GOI ตอนที่ 104 เผชิญหน้ากับแมวดำ!
ป๋ายเสี่ยวเฟยวิ่งสุดแรงเกิดกลับสถาบันมุ่งหน้าไปยังหอพักหญิง ปัจจุบันในใจเขาว่างเปล่าไร้สิ่งใด มีเพียงความปรารถนาจะเจอหูเซียนเอ๋อร์ให้ไวที่สุด
แต่เขาลืมไปบางอย่าง
ศิษย์ชายและหมาไม่อาจย่างกรายเข้าหอพักหญิง!
ซึ่งตรงกับที่ป๋ายเสี่ยวเฟยเป็นชาย และเสี่ยวเอ้อเป็นหมา...
“เฮ้! เจ้าเด็กตัวเหม็น! เจ้าเหนื่อยที่จะมีชีวิตอยู่แล้วหรือ? กล้าดียังไงบุกรุกหอพักหญิง!?”
เมื่อเขาก้าวขาเข้า ‘บริเวณต้องห้าม’ ก็มีป้าผู้หนึ่งในมือถือไม้กวาดวิ่งเข้ามา ถึงแม้ป้าสวมใส่ผ้ากันเปื้อนผู้นี้จะดูอ่อนแอรังแกง่าย แต่สัตว์อสูรบ้าคลั่ง ‘นับไม่ถ้วน‘ ที่อยากเข้าหอพักหญิงล้วนถูกนางหยุดไว้เพียงผู้เดียว
นางถึงกระทั่งมีฉายาที่โด่งดัง
เทพแห่งกำแพงสวรรค์!
กำแพงที่ขวางกั้นหนทางสู่แดนสุขาวดีของเหล่าชายหนุ่ม... เป็นความหมายที่แท้จริงของฉายา
“ท่านป้า ข้ามีเรื่องสำคัญจะพูดคุยกับคนข้างใน ได้โปรดให้ข้าเข้าไป ข้าสัญญาว่าจะไม่ก่อเรื่อง!”
ป๋ายเสี่ยวเฟยเอ่ยอย่างจริงใจ แต่สีหน้าของป้าผู้นั้นไม่เปลี่ยนแม้แต่เสี้ยวเดียว
“ทุกคนที่มาล้วนบอกว่ามีเรื่องสำคัญ เจ้าคิดว่ามีสิ่งใดพิเศษในตัวเจ้า?”
ป้ามีเสียงเย็นชาพลางมีสีหน้าอยากจะบอกว่า ‘ข้าเห็นคนเหมือนเจ้ามาเยอะ’ ไม้กวาดในมือนางมีแสงสีม่วงห่อหุ้ม
ไม่ผิดแน่!
ไม้กวาดเป็นหุ่นเชิดระดับม่วง!!!
ส่วนที่เป็น ‘กำแพงสวรรค์’ เกี่ยวข้องกับนิสัย ขณะที่ ‘เทพ’ หมายถึงพละกำลัง นางเป็นนักเชิดหุ่นระดับปรมาจารย์ที่แท้จริง! ไม่มีใครรู้ว่าไม้กวาดในมือของนางได้บดขยี้ ‘อัจฉริยะ’ บนอันดับต่อสู้มากเท่าใด
เมื่อป๋ายเสี่ยวเฟยเห็นเช่นนี้ เขาไม่อาจคิดถึงเหตุผลที่ดีออกมา เขาได้แต่ยอมรับชะตากรรม มันเป็นไปไม่ได้ที่จะบุกรุกเข้าไปด้วยกำลังเพราะแค่ป้าผู้นี้ก็เพียงพอจะจัดการกับเขาสักหมื่นคนได้แล้ว...
‘หรือข้าต้องรอจนถึงพรุ่งนี้จริงๆ?’
‘แต่ข้ารออีกไม่ได้แล้ว!’
ป๋ายเสี่ยวเฟยตะโกนอยู่ในใจ เขามองไปยังกรงขังที่ถืออยู่ในมือ...
‘ของที่เฒ่าชรานั่นให้มาคงไม่ใช่ขยะ จริงหรือไม่?’
ขณะที่เขาคิดเช่นนี้ ป๋ายเสี่ยวเฟยอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายอึกใหญ่ เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะพึ่งพาเพียงเสี่ยวเอ้อ แมวดำในมือคือหนทางสุดท้าย
ป๋ายเสี่ยวเฟยเดินออกไปหลบที่อื่นพร้อมกรงในมือ จากนั้นจึงย่อตัวลง
“สหายน้อย ข้ารู้ว่าเจ้าแสร้งทำเป็นหลับเพราะข้าไม่เคยได้ยินว่ามีแมวตัวใดหลับได้หลับดีเช่นนี้มาก่อน”
ป๋ายเสี่ยวเฟยพูดเสียงต่ำ
แมวดำในกรงเปิดม่านตาขึ้นช้าๆ ก่อนจะ... กลอกตาใส่ป๋ายเสี่ยวเฟย!
