GE469 ขอบเขตปีศาจโบราณ [ฟรี]
เมื่อสังหารผู้อาวุโส 4 เสร็จ หนิงฝานใช้หมอกเมฆาม่วงลบล้างไอปราณที่เหลือจากการต่อสู้ออกทั้งหมด
ต่อให้มีคนเข้ามาตรวจสอบก็ไม่พบร่องรอย ว่าเขาเป็นผู้สังหารผู้อาวุโส 4
กู้ฉือเหนียงจ้องมองบริเวณที่ผู้อาวุโส 4 ตายอยู่นานโดยไม่กล่าว ราวกับนางกำลังหวนนึกถึงความทรงจำที่โศกเศร้าในอดีต
ความเศร้าโศกเหล่านั้นคอยอยู่เคียงข้างกายนางนับจากวันที่นางถูกพาตัวมา แต่ยามนี้ ผู้ที่สร้างความโศกเศร้าได้ตายไปแล้ว ซึ่งควรแค่เวลาที่นางจะต้องละทิ้งความเศร้าเหล่านั้นเช่นกัน
นางคุกเข่าลง ร่ายเคล็ดความบางอย่างราวกับบอกกล่าวกับคนในครอบครัว ว่านางได้ล้างแค้นให้แล้ว
หนิงฝานไม่ได้ขัดขวางใดๆ เพราะเขารู้ว่าหลังจากนี้ จิตใจของนางจะเข้มแข็งขึ้น
“นับจากวันนี้ไป ข้าจะขออยู่ข้างกายท่าน”
“อืม...”
นางจ้องมองหนิงฝานเงียบๆ ยามนี้นางยังคงไม่อยากเชื่อว่าหนิงฝานจะแข็งแกร่ง ขนาดที่สังหารขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นต้นได้ง่ายๆ
หนิงฝานได้ทำตามคำขอของนางแล้ว และนางก็เป็นของเขาตามที่ได้ลั่นวาจาไว้
นางได้บอกกล่าวถึงความสามารถของนางทั้งหมดให้หนิงฝานฟัง เมื่อได้ฟัง เขารู้ว่าความสามารถของนางคล้ายๆกับเฟินซื่อ ที่สามารถปลุกเอาจุดเด่นของเผ่าพันธุ์ออกมาได้
เมื่อคราวที่เขาได้ดูดซับอนุสรณ์ปีศาจของเผ่าหกปีก รอยสักปีศาจที่แผ่นหลังได้เปลี่ยนรูปทรงเป็น 6 ปีก และเฟินซื่อก็ได้ปลุกพลังของเผ่าหกปีกให้เขา
เมื่อยามที่เขาดูดซับอนุสรณ์ปีศาจที่ 2 ของเผ่าปีศาจยักษ์ รอยสักปีศาจของเขาเปลี่ยนไปกลายเป็นปีศาจยักษ์ แต่เขายังไม่ได้ให้ฉุ่ยเยวียนปลุกพลังให้
ยามนี้ได้ดูดซับอนุสรณ์ปีศาจของเผ่าเนตรปีศาจ หากเขาผสานปราณปีศาจที่ได้มา รอยสักปีศาจของเขาสมควรเปลี่ยนรูปทรงเป็นเนตรปีศาจ และกู้ฉือเหนียงสมควรช่วยปลุกพลังได้
หนิงฝานให้นางไปรออยู่ในแหวนกระถาง เขาจะให้ผู้ใดเห็นนางไม่ได้ ไม่อย่างนั้นพวกมันจะรู้ว่าเขาเป็นคนบุกเผ่า
ยามนี้เหล่าผู้อาวุโสของเผ่ากำลังหารือกับยู่กุ่ยโหว ว่าจะแลกเปลี่ยนอนุสรณ์ปีศาจกับราชาสุสานบุบผาดีหรือเปล่า
หากสนมปีศาจหายตัวไป เผ่าเนตรปีศาจคงคิดว่าเป็นฝีมือของราชาสุสานบุบผา และหากหอคอยทองคำของราชาสุสานบุบผาถูกชิงไป มันก็คงคิดว่าเป็นฝีมือของเผ่าเนตรปีศาจเช่นกัน
หนิงฝานยิ้มมุมปาก เพราะเหตุผลที่เขาไม่ได้สังหารผู้อาวุโส 4 ก็เพราะจะใช้ประโยชน์จากจุดนี้ด้วย
เขานำเอาดวงจิตของผู้อาวุโส 4 ที่ผนึกอาไว้ในตัวทาสออกมา จากนั้นอ่านความทรงจำจนได้ข้อมูลมากมาย
