ตอนที่ 7 เกม Eternal Life เปิดตัว (2)
แม้ว่าทุ่งหญ้าไร้พรมแดนจะเป็นพื้นที่พิเศษที่ใครก็สามารถตายและเกิดใหม่มาต่อสู้ได้อย่างต่อเนื่อง แต่มันก็ใช้เวลานานที่จะตายถึง 4,444 ครั้ง
ซางฮยอคบรรลุเป้าหมายในการตาย 4,444 ครั้งของเขาที่ทุ่งหญ้าไร้พรมแดน มันใช้เวลานานกว่า 60 ชั่วโมง
ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีโลกเสมือนจริง แต่ผู้คนที่ไม่เคยถูกโจมตีจากคนอื่นจะได้รับผลกระทบทางจิตใจ ด้วยเหตุนี้ทางบริษัทเกมเลยพยายามที่จะป้องกันผู้เล่นด้วยเทคโนโลยีชำระล้างจิตใจ ดังนั้นหากผู้เล่นตายในโลกเสมือนจริงพวกเขาจะรู้สึกปวดหัวเล็กน้อยในโลกจริง
แต่มันมักจะมีคนที่รู้สึกไม่พบใจกับ ‘ความตาย’ ของพวกเขา
ดังนั้นจะมีผู้เล่นบางคนเลือกใช้การ ‘ข้ามความตาย’ เพื่อเปลี่ยนการเชื่อมต่อกับโลกเสมือนไปเป็นโหมดการนอนหลับเมื่อพวกตาย
ผู้เล่นระดับสูงจะไม่ใช้การข้ามความตาย มีเพียงผู้เล่นปกติเท่านั้นที่ใช้มัน
หากซางฮยอคสามารถใช้มันได้ เขาจะใช้ข้ามความตาย แต่ข้ามความตายไม่สามารถใช้ได้ที่ทุ่งหญ้าไร้พรมแดน ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องอดทนกับความตาย
อย่างน้อยเขาก็มีประสบการณ์มากมายในโลกเสมือนจริง ดังนั้นเขาจึงสามารถอดทนต่อความตาย 4,444 ครั้งได้
เขาลุกขึ้นยืนหลังจากที่เขาตายครบ 4,444 ครั้ง… ในที่สุดข้อความที่เขาอยากเห็นก็โผล่ขึ้นมาในสายตาของเขา
‘ยินดีด้วย! คุณไม่เคยยอมแพ้และพยายามอย่างต่อเนื่องจึงสวมควรได้รับสมญานามพิเศษนี้’
‘คุณได้รับสมญานามระดับยูนิค [ ผู้ท้าชิงที่ไม่เคยแพ้ ]’
“เยี่ยมไปเลย!”
ซางฮยอคบ่นพร้อมกับคว้าดาบที่วางอยู่บนพื้นซึ่งเขาไม่เคยใช้มันเลย
ในขณะนั้นเองมอนเตอร์ที่ดูเหมือนจักจั่นยักษ์กำลังบินมาหาเขา
ซางฮยอคผู้ที่บรรลุเป้าหมายที่สำคัญของเขา ดังนั้นเขาไม่จำเป็นต้องอดทนอีกต่อไปแล้ว ซางฮยอคมีความสุขกับเรื่องนี้มาก
“ต่อจากนี้ไป… ฉันจะฆ่าพวกแก!”
