บทที่ 10 : ถอนหมั้น (2/2)
บทที่ 10 : ถอนหมั้น (2/2)
เหลียนฟางโจวยิ้มและพูดต่อว่า “ยังไงซะป้าก็ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลเหลียนคงไม่เหมาะที่จะมาเป็นพยาน และเพื่อเลี่ยงปัญหาที่จะตามมา ข้าว่าควรจะให้คนอื่นมาเป็นพยานแทนจะดีกว่า อาเซ่อเจ้าช่วยไปตามป้าจางมาที ข้าว่าให้ป้าจางมาช่วยเป็นพยานให้ก็แล้วกัน!!”
เหลียนเซ่อหันหน้ามามองนางเฉียวชั่วครู่ ก่อนจะพยักหน้ารับคำแล้วก็วิ่งออกไปทันที
นางเฉียวตกใจมาก แต่นางก็ไม่รู้จะพูดยังไงเพื่อจะยับยั้งกระทำของเหลียนฟางโจว เธอจึงทำได้แค่นั่งเงียบๆส่วนนางหยางนั้นส่งสายตาเย็นชาไปที่เหลียนฟางโจวและลอบคิดในใจว่า ‘นังเด็กเหลือขอคนนี้มันน่าสงสารตรงไหน มันเจ้าเล่ห์จะตายไป ตอนนั้นตาเฒ่าที่บ้านคงจะตาบอดกระมั่ง ถึงได้เห็นดีเห็นงามกับการแต่งงานครั้งนี้’
หลังจากนั้นไม่นานป้าจางก็มาถึง เหลียนฟางโจวแอบถอนหายใจเงียบๆเมื่อเห็นว่าสถานการณ์กลับเข้ามาอยู่ในการควบคุมของเธออีกครั้ง นางเฉียวจ้องป้าจางอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ แต่ป้าจางไม่สนใจแล้วก็แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นนาง
เหลียนฟางโจวอมยิ้มแล้วเดินเข้าไปในห้องนอนเพื่อหยิบหนังสือหมั้น
นางเฉียวลุกขึ้นยืนหมายว่าจะเดินตามเหลียนฟางโจวเข้าไปในห้อง แต่ก็ถูกเหลียนเซ่อขวางทางเอาไว้ซะก่อน “ป้าต้องการเป็นพยานไม่ใช่หรือ? เพราะฉะนั้นข้าว่าป้ารออยู่ด้านนอกนี่น่าจะเหมาะกว่านะ!!”
เหลียนฟางโจวเข้าไปเพียงไม่นานก็เดินถือหนังสือสัญญาหมั้นหมายออกมา นางเฉียวเมื่อเห็นหนังสือในมือเหลียนฟางโจวนางก็รีบผลักเหลียนเซ่อให้พ้นทาง แล้วก็พุ่งเข้าไปอย่างรวดเร็วหมายจะฉกหนังสือหมั้นจากมือของเหลียนฟางโจว
แต่อนิจจาเหลียนฟางโจวนั้นได้เตรียมการสำหรับเหตุนี้เอาไว้แล้ว เธอจึงเบี่ยงตัวหลบได้ทัน เป็นเหตุให้นางเฉียวที่พุ่งเข้าไปอย่างแรงเสียหลักจนเกือบล้มคะมำ
“เอามาให้ข้า! ข้าจะได้ตรวจดูว่ามันเป็นของจริงรึเปล่า” นางเฉียวพูดอย่างหัวเสียพลางยื่นมือจะไปคว้าเอาหนังสือในมือเหลียนฟางโจว
เหลียนฟางโจวหัวเราะเบาๆเป็นเชิงเยาะเย้ย ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ทำไมข้าต้องให้ท่าน ข้าว่าเรื่องนี้ไม่น่าเกี่ยวกับท่านนะ เพราะบ้านหยางเขาจะถอนหมั้นกับข้าไม่ได้ถอนหมั้นกับท่านสักหน่อย!!”
นางเฉียวมองดูเหลียนฟางโจวที่กำลังจะเดินเข้าไปนางหยาง ถ้าสองคนนี้แลกเปลี่ยนกันเสร็จเมื่อไหร่ นางก็คงทำอะไรไม่ได้อีก คงได้แต่เจ็บใจที่มองเห็นเงินอยู่ตรงหน้า แต่ตัวเองไม่มีส่วนแบ่งเลยสักอีแปะ
นางเฉียวไม่รู้จะทำยังไง จึงตวาดเหลียนฟางโจวเสียงดังลั่น “เหลียนฟางโจว!! นังเด็กเหลือขอ เจ้าเป็นบ้าไปแล้วหรอ หน้าเจ้ายังมียางอายอยู่บ้างไหม ถึงเจ้าไม่อายแต่ก็ไม่ควรทำให้ตระกูลเหลียนของเราต้องอับอายไปกับเจ้าด้วย!! เอาหนังสือหมั้นมาให้ข้า!! เรื่องนี้ให้ผู้อาวุโสในบ้านจัดการจะเหมาะสมกว่า”
เหลียนฟางโจวจ้องนางเฉียวเขม็งแล้วพูดขึ้นว่า “อย่ามาทำตัวเป็นผู้อาวุโสต่อหน้าข้า!! จริงๆแล้วท่านก็แค่ต้องการเงินค่าถอนหมั้นสิบสองตำลึงนี่ใช่ไหมล่ะ!! ข้าจะบอกท่านให้นะนี่มันชีวิตของข้า คนที่หมั้นหมายกับตระกูล หยางก็คือข้า แล้วทำไมข้าถึงจะยกเลิกการหมั้นหมายครั้งนี้เองไม่ได้!! ยายหยางท่านยังอยากจะถอนหมั้นอยู่อีกไหม? ถ้าไม่อยาก ก็รีบไปเอาเกี้ยวแปดคนหามมาแบกป้าของข้าแต่งเข้าบ้านไปเถอะ!”
