GOI ตอนที่ 100 อดีตของหลินหนีฉาง
เฟิงอู๋เหินผงกศีรษะยอมรับเล็กน้อยเมื่อฟางเย่เอ่ยจบ
“ใครคือหนานอู๋เซิง?”
ป๋ายเสี่ยวเฟยถามอีกครา เสวี่ยอิ่งไม่อาจเงยหน้าสู้คนได้อีกต่อไป...
“แค่ก... แค่ก... พี่ใหญ่เฟย หนานอู๋เซิงคือนักสร้างหุ่นเชิดเทวะที่คิดค้นหุ่นเชิดปืนยาว เขาเป็นคนที่เข้าใจเรื่องหุ่นเชิดปืนยาวมากที่สุด”
โม่ข่าตบบ่าป๋ายเสี่ยวเฟยไม่รบกวนเฟิงอู๋เหินอธิบายความรู้พื้นฐาน...
“พี่ใหญ่เฟิง ท่านเก่งจริงๆ หาหุ่นเชิดจากนักสร้างหุ่นเชิดเทวะมาได้มากมายเพียงนี้!”
ป๋ายเสี่ยวเฟยหัวเราะแก้เขินก่อนจะหันไปสรรเสริญเฟิงอู๋เหิน แต่สิ่งที่เขาพูดเป็นเรื่องจริง
ผู้จัดการที่รู้จักกับนักสร้างหุ่นเชิดเทวะหลายคน หมายความว่าฐานะของเฟิงอู๋เหินในศาลาไร้ตัวตนไม่ต่ำแน่!
“แค่พอรู้อยู่บ้างเท่านั้น”
เฟิงอู๋เหินหัวเราะก่อนจะพูดตัดบท ในขณะเดียวกันเขาดึงผ้าแดงชิ้นสุดท้ายออก เผยให้เห็นรูปทรงกลมนอนอยู่บนถาด
“หินปะจุ หุ่นเชิดตัวช่วยที่ทำออกมาเพื่อหุ่นเชิดไรเฟิล สามารถชาร์จได้ทุกๆ ห้าวินาที หลังจากนั้นหินปะจุจะทดแทนด้วยปราณกำเนิดที่เพียงพอจะยิงได้สามครั้งติดกัน!”
ทุกคนเบิกตากว้างเท่าไข่ห่านเมื่อได้ยิน
พลังโจมตีของฟางเย่จากหุ่นเชิดไรเฟิลแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก แต่มันมีข้อเสียที่ใหญ่หลวงอย่างหนึ่ง ความถี่ในการโจมตีต่ำเกินไป! ภายใต้สถานการณ์ปกติฟางเย่ เขาต้องการอย่างน้อยสิบวินาทีเพื่อยิงแต่ละนัด
แต่หินปะจุถือได้ว่าเป็นของวิเศษที่จะทำให้ฟางเย่กลายเป็นนักแม่นปืนผู้เก่งกาจ!
ลองจินตนาการภาพฟางเย่ยิงสี่นัดรวดเดียวเมื่อเข้าสู่สนามรบ นักเชิดหุ่นระดับต่ำกว่าปรมาจารย์คนใดจะต่อกรได้?
ไม่ว่าจะอย่างไร เสวี่ยอิ่งรู้สึกว่าตนไม่อาจรับมือได้
แต่หากฟางเย่เลือกหินปะจุเป็นหุ่นเชิดตนที่สอง เขาจะต้องสูญเสียโอกาสในการเลือกหุ่นเชิดด้านหลบหลีก ในฐานะนักเชิดหุ่นปืนยาว เขาจะต้องกลายเป็นเป้าหมายของศัตรูทั้งปวง และหากข่าวเรื่องหินปะจุแพร่งพรายออกไป เขาต้องถูกไล่ตามสังหารเป็นแน่แท้
อย่างไรก็ตามฟางเย่ไม่ลังเลแม้แต่น้อย เขาเดินไปรับหินปะจุทันที
“ข้าเชื่อว่าสหายของข้าจะปกป้องข้าได้ หากพวกเขาไม่พ่ายแพ้ ข้าก็สามารถยิงได้อย่างไร้กังวล!”
ใบหน้าของฟางเย่เผยความมุ่งมั่น เขากวาดตามองไปทั่วก่อนจะหยุดที่ป๋ายเสี่ยวเฟย
“บัดซบ! อย่ามองข้า! ข้าจะไม่เป็นโล่เนื้อให้เจ้าแน่ สือขุยเหมาะกับงานนี้มากกว่า!”
ป๋ายเสี่ยวเฟยไม่ทำให้คนอื่นผิดหวัง เฉกเช่นทุกที...
