ผู้กล้าไร้อาชีพ บทที่7 ผมไม่ได้พูดเล่นนะผู้เฒ่า
บทที่ 7 ผมไม่ได้พูดเล่นนะผู้เฒ่า
*กุบกับกุบกับ* เสียงรถม้าควบผ่านเส้นทางกรวดก่อให้เกิดเสียงดังกระทบกันเรื่อยๆ
ผมหันไปถามชายแก่คนหนึ่ง
“อีกนานแค่ไหนจะถึงเมืองแห่งดาบเหรอครับ”
“ก็น่าจะต้องผ่านอีกสองสามเมืองเล็กๆล่ะนะ ถ้ามันไปได้สวยราวๆพรุ่งนี้ก็น่าจะถึงแล้วล่ะเจ้าหนุ่ม”
ชายแก่ตอบคำถามด้วยท่าทีสบายๆ
สองวัน?
เดินทางมาจะสองสัปดาห์แล้วนี่นะ เกือบจะถึงแล้วสิ
ผ่านมาห้าปีแล้วสินะนับจากวันนั้น
ผมอายุสิบห้าแล้ว
ตอนวันเกิดอายุสิบห้าผมได้บอกพ่อกับแม่ว่าจะออกจากบ้าน ทั้งคู่ไม่คัดค้าน
พวกเขารักผมมากจริงๆ
และตอนนี้ผมกำลังมุ่งหน้าไปยังเบรสเกีย เมืองที่ถูกขนานนามว่า “เมืองแห่งดาบ”
ผมอยากจะไปที่นั่นนานแล้ว
ในเบรสเกียนั้น ผู้คนจากทั่วทุกมุมโลกที่อุทิศตนให้กับการต่อสู้ต่างมารวมตัวกัน
พวกเขาต่างทำงานอย่างหนักเพื่อที่จะไปสู่จุดสูงสุด
แม่เคยอาศัยอยู่ในเมืองนี้มาก่อน และแม่ก็มักจะเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับเมืองนี้ให้ผมฟังตั้งแต่ยังเล็ก
“ไอ้น้องชาย จะไปเมืองแห่งดาบไปทำไมกันล่ะ”
ชายหนุ่มอายุราวๆยี่สิบพูดขึ้น
“นายด้วย ทำไมล่ะ”
“ก็เพราะมันเป็นสถานที่ในฝันของเหล่านักดาบน่ะสิ ถึงแม้ว่าจะมีคนหลายคนที่ยอมแพ้เพราะว่าระดับมันสูงเกินไปก็ตาม ขนาดนักดาบที่อยู่แถวๆบ้านฉันนะยังอยู่ได้แค่ครึ่งปีเอง”
ชายคนนั้นยกมุมปากขึ้นและมองมาที่ผม
“นายจะอยู่ได้นานขนาดไหนกันนะไอ้น้องชาย”
จู่ๆก็มีผู้หญิงคนหนึ่งพูดขึ้นมา
“ถ้าเป็นไปได้ฉันก็อยากไปเมืองแห่งดาบนะ”
ชายคนนั้นทำเสียงขึ้นจมูก
“เฮอะ การกวัดแกว่งดาบไม่ใช่ของสำหรับผู้หญิง”
“ตายจริง ความคิดไม่โบราณไปหน่อยงั้นเหรอ อยู่หลังเขามารึไงเนี่ย”
“เธอว่ายังไงนะ~”
“ที่สำคัญมันเป็นอาชีพต่างหากล่ะ เพศไม่สำคัญหรอก”
“ฮะ งั้นเธออาชีพอะไรล่ะ ดีมั้ยล่ะ ไม่ใช่อาชีพพื้นฐานนักดาบหรอกใช่มั้ยล่ะ”
“แน่นอนอยู่แล้ว นี่คืออาชีพขั้นสูง นายก็รู้ ฉันคือนักดาบคู่ เป็นอาชีพที่มีพลังในการจู่โจมที่สูงในหมู่อาชีพขั้นสูงแล้ว”
เทียบกับอาชีพพื้นฐานแล้วนั้น อาชีพขั้นสูงมีหลากหลายกว่า
มีคนเคยบอกไว้ว่าอาชีพขั้นสูงถูกตัดสินโดยธรรมชาติและประสบการณ์ของคนคนนั้นหรือโดยสกิลที่ได้รับ
และแน่นอนว่ามันมีอันที่ได้รับความนิยมและไม่ได้รับความนิยม
“ชิ”
ชายคนนั้นดูไม่สบอารมณ์
ในขณะที่ผู้หญิงคนนั้นหัวเราะด้วยชัยชนะ
“แล้วนายล่ะ”
“...กลาดิเอเตอร์”
“อะไรวะนั่น ไม่ใช่ว่านั่นมันอาชีพนั่นมันหายากพอสมควรเลยนี่”