ใช่แล้ว มันกลอกตาใส่ป๋ายเสี่ยวเฟย และป๋ายเสี่ยวเฟยกระทั่งสังเกตเห็นความเหยียดหยามที่ลึกล้ำ!
‘อะไรวะ!’
‘บัดซบ! ไม่เพียงนังป้านั่นรังแกข้า กระทั่งแมวตัวเล็กๆ ยังกล้าดูถูกข้าอีก!’
“เจ้าคงยังไม่รู้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเรา เจ้าเป็นแมวของข้า และข้าก็เป็นนาย หากเจ้าไม่เชื่อฟัง เชื่อข้าเลย ข้าจะส่งเจ้าลงนรก!”
ป๋ายเสี่ยวเฟยเอ่ยเผยสีหน้าดุดัน แต่แมวดำทำตัวราวกับไม่ได้ยิน มันไม่สนใจสิ่งใด เพียงนอนนิ่งอยู่ในกรง
“เอ่อ แมวน้อยตัวดี ข้าผิดไปแล้วและไม่ควรตวาดเจ้า ทำไมเราไม่มาเป็นสหายกัน!?”
ในเมื่อไม้แข็งไม่ได้ผล เช่นนั้นป๋ายเสี่ยวเฟยก็เปลี่ยนกลยุทธ์ทันที ได้รับสีหน้าใหม่จากแมวดำครานี้
เป็นการปฏิเสธ...
‘บัดซบ!’
‘ไอ้เฒ่าลามกให้อะไรข้ามา!? แมวบัดซบตัวนี้ไม่ยอมจำนนต่อพลังแถมไม่สนเหตุผล!’
ภายใต้สถานการณ์ปกติ มีสองวิธีที่จะเปลี่ยนสัตว์อสูรให้เป็นหุ่นเชิดมีชีวิต วิธีแรกคือการที่สัตว์อสูรยินยอมกลายเป็นหุ่นเชิดเอง นี่เป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุด และอันตรายที่ส่งผลต่อสองฝ่ายจะลดทอนลงถึงระดับต่ำสุด
วิธีที่สองคือการใช้ยาพิเศษเพื่อให้สัตว์อสูรอยู่ในสภาวะกึ่งหลับกึ่งตื่น ถึงแม้สัตว์อสูรจะไม่ให้ความร่วมมือ อย่างน้อยมันก็ไม่ต่อต้าน วิธีนี้ต้องการความสามารถของนักเชิดหุ่นสูงกว่า และเป็นไปได้มากว่าจะเป็นบ้าหากจิตวิญญาณไม่แข็งแกร่งพอ
อีกทั้งนอกจากทั้งสองวิธีแล้ว หากจะฝืนทำพันธสัญญากับสัตว์อสูรและอีกฝ่ายขัดขืน มีโอกาส 99 ใน 100 ส่วนว่านักเชิดหุ่นจะสติมอดดับ แต่สัตว์อสูรเองก็จะตกตายไปด้วย
แต่ป๋ายเสี่ยวเฟยไม่มีความคิดจะหายามาดับสติสัตว์อสูร วิธีแรกเป็นตัวเลือกเดียวของเขา
แต่เจ้าแมวเหมียวสีดำไม่มีทีท่าจะยอมตกลง
ที่ป๋ายเสี่ยวเฟยไม่รู้คือในเมื่อแมวดำอยู่ในการครอบครองของเล่ยซาน จะต้องมีนักเชิดหุ่นมากมายลองทำพันธสัญญากับมัน แต่ไม่มีสักคนที่ทำสำเร็จ นอกจากนี้เจ้าแมวดำยังมีภูมิต้านทานต่อยาทุกชนิด วิธีที่สองจึงใช้การไม่ได้อย่างสิ้นเชิง
แต่เทียนจีเชื่อมั่นสุดใจว่าป๋ายเสี่ยวเฟยมีทางจัดการกับมัน เขาเลยช่วยเล่ยซานทำนายอนาคตเพื่อแลกกับแมวดำที่เล่ยซานถือว่าเป็นสมบัติ
ปัจจุบันดูเหมือนเทียนจีอาจมั่นใจเกินตัวไปบ้าง
ป๋ายเสี่ยวเฟยรู้สึกไร้พลังและกังวลถึงขั้นกระทืบเท้าไปมา แววตาของเขาหันไปหาเสี่ยวเอ้อ...
