)
เหลียนฟางโจวได้แต่หัวเราะอย่างขมขื่นในใจ ‘ดูเหมือนว่าเจ้าที่ที่นี่จะไม่ชอบเธอจริงๆแต่ไม่เป็นไร ช่างมันเถอะเธอทนได้!’
ป้าจางกับลุงหลี่สามีของนางนั้นเป็นคนใจดีเมื่อทั้งสองเห็นเธอก็ยิ้มทักทายอย่างอ่อนโยน
นางจางรู้ว่าเหลียนฟางโจวไม่น่าจะมาหาที่บ้านเพียงเพื่อแวะมาคุยเล่นด้วยเท่านั้นแน่ แต่ด้วยพื้นฐานของฟางโจวนั้นเป็นคนขี้เกรงใจ ดังนั้นเพื่อไม่เหลียนฟางโจวรู้สึกอาย นางจึงเลือกที่จะเป็นฝ่ายเปิดประเด็นขึ้นมาก่อนนางจางยิ้มบางๆ ก่อนจะเอ่ยถามว่า “เจ้ามีธุระอะไรก็พูดมาเถอะไม่ต้องอาย ยังไงพวกเราก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกลที่ไหน เพราะอย่างนั้นไม่ต้องเกรงใจ”
เหลียนฟางโจวรู้สึกอุ่นวาบในหัวใจ ปกติแล้วเธอไม่ใช่คนที่อ่อนไหวกับอะไรง่ายๆ แต่คำพูดเพียงไม่กี่คำของป้าจางกลับทำให้เธออบอุ่นในใจอย่างบอกไม่ถูก
เธอได้แต่สัญญาในใจเงียบๆคนเดียวว่า ถ้าในอนาคตเธอร่ำรวยขึ้นมานะเธอจะไม่ลืมตอบแทนบุญคุณของป้าจางและครอบครัวอย่างแน่นอน
“ถ้าท่านว่าอย่างนั้นข้าก็ขอพูดเลยนะเจ้าคะ พอดีว่าข้ามีเรื่องจะรบกวนป้าจางน่ะเจ้าค่ะ!” เหลียนฟางโจวพูดด้วยรอยยิ้ม “ฤดูหนาวนั้นใกล้เข้ามาถึงทุกทีแล้ว ข้าเลยอยากจะซ่อมแซมหน้าต่างและหลังคาบ้านให้แน่นหนาเพื่อกันลมหนาวแล้วก็หิมะหน่อยน่ะเจ้าค่ะ แต่ว่าข้าไม่รู้ว่าจะไปหาซื้อไม้กับกระเบื้องได้ที่ไหน อีกทั้งข้าก็ยังไม่รู้ราคาไม้กับกระเบื้องด้วย ดังนั้นข้าก็เลยอยากจะรบกวนถามเรื่องนี้กับลุงหลี่น่ะเจ้าค่ะ…”
ป้าจางได้ยินแบบนั้นก็ตบหน้าขา และพยักหน้าอย่างเห็นด้วย “หน้าต่างกับหลังคาบ้านเจ้าก็สมควรที่จะต้องซ่อมจริงๆ แล้วนั่นแหละ! เพราะพวกเจ้าก็ยังเด็กจะไปทนกับอากาศหนาวเย็นขนาดนั้นได้ยังไง! ดีไม่ดีได้พากันป่วยยกบ้านพอดี ป้าว่าที่เจ้าคิดน่ะถูกต้องแล้ว”
“ใช่!” ลุงหลี่ยิ้มและพูดขึ้นมาบ้าง “ตอนนี้ล่ะเหมาะที่สุด เพราะยังเป็นฤดูใบไม้ร่วงอยู่ ราคาพวกไม้ กระเบื้องแล้วก็อิฐจะถูกกว่าฤดูหนาวมากโข ห่างจากหมู่บ้านของพวกเราไปประมาน 20 ลี้ จะมีร้านเครื่องปั้นดินเผาที่มีชื่ออยู่พรุ่งนี้ลุงว่างพอดีเดี๋ยวลุงจะพาเหลียนเซ่อไปซื้อเอง อีกอย่างที่บ้านลุงก็มีวัวเทียมเกวียนอยู่แล้ว เดี๋ยวเอาไปด้วยเลยตอนขากลับลุงจะได้ช่วยขนกลับมาให้ด้วยเลย”
“รบกวนลุงหลี่แล้วเจ้าค่ะ!! ข้าขอโทษจริงๆที่มาสร้างความลำบากให้ตลอด!!” เหลียนฟางโจวพูดอย่างรู้สึกขอบคุณ ก่อนเธอจะยิ้มและพูดต่อว่า “ข้ามองไม่เห็นทางอื่นจริงๆเลยได้รบกวนพวกท่าน ขอบคุณท่านลุงกับท่านป้ามากนะเจ้าคะที่ช่วยเหลือข้ากับน้องๆในครั้งนี้…”
“โอ้ย....ไม่ต้องเกรงอกเกรงใจขนาดนั้นก็ได้ฟางโจว ตอนที่พวกเราลำบากพ่อแม่ของพวกเจ้าก็เคยช่วยพวกเราเอาไว้หลายครั้งเหมือนกัน เพราะอย่างนั้นเลิกเกรงใจได้แล้ว เข้าใจไหม?” ใบหน้าที่คล้ำจากการทำงานกลางแจ้งเป็นเวลานานของลุงหลี่ส่งยิ้มให้เหลียนฟางโจวอย่างเอ็นดู
เหลียนฟางโจวพยักหน้ารับคำลุงหลี่ด้วยรอยยิ้ม และหลังจากที่ตกลงเรื่องเวลาออกเดินทางในวันพรุ่งนี้กับลุงหลี่เรียบร้อยแล้ว เธอกับเหลียนฟางชิงก็ขอตัวกลับบ้าน
เมื่อถึงบ้านเธอก็ไปแจ้งรายละเอียดเรื่องไปซื้อของพรุ่งนี้ให้เหลียนเซ่อฟัง ก่อนหลังจากนั้นเธอจะถามเด็กชายว่า “บ้านเรามีแม่ไก่สองตัวใช่ไหม? พวกมันออกไข่กันหรือยังนะ?”
