81 ดาบของดาบปีศาจ
81 ดาบของดาบปีศาจ
หน้าและใบหูของหลี่เย้าแดงก่ำ เขาเกาหัวด้วยความเขินอาย “ผมไม่คิดเลยว่า คุณจะเป็นดาบปีศาจเผิงห่าย ถ้าผมรู้ ผมคงไม่กล้าซ้อมมือกับคุณหรอก นั่นไม่ใช่ว่าผมกำลังหาเรื่องตายอยู่หรอกเหรอ?”
เผิงห่ายยิ้มเล็กน้อยและพูดต่อว่า “เรื่องที่สอง ในนิกายซื่อเซียว โรงเรียนมัธยมซื่อเซียวที่สอง และบริษัทขนส่งซื่อเซียวที่อยู่ภายใต้การดูแลของฉันนั้นเป็นคนละองค์กรกัน แล้วฉันก็ทำสัญญากับบริษัทขนส่งซื่อเซียวไว้แค่หกปีเท่านั้น เมื่อหมดสัญญาเมื่อไหร่ ฉันก็จะไม่เกี่ยวข้องอะไรกับพวกเขาอีก ฉันสามารถออกมาได้ในทันที!”
“แม้แต่ตอนนี้ ถึงแม้ว่าสัญญาจะยังไม่หมดก็ตาม ขอแค่ฉันจ่ายค่าชดเชยไหว ฉันก็สามารถออกจากนิกายซื่อเซียวได้เหมือนกัน!”
“พูดตามตรง ฉันเป็นแค่พนักงานของนิกายซื่อเซียวเท่านั้น ไม่ใช่ศิษย์ของนิกาย พอฉันได้รู้เรื่องข้อตกลงที่ไม่เป็นธรรม ระหว่างเธอกับโรงเรียนมัธยมซื่อเซียวที่สอง ฉันก็โมโหมาก แต่ฉันก็หวังว่า เรื่องงี่เง่าแบบนั้นจะไม่ส่งผลต่อมิตรภาพของพวกเรา บอกตามตรงนะ ฉันไม่ได้ชอบพวกโง่ที่อยู่โรงเรียนมัธยมซื่อเซียวที่สองเลยสักคน!”
หลี่เย้าต้องตกตะลึงอีกครั้ง ในใจของเขาเกิดความรู้สึกแปลกๆขึ้นมา
เขาไม่คิดเลยว่า คำพูดหยาบคายอย่าง “พวกโง่” จะออกมาจากปากดาบปีศาจเผิงห่าย ไอดอลของเขาได้
เขาทำราวกับคิดไม่ถึงว่า ผู้ฝึกตนนั้นจะถ่ายและปัสสาวะได้เหมือนคนทั่วๆไป
ถึงแม้จะคิดดูดีดีแล้วว่า พวกผู้ฝึกตนต่างก็เป็นมนุษย์เหมือนกัน พวกเขาต้องกิน, ดื่ม, และทำเรื่องต่างๆเหมือนคนทั่วไป แต่ถ้าพวกเขาไปเจอผู้ฝึกตนในห้องน้ำสาธารณะ พวกเขาก็คงจะตกใจสุดขีดอยู่ดี
เผิงห่ายยิ้มออกมาอีกครั้ง
รอยยิ้มของเขาสดใสและมีชีวิตชีวา ราวกับเด็กอายุ 20 ที่ซุกซน เขาลดเสียงลงและพูดว่า “คิดๆดูแล้ว ตอนที่ฉันยังเรียนอยู่ที่โรงเรียนมัธยมซื่อเซียวที่สอง และยังไม่เป็นที่รู้จัก ฉันก็ถูกพวกเขากดขี่เหมือนกัน ไอ้โง่พวกนั้นกดขี่และสร้างความลำบากให้กับฉัน หลายๆครั้งฉันก็เป็นเหมือนกับเธอ ที่อยากจะออกจากโรงเรียนนั้นไปให้รู้แล้วรู้รอด แต่พอได้เห็นหน้าของครูซุนเปียว ฉันก็ต้องล้มเลิกความคิดนั้นไป นักเรียนหลี่เย้า นายได้ทำในสิ่งที่ฉันทำไม่สำเร็จในอดีตได้!”