เมื่ออ่านความทรงจำของมันแล้ว เขาก็กลืนดวงจิตของมันลงท้อง ผนึกมันไว้ในตันเถียน แล้วหยิบยืมกลิ่นอายของมันมาใช้
เขานำโอสถแปลงโฉมชนิดหนึ่งออกมา เพื่อเปลี่ยนให้ตัวเองกลายเป็นผู้อาวุโส 4 แทน
โอสถแปลงโฉมจะมีฤทธิ์อยู่ได้เพียง 1 ชั่วยามเท่านั้น หากในหนึ่งชั่วยามนี้ไม่มีผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยกมาพบ ก็ไม่มีใครแยกออกว่าเขาเป็นตัวปลอม เพราะกลิ่นอายที่เขาแผ่ออกมา เป็นกลิ่นอายของผู้อาวุโส 4
ในเมื่อเขากลายเป็นผู้อาวุโส 4 แล้ว เขาย่อมมีคุณสมบัติพอที่จะได้เข้าหาราชาสุสานบุบผาเพียงลำพัง และนั่นจะกลายเป็นโอกาสให้เขาได้ช่วงชิงหอคอยทองคำของมัน
หากได้หอคอยทองคำมาแล้ว ก็ถึงคราวที่เขาต้องสังหารผู้อาวุโส 4 เพื่อป้ายความผิดให้กับราชาสุสานบุบผา
“วันนี้เผ่าเนตรปีศาจคงมีเรื่องสนุกให้ดู”
…
ภายในวังนักโทษปีศาจ ราชาสุสานบุบผานั่งอยู่ในห้องแห่งหนึ่ง ควบคุมลมหายใจเพื่อฟื้นฟูอาการบาดเจ็บ และรอคำตอบของยู่กุ่ยโหว
ภายนอกวัง ข่ายอาคมป้องกันขนาดใหญ่ถูกกระตุ้น ผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากของเผ่าเฝ้าระวังเต็มรูปแบบ เพราะกลัวว่าราชาสุสานบุบผาจะออกจากวัง และทำลายเผ่า
นอกจากกลุ่มผู้อาวุโสของเผ่าที่พูดคุยกับยู่กุ่ยโหว กองกำลังแทบทั้งหมดของเผ่าได้ถูกส่งไปเฝ้าระวังราชาสุสานบุบผา
แม้ราชาสุสานที่มาจะเป็นเพียงดวงจิตที่ 2 แต่มันก็แข็งแกร่งจนเผ่าเนตรปีศาจไม่กล้าประมาท
ในขณะที่ราชาสุสานบุบผากำลังนั่งอยู่นั้น จู่ๆคิ้วของมันกลับกระตุก ราวกับเป็นลางว่าจะเกิดเหตุการณ์บางอย่างขึ้น
ผู้เชี่ยวชาญระดับสูงจะมีสิ่งที่เรียกว่าญาณหยั่งรู้ ที่มีลักษณะเป็นเหมือนลางบอกเหตุในสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต
ราชาสุสานบุบผาคิดว่า ลางบอกเหตุอาจเป็นเรื่องที่ยู่กุ่ยโหวจะปฏิเสธการแลกเปลี่ยนกับมัน
“ฮึ่ม! ข้าเมตตาถึงขนาดที่ยอมแลกเปลี่ยนหอคอยทองคำกับอนุสรณ์ปีศาจ ถ้ามันยังกล้าปฏิเสธข้า ข้าก็คงไม่อยู่เฉย… ไว้ข้าฟื้นฟูอาการบาดเจ็บและบรรลุขอบเขตไร้แบ่งแยกเมื่อไหร่ ข้าจะกลับมาสั่งสอนพวกมัน”
ราชาสุสานบุบผาไม่ได้กล่าวในใจ ดังนั้นสิ่งที่มันกล่าวจึงได้ยินไปถึงหูของคนเผ่าที่อยู่ข้างนอก
แม้คนของเผ่าจะไม่พอใจ แต่ไม่มีผู้ใดกล้าปริปาก เพราะส่วนใหญ่ผู้ที่มา มีเพียงขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มเท่านั้น
“คารวะผู้อาวุโส 4!”