“พรุ่งนี้เช้าพวกเราจะได้กินไข่กันหรอ?” เหลียนฟางชิงตาโต เธอถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงดีใจ บนใบหน้านั้นเต็มไปด้วยความคาดหวังอย่างแรงกล้า
เหลียนฟางโจวไม่อาจจะทนเห็นเด็กน้อยผิดหวังได้ เธอจึงพยักหน้า ยิ้มอย่างเอ็นดู และตอบกลับไปว่า “ใช่แล้ว พรุ่งนี้พี่ใหญ่จะทอดไข่ให้เจ้ากินดีใจไหม?”
“จริงหรอเจ้าคะ!! ข้าดีใจมากเลย” เหลียนฟางชิงตัวน้อยปรบมืออย่างชอบใจ พร้อมทั้งกระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุขไปด้วย
เหลียนฟางโจวและเหลียนเซ่อมองหน้ากันแล้วยิ้ม ทั้งๆที่ในใจของทั้งคู่นั้นเต็มไปด้วยความกังวล
“ไข่ทั้งหมดอยู่ที่นี่แล้ว” เหลียนเซ่อเดินไปหยิบตะกร้าไข่ ก่อนจะถือกลับมาให้เหลียนฟางโจว และพูดต่อว่า “มีไข่ทั้งหมด 41 ฟอง แต่บ้านเรายังต้องการเกลือกับน้ำมันเพิ่ม ซึ่งตามแผนเดิมข้าว่าจะรวมให้ได้สักร้อยฟองก่อน แล้วค่อยเอาไข่ทั้งหมดไปขายที่ตลาดในเมือง แล้วพอได้เงินมาค่อยจะเอาไปซื้อของใช้ในบ้านเพิ่ม”
เหลียนฟางโจวอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาหนักๆ ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ทีหลังเจ้าไม่ต้องขายมันแล้วส่วนเกลือกับน้ำมันพวกเราค่อยหาทางอื่นทีหลังเถอะ นอกจากจะปล่อยให้พวกมันบางส่วนฟักเป็นตัวแล้ว ส่วนที่เหลือจากนั้นเราก็จะเอามาให้ชิงเออร์กับซีเออร์กินเพื่อบำรุงร่างกาย เพราะพวกเขายังเด็กมาก หากไม่ได้กินอาหารดีๆบ้าง เดี๋ยวพวกเขาจะได้กลายเป็นเด็กอ่อนแอขี้โรคเอา คราวนี้ล่ะก็คนที่เสียใจที่สุดก็คงไม่แคล้วจะเป็นพวกเราเอง”
“ขอรับ ข้าจะเชื่อฟังพี่สาว” เหลียนเซ่อพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง
“ที่จริงแล้ว เจ้าเองก็ยังเป็นเด็กที่ต้องได้รับการบำรุงร่างกายที่ดีเช่นกัน แต่น่าเสียดายว่าครอบครัวของเราตอนนี้.....”
“พี่สาว!!” เห็นได้ชัดว่าเหลียนเซ่อโกรธมาก เขาพูดขัดเธอขึ้นมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจนัก “ข้าไม่ใช่เด็กแล้วนะ!! ข้าเป็นผู้ชายที่โตสุดในบ้านข้าต้องเป็นคนดูแลครอบครัว!! ในอนาคตข้าจะเป็นคนหาสินสอดในงานแต่งให้กับพี่สาวกับชิงเออร์เอง!!”
เมื่อเหลียนฟางโจวเห็นปฏิกิริยาที่รุนแรงของเขาเธอก็รู้สึกเสียใจเป็นอย่างมากกับสิ่งที่เพิ่งจะพูดออกไป เธอลืมไปได้ยังไงว่าเด็กคนนี้มีความเป็นผู้นำในตัวเองสูงแค่ไหน ดังนั้นเธอจึงรีบพูดอย่างรวดเร็วว่า “ใช่ๆเป็นพี่สาวเองที่พูดผิด! เจ้าไม่ใช่เด็กตัวเล็กๆอย่างซีเออร์กับชิงเออร์ซะหน่อย เพราะตอนนี้เจ้าสามารถดูแลทั้งพี่สาวแล้วก็น้องๆได้แล้ว”