GOI ตอนที่ 105 หุ่นเชิดตัวที่สองของป๋ายเสี่ยวเฟย!
“ดูเหมือนเจ้าเลือกวิธีที่สอง! เช่นนั้นข้าคงได้แต่ให้เสี่ยวเอ้อเพลิดเพลินบ้างแล้ว”
ป๋ายเสี่ยวเฟยเอ่ยพลางยื่นมือไปจับเสี่ยวเอ้อ มือซ้ายเปิดประตูทางเข้ากรงไว้ เขาไม่ได้เปิดปากพูดอันใดอีกก่อนจะโยนเสี่ยวเอ้อเข้าไป
แมวดำพยายามหลบหนีเมื่อป๋ายเสี่ยวเฟยเปิดกรง แต่ประตูทางเข้าเล็กเกินไป ป๋ายเสี่ยวเฟยเพียงขวางทางดันมันกลับเข้ากรง
“บัดซบ! เจ้ากล้าข่วนข้า! คอยดูว่าข้าจะจัดการเจ้ายังไง!”
ขณะที่เขากล่าว ฉากข้างในกรงยุ่งเหยิงเป็นอย่างมาก ภายใต้พื้นที่เล็กๆ แมวดำข่วนเสี่ยวเอ้อไม่รู้จบ ภายในชั่วพริบตา เสี่ยวเอ้อหวาดกลัวตัวสั่นหงิกๆ ขดตัวอยู่ตรงมุม
แต่เป็นเวลานี้เองที่ป๋ายเสี่ยวเฟยยื่นมือออกไปสัมผัสแมวดำ ในร่างโคจรวิชาประกายแสงสุริย เส้นใยพลังงานสีชมพูพลันถูกปลดปล่อยออกมาจากหยวนตัน
ป๋ายเสี่ยวเฟยไม่กล้าใช้มากเกินไป แค่หนึ่งเส้นใยเล็กๆ ป๋ายเสี่ยวเฟยก็ตัวชุ่มด้วยเหงื่อแล้ว แต่มันเพียงพอสำหรับแมวดำ!
เมี้ยว! เมี้ยว!
ทันทีที่ปราณกำเนิดของป๋ายเสี่ยวเฟยกำลังจะเข้าสู่ร่างแมวดำ มันร้องโหยหวนออกมาทันทีและหยุดจู่โจมป๋ายเสี่ยวเฟยกับเสี่ยวเอ้อ
“หมายความว่าอย่างไร? ยอมแพ้แล้ว? หากข้าไม่มีอารมณ์จะฟังเจ้าล่ะ?”
ขณะที่เขารีบถอนปราณกำเนิดกลับมา ป๋ายเสี่ยวเฟยปาดเหงื่อเย็นเยียบบนหน้าผาก
‘พลังบัดซบนี้อันตรายเหลือเกิน!’
เพียงชั่ววินาทีนั้น ป๋ายเสี่ยวเฟยเหนื่อยล้าถึงขนาดจิตใจเหม่อลอยเล็กน้อย...
เมี้ยว! เมี้ยว! เมี้ยว!
แมวดำครางร้องอย่างกังวลใจพลางมองไปที่เสี่ยวเอ้อก่อนจะยกเท้าหน้ามาวางไว้บนมือของป๋ายเสี่ยวเฟย
ตานิลกลมโตปิดแน่น แมวดำราวกับเป็นนักโทษที่ถูกส่งไปประหารชีวิต
‘เป็นไงนังแมวโง่! บอกแล้วว่าข้าจัดการเจ้าได้!’
ถึงแม้เขาจะไม่เข้าใจสิ่งที่แมวดำอยากจะเอ่ย แต่แค่ปฏิกิริยาก็เพียงพอจะอธิบายทุกสิ่ง
ป๋ายเสี่ยวเฟยเย้ยหยันอย่างพึงพอใจสุดขีดก่อนจะค่อยๆ สงบลง
พิธีทำพันธสัญญาไม่ได้ง่ายดายอย่างที่คนทั่วไปคิด โดยเฉพาะเมื่อทำพันธสัญญากับหุ่นเชิดมีชีวิตเพราะการประมาทเพียงน้อยนิดอาจทำให้เป็นบ้า!
ด้วยการร่วมมือของแมวดำ ทั้งกระบวนการจบลงอย่างราบรื่น
หลังจากทำพันธสัญญาเสร็จเรียบร้อย ป๋ายเสี่ยวเฟยถอนหายใจยาวเหยียด ขณะที่สัมผัสถึงสายสัมพันธ์ที่ปรากฎขึ้นในใจ ป๋ายเสี่ยวเฟยยิ้มอ่อนออกมาอย่างอดไม่ได้
“เด็กดี!”
