ตอนที่แล้วบาทที่ 13
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบาทที่ 15

บาทที่ 14


บาทที่ 14

หงเซียวยื่นส่งวิชาวิถีเซียนไร้ลักษณ์ให้กับอีกฝ่าย วิชานี้เขาเป็นคนคิดค้นขึ้น มีอยู่เพียงแค่ชั้นปฐมเซียนไม่มีชั้นมัชฌิมเซียน เพราะว่าเขายังไม่รู้วิชาไปถึงขั้นนั้น พร้อมกับเคล็ดวิชาทั้งหมด

ผู้อาวุโสรับวิชามาพลิกอ่านด้วยความดีใจ แม้ว่าจะยากแต่เขาก็จะหาคนที่มีชีพจรเซียนปกติสักคนมาฝึกวิชาเซียนนี้ให้ได้ เขาคิดในใจ แต่เมื่อพลิกดูแล้วก็เห็นว่า หากว่าพวกเขาฝังชีพจรแมลงให้ดี พวกเขาก็มีสิทธิที่จะฝึกฝนได้ ไม่ต้องใช้คนที่มีชีพจรเซียนทั่วไป

เมื่อเห็นว่าหงเซียวจริงใจ ดังนั้นเขาจึงไม่ลังเลที่จะมอบวิชาของตนเองตอบสนอง แม้ว่าตนเองจะเจ้าเล่ห์อยู่บ้างที่ปกปิดวิธีการฝังแมลงคุณไสยใส่ร่างแต่ก็คิดว่าหงเซียวน่าจะมีวิธีลับที่จะหาทางแก้ปัญหานี้ได้ ไม่เช่นนั้นก็คงไม่มาถึงที่นี่

หงเซียวรับวิชาเซียนคุณไสยมาพลิกอ่านด้วยความสนใจ วิชานี้มีความสามารถพื้นฐานในการยืดอายุขัยและทำให้ร่างกายแข็งแรงกว่าคนทั่วไปดังเช่นวิชาเซียนทั่วไป แต่มีความสามารถเฉพาะพื้นฐานในการสื่อสารกับแมลงเป็นพิเศษ

วิชานี้มีคาถาดังต่อไปนี้คือ

คาถาใช้งานแมลง ฝังพลังเซียนลงไปในร่างแมลง เพื่อให้ทำงานให้หนึ่งอย่าง

คาถาแมลงจำแลง ใช้พลังเซียนจำลองเป็นแมลงคุณไสยที่อยู่ใกล้ตัว และส่งออกไปทำงานหรือต่อสู้ได้ สร้างได้จำนวนมาก ควบคุมด้วยตัวเองด้วยการสั่งงานง่ายๆ

คาถาแมลงรับรู้ ฝังพลังเซียนไปในร่างแมลง แล้วสามารถรับรู้สิ่งที่แมลงนั้นรับรู้ได้ภายในระยะเวลาหนึ่ง เช่นมองเห็นรังสีอุลตร้าไวโอเล็ต หรืออินฟราเรด ฟังเสียงที่มีความถี่ต่ำหรือสูงกว่าหูมนุษย์ ความสามารถในการรับรู้ความชื้น หรือแรงกดอากาศ กลิ่นที่มนุษย์ไม่ได้รับ

คาถาเซียนแมลง ใช้พลังเซียนฝังลงไปในร่างแมลง แล้วสร้างร่างจำแลงขนาดใหญ่ของแมลงนั้นขึ้นมาครอบทับร่างจริงของแมลงนั้น มีความสามารถตามสัดส่วนของแมลงตัวจริง และถูกควบคุมโดยแมลงตัวนั้น

คาถาร่างแมลง รวมร่างกับแมลงทำให้กลายเป็นกึ่งมนุษย์กึ่งแมลง มีพละกำลัง ความแข็งแกร่ง และความสามารถต่างๆ ของแมลง มีหน้าตาคล้ายกับมนุษย์แปลงตระกูลไรเดอร์ในภาพยนตร์ในโลกเดิมของศาสตราจารย์

เขาพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ ซุกเก็บไว้ก่อนที่จะพูดคุยกับผู้อาวุโสถึงเรื่องทั่วไป

“เรามัวแต่คุยกันถึงเรื่องการแลกเปลี่ยน ข้าหลิวฉิว ขอถามชื่อเสียงเรียงนามของเจ้า” ผู้อาวุโสไต่ถาม