นางเฉียวโมโหจนตัวสั่น “เจ้านี่มันหน้าไม่อายจริงๆ คำพูดต่ำช้าพวกนี้ก็ยังกล้าพูดออกมาได้!”
ป้าจางเห็นว่าสถานการณ์น่าเป็นห่วงจึงรีบพูดไกล่เกลี่ยอย่างใจเย็น “อาเฉียวอย่ากังวลไปเลย พวกเรามาที่นี่เพื่อเป็นพยาน พวกเราก็ยืนดูอยู่เงียบๆเถอะนะ เรื่องจะได้เรียบร้อยไวๆดีไหม?”
“ป้าจางท่านดูนางทำตัวสิไร้ยางอายแค่ไหน!!” นางเฉียวพูดขึ้นด้วยความโมโห “เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงอนาคตทั้งชีวิตของนาง ข้าเป็นผู้ใหญ่ก็แค่หวังดีอยากจะช่วยออกหน้าให้ แต่นางกลับทำตัวก้าวร้าวไม่รู้จักเด็กไม่รู้จักผู้ใหญ่ลามปามไปทั่ว ผู้หญิงดีๆที่ไหนทำแบบนางบ้าง แล้วแบบนี้ในอนาคตใครจะกล้ามาแต่งนางเป็นภรรยาอีก!!”
เหลียนฟางโจวพูดเย้ยหยัน “ท่านไม่จำเป็นต้องมากังวลเกี่ยวกับเรื่องของข้า!! ข้าจะได้แต่งหรือไม่ได้แต่งมันก็ไม่ใช่ธุระโกงการอะไรของท่าน!! อย่ามาบงการชีวิตข้า!! ยายหยางท่านยังอยากจะถอนหมั้นอยู่ไหม?!”
จริงๆแล้วหญิงชราแซ่หยางนั้นโกรธเกลียดเหลียนฟางโจวเป็นอย่างมาก นางไม่ต้องการที่จะให้เหลียนฟางโจวได้เงินสักอีแปะเลยด้วยซ้ำ ถ้าเป็นไปได้นางก็อยากจะเอาเงินพวกนี้ให้นางเฉียวเสียมากกว่า แต่ติดว่าสถานการณ์ตอนนี้บังคับให้นางทำอะไรไม่ได้ เพราะขนาดนางเฉียวยังตีฝีปากสู้เหลียนฟางโจวไม่ได้เลย และเพื่อหลีกเลี่ยงเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันนางจึงพูดซ้ำๆด้วยเสียงอันดังก้องว่า “ถอน!! ถอน!! ถอน!! เงินสิบสองตำลึงอยู่นี่แล้ว เจ้าก็เอาหนังสือสัญญามาได้แล้ว!!”
ป้าจางที่มาเป็นพยานในการถอนหมั้นครั้งนี้ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อพวกเขาทั้งสองฝ่ายแลกเปลี่ยนของกันเรียบร้อย ส่วนนางเฉียวนั้นก็ได้แต่ยืนหน้าดำกัดฟันกรอดๆด้วยความโมโหอยู่ด้านหลัง
“ไม่มีอะไรแล้ว พวกท่านก็กลับกันไปเถอะ ข้าไม่ส่งนะ” เหลียนฟางโจวยิ้มอย่างพอใจแล้วก็ค่อยๆเก็บเงินอย่างระมัดระวัง
“ข้ายังพูดไม่จบ” นางหยางจ้องหน้าเหลียนฟางโจวเขม็ง “ต่อไปเจ้าก็อยู่ห่างๆฮุ่ยซานลูกชายของข้าซะ อย่าได้สะเออะเสนอหน้าไปยั่วยวนเขาอีก!!”
เหลียนฟางโจวยิ้มและพูดว่า “ข้าสนใจแค่เงิน ไม่สนลูกชายสุดที่รักของท่านหรอก! ทางที่ดีข้าว่าท่านควรจะไปจับเขามัดไว้ให้ดีๆอย่าปล่อยให้เขามารบกวนข้าอีกจะดีกว่า!”
“เจ้า!!” นางหยางชี้หน้าเหลียนฟางโจวด้วยความโมโหเมื่อได้ยินคำสบประมาทลูกชายสุดที่รักของนาง ก่อนนางจะส่งสายตาอาฆาตให้เธอ แล้วก็หันหลังเดินจากไปอย่างรวดเร็ว