เล่ม1 : บทที่ 40 – การพบเจอ
กำเนิดดาบปีศาจ(BDS) เล่ม1 : บทที่ 40 – การพบเจอ
ณ ถ้ำแห่งหนึ่งลึกเข้าไปในป่าเอเวอร์กรีน ชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่บนพื้นด้วยร่างกายท่อนบนที่เปลือยเปล่า ร่างกายของเขาเปรอะเปื้อนด้วยของเหลวสีดำขณะมองกระดาษแผ่นหนึ่งที่มีอักษรรูนรูปร่างซับซ้อนเขียนอยู่
‘สารสกัดจากสัตว์ยอดเยี่ยมมาก ใช้ยานี่บำรุงรักษาร่างกายตั้งหลายสัปดาห์แต่ยังเหลืออยู่ตั้งแปดขวด!’
แน่นอนว่าชายหนุ่มคนนั้นคือโนอาห์ เขากำลังใช้เวลาที่เหลือจากภารกิจใช้ประโยชน์จากสินค้าต่างๆ เพื่อจะได้เลือกเก็บไว้
‘พนันเลยว่ายาธรณีต้องไม่ธรรมดาแน่นอน’
ในท้ายที่สุดเขาก็ห้ามใจไม่ได้ที่จะต้องเก็บยาสีน้ำตาลสำหรับตันเถียนเอาไว้ หลังจากไม่กี่ชั่วโมง เขาก็เลิกฝึกอักษรรูนแม้จะเกินขีดจำกัดแล้วก็ตาม เขายังไม่ลืมที่เขายังคงอยู่ในป่า เขาตื่นตัวพร้อมรับการโจมตีแบบฉับพลันจากสัตว์เวทมนตร์อยู่ตลอด
‘เชื่อเลยว่ากลิ่นนี่คงไล่พวกมันได้’ เขามองไปยังกองซากศพที่เริ่มจะเน่าเปื่อย กลิ่นที่ปล่อยออกมานั้นแย่มาก แต่โนอาห์ไม่สนใจ ซากศพเหล่านี้ถูกจัดฉากการต่อสู้ไว้อย่างสมบูรณ์แล้ว
โนอาห์ได้วางแผนไว้แล้วว่าจะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เท่าที่จะทำได้และดำเนินการต่ออีกสามวัน ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจใช้วันที่เหลือก่อนที่กลิ่นของศพจะแรงไปมากกว่านี้
‘หนึ่งวันใช้สารสกัดไปสองขวด จะหมดภายในสี่วัน จากนั้นก็เตรียมตัวกลับไปคฤหาสน์ ชักอยากรู้แล้วว่าวัฏจักรที่ห้าจะเป็นยังไง’
หลายวันต่อมาหลังจากที่ยาหลายขวดหมดลง โนอาห์ขนสิ่งของจำนวนมากมามัดเข้าด้วยกันด้วยเสื้อผ้าจากสมาชิกเงาสีเทาที่ตายไป เขาเลือกที่จะไม่ยกเนื่องจากรูปทรงมันลำบากเกินไปที่จะยก ดังนั้เขาจึงใช้เลือกลากแทน
‘ของพวกนี้จะพิสูจน์เองว่าเรื่องที่ฉันสร้างขึ้นมาหลอกเป็นเรื่องจริง’
* * * * *
หลายวันต่อมา ควินท์รู้สึกหดหู่ เขาตั้งค่ายพักแรมอยู่บริเวณชายแดนของป่าใกล้ๆ กับเมืองมอสโกรฟเพื่อรอคำสั่งจากตระกูลเมอร์เจอร์ เหลือทหารเพียงสามนายที่กำลังยืนที่คุ้มกันเขา ส่วนอีกสองคนเดินทางไปยังคฤหาสน์ของตระกูลเพื่อแจ้งเขตในถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างการเดินทาง ผ่านไปเกือบสองสัปดาห์ แต่ก็ยังไม่พบตัวแทนคนใดที่ตระกูลส่งมาเลย
‘ข้าทำมันพัง! ถึงพวกเขาจะให้มาขนของกับไปข้าก็จะไม่ได้ส่วนแบ่งแม้แต่ชิ้นเดียว ข้าอาจสูญเสียโอกาสที่จะได้รับสิทธิพิเศษในฐานะพ่อค้าไปก็ได้ ความฝัน อนาคต ทุกอย่างของข้าล้วนจบสิ้น!’
เขารู้สึกไร้ซึ่งอำนาจอย่างสมบูร์แบบในสถานการณ์เช่นนี้และทหารที่คุ้มกันอยู่ก็ปฏิบัติต่อเขาด้วยความเย็นชาถึงแม้ว่านี่จะเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของพวกเขาก็ตามที
ในโลกนี้ ผู้ที่อ่อนแอกว่าจะถูกตำหนิไม่ว่าสถานการณ์ที่ผิดพลาดจะเกิดขึ้นในรูปแบบใดก็ตาม
“ชิ ถ้าเจ้าโง่นั่นไม่ใช่เส้นทางนั้นในป่า เรื่องแบบนี้มันก็คงไม่เกิดขึ้นหรอก”
“เจ้าพูดถูก ตำแหน่งหน้าที่การงานของเราก็จะพลอยซวยไปด้วยเพราะเจ้าคนโลภนี่เพียงคนเดียว แถมยังต้องมาคอยปกป้องมันอีก!”
