GOI ตอนที่ 98 หุ่นเชิดตัวที่สอง! (2)
“กระบี่มุทธา!”
ป๋ายเสี่ยวเฟยไม่ลังเลแม้แต่น้อยเพราะเขาตัดสินใจตั้งแต่เมื่อตอนที่เฟิงอู๋เหินอธิบายจบ ไม่ต้องเอ่ยถึงเรื่องที่ว่าเขาเริ่มคิดแผนใช้กระบี่มุทธาในงานประลองศิษย์ใหม่แล้ว
ช่างเป็นอาวุธที่ทรงคุณค่าทางกลยุทธ์!
หลังจากครุ่นคิดลังเลอยู่นาน ท้ายสุดแล้วโม่ข่าเลือกที่จะเชื่อในตัวป๋ายเสี่ยวเฟย ถึงแม้ป๋ายเสี่ยวเฟยจะชอบกลั่นแกล้งหลอกลวงผู้อื่น แต่เขาไม่เคยตัดสินใจเหลวไหลในเรื่องสำคัญ โม่ข่ามั่นใจเรื่องนี้
หลังจากโม่ข่าเลือกเสร็จ ดรุณีน้อยสามคนเบื้องหน้าสือขุยถอดผ้าคลุมสีแดงบนถาดออกเผยหุ่นเชิดด้านใน ทุกตัวล้วนมีรังสีเงินเปล่งประกายบ่งบอกคุณภาพระดับสูง พวกมันคือหมวก ชุดเกราะและถุงมือเหล็ก
“หุ่นเชิดตัวที่สองของนักสร้างหุ่นเชิดล้วนเกี่ยวข้องกับพลัง ข้อแตกต่างคือตำแหน่งที่ใช้งาน และนี่ขึ้นอยู่กับความชื่นชอบส่วนบุคคล หุ่นเชิดสามตัวเบื้องหน้าเพิ่มความสามารถด้านจู่โจมและป้องกัน”
“หุ่นเชิดระดับม่วงมีทักษะง่ายๆ สองแบบ?”
ก่อนที่สือขุยจะทันได้เปิดปากก็เป็นโม่ข่าพี่น้องร่วมสาบานของเขาที่เอ่ยถามออกมาเพราะเขารู้สึกว่าทักษะเรียบง่ายเช่นนี้เหมาะกับระดับน้ำเงินมากกว่า
อย่างไรก็ตามเฟิงอู๋เหินได้เตรียมพร้อมกับปฏิกิริยาของโม่ข่าไว้แล้ว
“สหายนักเรียนน้อย อย่าเปรียบเทียบ ‘การเสริมแกร่ง’ ที่ข้าพูดถึงกับหุ่นเชิดระดับต่ำพวกนั้น ส่วนประกอบสำคัญของนักเชิดหุ่นสามตัวเบื้องหน้าคือเงินหนักที่หาได้ยากจากส่วนลึกของมหาสมุทร ถึงจะไม่ใส่ปราณกำเนิดเข้าไป พลังป้องกันก็ไม่ต่างไปจากระดับเหลืองมากนัก อีกทั้งเงินหนักสามารถชักนำและเสริมแกร่งปราณกำเนิดได้ดี ทำให้หุ่นเชิดสามตนตรงหน้าสามารถดึงทักษะออกมาได้อย่างขีดสุด”
เฟิงอู๋เหินหยุดชั่วครู่
“เคยได้ยินคำที่ว่า ทุกอย่างล้วนไร้ค่าต่อหน้าพลังมหาศาลหรือไม่?”
ในฐานะหนึ่งในผู้ชม สือขุยกลืนน้ำลายอึกใหญ่ก่อนจะเดินไปทางถุงมือประกายแสงเงินคู่นั้น
“ข้าจะเลือกตัวนี้!”
