80 ไอดอล!
80 ไอดอล!
ม่านสีดำในยามราตรี ยานรบมิสติกเบิร์ดสีดำมะเมื่อมบินเข้าไปในบริเวณโรงเรียนมัธยมซื่อเซียวที่สอง การตกแต่งภายนอกของมันเป็นตระแกรมหลุมราวกับถูกเจาะด้วยนก
ยานรบมิสติกเบิร์ดร่อนลงจอดที่ด้านหน้าตึกที่ยังคงเปิดไปสว่างอยู่ ไม่นาน ก็ปรากฏชายหนุ่มในชุดเกราะสีดำที่เต็มไปด้วยฝุ่นผง ร่างของชายหนุ่มเกิดแสงวูบวาบ จากนั้นเขาก็หายไปจากจุดนั้นและไปปรากฏอยู่ภายในห้องทำงานของครูใหญ่
ไฟภายในห้องทำงานของครูใหญ่ยังคงสว่างไสว เมื่อได้เห็นการปรากฏตัวของชายหนุ่ม แววตาของเหล่าผู้บริหารของโรงเรียนเดือดพล่าน ความหวังผุดขึ้นมาในแววตาของพวกเขา พวกเขาพากันลุกขึ้นยืน
“เผิงห่ายมาแล้ว!”
ดาบปีศาจเผิงห่ายมองดูทุกคนที่อยู่รอบๆ สีหน้าท่าทางของเขาเย็นเฉียบราวกับก้อนน้ำแข็ง เขาดูเหมือนจะหัวเราะแต่ก็ไม่หัวเราะออกมา “เกิดอะไรขึ้น? ผมไปฝึกฝนที่ดินแดนรกร้างแค่เดือนเดียว แต่พวกคุณกลับสร้างเรื่องวุ่นวายขึ้นที่นี่ ไม่เพียงเท่านั้น พวกคุณยังทำให้ครูซุนเปียวโกรธจนต้องออกไปจากโรงเรียน?”
จ้าวชูเต๋อ, เทพหน้าดำ และผู้บริหารโรงเรียนคนอื่นๆต่างพากันตกใจ จ้าวชูเต๋อตอบออกไปอย่างลำบากใจว่า “เหล่าซุนดื้อรั้นเกินไป ถ้าเขาอยากจะกลับบ้าน ไม่ว่าเราจะทำยังไง เราก็หยุดเขาไม่ได้ เราวางแผนกันไว้ว่า รอให้เขาเย็นลงก่อนสักสองสามวัน แต่เราไม่คิดว่าเธอจะกลับมาซะก่อน! แต่วันนี้ มันไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับเหล่าซุน แต่เป็นเรื่องของหลี่เย้า เธอรู้ไหม...”
จ้าวชูเต๋อยังไม่ทันได้พูดจนจบ เผิงห่ายก็พูดแทรกด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “คุณรู้ไหม ว่าทำไมผมถึงรับปากมาช่วยให้คำชี้แนะแก่นักเรียนปีสุดท้ายของโรงเรียนมัธยมซื่อเซียวที่สอง?”
จ้าวชูเต๋อและเทพหน้าดำมองหน้ากัน ก่อนที่จะตอบออกไปอย่างลังเลว่า “เผิงห่าย เธอคือนักเรียนที่มีผลการเรียนโดดเด่นของโรงเรียนมัธยมซื่อเซียวที่สอง ตอนนี้ ทุกคนก็คือสมาชิกครอบครัวของนิกายซื่อเซียน การที่เธอมาให้คำชี้แนะเด็กรุ่นหลัง ก็เป็นเรื่องที่ถูกที่ควรแล้ว”
“ฮ่ะฮา ฮ่ะฮา ฮ่ะฮา!”