ป๋ายเสี่ยวเฟยพูดพร้อมรอยยิ้มพลางเปิดกรงออก ในวินาทีต่อมา แมวดำพุ่งตัวกระโจนตะปบเล็บใส่ป๋ายเสี่ยวเฟยราวสายฟ้า แต่ร่างของมันกลับแข็งชะงักนิ่งก่อนถึงตัวป๋ายเสี่ยวเฟย
ความสัมพันธ์ระหว่างนักเชิดหุ่นและหุ่นเชิดคือฝ่ายควบคุมและฝ่ายถูกควบคุม เป็นระบบที่ถูกกำหนดตั้งแต่ทำพันธสัญญา!
“สหายน้อย หากเจ้ากล้าทำเช่นนั้นอีกครา ข้าสัญญาว่าเหตุการณ์เมื่อครู่จะเกิดขึ้นอีก และข้ายังไม่ต้องใช้วิชาให้เจ้าเข้ากำหนัดอีกด้วย!”
ป๋ายเสี่ยวเฟยข่มขู่ดุดัน เจ้าแมวดำกระวนกระวายใจอย่างอดไม่ได้
“ในเมื่อตัวเจ้าดำสนิท งั้นข้าจะเรียกเจ้าว่าเสี่ยวเฮย(เจ้าดำน้อย) อย่าหวังว่าข้าจะให้ชื่อที่ดีกว่าเพราะนี่เป็นขีดจำกัดของข้า!”
ขณะที่เขาเอ่ย แมวดำไม่กล้าส่งเสียงสักแอะ
“เสี่ยวเอ้อ เจ้าทำได้ดี ข้าจะให้อาหารมื้อพิเศษเมื่อเรากลับไป”
ป๋ายเสี่ยวเฟยตบรางวัลให้สุนัขภักดี แค่ประโยคเดียวก็เพียงพอให้เสี่ยวเอ้อเปลี่ยนจากเศร้าโศกเป็นตื่นเต้น
เสี่ยวเฮยข้างๆ อดไม่ได้ที่จะมองเสี่ยวเอ้อด้วยสีหน้าดูถูก
‘ไอ้สุนัขฮัสกี้หน้าโง่ ถูกติดสินบนด้วยอาหารเพียงมื้อเดียว!’
“มา ให้ข้าดูว่าเจ้ามีความสามารถอันใดบ้าง!”
เสียงของป๋ายเสี่ยวเฟยเต็มไปแด้วยความคาดหวัง เขาวางมือบนตัวแมวดำราวกับวางความหวังทั้งหมดบนตัวเสี่ยวเฮย!
“ฮ่าๆๆ!!! สวรรค์ช่างใจดีกับข้าเหลือเกิน!!!”
ป๋ายเสี่ยวเฟยหัวเราะก้องผืนนภาก่อนจะอุ้มเสี่ยวเฮยมาลูบอย่างรุนแรง ความพึงพอใจปรากฎให้เห็นทั่วใบหน้า
ในขณะเดียวกัน แผนใหม่ผุดขึ้นมาในใจเขา!
...
“รองเจ้าสถาบันลั่ว!? ท่านมาทำอะไรที่นี่?”
เทพแห่งกำแพงสวรรค์เดินลาดตระเวนไปมาก็เห็นลั่วซีปรากฎตัวขึ้น นางมีสีหน้าประหลาดใจ
แต่เมื่อเผชิญหน้ากับคำถาม ‘รองเจ้าสถาบันลั่ว’ กลับไม่ตอบอันใด
“ท่านรองเจ้าสถาบัน? ท่านมาหาใครหรือ?”
เทพแห่งกำแพงสวรรค์เดินเข้าประชิดใกล้ลั่วซี ใบหน้าฝ่ายหลังปรากฎความกระวนกระวายเล็กน้อย ความเปลี่ยนแปลงที่สังเกตเห็นได้ง่ายไม่อาจหลบหนีสายตาของเทพผู้ยิ่งใหญ่
“เจ้าไม่ใช่รองเจ้าสถาบันลั่ว!”
ป้าตัดสินใจอย่างเฉียบพลัน มือยกไม้กวาดขึ้นสูง ในวินาทีต่อมา ลั่วซีแปลงกายเป็นป๋ายเสี่ยวเฟยทำท่าราวกับจะวิ่งเข้าไปในหอพักหญิง
“ไอ้เด็กเลว! หากข้าไม่สั่งสอนเจ้าในวันนี้ เจ้าคงไม่มีทางรู้ว่าคำว่าตายสะกดเช่นไร!”