ผู้พิทักษ์ต่างพูดคุยกันเสียงดังจนควินท์ได้ยิน ลูกสาวของเขาเข้าใจสถานการณ์ดีแต่ก็เงียบมาโดยตลอด เพราะกลัวว่าหากพลั้งปากไปโทสะของทหารเหล่านี้จะเพิ่มขึ้นและลงโทษเธอ
ในขณะนั้นเองก็มีเด็กชายคนหนึ่งสวมชุดสีดำและมีเหงื่อไคลทั่วร่างกายเดินออกมาจากป่าพร้อมกับมัดสิ่งของขนาดใหญ่ที่รัดด้วยเสื้อผ้าที่เปื้อนคราบเลือด
คนจากตระกูลเมอร์เจอร์จ้องเขาด้วยดวงตาที่เบิกโพลงกับชายร่างเล็กที่กำลังลากสัมภาระที่ใหญ่กว่าตัวเขาถึงสี่เท่า ควินท์มองไปยังของเหล่านั้นและตระหนักได้ว่าของบางส่วนในนั้นคือของที่ถูกขโมยไปจากเขา เขาปรี่เข้าไปใกล้ชายหนุ่มพร้อมตะโกนเสียงดัง
“เดี๋ยว เดี๋ยว! เจ้าหนู เจ้าไปเอาของพวกนี้มาจากที่ใด?”
ความตื่นเต้นที่ได้เห็นทรัพย์สมบัติของเขาอีกครั้งทำให้เขาพูดออกมาด้วยความเคารพ
โนอาห์มองพ่อค้าอ้วนและตอบกลับอย่างเมินเฉยขณะยังคงเดินต่อ “ในป่า”
ในที่สุดควินท์ก็รู้สึกมีความหวังหลังจากที่รู้สึกหดหู่มาตลอดช่วงสองสัปดาห์
“ของบางส่วนในนี้ถูกปากข้าระหว่างการขนส่ง ได้โปรดคืนให้ข้าเถอะ”
โนอาห์ยังคงไม่หยุดเดินและถามกลับสั้นๆ
“เจ้ามีหลักฐานงั้นรึ?”
ควินท์พูดไม่ออกและเข้าใจทันทีว่าชายหนุ่มตรงหน้าเขาต้องไม่ใช่คนธรรมดาๆ แน่นอน เขากลับออกมาจากป่าพร้อมกับของจำนวนมากเหล่านี้ข้างหลัง เมื่อเขามองรอยลากบนพื้น ความกลัวก็เข้าครอบงำเขาเนื่องจากไม่เห็นว่าต้นกำเนิดของรอยนั้นมาจากที่ใด
‘ลากของหนักขนาดนี้มาไกลแค่ไหนกัน?’
ผู้พิทักษ์คิดช้ากว่าพ่อค้าคนนี้และเมื่อพวกเขาได้ยินบทสนทนาก็เดินเข้ามาใกล้ๆ กองสินค้า
“เจ้าหนู ถ้าพ่อค้าว่าเช่นนั้นแสดงว่านี่ก็ย่อมก็เป็นของของเขา หากเจ้ามีข้อร้องเรียน จงไปที่คฤหาสน์เมอร์เจอร์เพื่อขอรับเงินคืนได้”
เหล่าทหารเห็นคุณค่าของสินค้าตรงหน้าและจินตนาการไปไกลถึงรางวัลที่พวกเขาจะได้รับหากนำของเหล่านี้ไปส่งคืนแก่ตระกูล
เมื่อพวกเขากำลังจะปลดมัดผ้าที่ห่อหุ้มสินค้าเพื่อตรวจสอบ ก็มีลูกเตะจากใครบางคนส่งมาที่เขา การโจมตีนี้รวดเร็วและไม่ทันตั้งตัว โดนเข้าที่หน้าอกของเขาทำให้เขาลอยกระเด็นไปไกลถึงห้าเมตรก่อนจะร่วงลงพื้นและหมดสติไป
ในตำแหน่งก่อนหน้านี้ โนอาห์กำลังยืนอยู่ด้วยขาข้างเดียวโดยที่ขาขวากำลังยกอยู่เหนือพื้น
“การกระทำของเจ้าคือการคิดที่จะขโมยทรัพย์สินของตระกูลบัลวันที่จะได้รับเป็นรางวัลจากภารกิจที่ตระกูลโชสติมอบหมายให้งั้นรึ?”
โนอาห์ใช้ชื่อของตระกูลขุนนางเพื่อหยุดการอ้างสิทธิ์ในการครอบครองสินค้า ทุกคนต่างรู้สึกงุนงงเมื่อเห็นเด็กคนนี้เตะทหารจนสลบในครั้งเดียว สิ่งนี้เปลี่ยนให้พวกเขารู้หันมาให้ความเคารพโนอาห์ทันที
โนอาห์ทำเสียงฮึดฮัดและลากสินค้ากลับไปยังคฤหาสน์บัลวัน แต่ก่อนที่เขาจะเคลื่อนไหวอีกครั้ง ควินท์ก็เข้ามาขวางทางและฉีกยิ้มกว้างให้
“นี่ พ่อหนุ่ม ข้าอยากขอโทษกับความหยาบคายของข้าก่อนหน้านี้ ของที่เจ้ากำลังลากอยู่นี้ดูจะหนักมากเลยนะ เจ้าอยากให้ขนขึ้นรถกลับไปคฤหาสน์หรือไม่?”
‘โอ้ หมอนี่ฉลาดไม่เบาเลย พวกเขาน่าจะช่วยเป็นพยานได้ถ้าข้าไปด้วย’
“เอาสิ แต่ข้ามีข้อแม้”
ควินท์โค้งคำนับเล็กน้อยพร้อมพูด “ว่ามาเลยขอรับ นายน้อย”
โนอาห์ชี้ไปยังกองสินค้าข้างหลังเขา “ข้าขอเลือกหนึ่งอย่างในนั้นเป็นรางวัล ฉะนั้นเจ้าต้องอธิบายให้ข้าฟังว่าสรรพคุณของยาในนั้นคืออะไรบ้าง”