เผิงห่ายหัวเราะออกมา แล้วเขาก็ค่อยๆใจเย็นลงและพูดออกมาอย่างสงบว่า “จ้าวชูเต๋อ ฟังผมให้ดีนะ ถ้าคุณจำไม่ได้ละก็ ให้ผมทวนความทรงจำของคุณดูก็ได้ ครูซุนเปียวคือคนที่ช่วยผมออกมาจากสลัม และพาผมที่โรงเรียนมัธยมซื่อเซียวที่สอง ผมก็เป็นแค่เด็กบ้านนอกที่สกปรกมอมแมม ในตอนนั้น พวกคุณทุกคนทำตัวสูงส่งและไม่สนใจผมเลย แล้วยังดุด่าและตะคอกใส่ผม ทำให้ผมต้องมีช่วงเวลาที่ยากลำบาก อย่าคิดว่าผมจะลืมเรื่องพวกนั้นเด็ดขาด!”
“ถ้าไม่ใช่เพราะความนับถือที่ผมมีต่อครูซุนเปียว แค่มองหน้าเหี่ยวๆของคุณผมยังขี้เกียจเลย แล้วจะให้ผมไปสอนเด็กใหม่พวกนั้นคงยาก!”
“ส่วนเรื่องของหลี่เย้า ไม่เพียงแต่เขาจะเป็นต้นกล้าที่ถูกค้นพบโดยครูซุนเปียวที่ผมเคารพรักอย่างถึงที่สุดเท่านั้น แต่เขายังช่วยฝึกพิเศษให้กับผมถึงหนึ่งเดือน และทำให้ผมก้าวขึ้นไปอยู่ในระดับใหม่!”
“ผมมีความสัมพันธ์ที่ดีกับคนทั้งสอง ในเมื่อพวกเขาไล่พวกเขาไป ทำไมผมจะต้องอยู่ต่อเพื่อช่วยพวกคุณฝึกเด็กใหม่พวกนั้นด้วยล่ะ?”
“พวกคุณระวังตัวเอาไว้ให้ดี ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ความร่วมมือทุกอย่างระหว่างเราจบกัน ถ้าโจวหยินมีอะไรอยากจะพูด ก็ให้เขามาพูดกับผมด้วยตัวเอง!”
เผิงห่ายพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ เขามองกราดไปที่ใบหน้าของทุกคน แล้วอยู่ๆก็หายตัวไป
ที่ด้านนอก เกิดเสียงเครื่องยนต์ของยานรบมิสติกเบิร์ดดังขึ้น เมื่อจ้าวชูเต๋อและคนอื่นๆวิ่งไปที่หน้าต่าง หางสีดำพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องทะเลน้ำหมึกและหายลับไปในความมืดมิดของยามราตรี
จ้าวชูเต๋อคิดอะไรไม่ออก เขานั่งลงบนเก้าอี้ด้วยริมฝีปากที่สั่นเทิ้มอยู่เป็นเวลานาน แต่ก็ไม่คำพูดใดหลุดลอดออกมาจากริมฝีปากของเขา
...
ภายในยานรบมิสติกเบิร์ด
อักขระวิญญาณที่วางเรียงรายอยู่บนแผงควบคุมได้ส่องแสงสว่างอ่อนๆ และส่งอกระทบเข้ากับใบหน้าของดาบปีศาจเผิงห่าย สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกที่หนักอึ้ง
หลังจากที่ครุ่นคิดเล็กน้อย เผิงห่ายก็เปิดคริสตัลโพรเซสเซอร์และส่งข้อความไปยังหมายเลขอีแครนหมายเลขหนึ่ง
หลังจาก 0.01 วินาทีต่อมา บนท้องฟ้าที่ไกลออกไปสิบกว่ากิโลเมตร นาฬิกาข้อมือของหลี่เย้าสั่นไหว ไมโครคริสตัสโพรเซสเซอร์ของเขาได้รับข้อความจากหมายเลขที่ไม่รู้จัก
“เป็นเขาเหรอ?”
หลี่เย้าประหลาดใจเล็กน้อย มันเป็นหมายเลขของชายที่เขาเคยเป็นคู่ซ้อมด้วยที่ยิมกองกำลังสังหารหมาป่าที่ใต้ดิน
หลี่เย้ารู้สึกสงสัยเกี่ยวกับชายที่แข็งแกร่งและเป็นปริศนาคนนี้อย่างมาก แต่ที่เมืองใต้ดินนั้น ทุกคนต่างต้องอยู่ภายใต้กฎ จะไม่มีการเปิดหน้ากากหากพวกเขาไม่รู้ถึงตัวตนของฝ่ายตรงข้าม
“เขาเชิญฉันไปที่ช่างตง เพื่อเจอกับตัวตนที่แท้จริงของเขาและทำข้อตกลงบางอย่างกับฉันอย่างนั้นเหรอ?”