เมื่อได้ฟังคำพูดเหล่านี้ หลี่เย้าก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา เขารู้สึกว่าระยะห่างระหว่างพวกเขานั้นหดสั้นลง
เมื่อเขามองดูเผิงห่ายอีกครั้ง เผิงห่ายไม่ได้ดูสูงส่งและทรงพลังอีกแล้ว เขาได้กลายเป็นเหมือนพี่ชายที่หลี่เย้าไว้เนื้อเชื่อใจคนหนึ่งแทน
เผิงห่ายตบไหล่ของหลี่เย้า ด้วยแววตาแสดงความขอบคุณอย่างไม่มีปิดบัง เขาพูดว่า “เอาแบบนี้ดีไหม? นายมั่นใจสำหรับการสอบในปีนี้รึเปล่า?”
“แน่นอนครับ!” หลี่เย้ายืดอกอย่างเต็มที่ เขาไม่อยากแสดงความอ่อนแอต่อหน้าเผิงห่าย
“มีความทะเยอทะยานดี! ฉันชอบ!”
เผิงห่ายชกไปที่หน้าอกของหลี่เย้าเบาๆและพูดว่า “โรงเรียนมัธยมซื่อเซียวที่สองไม่ได้วิเศษวิโสอะไร ในเมื่อนายออกมาจากโรงเรียนนั้นแล้ว ก็ลืมมันไปซะ อีกหนึ่งเดือนต่อจากนี้ ฉันจะไปฝึกที่ดินแดนรกร้างเพื่อพัฒนาระดับร่างกายของฉันขึ้นไปอีกขั้น จนกว่าจะถึงตอนนั้น นายสามารถใช้ห้องฝึกแห่งนี้ได้ นายสามารถเลือกใช้ยาเสริมและยาบำรุงตามใจชอบ ฉันจะรับผิดชอบทั้งหมดเอง!”
ติงหลิงตางที่ยืนอยู่ข้างๆ จับจ้องไปที่เผิงห่ายด้วยดวงตาที่เบิกกว้างและตะโกนออกมาว่า “รุ่นพี่เผิง มันจะเกินไปแล้วนะ! เรารู้จักกันมาตั้งนาน แต่ไม่เห็นพี่จะให้ฉันยืมห้องฝึกบ้างเลย ขนาดเดือนเดียวพี่ก็ยังไม่ยอม แล้วทำไมพี่ถึงได้ใจกว้างกับเจ้าเด็กนี่ขนาดนี้กัน?”
เผิงห่ายยิ้มบาง “นี่เป็นข้อตกลงทางธุรกิจระหว่างฉันกับเขายังไงล่ะ”
หลี่เย้ามองดูรอบๆ แต่เขาก็มองๆไม่เห็นอะไรภายในห้องเล็กๆนี้เลย ที่จะดูแปลกประหลาดออกไป
แต่เขารู้ดีว่า ในเมื่อห้องนี้คือห้องฝึกส่วนตัวของเผิงห่าย มันจะต้องมีความลับบางอย่างที่ถูกซ่อนเร้นเอาไว้จากสายตา และเป็นส่วนที่ใช้สำหรับฝึกฝนที่แท้จริง เขาจึงอดถามออกมาไม่ได้ว่า “ข้อตกลงอะไรเหรอครับ? คุณอยากได้อะไรจากผมเหรอ?”
เผิงห่ายชูนิ้วขึ้นมาสองนิ้ว “นายมีสองทางเลือก”
“ทางเลือกแรก ฉันจะให้นายใช้ห้องฝึกของฉันได้ฟรีๆโดยไม่คิดเงิน พร้อมกับเตรียมน้ำยาเสริมความแข็งแกร่งและทรัพยากรอื่นๆให้ด้วย ไม่ว่านายจะต้องใช้ไปเท่าไหร่ นายก็จะได้มันจนกระทั่งถึงเวลาสอบ คิดซะว่า ฉันกำลังลงทุนกับนายอยู่! จนกว่านายจะก้าวขึ้นไปถึงระดับเขตแดนวิญญาณ นายไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินคืนฉัน! แล้วนายเกิดว่านายโชคดีพอ ได้กลายเป็นผู้ฝึกตนระดับเขตแดนวิญญาณ ในตอนนั้น นายก็ไปที่ดินแดนรกร้างและฆ่าสัตย์อสูรที่แข็งแกร่งที่สุดเพื่อเป็นการตอบแทนฉัน!”