เขาดึงดาบในขณะที่ตระโกนเสียงกังและเริ่มแกว่งดาบด้วยท่าทางที่คุ้นเคย
เขาใช้ดาบธรรมดาที่ได้จากเงาบนพื้นสังหารคลื่นมอนเตอร์ทั้งหมดถึงคลื่นที่ 20
นอกจากนี้เขาก็ไม่แม้แต่จะเลือกหนังสือสกิลและใช้ดาบธรรมดาที่เขาถืออยู่สังหารมอนเตอร์ต่อ
เหตุที่เขาทำเช่นนี้นั้นเรียบง่ายมาก
มีความลับที่ไม่มีใครรู้ในเวลานั้นและมันกลายเป็นเรื่องปกติสำหรับผู้เล่นในอีก 1 ปีต่อจากนี้ เขาจะได้รับอาวุธถ้าเขาใช้เพียงแค่อาวุธชนิดเดียวในการสังหารมอนเตอร์จนเลเวลถึง 10 โดยไม่ใช้หนังสือสกิลหรืออาวุธชนิดอื่นๆ ในทุ่งหญ้าไร้พรมแดน ซึ้งอาวุธที่จะได้หลังจากมันคืออาวุธระดับแรร์
อาวุธระดับแรร์มีราคาแพงอย่างมากเพราะอาวุธระดับเวทมนต์ยังไม่ได้ถูกเปิดเผยออกมาและนี่พึ่งผ่านมาสามวันหลังจากเกมเปิด
เลเวลอัพ! [10]
ยินดีด้วย! คุณมีคุณสมบัติในการเป็น ‘นักเดินทาง’ คุณจะกลายเป็น ‘นักเดินทางต่างมิติ’ ที่จะเดินทางไปดาวเคราะห์ ‘ทรีนาร์ก’
ไม่มีเควสบังคับสำหรับนักเดินทางต่างมิติ คุณสามารถไปที่ไหนก็ได้อย่างอิสระ แต่… ถ้าคุณมีปัญหา คุณจะต้องแก้ไขปัญหาด้วยตนเอง
ฉันหวังว่าคุณจะสนุกกับ Eternal Life ตลอดไป
[ค่าตอบแทนลับ : คุณได้รับ ‘ดาบของนักเดินทาง’
แวบบบ!!
ซางฮยอคถูกย้ายไปยังดาวเคราะห์ทรีนาร์กทันทีหลังจากที่เขาเลเวลถึง 10 ดาวเคราะห์ทรีนาร์คเป็นทวีปแรกที่ผู้เล่นเกม EL จะได้เจอ
ดาวเคราะห์ดวงใหม่จะปรากฏออกมาทุกๆ 3 ปี ในชีวิตก่อนดาวเคราะห์ดวงสุดท้ายคือดาวเคราะห์ดวงที่ 7
ทันทีที่แสงที่เจิดจ้าหายไป ภาพที่เขาเห็นก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
ภาพของโรงแรมที่เก่าแก่แห่งหนึ่งในเมืองฟอลคอนที่เขาคุ้นเคยซึ่งตรงกับความทรงจำในชีวิตก่อนของเขา
มันค่อนข้างแออัดทั้งหน้าโรงแรมและในโรงแรมเพราะผู้เล่นจะมาที่นี้หลังจากที่เลเวล 10
โดยทั่วไปแล้วเกม EL จะเปิดเปฺ็นเชิฟเวอร์รวมสำหรับผู้เล่นทั้งหมดบนโลก มันเป็นไปไม่ได้หากเป็นในอดีตที่ใช้อินเทอร์เน็ต แต่เกมส่วนใหญ่ทำการเปิดเซิฟเวอร์รวมเพราะ DN มันเลยไม่มีปัญหาสำหรับเรื่องนี้
แน่นอนว่ามันมีระบบในการป้องกนันเมืองไม่ให้แออัดมากเกินไปทำให้มีเมืองหลักไม่กี่เมืองเกิดการแออัด
ท้ายที่สุดสิ่งที่ EL ต้องการคือโลกอันยิ่งใหญ่เพียงหนึ่งเดียว
ที่หน้าโรงแรมมีผู้เล่นใหม่ที่พึ่งเล่น EL กำลังแลกเปลี่ยนข้อมูลกันอย่างกระตือรือล้น
เนื่องจากทาง EL ไม่มีการเปิดเผยข้อมูลอะไรเลย ผู้เล่นเลยจำเป็นต้องร่วมมือกันในการหาข้อมูล
โดยปกติแล้วจะเล่นเกมโดยเควสทำตามในเกม อย่างไรก็ตาม EL ไม่มีเควสแบบนั้นเลย ดังนั้นนักเดินทางต่างมิติที่พึ่งมาถึงทรีนาร๋คเลยไม่ได้รับอะไรเลย
พวกเขามีแค่ชุดคลุมเก่าที่ปกคลุมร่างกายของพวกเขา ไม่มีเควสอะไรให้ทำเลย
พวกเขาต้องออกไปค้นหาสิ่งของที่พวกเขาต้องโดยการพูดคุยกับ NPC หรือผู้เล่นคนอื่น
( NPC ย่อมาจาก non-player character คือตัวละครที่ถูกควบคุมโดยปัญญาประดิษฐ์)
แน่นอนว่าซางฮยอคไม่ได้ติดต่อกับ NPC หรือ ผู้เล่นคนอื่น เขาข้ามขั้นตอนเหล่านั้นทั้งหมดและมุ่งห้นาไปที่เป้าหมายโดยตรง