ภายนอกวัง กลุ่มคนที่เฝ้าระวัง คารวะให้กับผู้อาวุโส 4 ซึ่งก็คือหนิงฝานที่ปลอมตัวมา
เขาดัดเสียงให้เหมือนผู้อาวุโส 4 พลางกล่าว
“ข้าจะเข้าพบราชาสุสานบุบผา พวกเจ้าเปิดข่ายอาคมเดี๋ยวนี้!”
“แต่ว่า...”
แม้ว่าพวกมันจะถูกสั่งห้ามไม่ให้ผู้ใดเข้าวัง แต่ด้วยศักดิ์ฐานะของผู้อาวุโส 4 ย่อมเข้าไปได้
ดังนั้นพวกมันจึงเปิดข่ายอาคมให้หนิงฝานผ่านเข้าไป
แม้ว่าพวกมันจะสงสัยในการกระทำของหนิงฝาน แต่พวกมันก็ไม่กล้าปริปาก
เมื่อเดินเข้าไปถึงที่พักของราชาสุสานบุบผา มันลืมตาขึ้นพลางกล่าว
“ที่ผู้อาวุโส 4 มาหาข้ามีเรื่องอะไร?”
“ข้าได้รับคำสั่งจากท่านบรรพบุรุษมาตรวจสอบหอคอยทองคำของท่าน ว่าชำรุดเสียหายหรือเปล่า เพราะหลังจากได้พูดคุยกับผู้อาวุโสหลายคน พวกเขาไม่เชื่อว่าหอคอยทองคำของท่านคุณภาพดี จึงยังลังเลที่จะแลกเปลี่ยน...”
ราชาสุสานบุบผาขมวดคิ้ว แววตาปรากฏเจตนาสังหาร แต่มันก็คิดว่าคำกล่าวของหนิงฝานก็มีเหตุผล
หากไม่เพราะร่างจริงของราชาสุสานบุบผาบาดเจ็บจากการทะลวงขอบเขตไร้แบ่งแยก และหากดวงจิตที่ 2 ไม่บาดเจ็บเพราะประมาทเผ่าปีศาจยักษ์ มันคงไม่ต้องมารอการแลกเปลี่ยนเช่นนี้
การที่มันยอมลดตัวลงมาแลกเปลี่ยนกับเผ่าเนตรปีศาจ ก็เท่ากับให้เกียรติเผ่าเนตรปีศาจมากแล้ว แต่คาดไม่ถึงว่าพวกมันจะยังลังเลสงสัย ว่าราชาอย่างมันจะนำของไร้ค่ามาแลกเปลี่ยน
แต่ในเมื่อเรื่องทั้งหมดเป็นเช่นนี้ ราชาอย่างมันก็ทำได้เพียงกัดฟันทน และกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“แล้วผู้อาวุโส 4 จะตรวจสอบสมบัติของข้ายังไง?”
“แค่ดูเท่านั้น!”
“อืม... ในเมื่อเจ้ารับคำสั่งมา ข้าก็จะให้เจ้าได้ตรวจดู” ยามนี้จะกล่าวว่าราชาสุสานบุบผาประมาทก็ได้ เพราะมันอยากที่จะรวบรวมอนุสรณ์ปีศาจให้เสร็จเร็วๆ จึงไม่ได้เอะใจสงสัยในตัวผู้อาวุโส 4
หากมันสังเกตุหรือสงสัยสักนิด มันจะรู้ว่าระดับของผู้อาวุโส 4 ยังไม่บรรลุขอบเขตไร้ดัดแปลงจริงๆ
แต่อย่างน้อย ผ้าคลุมลวงสวรรค์ก็ทำให้มันสงสัยได้ยาก อีกอย่าง เพราะผู้อาวุโส 4 ที่กำลังจะทะลวงขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นกลาง ย่อมมีปราณที่ผันผวนเป็นเรื่องธรรมดา
ราชาสุสานบุบผานำหอคอยทองคำออกมาวางไว้ใกล้กับโต๊ะที่นั่ง ผายมือเป็นเชิงให้หนิงฝานหยิบไปตรวจสอบ
เมื่อหนิงฝานจับหอคอยทองคำขึ้นมา แต่จู่ๆโลหิตในร่างของเขากลับเดือดพร่าน ดูเหมือนหอคอยนี้จะไม่ได้เร่งเวลาเร็วกว่าโลกภายนอกแค่ 16 เท่า อย่างน้อยๆสมควรมากกว่า 32 เท่า
หนิงฝานอยากจะใช้เวลาตรวจสอบมันให้ดีกว่านี้ แต่เขารู้ว่ายามนี้ยังไม่ใช่โอกาสที่ดี
“ผู้อาวุโส 4 คิดว่าหอคอยทองคำของข้าเสียหายหรือเปล่า?” ราชาสุสานบุบผากล่าวถาม
“ไร้ซึ่งความเสียหายใดๆ...”
