ผู้กล้าไร้อาชีพ บทที่1 นี่มัน..อาชีพเหรอ?
บทที่1 นี่มัน..อาชีพเหรอ?
“พอคิดว่าอาเรลจะได้อาชีพอะไรขึ้นมา พ่อก็นอนไม่หลับเลยนะนั่น”
“ฟุๆ แม่ก็กังวลเหมือนกันจ่ะ”
“ถ้าเป็นอาเรลล่ะก็ ต้องได้อาชีพขั้นสูงแน่ๆเลยล่ะ!! เพราะว่าอาเรลเป็นน้องชายของพี่สาวคนนี้ยังไงล่ะ”
เกือบลืมไปว่าครอบครัวผมชอบโวยวายเสียงดังกัน
ทำไมทุกคนถึงดูตื่นเต้นมากกว่าผมอีกนะ
ผมชื่ออาเรล
ปีนี้อายุสิบขวบ
ทุกๆคนต้องไปที่โบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ตอนสิบขวบ
เพื่อที่จะได้รับพรจากเทพธิดา
เมื่อได้รับพรแล้ว ก็จะได้รับการแนะนำอาชีพโดยที่ไม่มีข้อยกเว้นใดๆ
แม้ว่าการแนะนำคลาสครั้งนี้จะเปลี่ยนชีวิตไปโดยสิ้นเชิง
“ใจเย็นๆไว้อาเรล ตอนที่พ่อได้รับพรนะ พ่อตื่นเต้นมากจนฉี่ราดกลางโบสถ์เลยล่ะ..”
ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับพ่อ แต่เก็บไว้กับตัวเองเถอะนะ
“ช่วยไม่ได้ล่ะนะ ที่นี่มันเสียงดังจัง”
มันไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงหรอกถึงจะได้รับเลือกอาชีพในที่ที่เสียงดังหรือไม่ก็ตาม ผมแค่ต้องทำใจ
“อยากรู้จังเลยนะว่าจะได้อะไร อาเรลสิบขวบแล้วจริงเหรอเนี่ย”
“แน่นอนสิ เขาต้องได้เป็นคนสำคัญในอานคตแน่ๆ!!”
“อุฟุ ถ้าอาเรลเป็นคนดังล่ะก็ อาจจะพาสาวๆมาบ้านก็ได้น้า”
“อึก.... ถ้าเป็นอย่างนั้นอาจจะมีผู้หญิงมาสารภาพรักกับอัลเลนก็ได้.... ไม่ดีแล้ว พี่สาวไม่ยอมหรอกนะ!”
พ่อกับแม่วาดแผนอนาคตให้ผมอย่างไม่เกรงใจ
และไม่รู้ว่าทำไม พี่สาวผมดูไม่พอใจขึ้นมา
เอาเถอะ ก็ปกติล่ะนะ
แล้วมันก็จะเป็นแบบนี้ไปอีกซักพักเลยล่ะ
ถ้าผมรอให้เพ้อกันเสร็จ คงสายแน่ๆ
ผมตัดสินใจทิ้งพวกเขาไว้และเดินไปที่โบสถ์คนเดียว
ซักวันนึง ผมอยากหยุดที่จะต้องเจออะไรแบบนี้
โอเค
วันนี้เป็นวันรับพร
พวกเราอาศัยอยู่ในเมืองชนบทเล็กๆ
ไม่มีบาทหลวงคนไหนที่สามารถให้พรได้ประจำการอยู่ที่นี่ พวกเขาจึงถูกส่งมาจากเมืองหลวงปีละครั้ง และเด็กๆที่มีอายุเท่ากันก็จะได้รับพรพร้อมๆกัน
“อาเรล! เดี๋ยวก่อน!”
“โธ่ ทำไมไปคนเดียวก่อนตลอดเลยล่ะอาเรลจัง”
“ใช่แล้วล่ะ! ทิ้งพี่ไว้ได้ยังไงกัน!”
โดนพ่อจับได้ซะแล้ว
“ผมรับพรเองไม่ได้เหรอ”
“นี่มันเหตุการณ์สำคัญเลยนะ ก็ต้องไปกันทั้งครอบครัวสิ ใช่มั้ย”
เหรอเนี่ย
อันที่จริงแล้วตอนที่พี่ของผมได้รับพรเมื่อสามปีก่อน เธอก็ไปโบสถ์กับผม
พอไปถึงโบสถ์แล้วก็มีเด็กๆที่มากับครอบครัว
เมืองนี้เป็นเมืองเล็กๆ มีแค่20กว่าคนที่อายุเท่าผม
“เอาล่ะ เริ่มพิธีกรรมให้พรได้”
บาทหลวงพูดออกมา
ชายแก่ผู้นี้ทำหน้าที่ทำพิธีให้พรในเมืองนี้มาเป็นเวลานาน
เด็กๆเดินไปหาบาทหลวงและภาวนาทีละคน
“ไชโย!! ได้เป็นช่างตีเหล็กล่ะ คราวนี้ก็ช่วยงานพ่อได้แล้ว!”
