GOI ตอนที่ 96 แท้จริงแล้วเป็นใครกันแน่?
ป๋ายเสี่ยวเฟยเค้นสมองเท่าใดก็ไม่เข้าใจ เขาเดินไปยังบททดสอบที่สาม
‘บางทีวิชานี้อาจยับยั้งวิญญาณไว้’
ในใจป๋ายเสี่ยวเฟยมีความคิดผุดขึ้น แต่ด้วยเหตุผลอันใดไม่ทราบ ยังมีความมุ่งหวังปรากฎด้วย
เขารู้ว่าไม่ใช่โอกาสในการครอบครองหุ่นเชิดตัวที่สองแน่ แล้วสิ่งใดกันที่เขาหวังไว้? กระทั่งเขาเองก็ยังไม่แน่ใจ
อย่างไรก็ตาม ป๋ายเสี่ยวเฟยมีคำตอบอยู่ในใจ แค่ไม่อาจนึกออกได้...
ขณะที่ป๋ายเสี่ยวเฟยเดินเข้าไปในค่ายกลมายา ลูกบอลแสงพลันส่องประกายขึ้นในบริเวณรอบด้านและรายล้อมเขาไว้ ก่อนที่ฉากเบื้องหน้าจะเปลี่ยนแปลงไป
‘ยังเรียกว่าค่ายกลมายาได้อีกหรือ?’
‘ดูเหมือนของปลอมเกินไปแล้ว!!!’
‘จะต้องโง่เพียงใดถึงผ่านด่านนี้ไม่ได้!?‘
ในสายตาของป๋ายเสี่ยวเฟย ฉากข้างหน้าไม่ต่างอันใดจากของหลอกเด็ก เขาแยกออกว่าฉากเปลี่ยนแปลงไปขณะที่เขาเคลื่อนไหว แต่นี่ยิ่งเปิดเผยให้เห็นถึงเส้นทางที่แท้จริง
ค่ายกลมายานี้เป็นดั่งสนามเด็กเล่นสำหรับป๋ายเสี่ยวเฟย...
ทันทีที่ชายหนุ่มเดินมาสุดทาง เสียงดังทั่วห้อง
“ขอแสดงความยินดี ท่านได้ผ่านบททดสอบสุดท้าย ผลลัพธ์ของท่านไร้ที่ติ ความแข็งแกร่งของท่านเพียงพอในการควบคุมหุ่นเชิดตัวที่สองได้ทุกระดับ!”
ป๋ายเสี่ยวเฟยตกตะลึงอีกครา
‘ข้าผ่านง่ายๆ แบบนี้?’
‘แล้วข้อจำกัดที่ชายชราเทียนจีบอกข้าล่ะ?’
‘เขาโกหกหรือ?!’
‘เป็นไปไม่ได้! จะอย่างไรข้าก็เป็นศิษย์ของเขา เขาไม่มีเหตุผลที่จะหลอกลวงข้าในเรื่องนี้!’
‘เช่นนั้น...’
ป๋ายเสี่ยวเฟยอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงลำคอเมื่อคิดได้ถึงบางสิ่งเพราะมันน่าหวาดหวั่นเกินไป!
‘เป็นไปได้หรือไม่ว่าข้าเสียพรหมจรรย์ไปตอนที่ข้าไม่รู้ตัว?’
‘กับใคร!?’
‘ตอนไหน!?’
คำถามแล้วคำถามเล่าพรั่งพรูเข้ามาในใจ แต่ป๋ายเสี่ยวเฟยก็ยังคิดไม่ออกอยู่ดี เขาทำได้เพียงเดินออกจากบริเวณทดสอบอย่างช่วยไม่ได้
‘ข้าคงรู้เรื่องนี้ไม่ช้าก็เร็ว!’
‘หญิงคนนั้นต้องกระวนกระวายกว่าข้า ใช่หรือไม่!?’
ใช่แล้ว นางกระวนกระวายกว่าเจ้าแน่นอน ถึงกับเกือบจะทุบตีเจ้าในหลายโอกาส!
ขณะที่คนอื่นซุบซิบไปทั่ว ป๋ายเสี่ยวเฟยเดินออกจากห้องทดสอบ ทุกคนตกตะลึงเมื่อเห็นสีหน้าสับสนของป๋ายเสี่ยวเฟย
‘เขาออกมาแล้ว!?’
‘สอบไม่ผ่านหรือ!?’
“ขอแสดงความยินดี ท่านสามารถควบคุมหุ่นเชิดตัวที่สองอย่างได้อย่างสมบูรณ์แบบ อยากเข้ารับทดสอบหุ่นเชิดตัวที่สามหรือไม่?”
คำพูดของพนักงานทำให้ทุกคนเบิกตากว้าง ใบหน้าเหลือเชื่อปรากฎให้เห็นโดยทั่ว
‘เขาผ่านได้เร็วขนาดนี้ได้อย่างไร!?’