“ข้าหงเซียว” เขาไม่ได้แนะนำบรรดาหญิงสาวให้ผู้อาวุโสรู้จัก และอีกฝ่ายก็ไม่ได้ไต่ถาม เป็นนัยว่าพวกเขาจะไม่พูดเกี่ยวกับผู้ติดตาม

“เจ้าสังกัดสำนักไหนกันรึ” ผู้อาวุโสถามด้วยความอยากรู้ เขาไม่เคยเห็นว่าวิชาในภพเซียนจะมีวิชาเซียนแบบนี้มาก่อน

“ข้าเป็นพวกเร่ร่อน ไร้สังกัด” หงเซียวตอบ

“เจ้าเป็นเซียนพเนจร อืม มีคนที่เป็นเซียนพเนจรไม่น้อยเลยทีเดียว ดูจากระดับพลังของเจ้าแล้วน่าจะเป็นเซียนได้ไม่นาน” ผู้อาวุโสกล่าว

“ผู้อาวุโสหลิวกรุณาให้คำแนะนำ ใช่ ข้าเพิ่งสำเร็จวิชาไม่นานนี้ ยังไม่รู้เรื่องภพเซียนมากนัก” หงเซียวประสานมือขอคำแนะนำ

“ฮาฮา เจ้ามาได้ถูกจังหวะ อีกเดือนหนึ่งข้างหน้า จะมีงานชุมนุมหมื่นเซียนที่ผารับอรุณ ถ้าเจ้าไม่มีสิ่งใดก็มาเป็นแขกของสำนักเราสักเดือน เราจะได้แลกเปลี่ยนความรู้กัน เจ้าเห็นว่าอย่างไร” ผู้อาวุโสหลิวกล่าวอย่างอารมณ์ดี

“ในเมื่อผู้อาวุโสหลิวชักชวน หากข้ามิตอบรับก็คงเป็นการหมิ่นท่านแล้ว” หงเซียวกล่าว

ผู้อาวุโสหลิวพาหงเซียวและสี่สาวเดินทางไปยังท้ายหมู่บ้าน ที่นั่นมีบ้านที่แยกออกมาเฉพาะ มีสวนดอกไม้รายรอบสวยงาม

“เจ้าพักอยู่ที่นี่ก็แล้วกัน หากต้องการสิ่งใดก็สามารถบอกกับเด็กที่มาส่งอาหารให้ได้” ผู้อาวุโสหลิวกล่าว

“มีเรื่องหนึ่งผู้อาวุโสหลิว ไม่ทราบว่าที่นี่มีเมล็ดพันธุ์ของพืชศักดิ์สิทธิ์อยู่บ้างหรือไม่ ข้าต้องการปลูกต้นไม้ระหว่างที่รองานชุมนุมหมื่นเซียนที่จะมาถึง” หงเซียวกล่าว

“โอ ไม่คิดว่าเจ้าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการปลูกต้นไม้” ผู้อาวุโสหลิวแสดงท่าทางแปลกใจ

“ถ้าเป็นสมุนไพรทั่วไปล่ะก็อาจจะใช่ แต่ว่าข้าเพิ่งเข้าสู่วิถีเซียนยังไม่รู้จักสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์มากมายเท่าไหร่นัก” หงเซียวกล่าวไม่เชิงถ่อมตัวดีนัก

“ยังงั้นรึ ถ้าเช่นนั้นอย่างช้าไม่เกินพรุ่งนี้ข้าจะให้เด็กนำเอาเมล็ดพันธุ์สมุนไพรเซียนมาให้ลองฝึกปลูกดู เป็นอย่างไร” ผู้อาวุโสหลิวแนะนำ

“ต้องขอบคุณผู้อาวุโสเป็นอย่างยิ่ง ถ้าต้องการให้ช่วยเหลือสิ่งใดก็อย่าลังเลที่เรียกหาข้า” หงเซียวกล่าว เขาคิดว่าที่นี่น่าจะต้องการให้เขาช่วยเหลือในเรื่องของการรักษาอายุแมลงศักดิ์สิทธิ์อยู่ เพราะการฝึกวิชาที่เขาให้ไปนั้นอีกฝ่ายคงต้องปรับตัวและทำความเข้าใจเนื้อหาอยู่พอสมควร และอีกอย่างเขาก็ต้องการหาพันธมิตร