“เสี่ยวเอ้อ ดูออกหรือไม่ว่าเป็นเพศผู้หรือเพศเมีย?”
ป๋ายเสี่ยวเฟยถามพลางยิ้ม มือลูบหัวเสี่ยวเอ้อ สุนัขฮัสกี้ผู้น่าสงสารหารู้ไม่ว่านั่นเป็นมือของอสูรร้าย…
ฮ่ง! ฮ่ง!
เสี่ยวเอ้อเห่าดังอย่างตื่นเต้นพลางส่ายหางด้วยความปลื้มปีติ
“โอ ตัวเมียนี่เอง”
ป๋ายเสี่ยวเฟยหัวเราะในลำคอก่อนที่ใบหน้าจะแปรสภาพกลายเป็นปีศาจร้าย
“เสี่ยวเอ้อ อยากได้มันมาเป็นสหายของพวกเราหรือไม่?”
ป๋ายเสี่ยวเฟยเลิกคิ้วสูงที่เสี่ยวเอ้อพลางขุดหลุมให้มันมาติดกับ
ฮ่ง! ฮ่ง!
เป็นอีกคราที่มันส่ายหางด้วยความตื่นเต้น
มันไม่ได้คิดมากเกินไปนัก รู้แค่ว่าหากป๋ายเสี่ยวเฟยมีหุ่นเชิดตัวใหม่ ป๋ายเสี่ยวเฟยจะไม่ทรมานมันคนเดียว!
“ไม่ต้องกังวล ข้าจะทำให้ความหวังของเจ้าเป็นจริง”
หลังจากเอ่ยตอบรับให้เสี่ยวเอ้อ ป๋ายเสี่ยวเฟยหันกลับไปมองแมวดำที่แสร้งทำเป็นหลับอยู่
“เฮ้ สหายน้อย ข้ามาแล้ว! และข้ามีข่าวดีให้เจ้า!”
ภายใต้เสียงเรียกอย่าง ‘ซื่อสัตย์’ ของป๋ายเสี่ยวเฟย แมวดำลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างเกียจคร้าน นัยน์ตาสีนิลไร้ความหวาดเกรงจ้องป๋ายเสี่ยวเฟยเขม็ง
“ให้ข้าบอกเจ้าบางเรื่อง ในเมื่อความฉลาดเฉลียวของเจ้าสูงยิ่งนัก เจ้าต้องเข้าใจแน่”
ป๋ายเสี่ยวเฟยหยุดชั่วครู่ ใบหน้าของแมวดำเผยความประหลาดใจที่หาได้ยาก
“มีสองเส้นทางให้เจ้า หนึ่งคือยอมมาทำพันธสัญญาเป็นหุ่นเชิดของข้าซะดีๆ”
เสียงของป๋ายเสี่ยวเฟยยังไม่ทันจางหายไปจากอากาศก็เป็นแมวดำที่กลอกตาใส่เขา อากัปกิริยาราวกับกำลังจะลงไปนอนอีกครา
“สองคือไม่ต้องเป็นหุ่นเชิดของข้า แต่เห็นหมานี่ไหม? ข้าจะใส่มันในกรงของเจ้า และข้าจะให้มันกระทำชำเราและสังหารเจ้า! จากนั้นจึงกระทำชำเราเจ้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า!”
แมวดำที่กำลังจะนอนลงกระโจนขึ้นทันที ขนทั้งตัวลุกซู่ราวตัวเม่น เสียงร้องดังแหลมบาดหูดังไม่สิ้นสุด
เสี่ยวเอ้อร้องครวญครางอยู่ด้านข้างเช่นกัน เอ่ยบอกว่าไม่ใช่ความตั้งใจของมัน
“ไร้ค่า ฟังเจ้าหมอนี่ไปก็ไร้ค่า มันเป็นหุ่นเชิดของข้า ไม่มีทางที่มันจะขัดขืนคำสั่ง อีกทั้งถึงแม้มันจะปฏิเสธในคำพูด ในใจมันมีแต่ความยินดี นอกจากนั้น วิชาฝึกปรือของข้ายังพิเศษ เชื่อข้าเถอะ ข้าทำให้เจ้าเข้าสู่สภาวะกำหนัดได้!”
เมื่อแมวดำฟังถึงตรงนี้ นัยนต์กลมโตของมันเต็มไปด้วยเพลิงโทสะ
เป็นครั้งแรกที่ป๋ายเสี่ยวเฟยกุมจังหวะในการต่อสู้!