สือขุยตัดสินใจ ในเมื่อเขาเลือกแล้วก็ไม่มีสิ่งใดให้คนอื่นพูดอีก
ถัดจากนั้นสามดรุณีเปิดผ้าแดงบนถาด พวกมันคือคริสตัลทรงกระสวยขนาดเท่าฝ่ามือ
เป็นอีกครั้งที่ป๋ายเสี่ยวเฟยตกตะลึง เขาไม่รู้จักของตรงหน้า แต่เขาสามารถบอกได้ว่าพวกมันไม่ใช่หุ่นเชิด
“แก่นหุ่นเชิด หลังจากหุ่นเชิดมีชีวิตหรือหุ่นเชิดไร้ชีวิตถูกทำลาย มันจะทิ้งแก่นที่บันทึกข้อมูลทั้งหมดเอาไว้ ส่วนใหญ่พวกมันมีวิธีใช้สามอย่าง หนึ่งคือหลอมให้เป็นยุทธภัณฑ์ที่ใช้ได้ครั้งเดียวโดยมีความสามารถเดิมของหุ่นเชิด”
“สองคือให้หุ่นเชิดมีชีวิตกินเพื่อเร่งการเจริญเติบโต และยังเป็นประโยชน์ให้นักเชิดหุ่นที่เป็นเจ้าของอีกด้วย”
“สุดท้ายคือเปลี่ยนให้เป็นแก่นของหุ่นเชิดไร้ชีวิตอีกตัว อีกทั้งมันยังส่งต่อความสามารถเดิมให้หุ่นเชิดตัวใหม่อย่างสมบูรณ์ วิธีการนั้นง่ายมาก เพียงวางมันไว้ใกล้ๆ หุ่นเชิดไร้ชีวิตหลังจากทำพันธสัญญาแล้ว”
จูนั่วถอนตัวออกมาเมื่อเฟิงอู๋เหินเอ่ยถึงตรงนี้
นางเลือกจะครอบครองหุ่นเชิดตัวที่สอง ไม่ใช่เสริมแกร่งหุ่นเชิดตัวเดียว คนที่ต้องการแก่นหุ่นเชิดคือต้วนอีอีต่างหาก
“สามแก่นนี้มีหุ่นเชิดอะไรบ้าง?”
หลังจากอีกเดือนผ่านไป นิสัยเขินอายโดยไร้เหตุผลของนางได้ถูกปรับปรุงให้ดีขึ้น และการพูดคุยสื่อสารกับคนทั่วไปไม่ใช่ปัญหาอีก
“แก่นแรกมีความสามารถปลุกใจ ช่วยลบล้างสถานะมึนงงภายในระยะหวังผล ในขณะเดียวกัน ยังสามารถเพิ่มภูมิต้านทานต่อภาพมายา”
“แก่นที่สองมีความสามารถบ้าคลั่ง สามเป้าหมายสามารถถูกกำหนดให้เข้าสู่สภาวะบ้าคลั่งได้พร้อมกัน ภายในสภาวะนี้ความว่องไวและปราณกำเนิดโคจรไวขึ้นสามในสิบส่วน และเป้าหมายไม่สนใจทักษะประเภทควบคุมทั่วไป”
“แก่นที่สามมีความสามารถเคลื่อนมิติได้ในระยะหวังผล แต่ต้องชาร์จปราณกำเนิดก่อนใช้ทุกครั้ง ซึ่งเวลาชาร์จคือห้าวินาที”
ตามจริงแล้วต้วนอีอีต้องลำบากเพราะมันยากเกินไปที่จะเลือกระหว่างบ้าคลั่งหรือเคลื่อนมิติหากต้องเลือกหนึ่งในสาม สำหรับนักเชิดหุ่นสายสนับสนุนแล้ว ทักษะป้องกันตัวที่รักษาชีวิตได้สำคัญเป็นอย่างมาก แต่สิ่งที่นางต้องการมากที่สุดคือทักษะสนับสนุนทีมเป็นกลุ่ม
แต่ต้วนอีอีมีหุ่นเชิดได้ถึงสามตัวในเวลานี้!
“ข้าเลือกบ้าคลั่งและเคลื่อนมิติ”
ต้วนอีอีเอ่ย เฟิงอู๋เหินตะลึงก่อนจะเผยรอยยิ้ม
“ขอแสดงความยินดี! ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะสามารถควบคุมหุ่นเชิดตัวที่สามได้ไวเช่นนี้”
คำเยินยอทำให้ใบหน้าของต้วนอีอีแดงซ่าน นางเก็บแก่นหุ่นเชิดก่อนจะเดินไปยังที่เดิม
“หุ่นเชิดระลอกแรกหมดแล้ว ต่อไปเป็นระลอกสอง”
เฟิงอู๋เหินที่สามารถเห็นเงินในเข้าสู่กระเป๋าอยู่ในอารมณ์ดีมาก ประสิทธิภาพในการทำงานของเขาเพิ่มขึ้นสูง
ดรุณีน้อยแปดคนเดินออกจากห้อง แทนที่ด้วยดรุณีหกคน
