GE468 อนุสร์ปีศาจชิ้นที่ 3 [ฟรี]
เมืองส่องสวรรค์แบ่งออกเป็น 5 ชั้น 12 เมืองย่อย… แต่ละชั้นมีการป้องกันที่แน่นหนา ไม่ยอมให้ผู้ใดผ่านเข้าไปได้ง่ายๆ
แต่น่าเสียดายที่นั่นยังไม่พอที่จะปกป้องการลอบเข้าไปของหนิงฝานได้
หมอกเมฆาม่วงถูกนำมาใช้ประโยชน์ สร้างช่องขนาดเล็กให้พอลอบเข้าไปโดยไม่มีผู้ใดรู้
จากความทรงจำที่ได้มา ทำให้หนิงฝานรู้เส้นทางในเมือง
เมื่อเข้าไปในเมืองได้ไม่นาน ความรู้สึกเหมือนคราวที่สัมผัสได้จากเฟินซื่อและฉุ่ยเยวียน ก็ปรากฏขึ้นในใจของหนิงฝานอีกครั้ง
เป็นความรู้สึกที่ได้จากสนมปีศาจของเผ่าเนตรปีศาจ หากหานางพบก็ได้ครอบครองอนุสรณ์ปีศาจ
ภายในสถานที่แห่งหนึ่ง มีสตรีในอาภรณ์ดำนางหนึ่ง ใบหน้างดงามทรงเสน่ห์ไม่เป็นรองผู้ใด
ยามนี้นางนั่งเก้าอี้ เปิดอ่านแผ่นหยกโบราณที่บันทึกสิ่งต่างๆเอาไว้ด้วยวิชาเนตรประจำเผ่า
นางคือสนมปีศาจของเผ่าเนตรปีศาจ นาม ‘กู้ฉือเหนียง’ เป็นผู้เชี่ยวชาญในการประทับรอยสักเนตรปีศาจของเผ่า ผู้เชี่ยวชาญในเผ่ากว่า 3 ใน 10 ส่วนล้วนผ่านการประทับรอยสักจากนาง นอกจากนี้ นางยังสามารถปลุกเนตรปีศาจของคนในเผ่าได้
แม้ว่านางจะเป็นคนสำคัญของเผ่า แต่นางกลับไร้ซึ่งความสุข มีเพียงความโดดเดี่ยวอ้างว้าง และความเกลียดชังที่ฝังลึกอยู่ในหัวใจ นางเกลียดชังเผ่าเนตรปีศาจอย่างที่สุด
ภายนอกสถานที่พักของนาง มีสตรีที่ทรงพลังอยู่ 4 คนคอยเฝ้าคุ้มกัน พวกนางล้วนอยู่ในขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูงสุด
กู้ฉือเหนียงถูกกักบริเวณ ไม่ให้ออกไปที่ใด ไร้ซึ่งความอิสระ หน้าที่ของนางมีเพียงอย่างเดียวคือประทับรอยสักปีศาจ
ในขณะที่นางขบคิดอยู่นั้น เสียงของผู้อารักขานางทั้ง 4 กลับดังขึ้น
“นั่นใคร!”