“ไม่ชอบโดนเปรียบเทียบกับผู้หญิงเลยเว้ย”
“ไอ้หมอนี่... ถ้านายพูดว่าอาชีพขั้นสูงก็น่าจะเป็น จักพรรดิ์ดาบหรือไม่ก็ราชินีแห่งดาบ แล้วก็สำหรับอาชีพขั้นสูงกว่าตอนนี้ก็มีคนเดียว”
แล้วพวกเขาทั้งคู่ก็หันมาทางผม
“ไอ้น้องแล้วนายล่ะ”
“แล้วเธอล่ะ”
“ผมไร้อาชีพ”
ทั้งคู่ทำตาโต และหลังจากนั้นก็หัวเราะออกมา
“ฮุๆๆๆฮ่าๆๆๆๆๆ ไอ้หนู นายไร้อาชีพจริงๆอย่างนั้นเหรอ”
“ไม่ใช่ว่าน่าสงสารรึไงที่จะไปหัวเราะใส่น่ะ นายไม่ได้เลือกที่จะเป็นคนไร้อาชีพเองนี่ ฮุฟุๆๆๆ”
ทั้งคู่พูดออกมาโดยไม่คิด
“ทำไมคนไร้อาชีพอย่างนายอยากจะไปเมืองแห่งดาบอย่างนั้นเหรอ นี่งาย ไปเที่ยวใช่มั้ยล่ะ บอกตั้งแต่แรกก็จบแล้วปล่อยให้งงตั้งนาน ฮ่าๆๆๆ”
“ไม่ได้ไปเที่ยวซักหน่อย เพื่อไปจุดสูงสุดแห่งดาบต่างหากล่ะ”
โดนปฏิเสธโดยสิ้นเชิง
“ฮุฟุๆๆๆ ไร้อาชีพที่อยากจะไปสู่จุดสูงสุดแห่งดาบงั้นเหรอ ฮ่าๆๆๆๆ สุดยอดไปเลย!!”
“เล่นมุขเก่งดีนี่ไอ้หนู แต่เล่นมุขกับผู้ใหญ่มันไม่ดีนะรู้มั้ย”
“ไม่ได้ล้อเล่นนะ”
เมื่อผมพยายามที่จะย้ำอีกทีก็ได้ยินเสียงหัวเราะดังมาจากผู้โดยสารคนอื่น
ถ้ามองดีๆก็จะพบว่าชายแก่ยักไหล่และพูด
“ไม่หรอก ข้าพบเจออะไรแบบนี้มาตั้งนานแล้ว จนถึงวันนี้ ข้าได้เห็นนักดาบจำนวนมากไปยังเมืองแห่งดาบดวยความมุ่งมั่น แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกเลยที่เจอคนไร้อาชีพอย่างเจ้า”
อาฮะ
ผมคิดไว้อยู่แล้วว่าถ้าตอบไปตรงๆว่าผมเป็นคนไร้อาชีพก็จะถูกตอบกลับแบบนี้อย่างแน่นอน
แต่ว่ามันจริงที่ว่าผมเป็นคนไร้อาชีพ
ไม่จำเป็นที่จะหลอกลวงใดๆ
ผมไม่เปลี่ยนใจหรอกถึงจะมีใครว่ายังไง
แต่แล้วจู่ๆผู้โดยสารคนหนึ่งก็ตะโกนออกมา
มีอะไรบางอย่างโผล่ออกมาจากป่า
“นั่นโจรเหรอ”
“ไม่! ออร์ค!”
ออร์คคือมอนสเตอร์อมนุษย์
หัวเหมือนหมูและสูงกว่าผู้ใหญ่เล็กน้อย แต่ว่าผิวหนังหนามาก
“เฮ้ย ไม่ใช่ว่ามันเยอะเกินไปเหรอ”
ผู้โดยสารคนหนึ่งตะโกนออกมา
มีออร์คอีกสิบกว่าตนปรากฏตัวออกมาจากป่า
ปกติแล้วจะมีทหารที่ขี่ม้าเข้ามาจัดการเหล่าโกรและมอนสเตอร์
แต่ว่าไม่มีผู้คุ้มกันใดๆในการเดินทางครั้งนี้เพราะลดค่าใช้จ่ายหรือไม่ก็เพราะได้ขนส่งผู้ที่ต้องการจะไปเมืองแห่งดาบมาด้วย
“ชิ ช่วยไม่ได้งั้นเหรอ”
“ถ้าจำนวนแค่นั้นมันก็ง่ายล่ะนะ”
ชายและหญิงคนก่อนหน้านี้นั้นเดินลงออกไปจากขบวน
และหลังจากนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนไป
ออร์คที่มีร่างกายใหญ่ที่สุดพุ่งออกมาจากป่า
“ม...ไม่จริง... นี่มันออร์คคิง!!”