หลี่เย้าครุ่นคิดเกี่ยวกับที่อยู่ที่ชายคู่ซ้อมในยิมส่งมา ที่อยู่ที่ให้มานั้นตั้งอยู่ตรงจุดศูนย์กลางของเขตช่างตง และเป็นตึกที่สูงที่สุดในเมืองฝูเกอ มันเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กของเมืองฝูเกอ มีข่าวลือมาว่า ด้านในคือสถานที่ฝึกซ่อมของผู้ฝึกตนจำนวนมาก
“ผู้ชายในยิมคนนั้นเป็นใครกันแน่? คิดไม่ถึงเลยว่า เขาจะเรียกให้ฉันไปเจอที่ตึกคริสตัลสกาย!”
หลี่เย้ารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ลึกลงไปในจิตใจของเขา มีแรงกระตุ้นพุ่งขึ้นมา ในตอนนี้ เขามีโอกาสที่จะได้เห็นความหรูหราของห้องฝึกส่วนตัวของผู้ฝึกตนแล้ว
หลังจากที่คิดอยู่ครู่หนึ่ง หลี่เย้าก็ตอบรับคำเชิญของเขา
“เพื่อนกำลังตามหานายอยู่เหรอ? นายอยากจะไปที่ไหนล่ะ? เดี๋ยวฉันไปส่งนายเอง!” ติงหลิงตางพูดด้วยรอยยิ้ม
หลี่เย้ากดหน้าจอโฮโลแกรมเบาๆ ก่อนที่จะสถานที่บนหน้าจอโฮโลแกรมจะกลายเป็นแผนที่แบบสามมิติขึ้นมา
ติงหลิงตางเลือบมองเล็กน้อย แต่อยู่ๆ สายตาของเธอก็ติดตรึงไปที่แผนที่ เธอหลุดจากอาการตกใจ “นายจะไปที่นี่เหรอ? นายรู้จักเจ้าของที่นี่รึเปล่า? นายเกี่ยวข้องยังไงกับเขา?”
หลังจากที่คิดอยู่เล็กน้อย หลี่เย้าก็ตอบกลับไปว่า “จะพูดว่า...เราฝึกฝนด้วยกันมาเดือนหนึ่งก็ได้”
“นายฝึกกับเขาเดือนหนึ่งอย่างนั้นเหรอ?”
ติงหลิงตางได้แต่อึ้งงัน เธอไปที่หลี่เย้า ด้วยสีหน้าที่ราวกับมองดูสัตว์ประหลาดที่ชั่วร้ายอย่างสมบูรณ์!
“มีปัญหาอะไรรึเปล่า? พี่รู้จักคนคนนี้ด้วยเหรอ?” หลี่เย้าแตะแก้มของเขา เมื่อติงหลิงตางมองดูเขาด้วยท่าทีที่ดูหวาดกลัวเล็กน้อย
“ใช่...คนคนนี้เคยเรียนโรงเรียนเดียวกันกับนาย ด้วยสายตาที่แหลมคมของเขา มันคงจะเป็นเรื่องแปลก ถ้าเขาไม่สามารถค้นพบอัจฉริยะที่ร้ายกาจอย่างเธอเจอ...”
ติงหลิงตางพึมพำด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา ซึ่งมีแค่เธอที่ได้ยิน เธอแสดงสีหน้าที่ดูแปลกประหลาด หลังจากที่หัวเราะออกมาสักพัก เธอก็ตะโกนออกมาว่า “จับไว้แน่นๆล่ะ เราจะไปกันแล้ว!”