นางเร่งเปิดหน้าต่างออกมา แต่ผู้อารักขาทั้ง 4 ของนางกลับหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ไร้ซึ่งความผันผวนของปราณหรือข่ายอาคมป้องกัน
นางประหลาดใจเป็นอย่างมาก แต่เมื่อนางหันหลังกลับมา กลับพบผู้เยาว์ในอาภรณ์ขาวผู้หนึ่งนั่งจิบชาอยู่เก้าอี้ข้างๆนาง
“เจ้าเป็นใคร? เจ้าต้องการอะไรจากข้า?” นางหวาดกลัว เพราะผู้ที่ลอบเข้ามาถึงที่นี่ได้สมควรทรงพลังมาก
แต่ถึงอย่างนั้น ยามนี้ความรู้สึกประหลาดที่นางได้รับกลับชัดเจนขึ้นมาก เพราะความรู้สึกที่ว่า มาจากผู้เยาว์อาภรณ์ขาวเบื้องหน้า
“ข้ามาพาเจ้าหนี… และข้าก็ต้องการอนุสรณ์ปีศาจของเจ้าด้วย” หนิงฝานกล่าวเบาๆ สตรีทั้ง 4 นางที่หายไป เขานำพวกนางไปเป็นกระถางขัดเกลา
แม้ว่าจะต้องการอนุสรณ์ปีศาจ แต่เขาก็คิดที่จะพาสนมปีศาจออกไปด้วย
“ก็ได้… ข้าจะติดตามเจ้าไป แต่เจ้าต้องช่วยข้าเรื่องหนึ่งก่อน ข้าจึงจะมอบอนุสรณ์ปีศาจให้เจ้า และยอมเป็นสนมปีศาจของเจ้าแต่เพียงผู้เดียว”
การกระทำของนางเกินกว่าที่หนิงฝานคาดเอาไว้มาก ราวกับนางอยากจะไปจากที่นี่มาก
“นี่… เจ้าอยากเป็นสนมอสูรของข้าเหรอ? ถ้าเกิดคนอื่นที่ไม่ใช่ข้ามาพาเจ้าออกไป เจ้าก็จะยอมเป็นสนมปีศาจของคนผู้นั้นเหรอ?” หนิงฝานยิ้มพลางกล่าวถาม
“ไม่ใช่...” ที่นางยอมติดตามหนิงฝานไป เพราะอย่างแรก นางรู้ว่าหนิงฝานแข็งแกร่งพอที่จะแก้แค้นให้นางได้ และอย่างที่สอง ความรู้สึกผูกพันธ์ฉันนายบ่าวที่นางสัมผัสได้จากหนิงฝาน
หนิงฝานจ้องมองเข้าไปในดวงตาของนาง เขาสัมผัสได้ถึงความเกลียดชังของนาง
“ถ้าข้าช่วยเจ้า… เจ้าจะยอมเป็นของข้าทั้งกายและใจหรือเปล่า?” หนิงฝานกล่าวถามเบาๆ
“อืม… ข้าอยากสังหารคนผู้หนึ่ง มันคือผู้อาวุโส 4 อยู่ขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นต้น มันเป็นคนสังหารบิดาข้า” แม้นางไม่ได้บอกเล่าเรื่องราวในอดีต แต่แววตาของนางเผยความโศกเศร้าอย่างชัดเจน
หนิงฝานคาดเดา เมื่อก่อนนางคงเป็นสตรีทั่วไปในเผ่า แต่เมื่อคนของเผ่ารู้ว่านางพิเศษกว่าคนอื่น จึงสังหารบิดาของนางเพื่อนำนางมาเป็นสนมปีศาจ
“ข้าจะไม่ถามเรื่องอดีตของเจ้า… อนุสรณ์ปีศาจอยู่กับเจ้าหรือเปล่า?”
“อยู่” นางกล่าวพลางนำอนุสรณ์ปีศาจออกมากระเป๋าแล้วยื่นส่งให้หนิงฝาน
หนิงฝานคว้าอนุสรณ์ปีศาจ ดูดซับปราณปีศาจที่อยู่ภายในเข้ามาในร่างแต่ยังไม่ผสานมัน แล้วเก็บอนุสรณ์ปีศาจไป จากนั้นกุมมือนางเบาๆ ใช้ผ้าคลุมลวงสวรรค์ห่มคลุมนาง ก่อนที่ทั้งสองจะหายไปอย่างไร้ร่องรอย
สีหน้าของนางแปรเปลี่ยน นางทึ่งในความสามารถของผ้าคลุมลวงสวรรค์ แต่นางก็ไม่ได้กล่าวถามใดๆ
“เจ้านำทางข้าไปหาคนที่เจ้าต้องการสังหาร” หนิงฝานกล่าวเบาๆ
“ที่นั่น...” นางชี้ไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง วันนี้นางมีวาสนาได้พานพบบุรุษ ผู้ซึ่งสามารถแก้แค้นให้นางได้ พานางออกไปจากสถานที่แห่งนี้ได้ นางย่อมดีใจเป็นอย่างมากราวกับนี่เป็นความฝัน
เมื่อนานมาแล้ว นางเคยฝันว่าจะมีผู้มาปลดปล่อยนางออกจากกรงขัง และให้อิสระกับนางอีกครั้ง
นางขลุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของหนิงฝานเงียบๆ แม้นี่จะเป็นครั้งแรกที่นางได้สัมผัสกายบุรุษอย่างแนบชิด แต่นางก็ไม่ได้ขัดขืนใดๆ เพราะความรู้สึกที่ได้จากหนิงฝาน ทำให้นางรู้สึกคุ้นเคย
ยิ่งได้อยู่แนบชิด ก็ยิ่งได้กลิ่นกายของอีกฝ่ายอย่างชัดเจน นางมีกลิ่นกายที่หอมมาก เป็นกลิ่นที่ราวกับจะทำให้บุรุษทั้งโลกลุ่มหลง
หนิงฝานมุ่งไปยังทิศทางที่นางบอกอย่างรวดเร็ว ที่แห่งนั้นมีการคุ้มกันแน่นหนา
วังแห่งนี้มีผู้เฝ้าอารักขามากมาย แต่ละคนดูทรงพลังและแข็งแกร่ง
ภายในวังมีถ้ำแห่งหนึ่งที่สร้างขึ้นเป็นพิเศษ บรรจุไว้ด้วยสมบัติที่อยู่อาศัย ยามนี้ผู้อาวุโส 4 เก็บตัวอยู่ภายในนั้นเพื่อทะลวงขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นกลาง
มันไม่ได้แข็งแกร่งเท่าฉือคุณ ดังนั้นการจัดการมันย่อมไม่ยากนัก
ผู้อาวุโส 4 ได้รับโอสถโอสถมิติมาจากเผ่า ยามนี้มันดูดซับโอสถจนใกล้จะทะลวงขอบเขตแล้ว
มันตื่นจากการฝึกฝน พ่นลมหายใจออกมาพลางนึกถึงใบหน้าของสตรีในอาภรณ์ดำนางหนึ่ง
“กู้ฉือเหนียง… เจ้าไม่มีทางรอดมือข้าแน่ ต่อให้เจ้าจะเป็นสนมปีศาจก็ตาม!”
“ท่านยู่กุ่ยโหวสัญญากับข้าว่า หากข้าบรรลุขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นกลางเมื่อไหร่...เจ้าก็จะกลายเป็นของข้า! ในอดีต บิดาเจ้าคอยขัดขวางข้าจนประสบกับความตาย… ข้าจะเล่นกับเจ้าให้หนำใจ และให้คนของข้าได้ลิ้มลองเจ้าด้วยเช่นกัน”
มันขบคิดชั่วร้ายกับนาง ก่อนหน้านี้ที่มันไม่กล้าลงมือกับนาง เพราะนางคือสนมปีศาจ จึงได้แต่คิดจินตนาการต่างๆนาๆ แต่หากมันบรรลุขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นกลางได้เมื่อไหร่ มันจะกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในเผ่า และมีคุณสมบัติมากพอที่จะได้ครอบครองนาง
แต่น่าเสียดายที่วันนี้ มันจะไม่มีโอกาสได้ทะลวงขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นกลางอีกแล้ว
ในขณะที่มันกำลังจินตนาการ สมบัติที่อยู่อาศัยของมันสั่นสะเทือนเล็กน้อย มันตื่นตัวและเร่งซัดฝ่ามือไปยังทิศทางที่เกิดความผันผวน
ปราณก่อตัวเป็นฝ่ามือขนาด 10 จ้าง แต่เมื่อซัดออกไปได้ระยะหนึ่ง กลับขยายใหญ่ถึงหมื่นจ้าง และทรงพลังมากพอที่จะปลิดชีพขอบเขตตัดวิญญาณได้ในพริบตา
“โอ้? รู้สึกตัวเร็วดีนี่...” หนิงฝานพากู้ฉือเหนียงเข้ามาด้วย และไม่ได้อำพรางกายใดๆ
หนิงฝานชกหมัดเข้าปะทะกับฝ่ามือขนาดยักษ์ หมัดของเขาทรงพลังจนทำให้สถานที่แห่งนี้สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง มิติรอบข้างราวกับจะพังทะลาย
ผู้อาวุโส 4 ตกตะลึง แม้หมัดจะปะทะกับฝ่ามือของมัน แต่หมัดนั่นกลับไม่ถูกลดทอนอานุภาพ ทั้งพลังหมัดยังก่อตัวเป็นมังทมิฬตรงเข้าหามัน
*ตูม!*
มังกรทมิฬเข้ากระแทกร่างของมันอย่างรุนแรง เกราะคุ้มกายไม่อาจต้านทาน หมัดกระแทกเข้ากลางอก ส่งร่างของมันปลิวไปไกล
มันพยายามหยัดยืนและสลายพลังหมัด แม้จะบาดเจ็บแต่ก็ไม่ได้รุนแรงมากนัก
ดวงตาของมันเบิกกว้างด้วยความตกตะลึงเมื่อได้เห็นใบหน้าของผู้ที่มา
“ซะ...ซัวหมิง! เผ่าเนตรปีศาจไม่เคยล่วงเกินเจ้า ทำไมเจ้าถึงลอบเข้ามาทำร้ายข้า! ถ้าเจ้าฆ่าข้า เผ่าของข้าไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่!”