“ไม่ แค่นี้พอแล้ว”
เขาจะกล้าทดสอบได้อย่างไร? หากเขาผ่าน เช่นนั้นคนที่เขาต้องหาก็จะเพิ่มจากหนึ่งเป็นสอง!
ป๋ายเสี่ยวเฟยปาดเหงื่อเย็นเยียบบนหน้าผากก่อนจะมองไปยังสหายร่วมห้องที่ยินดีไปกับเขา
“พี่ใหญ่เฟย ข้ารู้ว่าท่านต้องผ่าน ท่านผ่านค่ายกลมายาได้อย่างไร? ท่านช่างปราดเปรื่อง! ขนาดข้ายังไม่ไวตอนทดสอบค่ายกลมายาของบททดสอบหุ่นเชิดตัวที่สอง!”
คนที่พูดคือฉิงหนาน ถึงแม้เขาจะผ่านบททดสอบหุ่นเชิดตัวที่สามได้อย่างฉิวเฉียด เวลาที่เขาใช้ผ่านค่ายกลมายาที่สองยังไม่เร็วไปกว่าของป๋ายเสี่ยวเฟย
“แค่โชคดีเท่านั้น อาจเป็นเพราะข้าได้เปรียบในฐานะนักเชิดหุ่นสายมายา”
ป๋ายเสี่ยวเฟยเอ่ยแก้ตัวหลอกคนอื่นอย่างง่ายๆ แต่คำพูดของฉิงหนานทำให้เขาครุ่นคิดเกี่ยวกับวิชาฝึกปรือของเขา
ชายชราเทียนจีกล่าวได้ว่าไม่ได้หลอกเขาเพราะเคล็ดวิชานี้ช่างมีความเป็นเอกลักษณ์เหลือเกิน ในปัจจุบันราวกับว่าแค่ป๋ายเสี่ยวเฟยทำตามเงื่อนไขเพื่อยกระดับเคล็ดวิชาได้ ภาพลวงตาในระดับเดียวกับเขาจะไม่มีผลอันใดทั้งสิ้น และเขาจะสามารถควบคุมหุ่นเชิดตามเคล็ดวิชาได้อย่างไร้ที่ติ!
“พวกเจ้าพูดเหลวไหลจบหรือยัง? เมื่อไหร่ที่พวกเจ้าทั้งหมดจะไปซื้อหุ่นเชิด? เมื่อครู่ยังกังวลอยู่เลย!”
เมื่อเสวี่ยอิ่งกล่าวจบ ทั้งกลุ่มที่ถามป๋ายเสี่ยวเฟยนู่นนี่เปลี่ยนเป็นเงียบลงทันที พวกเขารีบวิ่งจากไปราวกับหลบหนีภัยพิบัติจากทวยเทพ
ถึงขนาดที่มีเพียงหลินหลีคนเดียวที่ยังอยู่
“บัดซบ! เมื่อไหร่ไอ้พวกนี้จะพึ่งพาได้บ้าง?”
ป๋ายเสี่ยวเฟยก่นด่าอย่างเดือดดาลก่อนจะยิ้มออกมาเมื่อมองไปยังศิษย์ใหม่ที่รอเขาอยู่
“ทุกท่านไปทดสอบต่อเถิด ไว้คุยกันภายหลังหากมีโอกาส!”
ป๋ายเสี่ยวเฟยพูดพลางนำเสวี่ยอิ่งและหลินหลีเดินตามสหายร่วมห้องคนอื่น การเป็นคนดังมากนักไม่ใช่สิ่งที่ดีเสมอไป...
ภายใต้การนำของเสวี่ยอิ่ง ป๋ายเสี่ยวเฟยเห็นสหายผู้ร่าเริงบนชั้นที่สอง สภาวะของพวกเขาอธิบายได้คำเดียวว่ากลุ่มคนบ้า...
เพราะจากจำนวนหุ่นเชิดที่ฟางเย่สั่ง ศาลาไร้ตัวตนจัดแจงบางคนมาแนะนำโดยเฉพาะ ในเวลานี้ทั้งหมดได้รายล้อมพนักงานถามว่าหุ่นเชิดมาถึงหรือยัง
“ทุกท่านอย่าได้กังวล ทางเราได้เตรียมห้องพิเศษไว้แล้ว และทุกท่านสามารถเลือกหุ่นเชิดตามสบายที่นั่น เพราะพวกท่านได้ชี้แนะพวกเราเกี่ยวกับตัวเลือกอย่างคร่าวๆ พวกเราจึงได้จัดเตรียมหุ่นเชิดหลายตัวหลากชนิดมาไว้แล้ว”
พนักงานที่รับผิดชอบของศาลาไร้ตัวตนถือว่าดีเยี่ยม ถึงแม้เขาจะถูกรายล้อมไปด้วยชายหญิงเยาว์วัยเขาก็ยังเผยรอยยิ้มอ่อนจางออกมาได้
“พวกเจ้าเลิกทำให้ห้องเราขายหน้าเสียที เรามาเพื่อซื้อ ไม่ใช่ปล้น”
เมื่อทุกคนได้ยินที่ป๋ายเสี่ยวเฟยเอ่ยก็หยุดสิ่งที่ทำ ดรุณีแลบลิ้นออกมาอย่างเขินอาย ส่วนชายชาตรีทำตัวราวกับไม่เคยมีสิ่งใดเกิดขึ้น
“ท่านคือ...?”
