GOI ตอนที่ 97 หุ่นเชิดตัวที่สอง! (1)
หลังจากทั้งห้องเดินตามเฟิงอู๋เหินไปยังห้องหรูหรากว้างกว่าแปดสิบตารางเมตร ทั้งหมดนั่งลงเป็นกลุ่มสองหรือสาม
“ทุกท่าน กินดื่มกันก่อน หุ่นเชิดจะถูกส่งมาในไม่ช้า และพวกท่านสามารถเลือกได้ตามใจ”
หลังจากต้อนรับสักครู่ เฟิงอู๋เหินเดินออกมาทันที การเตรียมหุ่นเชิดหลายสิบตัวหลากสายไม่ใช่สิ่งที่สามารถทำได้ในเวลาอันสั้น
“พี่ใหญ่เฟย พี่ใหญ่เฟย ท่านคิดไว้หรือยังว่าจะเลือกหุ่นเชิดตัวที่สองชนิดใด!?”
โม่ข่าขยับตัวมาข้างกายเอ่ยถามอย่างเจ้าเล่ห์ คนที่เหลือรอบด้านรีบผึ่งหูสดับฟัง
โดยเฉพาะเสวี่ยอิ่ง นางจ้องป๋ายเสี่ยวเฟยเขม็ง หุ่นเชิดตัวที่สองที่เขาเลือกจะตัดสินอนาคตของป๋ายเสี่ยวเฟย อนาคตที่ว่าเขาจะเดินเส้นทางใด สมดุลหรือจี๋เซี่ยน!
“ต้องดูว่ามีหุ่นเชิดที่เหมาะสมหรือไม่ ข้ารู้สึกว่าเรื่องพวกนี้ต้องปล่อยให้เป็นไปตามโชคชะตา”
ป๋ายเสี่ยวเฟยแย้มยิ้ม เขาไม่ได้กังวลเช่นคนอื่นเพราะสมองส่วนใหญ่ใช้ไปกับเรื่องที่ว่าทำไมเขาถึงควบคุมหุ่นเชิดตัวที่สองได้...
“พี่ใหญ่เฟย จะให้ชะตากรรมตัดสินได้อย่างไร พวกเราจะเข้าร่วมงานประลองศิษย์ใหม่ในไม่ช้า และความแข็งแกร่งของท่านเป็นดั่งเสาหลักสำคัญสำหรับพวกเรา”
ฉิงหนานเดินมาเอ่ยความคิดของตน
“พอเลย! มีการต่อสู้ไหนบ้างที่ข้าไม่มองดูจากที่ไกล? กองกำลังที่แท้จริงคือพวกเจ้าทั้งหมดต่างหาก!”
ป๋ายเสี่ยวเฟยรู้ขีดจำกัดของตนดี ก่อนที่เขาจะฝ่าด่านเข้าสู่ระดับสูงได้อย่างแท้จริง สิ่งที่เขาทำได้ในการสู้รบน้อยนิดจนน่าสมเพช ความสามารถของสายลอกเลียนแบบอยู่ที่ความกลอกลิ้งแปรเปลี่ยนไปตามสถานการณ์
นางปากมากชีเว่ยก็มาเอ่ยความคิดของตนด้วย
“แต่การต่อสู้ของพวกเราไม่อาจเป็นไปได้อย่างราบรื่นหากขาดเจ้า พวกเราต้องการให้เจ้าสั่งการ เพราะฉะนั้น หัวหน้าห้อง ข้าคิดว่าเจ้าควรมีทักษะในการปกป้องตัวเองเสียหน่อย”
แทบทุกคนในห้องคนเถื่อนคิดเช่นนี้
ด้วยอำนาจในปัจจุบันของป๋ายเสี่ยวเฟย เขาจะต้องกลายเป็นจุดศูนย์กลางของความสนใจเมื่อเข้าสู่สนามรบ ถ้าเขามีทักษะในการปกป้องตัวเองที่สูงส่ง เขาจะล่อบาทาผู้คนได้มาก
ใช่แล้ว ล่อบาทา...
“บัดซบ! เจ้าหมายความว่าเจ้าอยากให้ข้าเป็นเหยื่อ ใช่หรือไม่? เจ้าทำเช่นนี้กับหัวหน้าห้องของเจ้าได้อย่างไร! ข้าทำดีกับเจ้ามาโดยตลอด!”