“จะว่าไปข้าสงสัยมาก เหตุใดพวกเจ้าทั้งสามไม่มาเลือกหุ่นเชิด?”
เฟิงอู๋เหินมองไปที่ป๋ายเสี่ยวเฟยและพวกพลางเอ่ย เขาไม่อยากปล่อยโอกาสสุดท้ายในการหาเงินหลุดลอยไป
“เรื่องนี้... หวู่จื๋อเป็นผู้ฝึกยุทธ์ และข้าเคยคิดว่าข้าไม่อาจควบคุมหุ่นเชิดตัวที่สองได้ ส่วนหลินหลีกำลังรอข้าตัดสินใจ”
ป๋ายเสี่ยวเฟยอธิบายสถานการณ์โดยรวมในไม่กี่คำ เฟิงอู๋เหินแย้มยิ้มออกมา
‘แค่พวกเจ้าไม่ต่อต้านเรื่องซื้อหุ่นเชิดก็พอ!’
“หากเป็นผู้ฝึกยุทธ์ ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะซื้อพวกยุทธภัณฑ์”
เฟิงอู๋เหินยิ้มพลางมองไปยังดรุณีข้างกาย
“ไปเอาสับวายุจากห้องเก็บของมา”
ดรุณีน้อยตอบรับก่อนจะเดินจากไปพร้อมหญิงสาวคนอื่น หวู่จื๋อที่คิดว่าตนเป็นเพียงคนดูเข้าใกล้เฟิงอู๋เหิน ใบหน้ามีความประหลาดใจระคนยินดี
“มีสิ่งที่ข้าใช้ได้!?”
“ไม่ใช่ว่าผู้ฝึกยุทธ์ไม่มีปราณกำเนิด แต่เป็นเพราะพวกเขาไม่อาจทำพันธสัญญากับหุ่นเชิดต่างหาก ศาลาไร้ตัวตนของข้าได้ค้นคว้าวิธีฝังทักษะเข้าใส่อาวุธ ถึงแม้จะมีข้อจำกัดมาก แต่ก็ยังเหนือล้ำกว่าอาวุธทั่วไปนัก”
เฟิงอู๋เหินพูดจบดรุณีน้อยก็กลับเข้าห้อง นางไม่ได้ถือถาดในครานี้ แต่แหวนมิติบนมือเปล่งประกายแสง ดาบหนักที่สูงกว่าครึ่งคนพลันปรากฎเจาะทะลุพื้น
“ดาบสับวายุ ทำมาจากโลหะที่แข็งที่สุดในทวีป น้ำหนัก 40 กิโลกรัมมาพร้อมทักษะแหลมคม หลังจากใส่ปราณกำเนิดเข้าไป ความคมของดาบจะเพิ่มพูนขึ้นมาก แต่ปริมาณปราณกำเนิดที่ต้องการเยอะจึงต้องใช้อย่างระมัดระวัง”
หวู่จื๋อไม่สนใจสิ่งที่เฟิงอู๋เหินเอ่ยในตอนสุดท้าย ช่างน่าขบขันเสียจริง เหตุใดผู้ครอบครองสังขารสวรรค์กำเนิดต้องกังวลเกี่ยวกับการมีปราณกำเนิดไม่เพียงพอ!?
ขณะที่เขาถือดาบหนักไว้ในมือ หวู่จื๋อลองเหวี่ยงแท่นโลหะหนัก 40 กิโลกรัมไปมาอย่างหนักแน่น
หลังจากนั้นหวู่จื๋อชอบใจดาบหนักถึงกับไม่อยากจากมันไป เขาจ้องป๋ายเสี่ยวเฟยตาเป็นประกาย
“อย่ามองข้าด้วยสายตาเช่นนั้น ข้าไม่เล่นกับผู้ชาย! ไปถามฟางเย่ เขาจัดการเรื่องเงิน”
หวู่จื๋อใช้สายตาเดิมหันไปทางฟางเย่ ท่าทีของเขาราวกับจะหลับนอนกับฟางเย่ให้ได้หากฟางเย่ไม่ตอบตกลง...
“เรามีเงินพอ! พี่ใหญ่หวู่ ท่านอย่ามองข้าเช่นนั้น ข้าไม่เล่นกับผู้ชายเช่นกัน!”
ฟางเย่อยากร้องไห้เสียดายก็แต่ไร้น้ำตา ทุกคนหัวเราะลั่นอย่างขบขัน
ในอีกด้าน หวู่จื๋อมีหน้าแข็งด้านไม่สนใจปฏิกิริยาของผู้อื่น เขากอดดาบสับวายุราวกับกอดภรรยาก่อนจะเดินไปหลบอยู่มุมห้อง
“สหายน้อย แล้วพวกเจ้าทั้งสองเล่า?”