“นั่นถือว่ายุติธรรมดี แล้วทางเลือกที่สองล่ะครับ?”
หลี่เย้าคิดใคร่ครวญ ด้วยข้อตกลงนี้ เผิงห่ายก็ไม่ถือว่าขาดทุนอะไร มันก็เหมือนกับการโยนเบ็ดออกไปไกลๆเพื่อจับปลาตัวใหญ่ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้เป็นผู้ฝึกตน เผิงห่ายก็สูญเสียเพียงแค่น้ำยาเสริมความแข็งแกร่งเท่านั้น
ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเงินจำนวนมหาศาลสำหรับหลี่เย้า แต่สำหรับเผิงห่ายแล้ว มันก็เป็นแค่น้ำหยดหนึ่งในถังน้ำเท่านั้น
เมื่อหลี่เย้าก่อแกนสีทองขึ้นมาได้ เขาก็จะสามารถสังหารสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งพอๆกับระดับเขตแดนวิญญาณลงได้ ซึ่งมันมีมูลค่าเทียบเท่าได้กับเมืองสองเมือง!
“ทางเลือกที่สอง ฉันจะลงทุนกับนายเหมือนทางเลือกแรก แต่นายไม่จำเป็นต้องไปฆ่าสัตว์อสูรให้กับฉัน ขอแค่นายเรียกฉันว่า...พี่เผิงก็พอ!”
เผิงห่ายพูดออกมาด้วยแววตาที่เป็นประกายสว่างไสว
หลี่เย้าตกตะลึง กว่าที่เขาจะมีปฏิกิริยาตอบกลับได้ ก็ต้องใช้เวลาอยู่นาน หัวใจของเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้น
ดาบปีศาจเผิงห่าย คนที่เป็นที่พูดถึงในเมืองฝูเกอและเป็นดาวรุ่งในโลกของผู้ฝึกตน คิดไม่ถึงเลยว่า คนแบบเขาจะอยากเป็นเพื่อนกับคนที่ไร้ชื่อเสียงอย่างหลี่เย้า!
ถ้าเขาเลือกทางเลือกแรก ถ้าอย่างนั้น มันก็จะเป็นเพียงแค่ข้อตกลงทางธุรกิจ เป็นการลงทุนอย่างหนึ่งเท่านั้น เผิงห่ายจะจ่ายเงินเล็กๆน้อยสำหรับค่าทรัพยากร และเมื่อหลี่เย้าตัดหัวสัตว์อสูรได้ เผิงห่ายก็จะได้รับกำไรคืนมาถึงร้อนเท่า เมื่อธุรกิจจบลง ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาสองคนก็เป็นอันจบลง!
แต่ถ้าเขาเลือกทางที่สอง มันจะเป็นข้อตกลงระยะยาว เผิงห่ายจะเป็นเพื่อนของเขา และจ่ายเงินในฐานะของเพื่อนคนหนึ่ง!
“พี่ห่าย!”
หลี่เย้าตะโกนออกมาโดยไม่ลังเล แต่ในหัวของเขากลับยังเหลือความสับสนมากมายเอาไว้ เขาอดถามออกมาไม่ได้ว่า “พี่ห่าย ต่อมไพเนียลของผมฉีกขาด แล้วอัตราการตื่นของรากวิญญาณก็เหลือแค่ 7% เท่านั้น ในตอนที่ทุกคนต่างก็มองผมในแง่ลบ แต่ทำไมพี่ถึงยังมั่นใจในตัวผมล่ะครับ? ทำไมพี่ถึงยังเชื่อว่าผมจะยังบ่มเพาะต่อไปได้ และจะกลายเป็นผู้ฝึกตนระดับเขตแดนวิญญาณในสักวันหนึ่ง?”
เผิงห่ายยิ้ม “มันง่ายมาก เพราะว่าฉันเคยเจอคนที่เหมือนนายมาก่อนยังไงล่ะ ตอนอายุได้ 13 ปี เธอเป็นสุดยอดอัจฉริยะที่มีอัตราการตื่นของรากวิญญาณอยู่ที่ 85! แต่อยู่ๆ อัตราการตื่นของเธอก็ร่วงลงไปอยู่ที่ 11% เธอแทบจะลุกขึ้นยืนไม่ได้ด้วยซ้ำ แล้วเธอก็กลายมาเป็นคนพิการ ทุกคนต่างก็เชื่อว่า เธอไม่สามารถบ่มเพาะได้อีกต่อไปและต้องใช้ชีวิตอยู่บนเตียงนอนแทน!”
“แต่คนคนนี้ ไม่เพียงแต่จะลุกขึ้นมาได้อีกครั้งด้วยความพยายามนับร้อยครั้งของเธอ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่มีใครสามารถจินตนาการได้ เธอสามารถก้าวเข้าสู่เส้นทางแห่งการบ่มเพาะได้อีกครั้ง ในตอนที่เธออายุได้ 22 ปี เธอก็ทะยานขึ้นไปอยู่ในระดับกลั่นวิญญาณ!”
“ถ้าฉันเดาไม่ผิด อย่างมากที่สุดก็คงจะปีครึ่ง เธอจะสำเร็จขั้นรากฐานและกลายเป็นหนึ่งในผู้ฝึกตนระดับรากฐานวิญญาณที่อายุน้อยที่สุดในสหพันธรัฐ และถ้านายให้เวลาเธออีกสัก 30-50ปี...เธอก็จะกลายมาเป็นผู้ฝึกตนระดับรวมวิญญาณที่อายุน้อยที่สุดของสหพันธรัฐได้!”
“มีคนที่น่ากลัวขนาดนั้นด้วยเหรอเนี่ย!?”
หลี่เย้ารู้สึกประหลาดใจ เขาจึงอดที่จะถามออกไปไม่ได้ว่า “เธอเป็นใครเหรอครับ? แล้วตอนนี้เธอเรียนอยู่มหาวิทยาลัย หรือเป็นศิษย์ของนิกายไหน?”
รอยยิ้มบางผุดขึ้นมาบนใบหน้าของเผิงห่าย “เธอก็อยู่ข้างๆนายนั่นไง”
“อะไรนะ!?”
หลี่เย้าตะลึงงัน เขาหันหน้าไปมองติงหลิงตาง
เขาไม่คิดเลยว่า ผู้หญิงประหลาดคนนี้จะมีอดีตที่คาดไม่ถึง
ไม่แปลกใจเลยที่เธอพูดว่า “ฉันเห็นตัวเองในตัวนาย”
หรือนี่จะเป็นสาเหตุที่เธอไม่ทิ้งเขาและไม่หมดหวังในตัวเขา?
ติงหลิงตางหน้าตึงและกัดริมฝีปาก เธอดูคล้ายกับคนที่สวมหน้ากากเอาไว้ มันเป็นยิ่งที่แสดงให้เห็นว่า เธอไม่ต้องการให้ใครมองเข้าไปในตัวเธอได้
เผิงห่ายก็รู้ว่าเธอไม่อยากจะพูดเรื่องในอดีตของตัวเอง เขาจึงรีบเปลี่ยนประเด็นและพูดกับหลี่เย้าว่า “ตอนนี้นายก็เข้าใจแล้วใช่ไหม นักเรียนหลี่เย้า? ถึงแม้ว่าโลกทั้งใบจะไม่สนใจนาย ถึงแม้ว่าจะไม่มีใครเชื่อว่า นายจะสามารถลุกขึ้นมาได้อีกครั้ง แต่ติงหลิงตางและฉันคือคนสองคนที่ยังเชื่อว่า นายจะสามารถสร้างปาฏิหาริย์ขึ้นมาได้!”
ความอบอุ่นแทรกซึมไปทั่วทุกอณูในร่างกายของหลี่เย้า
“ไม่คิดเลย ว่าจะยังมีคนในโลกใบนี้ ที่ยังเชื่อในตัวของฉันอยู่!”
เมื่อเขาฟื้นขึ้นมา ศาสตราจารย์เซี่ยแห่งมหาวิทยาลัยเชินห่ายไม่เชื่อว่าเขาจะสามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ และจากนั้น ก็เป็นโรงเรียนมัธยมซื่อเซียวที่สองที่ขอให้เขาออกจากโรงเรียน
สองเรื่องนี้ ทำให้เขารู้สึกผิดหวังอย่างมาก
แต่ในเวลานี้ ความผิดหวังทั้งหมด ถูกเขาโยนทิ้งทะเลไป ดวงตาของหลี่เย้าฉ่ำน้ำ เลือดในกายเดือดพล่าน และเขาจะสู้อย่างบ้าคลั่งราวกับพายุหมุน!
“ได้ครับ!”
หลี่เย้าไม่ลังเลอีกต่อไป และตอบรับความหวังดีจากเผิงห่ายในทันที
“พี่ห่าย ในเมื่อเราเป็นเพื่อนกันแล้ว คำขอบคุณก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป แต่ผมมีอย่างหนึ่งที่อยากจะพูด ถ้าวันหนึ่ง ผมได้กลายมาเป็นผู้สร้างระดับแกรน์ ผมจะสร้างดาบที่สมบูรณ์แบบ ที่สามารถแยกทะเลและตัดดวงดาวให้กับพี่!”
ขอแค่เขาดูดกลืนส่วนสุดท้ายของความทรงจำของโอเย่หมิงได้ หลี่เย้าก็มั่นใจว่า เขาจะสามารถสร้างอุปกรณ์วิเศษของนิกายป่ายเลี่ยนขึ้นมาได้!
เผิงห่ายหัวเราะออกมา
“ได้สิ นายจริงใจดี ฉันจะรอคอยให้วันนั้นมาถึงก็แล้วกัน แต่ดาบก็ไม่ได้จำเป็นขนาดนั้นหรอก เพราะฉันเชี่ยวชาญทั้งดาบ, ง้าว, ตรีศูล, เคียว, ง่าม, รวมทั้งหมด 17 ชนิดด้วยกัน ฉันไม่จำเป็นต้องใช้แค่ดาบอย่างเดียว ถ้านายสามารถสร้างดาบบินให้ฉันได้สัก8-10เล่ม ฉันก็จะรับมันเอาไว้ทั้งหมด!”
“แล้วทำไมทุกคนถึงเรียกพี่ว่า ‘ดาบปีศาจ’ล่ะ ทั้งที่พี่ไม่ได้ใช้ดาบเลย?” หลี่เย้ารู้สึกมึนงงขึ้นมาอีกครั้ง
เขาพบว่า เมื่ออยู่ต่อหน้าเผิงห่าย สมองของเขาดูเหมือนจะทำงานไม่ค่อยดีนัก
เผิงห่ายขยิบตา เขาได้เผยสีหน้าเดียวกันกับ “ตัวอันตรายของโลกผู้ฝึกตน” ซุนเปียว พร้อมกับรอยยิ้ม เขาพูดว่า “ชื่อเล่น ‘ดาบปีศาจ’ เป็นชื่อที่ฉันตั้งใจเปิดเผยให้คนภายนอกได้รับรู้ ในตอนนี้ ทั่วทั้งโลกของผู้ฝึกตน ทุกคนต่างก็รู้จักฉันในชื่อของดาบปีศาจ และเชื่อไปแล้วว่า ฉันใช้ดาบในการต่อสู้ พวกเขาจะรู้ได้ยังไงว่าความจริงแล้ว ฉันเชี่ยวชาญอย่างอื่นด้วย? ในสถานการณ์ที่ฉันกำลังต่อสู้อยู่ ถ้าอยู่ๆฉันก็เอาดาบบินออกมาสัก 17-18 เล่ม หรือหอก 20 ด้าม หรือใช้ภาพลวงตา ทำให้ตัวฉันมีสามหัว, หกแขน และถือขวานยาว 7-8 เมตร พวกเขาจะไม่ตกใจหรอกเหรอ? ในเวลานี้ พวกเขาก็จะเริ่มคิดแล้วว่า ‘ดาบปีศาจ’ คืออาวุธลับที่ฉันซ่อนเอาไว้ ในขณะที่พวกเขากำลังตกใจอยู่นั้น มันก็มากพอที่จะถูกฉันฟันได้เป็นร้อยครั้งแล้ว จำเอาไว้ ในสงครามล้วนขึ้นอยู่กับเล่ห์เพทุบาย!”
หลี่เย้าเหงื่อแตกพลั่ก ในที่สุดเขาก็ได้รู้ว่า “พี่เผิง” ของเขา คือลูกศิษย์ของ “ตัวอันตรายของโลกผู้ฝึกตน” ซุนเปียวจริงๆ พวกเขาทั้งสองต่างไม่มีความละอายใจอยู่เลย!
“มันจะไม่แย่เหรอครับ ที่มาเปิดเผยความลับสำคัญแบบนี้น่ะ?”
“มันไม่สำคัญหรอก ทุกคนในโลกของผู้ฝึกตนรู้จักนิสัยของฉันดี และแม้แต่ศัตรูของฉันก็ยังพูดว่า ฉันเป็นคนเปิดเผยและซื่อตรง ลองคิดดูว่า ถ้านายไปบอกคนอื่นๆว่าฉันไม่ได้ใช้ดาบ และฉันโกหกทุกคนว่า ชื่อ ‘ดาบปีศาจ’ เป็นแค่เรื่องที่กุขึ้นมาเท่านั้น นายคิดว่า พวกเขาจะเชื่อนายรึเปล่าล่ะ?”
หลังจากที่หลี่เย้าคิดใคร่ครวญอยู่นาน อยู่ๆเขาก็พบว่า วิธีการของเผิงห่ายทั้งเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมและฉลาดแกมโกงมาก!
“พี่ห่าย แล้วจริงๆพี่ใช้ดาบเป็นรึเปล่าครับ?”
“นายคิดว่ายังไงล่ะ?”
“ผมไม่เดาดีกว่า ถ้าอย่างนั้น ผมจะสร้างดาบสำหรับพี่, ประกอบมีดบินขึ้นมา รวมถึง กริช, มีด, ดาบแส้, ดาบใหญ่ พี่สามารถถือดาบมากมาย เพื่อให้คนทั้งโลกผู้ฝึกตนได้รู้จักนาม ‘ดาบปีศาจ’ ด้วยวิธีนี้ ครั้งหน้าที่พี่และศัตรูต้องเผชิญหน้ากัน เขาก็จะต้องกังวลว่า พี่จะเอามีดบินหรือกริชออกมาตัดลำคอของเขา หรืออยู่ๆพี่อาจจะเอาดาบใหญ่มาฟันเขาเป็นสองท่อนก็ได้ ตอนที่เขาเอาแต่คิดเกี่ยวกับอาวุธของพี่ พี่ก็สามารถเอาหอกยาวสามเมตรแทงเขาจนตายได้ จุ๊ๆๆๆ ภาพเหตุการณ์แบบนั้นคงจะน่าดูมากเลยล่ะ!”
หนึ่งผู้ใหญ่และหนึ่งเด็ก ทั้งสองก็เริ่มหัวเราะออกมาอย่างเจ้าเล่ห์พร้อมๆกัน
ติงหลิงตางที่ยืนอยู่ข้างพวกเขา ได้แต่กรอกตาจนเหลือแต่ตาขาว ความไร้ยางอายของคนทั้งสองอยู่เหนือจินตนาการของเธอไปมาก
“เอาล่ะไอ้หนู ฉันเริ่มชอบนายมากขึ้นทุกทีซะแล้วสิ มาสิ ฉันจะพานายไปดูห้องฝึกที่แท้จริงของฉัน!” เผิงห่ายพูดด้วยรอยยิ้ม