“นักเวทย์ล่ะ”
เด็กๆที่ได้อาชีพที่ตนอยากได้ต่างร้องออกมาด้วยความยินดี
ช่างตีเหล็กและนักเวทย์เหรอ
ทั้งสองอาชีพนั้นเป็น[อาชีพธรรมดา]
มี[อาชีพธรรมดา]กับ[อาชีพขั้นสูง]
ปกติแล้วก็ได้[อาชีพธรรมดา]กัน [อาชีพขั้นสูง]ไม่ค่อยปรากฏให้เห็นเท่าไหร่
เพราะว่าทางเดียวที่จะกลายเป็น[อาชีพขั้นสูง]นั้นต้องพัฒนา[อาชีพธรรมดา]ก่อน
“โอ้ นั่นลีออนคุงไม่ใช่เหรอนั่น..”
เมื่อผมเดินออกไป บาทหลวงก็พึมพำชื่อพ่อของผมออกมา
“ข้าจำได้เมื่อ20กว่าปีก่อน ยังจำได้ดีเลยล่ะ ตอนที่ลีออนคุงกับฟาราห์จังได้รับพร นึกไม่ถึงเลยล่ะว่าจะมีเด็กที่ได้รับ[อาชีพขั้นสูง]ปรากฏขึ้นในเวลาเดียวกัน”
ฟาราห์คือชื่อแม่ของผม
พ่อกับแม่ของผมอยู่ในเมืองนี้ และเป็นเพื่อนสมัยเด็กกัน
ทำให้ได้รับพรในเวลาเดียวกันในเมืองนี้
พ่อของผมได้เป็น ราชันย์เวทย์มนตร์ และแม่ของผมได้เป็น ราชินีแห่งดาบ
ทั้งคู่มีอะไรบางอย่างที่เหมือนกัน นั่นก็คือการได้รับ [อาชีพขั้นสูง] ตั้งแต่เริ่ม
เหมือนว่าจะได้รับคำเชิญจากคนในสภาต่างๆมากมาย แต่ว่าทั้งคู่ก็ปฏิเสธไปและเลือกที่จะใช้ชีวิตในเมืองที่เติบโตขึ้น
แน่นอนว่าพ่อก็กลายเป็นนักเวทย์ที่เก่งที่สุดในเมืองนี้ แม่ก็เหมือนกัน นักดาบที่เก่งที่สุด
และอาชีพที่เทพธิดาให้พรนั้น ดูจะเกี่ยวพันเกี่ยวกับสายเลือดมากๆ
อย่างเช่นลูกของช่างตีเหล็กก็มักจะได้เป็นช่างตีเหล็ก
ไม่มีข้อยกเว้น
นั่นเป็นเหตุผลทำให้ผมดูได้รับความคาดหวังจากคนรอบๆมาก
“..ต่อไปลูกของลีออน”
“อาเรลงั้นเหรอ แน่นอนว่าได้อาชีพขั้นสูงอยู่แล้วล่ะ”
“ถ้าเขาโตแล้วล่ะก็ ฉันอยากให้ลูกสาวได้แต่งงานกับเขาจริงๆเลยนะ”
ผู้คนพูดคุยกันรอบๆตัวเขา
“สู้ๆนะอาเรล”
“เชื่อมั่นสิ อาเรลจัง”
“พี่จะคอยอยู่ข้างๆนะ”
ที่น่ารำคาญที่สุดก็ครอบครัวเรานี่แหละ
อะไรคือ สู้ๆนะ ไม่ใช่ว่านี่แค่รับพรเหรอ
เมื่อผมภาวนาต่อเทพธิดา บางอย่างก็เข้ามาในหัวผม
หืมม เหมือนนั่นจะเป็นอาชีพเราสินะ
.....หืมม
แต่นี่ ..อาชีพเรางั้นเหรอ
สิ่งที่ปรากฏมาในจิตสำนักของผมคือ
―― [ไร้อาชีพ]
และมันเขียนไว้อย่างนั้น