“แต่ยามนี้ หอคอยทองคำได้เป็นของเผ่าเนตรปีศาจแล้ว และคนอย่างเจ้า ก็อย่าหวังว่าจะได้อนุสรณ์ปีศาจไปครอง! ไสหัวออกไปจากเผ่าเนตรปีศาจได้แล้ว!”
เมื่อกล่าวจบ หนิงฝานกระตุ้นผ้าคลุมลวงสวรรค์ ลบตัวตนของเขาและหอคอยทองคำจนหายไปอย่างไร้ร่องรอย
ราชาสุสานบุบผาตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ชั่วครู่ ก่อนที่มันจะผุดลุกยืน ความโกรธที่สั่งสมมานานปะทุ
ผู้อาวุโส 4 อันต่ำต้อยถึงกับกล้าหยามหน้ามัน เผ่าเนตรปีศาจถึงกลับกล้าช่วงชิงหอคอยทองคำของมันซึ่งหน้า
มันอุตส่าห์ลดตัวลงมาแลกเปลี่ยน แต่อีกฝ่ายกลับทำแบบนี้
“เอาหอคอยทองคำของข้าคืนมา!”
*ตูม*
ราชาสุสานบุบผาปลดปล่อยแรงกดดันที่ทรงพลัง ข่ายอาคมที่ปกคลุมอยู่ภายนอกวังถูกทำลาย ผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากที่คอยเฝ้าวังถูกสังหารในพริบตา
เจตนาสังหารของราชาสุสานบุบผาแผ่ปกคลุมไปทั่วเมือง แต่ไม่ว่าทำยังไงมันก็หาผู้อาวุโส 4 ไม่พบ
ในชั่วพริบตานั้น จู่ๆกลิ่นอายของผู้อาวุโส 4 ก็ปรากฏ ราชาสุสานหันมอง เร่งพุ่งทะยานเข้าหา แล้วจู่โจมในตำแหน่งนั้นด้วยปราณที่คมกริบราวกับกระบี่ จนทำให้เผ่าเนตรปีศาจถูกผ่าเป็นสองซีก
ดวงจิตของผู้อาวุโส 4 ถูกทำลาย ป้ายชีวิตของมันแตก เหล่าผู้อาวุโสของเผ่าและยู่กุ่ยโหว แผ่สัมผัสเทพตรวจสอบ แล้วรู้ว่าผู้ที่สังหารผู้อาวุโส 4 คือราชาสุสานบุบผา!
“ราชาสุสานบุบผา ทำไมเจ้าถึงสังหารคนของข้า!”
