บทที่ 8 : แขกที่ไม่ได้รับเชิญอีกคน (2/2)
บทที่ 8 : แขกที่ไม่ได้รับเชิญอีกคน (2/2)
"หนังสือหมั้น?" เหลียนฟางชิงเอียงคอทำหน้าสงสัย ก่อนเด็กน้อยจะตบหมอนที่วางอยู่ข้างนางเบาๆ แล้วเอ่ยถาม"ไม่ใช่พี่ใหญ่เย็บติดไว้กับหมอนนี้หรอกหรือ? พี่บอกข้าว่าห้ามบอกเรื่องนี้กับใครเด็ดขาด นี่ข้าก็ทำตามอย่างเคร่งครัดเลยนะ ขนาดพี่รองกับพี่สามข้ายังไม่เคยบอกเลย!"
นางจ้องหน้าเหลียนฟางโจวด้วยแววตาเปล่งประกาย ราวกับว่ากำลังรอคำชมจากเธอ ‘ชมข้าสิ!!ข้าเก่งไหม!!’
“อาโย่ว ดูสิน้องสาวใครกันเนี้ย ชิงเออร์ของพี่นี่ความจำดีจริงๆ เก่งที่สุดเลยนะเนี้ย!!” เหลียนฟางโจวรีบเอ่ยปากชมตามที่นางหวังทันที
เหลียนฟางชิงเชิดหน้าขึ้นอย่างภูมิใจ ก่อนจะหัวเราะคิกคักอย่างอารมณ์ดีอยู่คนเดียว
วันรุ่งขึ้นเหลียนฟางโจวรีบตื่นแต่เช้ามืด ลุกขึ้นมาปัดกวาดเช็ดถูทั้งในบ้านนอกบ้านจนเอี่ยมไปหมด อีกทั้งยังจัดบ้านใหม่จนดูเป็นระเบียบเรียบร้อย ก่อนท้ายที่สุดจะขนเอาพวกที่นอน หมอนแล้วก็ผ้าห่มของทั้งสี่คนออกไปผึ่งแดด
เหลียนซีกับเหลียนฟางชิงก็มาร่วมวงช่วยเธอจัดบ้านในครั้งนี้ด้วย ส่วนเหลียนเซ่อนั้นรับหน้าที่ในการเตรียมอาหารเช้าสำหรับทุกๆคน และเมื่อเห็นบ้านดูสะอาดสะอ้านเรียบร้อยงามตา พวกเขาก็อดที่จะยิ้มแก้มปริไม่ได้
พอกินอาหารเช้าเสร็จเหลียนเซ่อก็พูดขึ้น “พี่ใหญ่ วันนี้พี่ ชิงเออร์แล้วก็ซีเออร์ อยู่บ้านกันนะ เดี๋ยวข้าจะออกไปขุดเผือกที่ไร่เอง!”
เหลียนฟางโจวหยุดคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบว่า “พี่ว่าวันนี้เรามาจัดการสวนผักให้เสร็จก่อนเถอะแล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้เราคอยออกไปขุดเผือกด้วยกัน” ‘สมบูรณ์แบบ ทีนี้เธอก็จะได้ออกไปสำรวจพื้นที่รอบๆเพื่อสร้างความคุ้นเคยด้วย’
เมื่อได้ฟังดังนั้นเหลียนเซ่อก็ไม่ได้คัดค้านอะไร เขาพยักหน้าเบาๆเป็นเชิงยอมรับ ก่อนทั้งคู่จะแบกจอบแบกเสียมแล้วเดินไปที่สวนผัก ทิ้งให้น้องเล็กอีกสองคนอยู่เฝ้าบ้าน
เหลียนฟางโจวและเหลียนเซ่อเริ่มต้นที่การจัดการแปลงผัก พวกเขาเริ่มถอนต้นถั่วแล้วก็ต้นแตงที่แห้งตายแล้ว ไปกองไว้ที่มุมๆหนึ่งของสวน
จากนั้นเธอก็ให้เหลียนเซ่อไปเอาปุ๋ยคอกกับน้ำมา เธอพรวนดินรอบๆต้นพริกจนร่วนซุย จากนั้นก็ค่อยๆเทปุ๋ยคอกผสมลงในดินเพื่อเพิ่มสารอาหารให้กับมัน แล้วขั้นตอนสุดท้ายก็รดน้ำลงไปเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น ในระหว่างที่ทำเธอก็พูดไปด้วย “เดี๋ยวพรุ่งนี้เราก็เข้ามาขุดดินเตรียมแปลงไว้อีก ทีนี้เราก็จะได้มีแปลงเตรียมพร้อมไว้ปลูกพวกแครอทแล้วก็หัวไชเท้า”
เหลียนเซ่อพอได้ฟังแผนของเธอก็คล้อยตามเขาพยักหน้าเห็นด้วย พร้อมกับส่งยิ้มมาให้เธอก่อนเขาจะพูดออกมาเสียงดังฟังชัดว่า "ข้าเชื่อพี่ ไม่ว่าพี่จะให้ข้าทำอะไรข้าก็จะทำทุกอย่าง!" พี่น้องสองคนต่างยิ้มให้กันและกัน