“ข้ามิลืมแน่นอน” ดูเหมือนผู้อาวุโสหลิวจะรอคำคำนี้ของเขาอยู่เช่นกัน เขาดีใจมากที่หงเซียวยอมยื่นมือเข้าช่วยเหลือ

ต้องรู้ว่าแมลงศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นแมลงคุณไสยที่พวกเขามีนั้นมีเพียงสายพันธุ์เดียว และสายพันธุ์นี้มีอายุเพียงยี่สิบปีเท่านั้น เพราะว่าไม่ใช่แมลงศักดิ์สิทธิ์ทุกตัวที่ใช้สร้างเป็นแมลงคุณไสยได้ ทั้งแมลงศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้เพาะเลี้ยงออกมาได้ง่ายๆ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นสำนักของพวกเขาคงขยายตัวมากไปกว่านี้มากนัก อีกทั้งพวกเขายังต้องแบ่งแมลงส่วนหนึ่งไปหล่อเลี้ยงเซียนที่แมลงศักดิ์สิทธิ์คุณไสยในร่างกำลังจะตายด้วย ทำให้แมลงศักดิ์สิทธิ์คุณไสยที่จะใช้นั้นยิ่งมีน้อยลงไปอีก ทำให้พวกเขาต้องวางแผนการใช้งานแมลงศักดิ์สิทธิ์ให้ดีที่สุด

เพียงแค่เวลาผ่านไปสองชั่วโมง ผู้อาวุโสหลิวก็ยิ้มกริ่มกลับมาพร้อมกับเมล็ดพันธุ์พืชศักดิ์สิทธิ์กว่าสิบสายพันธุ์รวมจำนวนเมล็ดกว่าร้อยต้นมามอบให้ สร้างความตื่นตะลึงให้กับหงเซียวกับบรรดาสาวๆที่กำลังปรับปรุงบ้านในเรื่องของที่พักและห้องน้ำอยู่

แต่ผู้อาวุโสหลิวไม่ได้มาคนเดียว เขาพาเจ้าสำนักมาด้วย พร้อมด้วยผู้อาวุโสคนอื่นๆอีกสองคน

“หงเซียว ข้าขอแนะนำให้เจ้ารู้จัก นี่คือเจ้าสำนักเซียนคุณไสยของพวกเรา กู่ชิง และนี่คือผู้อาวุโสจงขุย และผู้อาวุโสหนิวปัง” ผู้อาวุโสหลิวแนะนำ

“คารวะท่านเจ้าสำนัก คารวะผู้อาวุโส” หงเซียวอ่อนน้อมถ่อมตนอยู่แล้วจึงไม่มีปัญหาในเรื่องของมารยาท หญิงสาวทั้งสี่ที่เบื้องหลังยิ่งได้รับการอบรมมาเป็นอย่างดีจึงไม่มีปัญหา

“ข้าได้ยินว่าเจ้าได้นำวิชาเซียนมาขอแลกเปลี่ยนกับวิชาของพวกเรา ซึ่งสิ่งที่เจ้านำมานั้นต้องบอกตามตรงว่าเป็นสิ่งที่แก้ไขจุดอ่อนของพวกเราพอดี ซี่งคนภายนอกก็รู้กันทั่วไปถึงจุดอ่อนนี้ นี่นับว่าเป็นการส่งฟืนไฟกลางหิมะ ถือว่าเจ้าเป็นผู้มีบุญคุณคนหนึ่งของสำนักเรา” เจ้าสำนักประสานมือรับคารวะแล้วกล่าว เช่นเดียวกับผู้อาวุโสอีกสองคนที่ด้านหลังก็ประสานมือรับเช่นกัน

“ท่านเจ้าสำนักก็กล่าวเกินไป ข้าเองก็เพียงต้องการแลกเปลี่ยนเท่านั้น” หงเซียวกล่าวถ่อมตน

“อย่างไรก็ตามตอนนี้พวกเราก็ยังมีแมลงคุณไสยอีกจำนวนหนึ่งที่กำลังจะสิ้นอายุไข ซึ่งวิชาที่เจ้าได้เอามานั้นจะใช้ได้ไม่ทันการณ์ในการยื้อชีวิตแมลงศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้น เพราะว่ายังไม่มีใครที่จะสามารถฝึกวิชานี้ได้ทัน พวกเราจึงต้องมาขอร้องให้เจ้าช่วยเหลือยืดอายุขัยของแมลงเหล่านี้ด้วย หวังว่าคงไม่รบกวนเจ้ามากเกินไป” เจ้าสำนักกล่าวเข้าเรื่องโดยไม่อ้อมค้อม