ยู่กุ่ยโหวปลดปล่อยแรงกดดันที่รุนแรง แล้วพุ่งทะยานเข้าหาราชาสุสานบุบผา
ยู่กุ่ยโหวไม่ใช่คนโง่ ผู้อาวุโส 4 เก็บตัวเพื่อทะลวงขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นกลาง การที่มาปรากฏตัวที่โลกภายนอก และถูกราชาสุสานบุบผาสังหารย่อมเป็นเรื่องที่น่าสงสัย
แต่ยู่กุ่ยโหวไม่คิดจะกล่าวถามเหตุผลราชาสุสานบุบผา เพราะมันได้ข้อความจากกระบี่บินเมื่อครู่ ว่าสนมปีศาจและอนุสรณ์ปีศาจได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย นั่นยิ่งทำให้ยู่กุ่ยโหวคิดว่าเป็นแผนการของราชาสุสานบุบผา ที่อ้างว่ามาแลกเปลี่ยนอนุสรณ์ปีศาจ แต่กลับใช้โอกาสที่การเฝ้ายามที่หละหลวม ไปชิงตัวสนมปีศาจและอนุสรณ์ปีศาจ
“เจ้าสังหารผู้อาวุโส 4 ของข้า ลักพาตัวสนมปีศาจและอนุสรณ์ปีศาจของข้า วันนี้เผ่าเนตรปีศาจของข้ากับเจ้าไม่อาจอยู่ร่วมโลกกันได้อีก!”
ยู่กุ่ยโหวสั่งให้เปิดข่ายอาคมป้องกันทั้งหมด พร้อมทั้งระดมผู้เชี่ยวชาญทั้งหมด เข้าล้อมราชาสุสานบุบผาเอาไว้
ราชาสุสานบุบผาเองก็โกรธเช่นกัน ผู้อาวุโส 4 ขโมยหอคอยทองคำของมันไปซึ่งหน้า เท่ากับเป็นการตบหน้ามันอย่างแรง
แม้ว่าการสังหารผู้อาวุโส 4 จะไม่ทำให้ได้หอคอยทองคำกลับมา แต่อย่างน้อยก็ทำให้มันระบายความโกรธออกไปได้บ้าง
มันคาดไม่ถึงว่าเผ่าเนตรปีศาจจะทำกับมันแบบนี้ มันอุตส่าห์ลดตัวลงมาแลกเปลี่ยนด้วย แต่\กลับกล่าวหาว่ามันลักพาตัวสนมปีศาจและอนุสรณ์ปีศาจ
มันทำได้เพียงเปล่งเสียงหัวเราะด้วยความคั่งแค้น เพราะมันคิดว่าทั้งหมดนี้คือแผนการที่เผ่าเนตรปีศาจวางเอาไว้ เพื่อช่วงชิงหอคอยทองคำของมัน
“ยู่กุ่ยโหว ราชาเช่นข้าให้เกียรติเจ้า แต่เจ้ากลับหักหลัง... นับจากวันนี้ไป ข้าและเผ่าเนตรปีศาจของเจ้า ไม่อาจอยู่ร่วมโลกกันได้อีก!”
*ตูม ตูม ตูม*
แล้วสุนัขก็กัดกันเองอย่างที่หนิงฝานตั้งใจไว้ พวกมันไม่แม้แต่จะพูดคุยหรือไต่ถามหาความจริงใดๆ
ในขณะที่พวกมันต่อสู้กันอย่างรุนแรงนั้น หนิงฝานก็แอบไปขโมยสมุนไพรและหยกสวรรค์ของเผ่าเนตรปีศาจทั้งหมด
เมื่อได้ทุกสิ่งที่ต้องการ หนิงฝานก็จากไปเงียบๆโดยไม่มีผู้ใดรู้ตัว… นับว่าครั้งนี้เขาคือผู้ที่ได้ผลประโยชน์มากที่สุด
การต่อสู้ที่รุนแรงดำเนินไปถึง 2 ชั่วยาม ราชาสุสานบุบผาเกือบเอาชีวิตไม่รอด จากการรุมจู่โจมของเผ่าเนตรปีศาจ แต่สุดท้ายมันก็หนีออกมาได้
เผ่าเนตรปีศาจเองก็เสียหายไปไม่น้อย ผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณ 31 คน และผู้เชี่ยวชาญไร้ดัดแปลงขั้นต้น 2 คนถูกสังหาร ขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นกลาง 3 คนบาดเจ็บสาหัส ขอบเขตแก่นทองคำและดวงจิตแรกเริ่มถูกสังหารตายเกือบหมด
ข่าวการต่อสู้ที่รุนแรงนี้ ลุกลามไปทั่วทั้งโลกพิรุณ ส่วนหนิงฝานก็ได้ในสิ่งที่ต้องการอย่างสมใจ แต่สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกเสียดาย คือราชาสุสานบุบผายังไม่ตาย
หนิงฝานมุ่งหน้าไปยังเผ่าเขาคู่ หลังออกมาจากเผ่าเนตรปีศาจได้ 1 ชั่วยาม โอสถแปลงโฉมก็หมดฤทธิ์ เขาเองก็เร่งเข้าสู่โลกหยิน
เขาใช้เวลาไปกับการดูดซับปราณปีศาจที่ได้มาอยู่ 3 วันเต็ม จนยามนี้ ร่างกายของเขาบรรลุขอบเขตกายทองคำไป 3 ใน 4 ส่วนแล้ว รอยสักปีศาจที่แผ่นหลังก็เปลี่ยนรูปร่างเป็นเนตรปีศาจ
ร่างกายของหนิงฝานแข็งแกร่งจนแทบจะทัดเทียมขอบเขตกายทองคำที่ 2 แล้ว เขาคิดว่าหากได้ดูดซับปราณปีศาจจากอนุสรณ์ปีศาจอีกครั้ง อาจทำให้เขาทะลวงขอบเขตกายทองคำที่ 2 ได้ในคราวเดียว ยิ่งหากได้รับการกระตุ้นรอยสักที่แผ่นหลัง ร่างกายน่าจะทรงพลังขึ้นจนน่าสะพรึงกลัว
แต่นอกจากปราณปีศาจแล้ว หอคอยทองคำก็ล้ำค่าไม่แพ้กัน ทันทีที่เขาออกจากโลกหยิน เขาก็นำหอคอยทองคำเข้าสู่โลกเย่าหยวน
หากเทียบกันแล้ว วิหารสาบสูญที่อยู่บนเกาะเผิงไหล มีระดับที่ต่ำกว่าหอคอยทองคำที่หนิงฝานได้มา
เขาเลือกสถานที่ที่เงียบสงบแห่งหนึ่ง ที่อยู่ไกลจากตำแหน่งที่มู่เหม่ยเหลียงอยู่ นำหอคอยทองคำขนาด 2 จ้างออกมา จากนั้นถ่ายปราณกระตุ้น ทำให้หอคอยแปรเปลี่ยนเป็นหอคอยทองคำยักษ์สูงนับแสนจ้าง
หนิงฝานลองเข้าไปภายใน ชั้นแรกมีเวลาที่เดินเร็วภายนอก 2 เท่า
ชั้น 2... 4 เท่า
ชั้น 3… 8 เท่า
ชั้น 4… 16 เท่า
ชั้น 5… 32 เท่า
ชั้น 6… 64 เท่า
ชั้น 7… 128 เท่า
แต่หนิงฝานกลับไม่อาจขึ้นไปยังชั้น 8 ได้ เพราะทันทีที่เขาก้าวเท้าเข้าไปได้เพียงครึ่งก้าว ร่างกายของเขาก็แทบจะรับพลังของมันไม่ไหว
แม้จะยังไม่แน่ชัดถึงรายละเอียดของหอคอยแห่งนี้ แต่เขาคิดว่ามันอาจมีถึงชั้น 9 และมีผลึกแห่งเวลาเก็บซ่อนอยู่
ยามนี้เขามีหอคอยเร่งเวลาการฝึกฝนเป็นของตนแล้ว เขาสามารถเข้ามาฝึกฝนที่นี่ได้ตลอดเวลา โดยไม่ต้องพึ่งหอคอยของวิหารสาบสูญอีก
สิ่งที่แตกต่างระหว่างโลกหยินและหอคอยทองคำคือ แม้เวลาในโลกหยินจะเดินไปเร็วกว่าภายนอก แต่มันไม่ได้ทำให้อายุกระดูกของหนิงฝานเพิ่ม ผิดกับหอคอยทองคำที่เวลาของร่างกายยังคงเดินไปตามปกติ