เฟิงอู๋เหินมองป๋ายเสี่ยวเฟยอีกคราหลังจากขายดาบได้
“ข้าเป็นนักเชิดหุ่นสายมายา ข้าหวังว่าหุ่นเชิดตัวที่สองจะเป็นสายเดียวกัน หลินหลีเป็นสายพลังงาน...”
เมื่อป๋ายเสี่ยวเฟยพูดถึงตรงนี้ เฟิงอู๋เหินเบิกตากว้างจ้องมองหลินหลีเอ่ยขัดป๋ายเสี่ยวเฟยขึ้นมา
“หลินหลี! ท่านคือหลินหลีที่ทุกคนเอ่ยถึง!? ลูกสาวของเทพธิดาหลินหนีฉาง!?”
เฟิงอู๋เหินในยามปกติจะสงบนิ่ง เป็นครั้งนี้ที่เขาไม่อาจปกปิดความตื่นเต้นบนใบหน้า หากไม่ใช่เพราะเขายังสงวนท่าทีรักษากิริยาไว้ได้อยู่ เขาคงกระโจนไปหาหลินหลีแล้ว
แต่ป๋ายเสี่ยวเฟยแยกแยะได้ว่าเฟิงอู๋เหินไม่ได้มีความคิดสกปรกโสมม สิ่งที่เขาเห็นคือความตื่นเต้นอย่างบริสุทธิ์
“ใช่”
หลินหลีเอ่ยเสียงสดใสมองเฟิงอู๋เหินด้วยสีหน้าประหลาดใจ
“ให้ข้าดูอาภรณ์ปีกฟีนิกซ์เทวะได้หรือไม่?”
เฟิงอู๋เหินถามด้วยสายตาคาดหวัง หลินหลีมองไปยังป๋ายเสี่ยวเฟย นางเริ่มเคลื่อนปราณกำเนิดหลังจากเห็นป๋ายเสี่ยวเฟยผงกศีรษะ
พร้อมกับแสงสีทอง อาภรณ์ปีกฟีนิกซ์เทวะปรากฎตัวแทนที่ชุดของนาง ถึงแม้จะไม่ใช่ครั้งแรกที่ป๋ายเสี่ยวเฟยและพวกได้เห็น พวกเขาอดไม่ได้ที่จะเหม่อมองเมื่อเห็นนางแปลงร่าง
‘เหตุใดจึงมีสิ่งที่สมบูรณ์ไร้ที่ติบนโลกได้ขนาดนี้!?’
“ใช่จริงๆ... เป็นอาภรณ์ปีกฟีนิกซ์เทวะจริงๆ !”
เฟิงอู๋เหินพึมพำ เขาหายตะลึงหลังจากหลินหลีเก็บหุ่นเชิดกลับไป
“คุณหนูหลิน โปรดรอสักครู่!”
เฟิงอู๋เหินรีบกล่าวโดยไร้เหตุผลก่อนจะกระโจนออกไปจากห้อง หลังจากผ่านไปสองนาทีเขาจึงกลับมาพร้อมกล่องประณีตรูปลักษณ์โบราณในมือ
“สิบสามปีก่อน ข้าถูกสั่งให้คุ้มกันหุ่นเชิดทรงคุณค่าจำนวนหนึ่ง แต่มีคนเปิดเผยข้อมูลให้คนนอกรู้ ทำให้ทั้งกองกำลังโจรทะลวงสวรรค์มาลอบจู่โจมเมื่อเราผ่านเขตแดนของอาณาจักรไป ฝ่ายของพวกเราถูกฆ่าสังหารเหลือเพียงไม่กี่คนในเวลาไม่นาน ในขณะนั้นเองที่ท่านหลินหนีฉางเซียนจื่อเยื้องกายลงมาจากสวรรค์สังหารกลุ่มโจรทั้งหมดในชั่วพริบตา!”
เฟิงอู๋เหินเอ่ยพร้อมเสียงที่ตื่นเต้น เขาราวกับได้ย้อนไปยังอดีตหลายปีก่อน
“ข้าอยากจะขอบคุณนางในที่นั้น แต่ท่านเซียนจื่อไม่ให้โอกาส ข้ายังคงจำถึงบุญคุณได้อยู่ในใจ ในเวลานั้นข้าเห็นหญิงสาวอายุสามสี่ขวบข้างกายนาง ข้าจึงขอร้องให้นักสร้างหุ่นเชิดเทวะฮั่วเชียนชิงเตรียมสิ่งนี้ให้ข้า”
เฟิงอู๋เหินเปิดกล่องนั้นออกมา...