สิ่งแรกที่นักเดินทางต่างมิติต้องทำหลังจากที่เลเวลถึง 10 คือ ‘การประทับวิญญาณ’ ผู้เล่่นสามารถค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งนี้อย่างง่ายดายหลังจากที่พวกเขาพูดคุยกับเหล่า NPC ที่โรงแรมเมื่อพวกเขามาถึง
หากพวกเขาไม่ได้ประทับวิญญาณ พวกเขาไม่สามารถได้รับคาร์มาดังนั้นพวกเขาจึงต้องให้ความสำคัญกับการประทับวิญญาณ อธิบายง่ายๆ เกี่ยวกับการประทับวิญญาณคือการเลือกอาชีพของพวกเขาในเกม
(คาร์มา หรือ Karma ในเกมนี้คือค่าประสบการณ์ของเกมนี้)
ผู้เล่นทำ ‘โพรงวิญญาณ’ ผ่านการประทับวิญญาและเติมโพรงวิญญาณด้วยความรู้โบราณและพวกเขาจะได้รับพลังของพวกเขาผ่านสิ่งนี้ นี่คือจุดเด่นที่มีเฉพาะ EL
ซางฮยอครู้จักความรู้โบราณมากกว่า 1,000 ชนิดที่ใช้ประทับวิญญาณ จุดที่น่าสนใจคือผู้คนสามารถเอาความรู้โบราณมาประทับวิญญาณได้ไม่จำกัด
มันหมานความว่าเราสามารถประทับวิญญาณจากความรู้โบราณได้ไม่จำดกัดหากเขาต้องการ แต่ไม่มีใครทำมัน
ไม่มีขีดจำกัดของจำนวนการประทับวิญญาณ แต่ผู้คนจะได้รับบทลงโทษเมื่อใดก็ตามที่พวกเขาได้รับความรู้โบราณอันใหม่ 99% ของผู้คนที่ได้เลือก 1 ถึง 5 ความรู้โบราณในการประทับวิญญาณ
บทลงโทษเมื่อผู้คนประทับความรู้โบราณนั้นเรียบง่ายมาก แน่นอนว่าไม่มีบทลงโทษสำหรับการประทับความรู้โบราณเพียงชนิดเดียว แต่หากคุณเพิ่มอีกหนึ่งชนิด เพื่อให้มีความรู้โบราณ 2 ชนิด คาร์มาที่ใช้ในการอัพเลเวลก็จะเพิ่มขึ้นมา 2 เท่า
และหากคุณเพิ่มมาอีกหนึ่งชนิด รวมทั้งหมด 3 ชนิด คาร์มาที่ใช้ในการเพิ่มเลเวลก็จะเพิ่มขึ้นมาเป็น 4 เท่า
หากคุณมีความรู้โบราณ 4 ชนิดก็จะเพิ่มเป็น 8 เท่า และ 5 ชนิดก็จะเพิ่มขึ้นมาเป็น 16 เท่า… เพราะคาร์มาที่ต้องใช้เพิ่มเป็นเท่าตัว มันเลยเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีความรู้โบราณมากกว่า 5 ชนิด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการประทับวิญญาณที่เลเวล 10 และพวกเขาต้องเริ่มใหม่ที่เลเวล 10 หากพวกเขาต้องการที่จะลบความรู้โบราณ
ดังนั้นผู้คนไม่ควรเปลี่ยนมันจนดว่าเกมจะจบเมื่อตัดสินใจว่าจะรับความรู้โบราณแล้ว
มีการถกเถียงกันมากมายระหว่างผู้เล่นเกี่ยวกับจำนวนการประทับวิญญาณที่เหมาะสมที่สุด
การถกเถียงครั้งนี้ยาวนานกว่าที่ผู้คนคิดไว้และถูกตัดสินในอีก 5 ปีต่อจากนี้
‘ถ้าคุณเป็นผู้เล่นปกติคุณจะมีความรู้โบราณ 1 ชนิด ถ้าคุณเป็นผู้เล่นที่มีความมุ่งมั่นที่จะเป็นแรงเกอร์ระดับสูง คุณจะมีความรู้โบราณ 2 ถึง 3 ชนิด และคนทียืนยันที่จะมีความรู้โบราณ 4 ถึง 5 ชนิดก็จะมีจุดจบที่น่าหกหู่อย่างมาก ผู้เล่นที่ร่ำรวยในตะวันออกกลางเลือกความรู้โบราณ 4 ชนิดและจบลงด้วยการยอมแพ้และเริ่มต้นใหม่ ในความจริงแล้วความรู้โบราณ 3 ชนิดคือขีดจำกัดแล้ว’
ซางฮยอคจำได้อย่างชัดเจนเกี่ยวกับผู้คนที่เลือกความรู้โบราณ 4 ถึง 5 ชนิดแล้วจบด้วยการล้มละลาย
“แต่… ฉันจะใช้ความรู้โบราณ 4 ชนิด!”