มือทั้งคู่ของติงหลิงตางจับคันเร่งของยานรบสการ์เลตเฟรมเอาไว้แน่น พลังวิญญาณภายในร่างกายของเธอระเบิดออกและพวยพุ่งกลายเป็นหมกควันจนเต็มห้องโดยสารของยานรบสการ์เลตเฟรม
พลังวิญญาณที่บ้าคลั่งของเธอไหลเข้าสู่อักขระพลังงานของยานรบสการ์เลตเฟรม ตัวยานเปล่งแสงสว่างจ้า ราวกับนกยูงรำแพน และพุ่งทะยานตรงไปยังเขตช่างตงที่มั่งคั่งที่สุดในเมืองฝูเกอ ทิ้งเอาไว้เพียงเปลวไฟและเสียงแหลมเสียดแทงหูเอาไว้ด้านหลัง
ไม่นาน ยานรบสการ์เลตเฟรมก็แหวกทะเลก้อนเมฆ ส่องประกายสว่างจ้าในยามค่ำคืน ราวกับแสงตะวันที่สาดส่องไปทั่วทั้งเมือง
ยานรบสการ์เลตเฟรมบินโฉบไปยังเขตช่างตง ตัวยานสั่นเล็กน้อยและค่อยๆชะลอความเร็วลง ราวกับชวเข้ากับเกราะป้องกันโปร่งแสง
วัตถุทรงกลมเป็นประกายสดใสลอยตัวอยู่บนท้องฟ้า มันคือ “ลูกตา” โปร่งแสงที่กำลังลอยบนนั้น ถึงว่ามันจะดูเคลื่อนที่อย่างงุ่มง่าม แต่ความจริงแล้วมันกลับรวดเร็วอย่างคาดไม่ถึง
มีข้อสันนิษฐานว่า ลูกตาเหล่านี้คืออุปกรณ์เวทมนต์ที่มีไว้ใช้ดูแลรักษาความปลอดภัยของเมืองฝูเกอ
นอกจากนี้ ยังสามารถพบเห็นผู้ฝึกตนบางคนกำลังบินอยู่บนท้องฟ้า พร้อมกับแสงสีที่รายล้อมรอบกายของพวกเขาราวกับสายรุ้ง พวกเขากำลังดูดซับแสงจันทร์อยู่
เสียงกระหึ่มของยานรบสการ์เลตเฟรมทำให้พวกเขารู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย จากนั้น พวกเขาแต่ละคนก็พากันหันไปมองด้วยสายตาที่คมกริบ
ถึงแม้ว่าห้องโดยสารจะมีกำแพงหนา แต่หลี่เย้าที่นั่งอยู่ด้านในก็ยังรู้สึกเย็นยะเยือกขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
ต่อหน้าผู้ฝึกตนจำนวนมาก แม้แต่ติงหลิงตางก็ยังไม่กล้าทำตัวก้าวร้าว เธอค่อยๆลดความเร็วลง แล้วบินวนเป็นวงกลมเพื่อลดระดับลงไป และบินตรงไปยังตึกที่ที่ความสูง 1,000 เมตร
ในเขตช่างตง ยานบินคือพาหนะที่ใช้ในการเดินทาง ผู้ฝึกตนยังชอบที่จะขี่บนดาบบินให้สูงที่สุด ดังนั้น ตึกสูงส่วนใหญ่จึงมีกิ่งก้านสาขาแยกออกมาจากตัวตึก กลายเป็นที่ลงจอดบนอากาศ เมื่อมองจากไกลๆ มันจึงดูคล้ายกับต้นไม้คริสตัลที่เติบโตขึ้นมา จนกลายมาเป็นเมืองต้นไม้
ยานรบสการ์เลตของติงหลิงตางบินลงจอดบนหนึ่งในกิ่งก้านสาขาขอองตึก
ตามจุดลงจอดจะมีจุดเคลื่อนย้ายขนาดเล็กอยู่ ติงหลิงตางพาหลี่เย้าไปที่จุดเคลื่อนย้ายและกดไปที่แผงควบคุมอักขระ
ในสายตาของหลี่เย้า มันดูคล้ายกับว่า อยู่ๆทุกอย่างก็หายไป แสงสว่างที่ส่องวาบเข้าสู่ดวงตา จากนั้น หลี่เย้าและติงหลิงตางก็มาโผล่ภายในห้องฝึกขนาดเล็กห้องหนึ่ง