ทั้งคู่ทำงานตั้งแต่เช้าจดบ่ายโดยไม่แม้แต่จะหยุดพัก ดังนั้นตอนนี้พวกเขาเลยเริ่มรู้สึกเหนื่อยล้า และอาจจะด้วยว่าเหลียนฟางโจวคนเดิมน่าจะไม่เคยทำงานพวกนี้มาก่อน ร่างกายของเธอเลยรับไม่ไหว ส่วนเหลียนเซ่อเองก็ยังเด็ก ทำได้เท่านี้ก็ถือว่าดีมากแล้ว
เมื่อมองหน้าเด็กผู้ชายตรงหน้าเหลียนฟางโจวก็ยิ่งรู้สึกปวดใจ ทำไมเด็กตัวแค่นี้ถึงต้องมาทำงานหนักมากมายขนาดนี้ด้วย เฮ้อ… “นี่ก็จะบ่ายแล้ว พี่ว่าเรากลับบ้านไปกินข้าวเที่ยงแล้วถือโอกาสพักสักหน่อยเถอะ งานยังเหลืออีกเยอะคงทำไม่เสร็จในเร็วๆนี้หรอก”
ความจริงแล้วเหลียนเซ่อยังไม่อยากจะกลับ เขาอยากจะทำงานต่อให้เสร็จก่อน แต่เมื่อมองเห็นหน้าพี่สาวแล้ว เห็นทีถ้าเขาไม่กลับพี่สาวเองก็คงจะไม่ยอมกลับด้วยเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงพยักหน้าเนือยๆอย่างจำยอม ‘เดี๋ยวค่อยกลับมาทำต่อแล้วกัน’
เมื่อคืนกินโจ๊กมันเทศ ตอนเช้าก็กินโจ๊กมันเทศ พอบ่ายมาก็ยังต้องมากินโจ๊กมันเทศอีก ความอยากอาหารของเหลียนฟางโจวเลยหายไปพอสมควรเมื่อต้องกินแต่ของแบบเดิมซ้ำๆ แต่ด้วยความหิวเลยทำให้เธอไม่มีทางเลือกจึงได้แต่จำยอมกินโจ๊กมันเทศต่อไปอย่างเงียบๆ
เธอขมวดคิ้วด้วยความสงสัยจริงๆแล้วก็พึ่งจะเก็บเกี่ยวไปได้ไม่นาน ก็น่าจะยังมีพวกข้าวสารอะไรเหลืออยู่บ้างสิ ในขณะที่เธอกำลังจะถามน้องๆออกไปเพื่อคลายความสงสัย จู่ๆก็มีเงาร่างสีน้ำตาลเข้มวิ่งผ่านหน้าเธอไปอย่างรวดเร็ว ก่อนเงานั้นจะพุ่งไปทางห้องนอนของเธอ
เหลียนฟางโจวตกตะลึงจนผงะนิ่งค้างอยู่กับที่!!
“ท่านป้า!! ท่านกำลังทำอะไร?!” เหลียนฟางชิงตัวน้อยเป็นคนแรกที่ได้สติ และตะโกนออกไปเสียงดังลั่น
‘ป้าหรอ? ดูท่าทางจะเป็นป้าที่แสบพอตัวเลยทีเดียว! นิสัยหน้าไม่อายแบบนี้น่าจะรับมือยากแน่ๆ’
เหลียนเซ่อรีบวิ่งตามหลังป้าเข้าไปในห้องก่อนเธอจะได้ยินเสียงของเขาแว่วๆมาว่า “ป้ามาทำไม? ป้ากำลังทำอะไร?”
“พี่สาว” ฟางชิงน้อยเรียกเหลียนฟางโจวก่อนเขย่งตัวขึ้นไปกระซิบบอกเธอเบาๆว่า “ท่านป้าต้องมาหาหนังสือหมั้นหมายอีกแล้วแน่ๆ”
อีกแล้ว?....... ‘งั้นก็แสดงว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกน่ะสิ’
เหลียนฟางโจวหัวเราะหึในลำคอ แววตาก็เจือไปด้วยความเย็นชาอย่างเห็นได้ชัด ก่อนเธอจะพูดกับเหลียนฟางชิงแล้วก็เหลียนซีเบาๆว่า “พวกเจ้าสองคนกินกันไปก่อนนะ” พูดจบเธอก็เดินเข้าไปในห้องนั้นทันที
เหลียนฟางชิงยังดึงดันที่จะเดินตามเหลียนฟางโจวเข้าไปด้วยแต่เธอก็โดนปรามขึ้นด้วยเหลียนซีเสียก่อน “พี่ใหญ่บอกให้อยู่ตรงนี้ เจ้าก็ต้องเชื่อฟัง”
ถึงแม้ว่าเหลียนฟางชิงจะรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก แต่สุดท้ายเธอก็ยอมเดินกลับมานั่งที่โต๊ะอย่างความเชื่อฟัง
ด้านในห้องคนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นป้าก็กำลังโมโหแล้วก็อาละวาดอย่างหนักก่อนเธอจะหันมาจ้องหน้าเหลียนฟางโจวแล้วก็ตะโกนอย่างเกรี้ยวกราดว่า “หนังสือสัญญาหมั้นอยู่ที่ไหน!! มันอยู่ที่ไหน?! เอาออกมาให้ข้าเดี๋ยวนี้นะ ไอ้พวกเด็กเหลือขอ!!”