พนักงานผู้นั้นเห็นทุกคนจากห้องคนเถื่อนแล้ว แต่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นป๋ายเสี่ยวเฟย
“ผู้จัดการเฟิง ผู้นี้คือหัวหน้าห้องและพี่ใหญ่ของเรา”
ฟางเย่แนะนำอย่างง่ายๆ ผู้จัดการเฟิงเดินเข้ามาทางป๋ายเสี่ยวเฟยยื่นมือขวาออกมาทันที
“ป๋ายเสี่ยวเฟยใช่หรือไม่? ข้าได้ยินมาแล้ว ท่านเป็นคนดังที่ใครก็รู้จัก! ข้าเฟิงอู๋เหิน เป็นหนึ่งในผู้จัดการของที่นี่”
“ผู้จัดการเฟิงกล่าวเกินไป ชื่อเสียงน้อยๆ ของข้าไม่ควรคู่ให้เอ่ยถึง เป็นเพราะทุกคนไว้หน้าข้าต่างหาก”
ป๋ายเสี่ยวเฟยเอ่ยอย่างถ่อมตนก่อนจะพาเฟิงอู๋เหินไปหาเสวี่ยอิ่ง
“ท่านนี้คืออาจารย์ประจำห้องของเรา อาจารย์เสวี่ยอิ่ง ทั้งหมดเป็นเพราะนางที่ทำให้เราสามารถพัฒนาได้มากเพียงนี้”
เสวี่ยอิ่งไม่ค่อยพอใจนักในตอนแรก แต่อารมณ์ของนางทีขึ้นทันใด ที่จริงแล้วนางสนใจท่าทีที่ป๋ายเสี่ยวเฟยมีต่อนางมากที่สุด และนางเข้าใจได้ว่าคนอื่นอาจลืมนางไปบ้างเพราะความตื่นเต้น
เพราะพวกเขาเป็นเด็ก...
“ยินดีที่ได้รู้จักท่านอาจารย์ ในเมื่อท่านสามารถสอนศิษย์โดดเด่นเหล่านี้ได้ เช่นนั้นท่านต้องมิใช่คนธรรมดา”
ขณะที่เฟิงอู๋เหินเอ่ย เสวี่ยอิ่งที่อารมณ์ดีขึ้นมาเล็กน้อยพลันมีสีหน้ามืดหม่นลง ใบหน้าดำทะมึนบ่งบอกว่านางแทบจะปะทุออกมา
“พี่หญิงเสวี่ย พี่หญิงเสวี่ย เย็นไว้ ใจเย็นลงก่อน เป็นครั้งแรกที่ผู้จัดการเฟิงพบท่าน เขาแค่สุภาพเท่านั้น!”
ป๋ายเสี่ยวเฟยรีบจับมือเสวี่ยอิ่ง และภูเขาไฟที่ใกล้จะปะทุเปลี่ยนเป็นทะเลสาบเงียบสงบโดยทันที อีกทั้งยังเป็นทะเลสาบสีชมพู
เฟิงอู๋เหินมองป๋ายเสี่ยวเฟยด้วยสีหน้าว่างเปล่าพร้อมความสับสนในดวงตา
“พี่หญิงเสวี่ยของพวกเรายังเยาว์นักจึง...”
ป๋ายเสี่ยวเฟยเอ่ยครึ่งประโยค เฟิงอู๋เหินเข้าใจความหมายทันที เขารีบส่งสายตาขอโทษไปยังเสวี่ยอิ่ง
“ขออภัย ขออภัย เป็นข้าที่ไร้กาลเทศะ สาวงาม ท่านดูเด็กกว่าอาจารย์คนอื่นนัก”
หลังจากเอ่ยแก้ข้อผิดพลาด เฟิงอู๋เหินรีบข้ามหัวข้อนี้ไป
“ไปดูหุ่นเชิดกันเถอะ”
เมื่อพวกเขาพูดถึงเป้าหมายหลักอีกครา หัวใจของทุกคนในห้องคนเถื่อนทะยานขึ้นสู่ลำคออีกครา
‘ถึงเวลาแล้ว!‘