ป๋ายเสี่ยวเฟยไม่ใช่คนโง่ เขาเข้าใจสิ่งที่ชีเว่ยหมายถึง แต่ไม่มีใครสนใจคำตัดพ้อของเขา
‘ใครกันที่เจ้าทำดีด้วย!?’
‘เจ้าอำมหิตกับทุกคน!?’
“ทุกท่าน ขออภัยที่ต้องขัดจังหวะ หุ่นเชิดมาถึงแล้ว”
เฟิงอู๋เหินเคาะประตูก่อนจะเดินเข้ามาขัดจังหวะหยอกล้อของชายหนุ่ม ดวงตาของศิษย์ห้องคนเถื่อนล้วนเปล่งประกาย
“เพื่อให้ง่ายต่อทุกท่านในการเลือก ข้าได้จัดส่งหุ่นเชิดเป็นหลายระลอกเพื่อที่ทุกท่านจะสามารถช่วยแนะนำกันได้”
ในฐานะผู้จัดการ เฟิงอู๋เหินจัดเตรียมทุกสิ่งได้อย่างเหมาะสม
“ไม่มีปัญหา เชิญนำหุ่นเชิดมาได้เลย”
ป๋ายเสี่ยวเฟยยิ้มพลางประกาศว่าช่วงเวลาที่รอคอยอย่างเนิ่นนานได้มาถึง
ถัดมา ภายใต้คำสั่งของเฟิงอู๋เหิน ดรุณีเยาว์วัยหลายคนในชุดกี่เพ้าเดินเข้ามา ในมือถือถาดมากมายเรียงกันเป็นแถวหน้ากระดาน มีดรุณีทั้งหมดแปดนาง และมีหุ่นเชิดทั้งหมดแปดตัว
“นี่คือหุ่นเชิดสำหรับสามคน ทั้งหมดล้วนเหมาะสำหรับ นักปรุงโอสถ นักสร้างหุ่นเชิด และนักเชิดหุ่นสายสนับสนุน”
ขณะที่เฟิงอู๋เหินเอ่ย โม่ข่า สือขุย จูนั่วและต้วนอีอีล้วนตื่นเต้นอย่างออกหน้า
สนับสนุนและฟื้นฟูล้วนเป็นแขนงจากสายสนับสนุน ทั้งสองแขนงต่างก็เรียนในสาขาแสงธำรงในสถาบัน บางคนถึงกับเลือกเรียนทั้งสองสายพร้อมกัน
“อย่างแรกคือหุ่นเชิดสำหรับนักปรุงโอสถ จากการแนะนำของสหายน้อยผู้นี้ ข้าได้เลือกหุ่นเชิดสายจู่โจมระยะไกลสองตน หนึ่งคือกระบี่มุทธา สองคือศรแก้วผลึก”
สองดรุณีดึงผ้าสีแดงข้างบนถาดออกเผยให้เห็นหุ่นเชิดสองตน ป๋ายเสี่ยวเฟยเคยเห็นหนึ่งในนั้นมาแล้ว
เป็นศรโปร่งแสงที่ฉู่กานเคยใช้เมื่อยามไล่ล่าป๋ายเสี่ยวเฟย
“มีหุ่นเชิดที่คล้ายกันด้วยหรือ?!”
ป๋ายเสี่ยวเฟยอดไม่ได้ที่จะร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ เฟิงอู๋เหินที่อยู่ข้างๆ มีสีหน้าเหม่อลอยเล็กน้อย
“สหายน้อย เจ้าไม่รู้?”
“ข้าต้องรู้ด้วย?”
ป๋ายเสี่ยวเฟยตอบคำถามด้วยคำถาม สีหน้าประหลาดใจไม่ลดน้อยลงแม้แต่น้อย เสวี่ยอิ่งที่อยู่ข้างกายเอามือปิดหน้าด้วยความอับอาย
ความรู้พื้นฐานเป็นนางที่ควรสอน แต่ด้วยอคติในใจ นอกจากสอนฝึกต่อสู้จริงในเดือนแรกแล้ว นางไม่ได้ทำสิ่งใดอีกที่เกี่ยวข้องกับคำว่า ‘อาจารย์’...