ซางฮยอครู้เกี่ยวกับข้อจำกัดของความรู้โบราณ 4 ชนิดมากกว่าคนอื่นๆ ซางฮยอครู้ว่ามันไม่เพียงแค่ยาก ชายผู้ร่ำรวยในตะวันออกกลางที่่มีเงินกว่า 5 พันล้านดอลลาร์ไม่สามารถทนกับความต้องการใช้คาร์มาที่สูงและยอมแพ้ในช่วงกลางเกม
อย่างไรก็ตามเหตุผลที่เขาเลือกความรู้โบราณ 4 ชนิดเพราะ… สมญานาม ‘ผู้ท้าชิงที่ไม่เคยยอมแพ้’ ที่ได้รับหลังจากที่ตายหลายครั้งที่ทุ่งหญ้าไร้พรมแดน
สมญานาม – ‘ผู้ท้าชิงที่ไม่เคยยอมแพ้’
ระดับ – ยูนิค
คำอธิบาย –
เอฟเฟกต์ – [หน้าชื่อ: ไม่มี] [หลังชื่อ: ไม่มี] [ติดตัว : คาร์มาที่จำเป็นต้องใช้ในการเพิ่มระดับลดลงครึ่งหนึ่ง]
ซางฮยอคสามารถท้าทายความรู้โบราณ 4 ชนิดไม่ใช่แค่ความรู้โบราณ 3 ชนิดเพราะสมญานามนี้ แม้ว่าเขาเขาจะมีความรู้โบราณ 4 ชนิดเขาก็ยังคงอัพเลเวลไวเท่ากับผู้ใช้ความรู้โบราณ 3 ชนิดเพราะสมญานามนี้
แน่นอนว่าเขารู้สึกกดดันเกี่ยวกับคาร์คาที่ต้องการเพิ่มขึ้นถึง 4 เท่า แต่เขามั่นใจว่าเขาสามารถทำมันได้อย่างง่ายดายด้วยความรู้ที่เขามี
ในความความจริงแรงเกอร์ระดับสูงบางคนมีความรู้โบราณ 3 ชนิดในชีวิตก่อนของเขา
เขามาถึง ‘ห้องโถงวิญญาณ’ ในขณะที่เขาคิดอยู่ ห้องโถงวิญญาณตั้งอยู่ที่กลางเมืองที่ผู้คนสามารถมาถึงได้อย่าง่ายดาย
ขั้นตอนการประทับความรู้โบราณเป็นสิ่งที่เขาต้องใส่ความรู้โบราณในโพรงหลังจากที่สร้างโพรงที่ห้องโถงวิญญาณ
สำหรับความรู้โบราณนั้นสามารถ ‘เติบโต’ หรือ ‘เปลี่ยนแปลง’ ได้ แต่พวกมันทั้งคู่สามารถหาได้จากการทำเควสเท่านั้น ผู้เล่นควรเลือกความรู้โบราณอย่างระมัดระวัง
และผู้เล่นต้องตัดสินใจอย่างมากเกี่ยวกับจำนวนโพรงวิญญาณที่ต้องการเปิด มันไม่สามารถเปิด 1 โพรงและจะมาเปิดเพิ่มอีก 1 โพรงในภายหลัง
ผู้เล่นจะยอมแพ้และกลับมาที่เลเวล 10 ด้วยตนเองหากพวกเขาต้องการที่จะเปลี่ยนจำนวนโพรงวิญญาณหลังจากที่สร้างโพรงวิญญาณขึ้นมาแล้วครั้งหนึ่ง
ในกรณีนี้ความรู้โบราณที่ติดตั้งมาก่อนหน้านี้จะหายไป ดังนั้นจึงไม่มีใครตัดสินใจที่จะทำเช่นนี้