ห้องฝึกมีความยาวและความกว้างอยู่ไม่เกิน 20 ตารางเมตร มันเล็กกว่าห้องฝึกในโรงยิมกองกำลังสังหารหมาป่าที่เมืองใต้ดินด้วยซ้ำ
ด้านในไม่มีแม้กระทั่งหน้าต่าง กำแพงทุกด้านมีแสงสีขาวนวลส่องออกมา และอากาศที่สดชื่น ราวกับกลิ่นใบไม้ใบหญ้า
การสูดลมหายใจภายในห้องนี้ทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้นมาได้
อุปกรณ์เสริมกำลังกายและเครื่องออกกำลังกายถูกวางเอาไว้ตามพื้นห้อง มันไม่ใช่ของราคาแพง หรืออุปกรณ์ระดับสูงอย่างหลี่เย้าคิด ที่มุมหนึ่งของห้อง ชายหนุ่มร่างผอมสูงคนหนึ่งกำลังออกกำลังกายอยู่ตรงนั้น จากท่าที่เขากำลังทำอยู่นั้น มันเห็นได้อย่างชัดเจนว่า เขาคือชายที่อยู่ในโรงฝึกกองกำลังสังหารหมาป่าคนนั้น
“พี่รู้อักขระที่ใช้เข้าห้องนี้ได้ยังไงกัน?” หลี่เย้ารู้สึกงุนงง
ดูเหมือนว่า ติงหลิงตางจะคุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้ ราวกับเธอกลับมาที่ห้องของตัวเองยังไงยังงั้น
แทนที่จะตอบคำถามของหลี่เย้า เธอกลับยิ้มกริ่มและตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงที่สดใส “รุ่นพี่เผิง!”
ชายหนุ่มจบท่าออกกำลังกายท่าสุดท้ายลงอย่างช้าๆ จากนั้น เขาก็ยืนตรงและก้าวยาวๆไปหาคนทั้งสอง “รุ่นน้องติง ตอนที่ฉันได้ยินว่านักเรียนหลี่เย้าถูกรับไปโดยคนที่ขี่ยานรบสการ์เลตเฟรม ฉันก็รู้ทันทีว่าเป็นเธอ!”
ติงหลิงตางขยี้จมูก “รุ่นพี่เผิง ครั้งนี้เป็นความผิดของรุ่นพี่ ตอนที่ฉันถามเรื่องที่พัก รุ่นพี่ก็รู้ว่าฉันมาที่นี่ก็เพราะเรื่องของหลี่เย้า แต่ทำไมรุ่นพี่ไม่บอกอะไรฉันเลยล่ะ?”
เผิงห่ายยิ้มบางๆ
“ก็ตอนนั้น ฉันกำลังฝึกฝนอยู่ในส่วนลึกของดินแดนรกร้างอยู่น่ะสิ แล้วฉันก็คงจะไปออกมาเร็วขนาดนั้นด้วย ยังมีเรื่องความลับระหว่างฉันกับหลี่เย้าอีก แล้วหลี่เย้าก็ยังอยู่ในอาการโคม่าด้วย ถึงฉันจะบอกเรื่องนี้กับเธอ มันจะเปลี่ยนอะไรได้เหรอ? สวัสดี นักเรียนหลี่เย้า ในที่สุด เราก็ได้เจอกันด้วยตัวตนที่แท้จริงของเราซักทีนะ ฉันคิดถึงช่วงเวลาหนึ่งเดือนที่เราได้ซ้อมด้วยกันมากเลยล่ะ!”
หลี่เย้าตะลึงงันไปอย่างสมบูรณ์ เขาจ้องเขม็งไปที่เผิงห่ายด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง จนตาแทบถลนออกจากเบ้าอยู่แล้ว
เขาอ้าปากค้างด้วยความตกใจ เขาอ้าปากพะงาบๆอยู่หลายครั้ง ก่อนที่จะพูดออกมาอย่างติดๆขัดๆว่า “เผิง เผิงห่าย? ดาบปีศาจเผิงห่าย!”
“ไม่ ไม่ เป็นไปไม่ได้! ผู้ชายที่ฉันฝึกด้วยตลอดทั้งเดือนที่ยิมกองกำลังสังหารหมาป่าคือเผิงห่ายอย่างงั้นเหรอ?”