โชคดีที่เฟิงอู๋เหินไม่ได้ส่งสายตาคำถามให้เสวี่ยอิ่ง เขาเริ่มอธิบายอย่างมีมารยาท
“หุ่นเชิดแบ่งออกเป็นมีชีวิตและไร้ชีวิต ไม่ว่าจะเป็นชนิดใดก็มีความเป็นไปได้ที่พวกมันจะมีทักษะความสามารถคล้ายคลึงกัน หุ่นเชิดมีชีวิตจะสุ่มสืบทอดทักษะก่อนที่มันจะกลายเป็นหุ่นเชิด หุ่นเชิดไร้ชีวิตถูกสร้างขึ้นมาเป็น กลุ่ม ข้อแตกต่างคือระดับของพวกมัน”
“ที่เจ้าเห็นมาคงเป็นศรโปร่งแสงเพราะนักปรุงโอสถนิยมเลือกมันเป็นหุ่นเชิดตัวที่สองมากที่สุด พวกเรามีศรระดับต่ำกว่านี้หนึ่งระดับเรียกว่าศรตัดวายุ ส่วนศรตรงหน้าเจ้าคือหุ่นเชิดระดับม่วง!”
เฟิงอู๋เหินเอ่ยพลางหยิบศรแก้วผลึกขึ้นมา
“ศรแก้วผลึกจะยิงไปยังเป้าหมายที่กำหนดเมื่อเติมปราณกำเนิดเข้าไป มันมีทักษะไล่ตามเป้าหมาย ข้อได้เปรียบคือความรวดเร็วและสะดวกในการใช้งาน ข้อเสียคือมันสามารถถูกหยุด ขัดหวางและมีพลังโจมตีคงที่”
เมื่อเขาอธิบายจบ โม่ข่าก็เดินเข้าไปใกล้นานแล้ว
นี่คือหุ่นเชิดที่เขาสนใจ มันสามารถทำให้เขาหลุดพ้นจากชะตากรรมของตัวละครไร้ประโยชน์ หากเติมปราณกำเนิดของเขาเข้าไปสุดแรง พลังโจมตีจะต้องสูงส่งกว่าลูกกระสุนของฟางเย่เป็นแน่แท้!
“ความสามารถของอีกตัวล่ะ?”
ป๋ายเสี่ยวเฟยรู้สึกไม่ชอบศรแก้วผลึกอย่างมากเพราะเขาเคยถูกยิงโดยศรตัดวายุมาก่อน เมื่อเทียบกันแล้วเขารู้สึกสนใจกระบี่มุทธาสีทองคำขนาดเท่าฝ่ามือมากกว่า
“ส่วนตัวแล้วข้าแนะนำกระบี่มุทธา น่าเสียดายที่ไม่มีใครเลือกหุ่นเชิดตนนี้มากนัก”
เฟิงอู๋เหินเอ่ยอธิบายต่อพลางยื่นกระบี่มุทธาให้โม่ข่า
“สิ่งนี้ไม่อาจจู่โจมได้ทันทีหลังใช้งาน มันต้องการเวลาอย่างน้อยห้าวินาทีในการชาร์จ ในขณะนั้นมันจะอยู่ในสภาวะกึ่งหายตัว และเมื่อชาร์จเสร็จสิ้น มันสามารถปลดปล่อยการโจมตีใส่เป้าหมายใดๆ ก็ตามในระยะจู่โจม ซึ่งพลังโจมตีและระยะจู่โจมจะกำหนดโดยความนานในการชาร์จและความสูงที่กระบี่มุทธาลอยตัว”
“มันมีข้อดีมากมาย อย่างแรกคือในทางทฤษฏี มันมีพลังโจมตีไร้ขีดจำกัด อย่างที่สองมันรวดเร็วมาก และรับมือได้ยากหากใช้โจมตีทีเผลอ แต่ข้อเสียก็สาหัสเช่นกัน เนื่องจากมันต้องชาร์จ ทำให้ไม่เหมาะกับการใช้งานทันที และข้อเสียอย่างใหญ่หลวงที่สุดคือการชาร์จพลังสามารถถูกขัดขวางได้”
เฟิงอู๋เหินนิ่งเงียบรอให้โม่ข่าเลือก
แต่โม่ข่าเลือกไม่ถูก
เหมือนคนทั้งหมด โม่ข่าชอบทั้งสองตัว และสำหรับเขาแล้ว หุ่นเชิดระดับม่วงล้วนเป็นของดี เขาอยากได้ทั้งสองหากเป็นไปได้
น่าเสียดายที่เขาไม่แข็งแกร่งพอ และเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเลือกหุ่นเชิดสองตัวที่มีความสามารถคล้ายคลึงกัน
“พี่ใหญ่เฟย...”
โม่ข่าไม่อาจตัดสินใจ เขาส่งสายตาขอความช่วยเหลือไปทางป๋ายเสี่ยวเฟย