“งั้นเหรอ?” หนิงฝานกล่าวด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน ปีกเพลิงทั้ง 8 ปรากฏที่แผ่นหลัง มือซ้ายโอบกอดกู้ฉือเหนียงแนบกาย กระตุ้นปีกส่งทะยานเข้าหาผู้อาวุโส 4 แล้วชกหมัดที่ทรงพลังใส่มันอย่างรุนแรง
“ฆ่าเจ้าไม่ใช่เรื่องยาก หากเผ่าของเจ้าไม่รู้ว่าเป็นฝีมือข้า พวกมันก็ทำอะไรข้าไม่ได้!”
หมัดของหนิงฝานรวดเร็วจนยากที่จะหลบได้ทัน มันทำได้เพียงเบี่ยงตัวเล็กน้อย ทำให้หมัดกระแทกเข้าไหล่ขวาอย่างจัง
มันรู้สึกราวกับภูเขายักษ์หมื่นจ้างกระแทกใส่หัวไหล่ ความเจ็บปวดลามไปทั่วกายจะยากจะทน จนสุดท้าย ร่างของมันก็ไม่อาจทานอานุภาพของหมัดไหว จนทำให้แขนขวาทั้งข้างระเบิดเละ
มันไม่เข้าใจ และไม่รู้ว่าเหตุใดหนิงฝานถึงคิดสังหารมัน แต่เมื่อมันชำเลืองไปเห็นกู้ฉือเหนียง มันก็เข้าใจทันที
“เจ้ากล้าหักหลังเผ่าเนตรปีศาจ ถ้าบรรพบุรุษรู้เข้า เจ้าได้ถูกฉีกเป็นชิ้นๆแน่!”
“ข้าเข้าใจแล้ว ที่เจ้าคิดสังหารข้าเป็นเพราะนางนั่น! ฮ่าฮ่า ฆ่าข้าได้ก็ลองดู! วิชาเนตรปีศาจ ปิดบังซ่อนนภา!”
มันเข้าใจเรื่องราวทั้งหมด ว่านางคงขอให้หนิงฝานมาสังหารมัน
แม้ว่ามันจะรู้ว่าสู้หนิงฝานไม่ได้ แต่มันก็ต้องเสี่ยง อย่างน้อยก็อาจสร้างโอกาศให้หนีออกไปจากที่นี่ได้ก็ยังดี
แค่มันออกไปจากที่นี่ได้ คนของเผ่าก็ต้องเร่งมาช่วยมันอย่างแน่นอน
มันโคจรปราณพลางท่องเคล็ดความโบราณ ก่อนที่ร่างกายของมันจะหดลีบลงราวกับกลายเป็นหนังหุ้มกระดูก
ในชั่วลมหายใจนั้น มันกระอักโลหิตและก้อนเนื้อออกมาก้อนหนึ่ง โลหิตและก้อนเนื้อค่อยๆแปรสภาพเป็นดวงตาขนาดใหญ่ ทุกที่ที่ดวงตาจ้องมอง ถูกอาบย้อมไปด้วยสีดำทมิฬ
หนิงฝานรู้ว่าสิ่งที่กำลังประสบอยู่คือภาพลวงตา แต่นอกจากเป็นภาพลวงตาแล้ว ประสาทสัมผัสห้าของเขาถูกผนึก ทำให้ไม่อาจรับรู้การเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายได้
วิชาของมันทรงพลังมากพอที่จะผนึกประสาทสัมผัสทั้ง 5 ของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นต้น แต่มันก็ต้องแลกกับบางสิ่งเพื่อใช้วิชานี้เช่นกัน
เมื่อเห็นหนิงฝานยืนนิ่ง ประสาทสัมผัสทั้ง 5 ถูกผนึก มันก็รู้ทันทีว่ายามนี้คือเวลาลอบจู่โจมที่ดีที่สุด หากทำสำเร็จ มันก็จะออกไปจากที่นี่ได้
แต่ก่อนที่มันจะทันได้ขยับเคลื่อนไหว ความมืดที่ปกคลุมรอบข้างกลับแตกสลาย หนิงฝานกระตุ้นเนตรฟู่ลี่ที่ตาซ้าย เนตรโม๋หลัวที่ตาขวา และเนตรปีศาจที่กลางหน้าผาก