สมองของหลี่เย้าว่างเปล่า เขาไม่รู้ว่าต้องทำยังไง
เผิงห่าย! ดาบปีศาจเผิงห่าย! ไอดอลของเขา!
ตั้งแต่ที่เขาเข้าเรียนในโรงเรียนมัธยมซื่อเซียวที่สอง ดาบปีศาจเผิงห่ายคือคนที่เขาเทิดทูนและเป็นที่อิจฉาของหลี่เย้า และยังเป็นไอดอลที่หลี่เย้าอยากจะเป็นเหมือนเขาให้ได้!
หลี่เย้าตื่นเต้นสุดๆ แล้วเขาก็ต้องขนหัวลุกขึ้นมาอีกครั้ง ดาบปีศาจเผิงห่ายคือใคร? เขาคือผู้ฝึกตนระดับรากฐานวิญญาณ! แค่เส้นผมของเขาก็สามารถหั่นหลี่เย้าออกเป็นสองท่อนได้แล้ว! แต่เขากลับเป็นคู่ซ้อมให้เผิงห่ายถึงหนึ่งเดือน ปะทะกับเผิงห่ายมาเป็นเวลานาน และยังไปต่อยเผิงห่ายอีกด้วย!
นี่มันน่ากลัวเกินไปแล้ว!
ดาบปีศาจเดินมายืนอยู่ตรงหน้าของหลี่เย้า เขาใช้สายตาคมกริบกวาดมองหลี่เย้าตั้งแต่หัวจรดเท้า
ดาบปีศาจเผิงห่ายถอนสายตากลับมา แล้วดีดนิ้วของเขาเบาๆ ลูกบอลเหล็กขนาดใหญ่บินเข้ามาจากด้านนอกห้องและบินวนอยู่เหนือศีรษะของพวกเขาทั้งสามคน ลูกบอลเหล็กเปิดออกโดยอัตโนมัติ ก่อนที่จะกลายเผยให้เห็นชุดน้ำชาที่งดงามอยู่ภายใน
มีมือสองข้างโผล่ออกมาจากลูกบอลเหล็ก และจากนั้น มือทั้งสองข้างก็เริ่มเทน้ำชาให้กับพวกเขาทั้งสามทีละคน
เผิงห่ายยิ้มและพูดว่า “นักเรียนหลี่เย้า บางทีเธออาจจะไม่เข้าใจ แต่ไม่เป็นไร! ฉันจะบอกนายไว้ก่อนสองเรื่องนะ!”
“เรื่องแรก หนึ่งเดือนก่อน ที่ยิมกองกำลังสังหารหมาป่า นายได้ช่วยฉันฝึกหนักจนสำเร็จ หรือจะพูดให้ชัดเจนก็คือ เป็นเพราะความช่วยเหลือของนาย ทำให้ในที่สุด ฉันก็รวบรวมพลังจนขึ้นไปอยู่ขั้นสูงของระดับรากฐานวิญญาณได้ และยังได้แตะจุดสูงสุดของระดับรากฐานวิญญาณแล้วด้วย!”
ติงหลิงตางอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ ก่อนที่จะพูดออกมาอย่างยินดีว่า “รุ่นพี่เผิง รุ่นพี่แตะถึงจุดสูงสุดของระดับรากฐานวิญญาณแล้วเหรอคะ? จุ๊ๆๆ ถ้าพี่ทำสำเร็จละก็ เราก็จะมีผู้ฝึกตนที่อยู่ในจุดสูงสุดของระดับรากฐานวิญญาณที่อายุยังไม่ถึงสามสิบปี ไม่ต้องสงสัยเลยว่า รุ่นพี่จะต้องกลายเป็นหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญที่อายุน้อยที่สุดของสหพันธรัฐอย่างแน่นอน!”
เผิงห่ายพยักหน้าและพูดต่อว่า “รุ่นน้องติงควรจะรู้นะว่า...ด้วยระดับของฉันแล้ว การที่จะเพิ่มระดับขึ้นไปอีก ก็จะยิ่งยากขึ้นกว่าเดิม! ดังนั้น นักเรียนหลี่เย้า ฉันติดหนี้เธอแล้ว!”