นางฟาดไม้กวาดไปทาง ‘ป๋ายเสี่ยวเฟย’ จนกระทั่ง ‘ป๋ายเสี่ยวเฟย’ ถูกทุบตีวิ่งหนีไปทั่ว นางไม่ได้สังเกตสภาพแวดล้อมรอบด้านที่เปลี่ยนแปลงไปแม้แต่น้อย
อย่างเช่น ดูเหมือนจะมีต้นไม้เพิ่มขึ้นมาหนึ่งต้น...
ความสามารถที่เสี่ยวเฮยมีคือจำลองทัศนียภาพ!
ภายในระยะที่กำหนด เสี่ยวเฮยสามารถเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมโดยรอบได้ตามต้องการ อีกทั้งยังสามารถทำให้ส่วนหนึ่งของสิ่งที่จำลองขึ้นมาจับต้องได้และยังสามารถเปลี่ยนรูปลักษณ์ภายนอกของบางสิ่งอีกด้วย
ดังนั้น ในมุมหนึ่งที่เทพแห่งกำแพงสวรรค์ไม่ได้สนใจ ป๋ายเสี่ยวเฟยได้แปลงกายจากต้นไม้เป็นถังขยะจากนั้นเป็นถังน้ำ...
ระหว่างทาง ป๋ายเสี่ยวเฟยให้เสี่ยวเฮยช่วยเปลี่ยนเขาให้กลายเป็นสิ่งที่อาจมีอยู่ตรงนั้น ทุกครั้งที่ป้ารู้สึกว่ามีสิ่งใดแปลกไป เสี่ยวเฮยจะทำให้สิ่งของรอบกายมีตัวตนขึ้นมา ทำให้ป้าจับสิ่งปลอมแปลงเพื่อคลายความสงสัย
ป๋ายเสี่ยวเฟยทำเช่นนี้กระทั่งไปถึงบริเวณของหอพักหญิง!
โชคดีที่หอพักหญิงมีการแบ่งแยกตึกคล้ายคลึงกับหอพักชาย ป๋ายเสี่ยวเฟยเพิ่งเดินไปถึงบริเวณของหอพักศิษย์ใหม่
หูเซียนเอ๋อร์เป็นลำดับที่ยี่สิบเอ็ดของพวกที่ถูกรับเข้ามาโดยสถาบัน ป๋ายเสี่ยวเฟยเคลื่อนไหวตามที่เขารู้มาจากหอพักศิษย์ชายเพื่อคาดคะเนสถานที่ที่หูเซียนเอ๋อร์พักอาศัย
แต่มีปัญหาใหม่ปรากฎขึ้นมา
เขาไม่รู้ว่าหูเซียนเอ๋อร์อยู่ชั้นใด! และเขาไม่อาจตามหานางได้!
เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเข้าไปตามหานางในหอพัก เขามิบังอาจจะทำเช่นนั้นถึงแม้จะมีเสี่ยวเฮยคอยช่วยเหลือ การบุกรุกเข้าบริเวณหอพักมีโทษ‘ถึงตาย’ แล้ว หากเขากล้าเข้าหอพัก เขาคงต้องถูกแยกส่วนเป็นอย่างน้อย!
ป๋ายเสี่ยวเฟยที่ได้กลายเป็นถังขยะตกอยู่ในภวังค์แห่งการครุ่นคิด
เป็นเวลาเดียวกันนี้เองที่มีศิษย์หญิงสวมใส่ชุดนอนเดินออกมาจากหอพัก นางถือถุงขยะไว้ในมือ
“เอ๊ะ? มีถังขยะตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”
ศิษย์หญิงพึมพำกับตัวเอง สุ้มเสียงมีความประหลาดใจ
“ชิ ใครจะสน!? ดีแล้วที่ข้าได้เดินน้อยลงหลายก้าว!?”
นางเอ่ยพลางก้าวขาไปทางป๋ายเสี่ยวเฟย ดูจากท่าทางราวกับตั้งใจจะโยนขยะจากที่ไกล
“หากเป็นไปได้ ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่ทิ้งขยะใส่ข้า”
ป๋ายเสี่ยวเฟยกระวนกระวายอยู่ในใจเพราะเขาไม่มีวิธีหาตัวหูเซียนเอ๋อร์ แต่เขาพลันสัมผัสได้ถึงแรงบันดาลใจเมื่อเห็นศิษย์หญิง ป๋ายเสี่ยวเฟยคิดแผนอันบ้าบิ่นขึ้นมาได้
‘เป็นหรือตาย สำเร็จหรือล้มเหลว ข้าทำได้เพียงพนัน!’
เขากำลังพนันว่าศิษย์หญิงผู้นี้โง่เขลาเบาปัญญา!