แน่นอนว่ามันไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้เปิดเผยอยู่และมันจะถูกเปิดเผยออกมาหลังจากลองผิดลองถูกมาหลายครั้ง แต่นั่นไม่ใช่ซางฮยอคผู้ที่ย้อนเวลากลับมา
“นักเดินทาง ฉัยขออวยพรคุณด้วยพระแม่ธรณีผู้ยิ่งใหญ่”
NPC ที่อยู่ที่ห้องโถงวิญญาณอวยพรให้ซางฮยอคในขณะที่กล่าวถึงเทพที่เขานับถือ
‘โพรงวิญญาณ 4 โพรง… ขั้นสุดท้ายที่ฉันต้องทำคือใส่ความรู้โบราณ ฉันต้องตามหามันทีละชนิด’
ซางฮยอคทำให้โพรงวิญญาณทั้ง 4 โพรงเสร็จแล้วพยักหน้า
มีความรู้โบราณมากมายหลายชนิด ส่วนที่น่าสนใจคือความรู้โบราณมันมีการแบ่งระดับ แน่นอนว่าความรู้โบราณบางชนิดนั้นหายากและบางชนิดนั้นหาง่าย แต่มันไม่ใช่ตัวตัดสินระดับ
ถ้าผู้เล่นไปห้องสมุดขนาดใหญ่ในเมืองใหญ่ พวกเขาสามารถได้ความรู้โบราณอย่างง่ายดายและมันไม่ใช่ความรู้โบราณที่ไร้ประโยชน์ทั้งหมด
อย่างไรก็ตามความรู้โบราณสามารถเติบโตและเปลี่ยนแปลงได้ ผู้เล่นสามารถทำมันดีกว่าเดิมในระหว่างที่พวกเขาเล่นเกม
ยกตัวอย่างเช่น ‘ผู้พิทักษ์เหล็กไหล’ ซึ่งผู้เล่นได้ยกให้มันเป็นความรู้โบราณสำหรับแทงเกอร์ที่ดีที่สุดในอีก 5 ปีต่อจากนี้ ผู้พิทักษ์เหล็กไหลได้รับจากการเติบโตของ ‘ผู้พิทักษ์’
มันเป็นหนึ่งในข้อมูลสำคัญในการเติบโตของความรู้โบราณใน EL ดังนั้นจึงมีผู้เล่นบางคนขายข้อมูลเหล่านี้เป็นอาชีพ
แน่นอนว่ามันเป็นไปได้ที่จะไม่มีความรู้โบราณ มันมีสกิลสองชนิดใน EL หนึ่งคือ ‘สกิลวิญญาณ’ ที่ได้จากความรู้โบราณ และสองคือ ‘สกิลพื้นฐาน’ ซึ่งใครก็สามารถได้รับมันมาได้โดยไม่ต้องมีความรู้โบราณ
จำนวนสกิลวิญญาณสามารถครอบครองได้อย่างไม่จำกัด แต่จำนวนสกิลพื้นฐานที่สามารถครอบครองขึ้นอยู่กับเลเวล
มันเพิ่มขึ้น 1 สกิล ทุกๆ 10 เลเวล EL ไม่ได้มีขีดจำกัดของเลเวลสูงสุดเพราะมันตั้งขึ้นมาเพื่อให้มีเลเวลเท่าไหร่ก็ได้ ดังนั้นมันยากที่จะเรียนรู้สกิลพื้นฐานใหม่เพราะยิ่งเลเวลสูงจำนวนคาร์มาที่ต้องใช้ก็ยิ่งสูงขึ้น