“พวกเราหาหุ่นเชิดที่มีความสัมพันธ์กับเสือเขี้ยวหิมะได้เพียงตัวเดียวเพราะหุ่นเชิดพิเศษเช่นนี้ล้วนขาดแคลนในตลาด”
เฟิงอู๋เหินเผยสีหน้าขอโทษขอโพยขณะที่เขาดึงผ้าสีแดงออกจากถาดที่ดรุณีคนแรกถือไว้
ข้างบนถาดมีมีดน้ำแข็งสีน้ำเงินขนาดเท่าแขนของทารก
“มีดเขี้ยวหิมะถูกสร้างจากเขี้ยวทั้งสองของเสือเขี้ยวหิมะ มันเสริมแกร่งธาตุน้ำแข็งและไม่สนใจเกราะป้องกันธาตุไฟ”
ถึงแม้จะไม่มีตัวเลือก ชีเว่ยก็ยังตื่นเต้นเป็นอย่างมาก อย่างที่เฟิงอู๋เหินเอ่ยไว้ หากเขาไม่ได้หุ่นเชิดตนนี้มาจากสำนักงานใหญ่ ชีเว่ยก็คงมิอาจหาหุ่นเชิดตัวที่สองที่เหมาะสมได้
“สามตัวถัดไปคือหุ่นเชิดสำหรับสหายน้อยสายพิฆาต”
เฟิงอู๋เหินเปิดเผยหุ่นเชิดสามตัวที่มีสีแดง
“เกราะเปลวไฟ ยกระดับความรุนแรงของพลังธาตุไฟ ลดทอนพลังโจมตีธาตุน้ำห้าในสิบส่วน อีกทั้งยังมีทักษะชื่อโล่เปลวไฟที่สร้างโล่คุ้มกันเมื่อใช้งาน โล่สามารถเผาศัตรูใกล้ๆ รอบกายและระเบิดออกได้ทุกเมื่อ”
“ถุงมืออัคคีเทพ เมื่อปะทะเข้ากับศัตรูจะส่งปราณธาตุไฟเข้าไปในร่างเพื่อขัดขวางการไหลเวียนโคจรของปราณ ทำให้ปราณกำเนิดของอีกฝ่ายตกอยู่ในสภาวะอัมพาต”
“เครื่องประดับ พรเพลิงเทวะ ลบล้างความเสียหายจากธาตุไฟแปดในสิบส่วนเมื่อสวมใส่ และสามารถดูดซับพลังโจมตีธาตุไฟก่อนจะเปลี่ยนมันเป็นปราณกำเนิดส่งคืนให้ผู้ใช้งาน”
หลังจากเสร็จสิ้นการแนะนำหุ่นเชิด สือเฉินลังเลครึ่งวิก่อนจะเลือกเกราะเปลวไฟและถุงมืออัคคีเทพ
ในเมื่อนางเป็นสายพิฆาต นางก็คิดจะเป็นเสริมแกร่งพลังโจมตีให้มากที่สุด!
สำหรับเรื่องป้องกัน นางปล่อยให้เป็นหน้าที่ของสหาย! ไม่ใช่สิ่งที่นางต้องเก็บมากังวล!
“สุดท้ายสำหรับสองพี่น้องคู่นี้ เพราะพวกเจ้าเรียกร้องการยกระดับหุ่นเชิดของตัวเอง ข้าได้เตรียมแก่นระดับสูงไว้ให้ ส่วนทักษะนั้นธรรมดายิ่ง”
สองถาดสุดท้ายมีแก่นที่เหมือนกันวางไว้
“ทักษะคือดึงดูด สามารถเปลี่ยนทิศทางของการโจมตีระยะไกลระดับหนึ่งและบังคับให้มันมาทางผู้ใช้ แต่ข้าไม่รู้ว่าทักษะจะเป็นเช่นไรเมื่อประสานหุ่นเชิดทั้งสองของพวกเจ้าเข้าด้วยกัน”
หนึ่งในเสน่ห์ของหุ่นเชิดรวมประสานคือความไม่แน่นอน ทุกการเสริมแกร่งของหุ่นเชิดเป็นดั่งการพนัน
แต่เป็นการพนันที่ไม่เคยแพ้ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ไม่เคยมีข่าวว่าทักษะที่ได้จากการประสานจะด้อยกว่าทักษะเดิม
ต้าหมิงและเสี่ยวหมิงรับแก่นหุ่นเชิด สีหน้าตื่นเต้น เพราะแก่นเช่นนี้คงยากจะตกถึงมือพวกเขาเพราะหากไม่ได้พบป๋ายเสี่ยวเฟย หุ่นเชิดระดับน้ำเงินของพวกเขามากสุดคงได้เป็นแค่ระดับเหลือง
แต่ด้วยแก่นทั้งสอง เป็นไปได้มากว่าหุ่นเชิดของพวกเขาจะยกระดับได้ถึงจุดสุดยอดของระดับเหลือง!
ด้วยความพึงพอใจของต้าหมิงและเสี่ยวหมิง ระลอกที่สองได้จบลง!