“ลำบากเพียงยกมือ ท่านเจ้าสำนักมิต้องกังวล ท่านสามารถเอาแมลงออกมาทั้งหมดได้เลย ข้าจะจัดการให้” หงเซียวยิ้มกล่าว พร้อมกับดึงพัดที่เหน็บเอวออกมาคลี่พัดให้ตัวเองเบาๆด้วยความผ่อนคลาย

หนึ่งในผู้อาวุโสทั้งสองคนทึ่ตามมาด้านหลังไม่รอช้า เขานำเอาแมลงตัวหนึ่งออกมาถ่ายทอดพลังเซียนลงไป แมลงตัวนั้นก็ขยายตัวออกจนเหมือนกับโต๊ะยาว จากนั้นทั้งสองคนนั้นต่างพากันเอาตลับหยกจำนวนมากออกมาเปิดให้เห็นแมลงชีปะขาวตัวเต็มวัยในตลับเหล่านั้น แมลงแต่ละตัวนั้น ก็จะสามารถใช้แทนจุดชีพจรได้หนึ่งจุด และคนหนึ่งคนก็ต้องการเก้าตัวเพื่อให้บรรลุถึงระดับสูงสุดระดับเก้าปฐมเซียน

เมื่อทุกสิ่งเรียบร้อยแล้ว หงเซียวก็ปล่อยมือจากพัดที่กำลังใช้โบกพัดตัวเองอยู่ ซึ่งมันก็ลอยคว้างไปเหนือตลับหยกทั้งหมดนั้น หมุนวนอยู่ด้านบนจานหยกนั้น ซึ่งทุกคนต่างก็เห็นว่ามีพลังเซียนชนิดหนึ่งพวยพุ่งออกมาจากพัดเข้าสู่แมลงทุกตัวที่อยู่ในตลับหยกหลังแมลงยักษ์ตัวนั้น

ชั่วขณะหนึ่งพัดก็หมุนคว้างกลับไปสู่มือของหงเซียว และต่อจากนั้นไม่นานนักหนอนอวบอ้วนก็ไต่ออกมาจากภายในแมลงชีปะขาวนั้นและกัดกินซากที่เหลือจนหมดสิ้น ต่อจากนั้นผู้อาวุโสทั้งสามก็พากันรีบนำแมลงเหล่านั้นใส่ลงไปในขวดน้ำที่เตรียมไว้ในทันทีด้วยท่าทางตื่นเต้นเป็นที่สุด

“นี่เป็นการช่วยเหลือพวกเราอย่างสูง พวกเราจะไม่ถือว่าเป็นคนนอกอีก และหากว่าเจ้ามีเวลาจะเข้าไปเยี่ยมหอคัมภีร์ของสำนักเรานั่นก็มิมีปัญหาใดทั้งสิ้น” เจ้าสำนักกล่าว

เขาเห็นว่าหงเซียวไม่ได้ประโยชน์อะไรมากนักกับการมาช่วยพวกเขา ในเมื่อวิชาของพวกเขาเป็นวิชาเฉพาะใช้กับแมลงเท่านั้น จึงรู้สึกละอายใจและยินยอมให้หงเซียวเข้าไปในหอคัมภีร์ของตนเอง เผื่อจะช่วยเหลือหงเซียวอะไรได้บ้าง

“ขอบคุณท่านเจ้าสำนัก” หงเซียวตาเป็นประกายน้อมรับ เช่นเดียวกับเด็กสาวทั้งสี่

“ข้าคงไม่รบกวนเจ้าแล้ว เชิญตามสบาย” เจ้าสำนักกล่าว เขาเป็นผู้ที่มีอายุหลายร้อยปี เมื่อพบเจอกับเด็กหนุ่มสาวที่มีอายุราวยี่สิบปี เขารู้สึกว่าตัวเขาเองไม่เข้ากับบรรยากาศของคนเหล่านั้น

“ส่งท่านเจ้าสำนักและผู้อาวุโส” หงเซียวและหญิงสาวทั้งสี่พากันประสานมือค้อมตัวส่งทุกคนจากไป

“พี่ชาย เมล็ดพันธุ์พวกนี้” จินหลินตาเป็นประกายกับเมล็ดพันธุ์ที่ได้รับ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด