บาทที่ 13
บาทที่ 13
ชายหนุ่มในวัยยี่สิบห้าปี สวมชุดชาวบ้านออกมาขวางทางเขาไว้ ทำตัวเหมือนกับเป็นคนเฝ้าประตูหมู่บ้าน
“พี่ชายท่านนี้ ข้าพอที่จะพูดคุยกับท่านผู้นำหมู่บ้าน หรือใครที่พอจะสามารถตัดสินใจได้หรือไม่” หงเซียวประสานมือคารวะกล่าว
“เจ้าต้องการพบหัวหน้าหมู่บ้านด้วยเรื่องอะไร” ชายหนุ่มถาม
“ข้ามีวิชาบางอย่างที่สามารถยืดอายุสิ่งมีชีวิตให้ยาวนานได้ ไม่ว่าจะเป็นคนหรือสัตว์ มาขอแลกเปลี่ยน” หงเซียวกล่าว
ชายหนุ่มคนนั้นมองหงเซียวขึ้นลง และก็พบเห็นว่าอีกฝ่ายแผ่พลังเซียนออกมา แต่ว่ายังอยู่ในชั้นปฐมเซียน จึงกล่าวว่า “เช่นนั้นรอสักครู่ ข้าจะเรียกผู้อาวุโสมาพูดคุยกับเจ้า” เขากล่าว
ในเมื่อเห็นว่าหงเซียวเป็นพวกเซียนเช่นกันดังนั้นเขาจึงไม่ต้องเสแสร้งเป็นคนธรรมดาต่อไป หยิบเอาแมลงออกมาตัวหนึ่งก่อนจะส่งมันบินเข้าไปในหมู่บ้าน
เพราะว่าพวกเขาต้องเดินทางไปในที่ต่างๆ เพื่อไม่ให้ภูษาเซียนของตนเองเป็นที่สงสัย บรรดาหญิงสาวต่างพากันเลียนแบบหงเซียว เปลี่ยนรูปร่างของภูษาเซียนของตนเองเป็นเครื่องใช้ กำไล หวี ปิ่น ตุ้มหู แหวน สร้อยคอ ผ้าแพร และเปลี่ยนผึ้งเซียนเป็นหมอกบางเบาเช่นเดียวกับของหงเซียว
หงเซียวในชุดคุณชายเจ้าสำอางสีขาวสะอาด มือถือพัดโบกเบาๆ หว่างเอวสะพายกระบี่ในฝักแคบเรียว หากดูให้ดีจะเหมือนกับเป็นกระบี่เรียบขรึมลวดลายโบราณที่สำนักพรตนิยมใช้กัน ดูไม่เหมือนกับคนจริงแต่คล้ายกับตุ๊กตากระเบื้องเคลือบสีขาว
หญิงสาวทั้งสี่คนสวมชุดหลากสีในลักษณะของหญิงสาวในตระกูลใหญ่ แม้ว่าพวกเธอจะแต่งตัวอย่างเรียบง่าย มีเครื่องประดับน้อยชิ้น แต่แต่ละคนล้วนสวยงามปานเทพธิดาชวนเคลิ้มฝัน
หลังจากที่พิจารณาหงเซียวและบรรดาหญิงสาวสักพักแล้ว ชายหนุ่มคนนั้นก็อดไม่ได้ที่จะถอนใจว่า คนพวกนี้อยู่สำนักเซียนไหนกันจึงมีรัศมีประดุจเทพเทพี และนึกน้อยใจกับสำนักของพวกเขาที่ไม่อาจก้าวล่วงระยะเวลายี่สิบปีไปได้ ทำให้สำนักของเขาเป็นเพียงแค่ครึ่งเซียนอยู่จนถึงตอนนี้
“ผู้ใดกันที่มีวิชาที่สามารถยืดอายุได้” ผู้อาวุโสคนหนึ่งพุ่งปราดออกมาจากหมู่บ้านอย่างเร่งรีบตรงมายังชายหนุ่มคนนั้น
“คารวะผู้อาวุโสหลิว ชายหนุ่มคนนี้อ้างตัวว่ามีวิชาที่สามารถยืดอายุขัยได้” ชายหนุ่มที่ด้านหน้านั้นกล่าว
“พวกเจ้าคือ...” ผู้อาวุโสหันมาทางหงเซียว
“คารวะท่านผู้อาวุโส เป็นข้าที่มีวิชาที่สามารถยืดอายุขัย ข้าคิดว่าที่นี่น่าจะต้องการ ข้าจึงมาเพื่อขอแลกเปลี่ยน” หงเซียวประสานมือคารวะ บรรดาหญิงสาวด้านหลังเขาต่างพากันประสานมือตาม
“ตามข้ามา” ผู้อาวุโสรับคารวะก่อนที่จะโบกมือแล้วหันกายเดินกลับไปในหมู่บ้าน
ผู้อาวุโสเดินเข้าไปในหมู่บ้าน พาเข้าไปในบ้านหลังหนึ่ง
ในหมู่บ้านนั้นต้องถือว่าเป็นหมู่บ้านขนาดใหญ่ ในเมื่อมีบ้านอยู่หมู่บ้านนับร้อยหลังคาเรือน แต่สิ่งที่ผิดปกติก็คือ ไม่มีใครเดินออกมากลางถนนให้เห็นแม้แต่คนเดียว ผู้อาวุโสคนนี้เป็นคนที่สองที่พวกหงเซียวเห็นจากหมู่บ้านหลังนี้
“เจ้ามีอะไรมาเสนอรึ” ผู้อาวุโสถามหลังจากที่พาพวกเขาไปนั่งยังห้องรับแขกที่กว้างขวางผิดกับภายนอก มีเด็กรับใช้ยกน้ำชามาให้ และจิบชาผ่อนคลายกันสองสามคำแล้ว
“เช่นนั้น ข้าขอรบกวนท่านผู้อาวุโสจัดหาแมลงอะไรก็ได้สักตัวมาให้ข้าทำการสาธิตให้ดู” หงเซียวกล่าว
ผู้อาวุโสครุ่นคิดว่า ถ้าอีกฝ่ายสามารถยืดอายุแมลงได้ สิ่งที่อีกฝ่ายเสนอนั้นย่อมมีค่ามหาศาล แต่เพื่อความมั่นใจ เขาจึงนำเอาแมลงสื่อสารตัวเต็มวัยตัวหนึ่งออกมาวางไว้บนโต๊ะ
หงเซียวที่คลี่พัดโบกเบาๆอยู่นั้น ได้ทำการหุบพัดแล้วนำไปใกล้กับตัวแมลง
น่าแปลกที่ว่าแมลงนั้นเป็นตัวเต็มวัยแล้ว แต่ว่ามันมีพฤติกรรมผิดปกติเมื่อมันเริ่มขดตัวและนิ่งเงียบไป
“นี่อะไรกัน” ผู้อาวุโสไม่เข้าใจ แมลงนี่ตายไปแล้วไม่ใช่หรือไร แล้วจะยืดอายุได้อย่างไร
“รบกวนผู้อาวุโสตรวจดูแมลงอีกครั้ง” หงเซียวกล่าวพร้อมกับดึงเอาพัดกลับมาคลี่และโบกพัดอย่างสบายอารมณ์เช่นเดิม
ผู้อาวุโสได้ทำการหยิบแมลงขึ้น แต่เพียงแค่หยิบเขาก็หน้าแปรเปลี่ยนไป รีบนำมาดูอย่างใกล้ชิด
เขาพบว่ามีแมลงซ้อนอยู่ในซากนั้น และแมลงที่ซ้อนอยู่ในซากนั้นเป็นแมลงตัวอ่อน นั่นหมายความว่าแมลงนี้ได้ทำการลอกคราบและเปลี่ยนจากตัวเต็มวัยเป็นตัวอ่อนระยะแรก เพียงแต่ว่ามันอ่อนแอเกินกว่าจะฉีกเปลือกของตัวเต็มวัยออกมาได้ แมลงนี้มีอายุสามเดือนและหากว่ามันกลับไปเป็นตัวอ่อนอีกครั้ง มันก็จะมีชีวิตเพิ่มอีกสามเดือน
หลังจากที่ตรวจสอบไม่พบว่ามีช่องว่างอะไรที่หงเซียวจะได้ฆ่าแมลงตัวเต็มวัยแล้วยัดแมลงตัวอ่อนนี้เข้าไปในช่องทางใดแล้ว เขาก็ได้ทำการกระเทาะเปลือกแมลงออกและนำเอาแมลงที่อยู่ภายในนั้นออกมาตรวจสอบ และก็พบว่ามันเป็นแมลงสายพันธุ์นั้นจริงๆ และดูจากเปลือกแล้ว รูปแบบของเปลือกเช่นนี้ก็คือเกิดการลอกคราบจริงๆ
แต่เพราะว่ามันลอกคราบจากตัวเต็มวัย ดังนั้นถึงแม้ว่ามันจะเป็นแมลงตัวอ่อนระยะแรก แต่ตัวของมันก็โตเทียบเท่ากับตัวเต็มวัย เขาสามารถตรวจสอบอายุมันได้โดยง่ายโดยใช้เคล็ดวิชาประจำสำนักในการตรวจสอบ และก็พบว่าอายุของมันยังไม่ถึงหนึ่งวันเสียด้วยซ้ำ
หลังจากที่ได้นั่งครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะ ผู้อาวุโสก็ทำการนำตลับหยกตลับหนึ่งออกมาจากชายเสื้อด้วยมือที่สั่นเทา
“นี่คือแมลงศักดิ์สิทธิ์ ถ้าเจ้าสามารถยืดอายุขัยมันได้ ข้าจักถือว่าเจ้ามีสิ่งที่พวกเราต้องการจริงๆ” ผู้อาวุโสกล่าวขณะวางตลับหยกนั้นบนโต๊ะ
จากที่หงเซียวและบรรดาหญิงสาวเห็นตลับหยกนั้น พวกเขาต่างก็คิดว่าเป็นตลับหยกที่สูงค่ามาก มีพลังเซียนแผ่ออกมาเป็นระยะไม่ขาดสาย และเมื่อผู้อาวุโสเปิดตลับหยกออกอย่างเบามือ พวกเขาก็เห็นแมลงตัวหนึ่งอยู่ในนั้น
มันเป็นตัวที่คล้ายกับชีปะขาว ลำตัวอวบอ้วนและยาว ไม่ว่าดูมุมไหนก็เห็นได้ชัดว่ามันคือชีปะขาวตัวเต็มวัย ที่ต่างกันก็คือ มันมีเส้นสีทองคาดอยู่บนปีก บนหลัง ดวงตาโตสีทอง ขาสีทอง หนวดสีทอง มีหนวดที่หางสองเส้นสีทอง และมีขนาดตัวใหญ่ยาวถึงหนึ่งคืบ
“ชีปะขาวศักดิ์สิทธิ์” ผู้อาวุโสไขชื่อของมันให้พวกเขาฟัง “เหลืออายุไขอีกหนึ่งปี”
หงเซียวพยักหน้า เขาหุบพัดและนำไปใกล้ๆตัวแมลงอีกครั้ง โดยมีผู้อาวุโสจ้องมองตาไม่กระพริบ
ที่ผู้อาวุโสมองเห็นด้วยสายตาของเขาก็คือ มีพลังเซียนรูปแบบหนึ่งไหลจากตัวพัดฝ่าอากาศเข้าไปในร่างของชีปะขาว และชีปะขาวนี้ก็ค่อยเริ่มซึมเซาและนิ่งลงไป
ไม่นานหงเซียวก็ดึงพัดกลับไป แต่ด้วยว่าเปลือกของแมลงชีปะขาวนั้นไม่ได้แข็ง พวกเขาก็จะพบว่ามันยังดุกดิกอยู่ชั่วขณะก่อนที่ด้านหลังของมันจะแตกออกและมีหนอนตัวอ้วนคืบคลานออกมาจากหลังของแมลงชีปะขาว
“นี่มัน...” ผู้อาวุโสผุดลุกขึ้นยืนอย่างห้ามไม่ได้ ก่อนจะรีบก้มลงไปหยิบแมลงและตลับหยกขึ้นไปตรวจสอบอย่างรวดเร็ว
แมลงตัวน้อยกัดกินเปลือกที่เป็นแมลงชีปะขาวอย่างรวดเร็ว ไม่นานมันก็กัดกินจนหมดสิ้น ระหว่างที่มันกำลังกัดกินอยู่นั้นผู้อาวุโสก็ตรวจสอบมันอย่างใกล้ชิดและสามารถยืนยันได้ว่ามันคือแมลงชีปะขาวตัวอ่อนที่เพิ่งออกมาจากไข่
ทันทีที่แมลงตัวน้อยกัดกินเปลือกของตัวมันเองจนหมดแล้ว ผู้อาวุโสก็รีบนำเอาขวดขวดหนึ่งออกมา ในนั้นมีน้ำอยู่ครึ่งหนึ่ง และใช้พลังยกแมลงตัวน้อยเข้าไปไว้ในขวดใส่น้ำนั้น ก่อนจะปิดฝาและเก็บไว้อย่างทะนุถนอม
ผู้อาวุโสหันมาทางหงเซียวกล่าวถามว่า “เจ้าต้องการอะไร” แต่ครานี้ลักษณะของผู้ที่เหนือกว่าที่แอบเก็บซ่อนอยู่ได้มลายหายไปจนหมด
“ข้าต้องการแลกเปลี่ยนวิชาเซียนนี้ กับวิชาเซียนประจำสำนักท่าน วิชาที่ใช้เลี้ยงแมลงคุณไสย” หงเซียวกล่าว
“อย่างนั้นรึ” ผู้อาวุโสไม่เข้าใจ วิชาเซียนของพวกเขานั้นสามารถโยนทิ้งไปในโลกได้เลย โดยไม่ต้องใส่ใจว่าใครจะเอาไปฝึกปรือ ในเมื่อไม่มีใครจะสามารถฝึกปรือได้ในเมื่อขาดเคล็ดวิชาในการฝังแมลงคุณไสยเข้าไปในร่างกาย ซึ่งวิชาหลังนี้ถือว่าเป็นเคล็ดวิชาที่ต้องห้ามยิ่งกว่า
นอกจากนั้นเขาก็ไม่คิดว่าหงเซียวจะนำไปฝึกปรือ ในเมื่อหงเซียวนั้นเองก็มีวิชาเซียนของตนเองอยู่แล้ว
“แน่นอนว่า ต้องรวมกับคาถากำกับวิชาเซียนทั้งหมดด้วยนะ” หงเซียวกล่าวต่อ
ผู้อาวุโสกล่าวตอบโดยไม่ต้องคิดว่า “เอาสิ”