ดังนั้นหากเขาฝึกฝนในหอคอยชั้น 7 เป็นเวลา 100 ปีของโลกภายนอก อายุกระดูกของเขาก็จะเพิ่มขึ้นเป็น 12800 ปี ซึ่งนั่นไม่เรื่องที่ดีนัก
หากวันใดที่หนิงฝานสามารถเข้าออกโลกหยินได้ตามใจต้องการ สถานที่แห่งนั้นจะกลายเป็นที่ฝึกฝนที่เหมาะสมที่สุด
หลังจากชื่นชมหอคอยทองคำไปแล้ว หนิงฝานก็หันมาสนใจอนุสรณ์ปีศาจ และสลักสิ่งที่อยู่บนนั้นเอาไว้ในแผ่นหยกของตน
บนอนุสรณ์สลักเนื้อหาของขอบเขตการฝึกฝนของเผ่าปีศาจโบราณเอาไว้
ในสมัยโบราณ เผ่าพันธุ์ปีศาจโบราณไม่ได้บัญญัติวิชาใดๆเป็นของตน พวกมันเพียงฝึกฝนและยกระดับโลหิต ทำให้ร่างกายของพวกมันแข็งแกร่ง
ก้าวแรกของการฝึกฝนปัจจุบัน แบ่งออกเป็น 7 ขั้นอย่างที่ทุกคนรู้
แต่ก้าวแรกของปีศาจโบราณแบ่งออกเป็น 5 ขั้น ได้แก่ ขอบเขตกลั่นโลหิต ขอบเขตประสานกระดูก ขอบเขตโลหิตหยก ขอบเขตปีศาจคลั่ง และขอบเขตจ้าวปีศาจ
หากเทียบกันแล้ว ขอบเขตกลั่นโลหิต เท่าได้กับ 3 ขอบเขตปัจจุบันคือ ขอบเขตเปิดเส้นชีพจร ขอบเขตประสานวิญญาณ และขอบเขตแก่นทองคำ
ขอบเขตประสานกระดูก เทียบได้กับ ขอบเขตดวงจิตแรกเริ่ม
ขอบเขตโลหิตหยก เทียบได้กับ ขอบเขตตัดวิญญาณ
ขอบเขตปีศาจคลั่ง เทียบได้กับ ขอบเขตไร้ดัดแปลง
และขอบเขตจ้าวปีศาจ เทียบได้กับ ขอบเขตไร้แบ่งแยก
ซึ่งแต่ละขอบเขตของเผ่าพันธุ์ปีศาจโบราณนั้น ไม่ได้ฝึกฝนปราณใดๆ มีเพียงการฝึกฝนร่างกายให้ทรงพลังขึ้นเท่านั้น
ปราณที่ทรงพลังของเผ่าพันธุ์มนุษย์ มีอำนาจที่สามารถเคลื่อนจันทราและดารา
แต่ร่างกายที่ทรงพลังของปีศาจโบราณ มีอำนาจที่จะสยบขุนเขาและสายน้ำ
อนุสรณ์ปีศาจที่ 3 บันทึกไว้เพียงการกล่าวแนะนำขอบเขตและการฝึกฝนของปีศาจโบราณ และตอนท้ายของอนุสรณ์ปีศาจได้บันทึกข้อความว่า ต้องรวบรวมอนุสรณ์ให้ครบ 4 ชิ้น จึงจะได้ครอบครองวิชากลั่นโลหิตที่แท้จริงของเผ่าพันธุ์ปีศาจโบราณ
หนิงฝานเก็บแผ่นหยกของตนไป เขาคาดไม่ถึงว่าการรวบรวมอนุสรณ์ปีศาจทั้ง 4 จะทำให้ก้าวเข้าสู่เส้นทางการฝึกฝนของปีศาจโบราณ
การก้าวเดินไปในเส้นทางนั้น แตกต่างจากเส้นทางปัจจุบันอย่างสิ้นเชิง เพราะแค่ฝึกฝนร่างกายให้ทรงพลัง ก็สามารถเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดได้
แม้เป็นผู้ที่อยู่ในระดับเดียวกัน ก็ยังไม่อาจต้านทานปีศาจโบราณได้
“หากข้ารวบรวมอนุสรณ์ปีศาจได้ครบ 4 ชิ้น ข้าก็จะก้าวเข้าสู่เส้นทางแห่งปีศาจที่แท้จริง...”
หนิงฝานขบคิด หากเขาเดินตามเส้นทางของปีศาจโบราณ เขาเพียงฝึกฝนยกระดับร่างกาย ก็สามารถเอาชนะทุกสิ่งได้ นั่นคือสิ่งที่น่าเย้ายวนเป็นอย่างมาก...