เมื่อสามเนตรผสาน ต่อให้เป็นวิชาลวงตาในขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นกลางก็ทำลายได้
ในชั่วพริบตาที่ภาพลวงตาถูกทำลาย หนิงฝานกระตุ้นปีกเพลิง ปรากฏกายขึ้นด้านหลังของมันที่กำลังจะใช้วิชา
เมื่อสัมผัสได้ว่าหนิงฝานอยู่ด้านหลัง ความรู้สึกเจ็บสายหนึ่งได้แผ่ซ่านไปทั่วร่าง เมื่อมันหันไปมอง กลับพบว่าแขนของมันอีกข้าง ถูกหนิงฝานกระชากขาด
“อ้า~~”
มันแผดเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดและหวาดกลัว แขนของมันทั้งสองข้าถูกทำลาย แก่นโลหิตเสียหายร้ายแรง อาการบาดเจ็บทวีความรุนแรงถึงขั้นวิกฤต จนมันแทบไม่อาจต่อกรหนิงฝานได้อีก
แม้มันพยายามดิ้นรนเป็นครั้งสุดท้าย แต่หนิงฝานไม่ปล่อยให้มันทำเช่นนั้น
ปราณกระบี่ที่ทรงพลัง หมัดที่น่าสะพรึงกลัว ถาโถมเข้าใส่จนไร้หนทางที่จะเอาชีวิตรอด
*โผล๊ะ*
ร่างกายของมันไม่อาจต้านทานการจู่โจมที่ทรงพลังไหวจนระเบิดเละ เหลือเพียงดวงจิตที่เสียหายอย่างร้ายแรง
“นี่มันวิชาอะไร ทำไมถึงทรงพลังขนาดนี้! การจู่โจมระดับนี้ต่อให้เป็นขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นกลางก็ทำไม่ได้!”
มันรีบเค้นกำลังเฮือกสุดท้าย นำพาดวงวิญญาณของมันหนี แต่กลับไม่พ้นมือหนิงฝาน มันผัสได้ถึงเจตนาสังหารที่รุนแรงจากแววยตาของเขา จนทำให้ดวงจิตสั่นสะท้านอย่างรุนแรง
“อย่า… อย่าฆ่าข้า...”
“วางใจเถอะ… ข้าไม่ฆ่าเจ้าหรอก!”
หนิงฝานทำให้ดวงจิตของมันหมดสติ นำทาสของตนออกมา แล้วผนึกดวงจิตของมันเอาไว้ในตัวทาส
เหตุที่เขายังไม่สังหารมัน เพราะจะทำให้ป้ายชีวิตของมันแตก คนในเผ่าจะรู้ว่ามันตาย
เขาไม่ได้อยากทำลายเผ่าเนตรปีศาจ แค่จะช่วงชิงสมุนไพร หยกสวรรค์ และ หอคอยทองคำนั่นเท่านั้น
กู้ฉือเหนียงที่อยู่ในอ้อมกอดหนิงฝานตกตะลึง นางถูกกักตัวอยู่แต่ในบ้าน จึงไม่รู้ว่าหนิงฝานเป็นผู้ใด แม้นางจะขอให้หนิงฝานสังหารผู้อาวุโส 4 แต่ก็ไม่ได้คิดว่าเขาจะสังหารได้ง่ายขนาดนี้
“นับแต่วันนี้ไป เจ้าคือสนมปีศาจของข้า” หนิงฝานกล่าวเบา แต่กลับดูราวกับเป็นคำสั่งโดยไม่อาจปฏิเสธ
แววตานางเปล่งประกาย หนิงฝานช่วยนางล้างแค้น นางย่อมยอมติดตามหนิงฝาน เพราะนางเกลียดเผ่าเนตรปีศาจมาก
“นับจากนี้ข้า กู้ฉือเหนียง คือสนมปีศาจของท่านเพียงผู้เดียว แม้ต้องตายก็ไม่ยอมไปจากท่าน”
ยามนี้ ราชาสุสานบุบผาและยู่กุ่ยโหวไม่รู้ว่าได้เกิดเรื่องร้ายแรงที่สุดในเผ่าขึ้นแล้ว อีกไม่นาน หอคอยทองคำของราชาสุสานบุบผาจะต้องกลายเป็นของหนิงฝาน...