บทที่ 6 : คู่หมั้น (2/2)
บทที่ 6 : คู่หมั้น (2/2)
โจ๊กที่ต้มไว้จวนจะสุกได้ที่แล้ว และแม้ว่าจะมีฝาไม้ปิดอยู่ แต่กลิ่นหอมๆของมันก็ยังสามารถเล็ดลอดออกมาจากหมอโลหะสีเข้มได้ กลิ่นหอมนั้นทำให้เหลียนฟางโจวเริ่มรู้สึกหิวขึ้นมาหน่อยๆ
พวกเด็กๆเอามันเทศมาล้างจนสะอาด จากนั้นก็หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ก่อนจะใส่ลงไปในกระทะ เหลียนเซ่อกำลังผ่าฟืน ขณะที่เหลียนซีคอยดูไฟ และเหลียนฟางชิงตัวน้อยกำลังพยายามต้อนไก่เข้าเล้า
เหลียนฟางโจวเหลียวมองไปรอบๆเมื่อเห็นว่าทุกคนกำลังทำงานอย่างขะมักเขม้น เธอก็เลยหยิบไม้กวาดขึ้นมาแล้วก็เริ่มทำความสะอาดบ้านบ้าง
“เจ้ามาที่นี่ทำไม ออกไปซะ!! บ้านนี้ไม่ต้อนรับเจ้า!!”ทันใดนั้นเองเสียงของเหลียนเซ่อก็ดังขึ้นที่ลานหน้าบ้านเสียงของเขาทั้งเย็นชาและไม่เป็นมิตรอย่างมาก ราวกับกำลังพูดกับศัตรูที่ไม่อาจจะอยู่ร่วมโลกกันได้
เหลียนฟางโจวได้ยินแบบนั้นก็ตกใจ จากนั้นไม่นานเสียงเล็กๆไร้เดียงสาของเหลียนฟางชิงก็ตะโกนขึ้นมาบ้าง “ออกไปนะ!! เจ้าไม่มีสิทธิ์มารังแกพี่สาวข้า”
เหลียนฟางโจวรีบขว้างไม้กวาดในมือทิ้งก่อนจะรีบวิ่งออกไปหาน้องๆ “อาเซ่อ ชิงเออร์ เกิดอะไรขึ้น?”
“พี่สาว!!” เหลียนเซ่อตื่นตระหนกเมื่อเห็นพี่สาวพุ่งออกมาจากในบ้าน เขาพยายามที่จะขวางไม่ให้พี่สาวได้เจอกับใครคนหนึ่ง แต่เขาก็ทำไม่สำเร็จ
ชายหนุ่มสวมชุดสีเขียวอ่อนเอ่ยเรียกชื่อเธอเสียงดังลั่น“ฟางโจว” เมื่อพบเธอสีหน้าของเขาทั้งดูประหลาดใจแล้วก็ดีใจในคราวเดียวกันก่อนเขาจะค่อยๆเดินเข้ามาหาเธอ
“เจ้าจะทำอะไร!! ข้าบอกให้เจ้าออกไปไม่ได้ยินหรอ!!” เหลียนเซ่อวิ่งไปขวางเขาไว้ ก่อนจะจ้องมองเขาด้วยสายตาเย็นชา
“อาเซ่อ!!”เหลียนฟางโจวขมวดคิ้วแน่น เพราะเธอไม่สามารถประมวลผลได้ว่าตอนนี้กำลังเกิดอะไรขึ้น
“พี่สาว พี่ยังอยากจะเจอหน้าผู้ชายคนนี้อยู่อีกหรือ!! ตระกูลหยางหาใครดีไม่มีใครสักคน พี่ลืมแล้วหรือว่าวันนั้นตัวเองพูดว่าอะไร” เหลียนเซ่อพูดออกมาด้วยน้ำเสียงโมโห
“ฟางโจวเจ้าไม่ต้องกังวลนะ ข้าไม่เคยคิดอยากจะถอนหมั้นเจ้า นั่นมันเป็นความคิดของท่านแม่แค่เพียงคนเดียว ข้าเพิ่งจะรู้เรื่องเมื่อตอนกลับมาจากคาราวานพอรู้เรื่องข้าก็รีบมาหาเจ้าที่นี่เพื่อบอกว่า ไม่ว่ายังไงข้าก็จะยังแต่งงานกับเจ้าแน่นอน!!” ชายหนุ่มพูดด้วยเสียงหนักแน่น และมองไปยังเหลียนฟางโจวอย่างสื่อความหมาย
เหลียนฟางโจวตกใจจนตัวแข็งทื่อ นี่นะหรอหยางฮุ่ยซานคู่หมั้นของเธอ คิ้วดกดำ นัยน์ตากระจ่างใสหน้าตาก็พอไปวัดไปวา ติดแต่ว่าผิวออกจะคล้ำไปสักหน่อย แต่โดยรวมแล้วก็ถือว่าใช้ได้
ก็ไม่ค่อยแปลกใจเท่าไหร่ว่าทำไมเหลียนฟางโจวคนเก่าถึงดึงดันไม่ยอมถอนหมั้น ก็เพราะถ้าเทียบกับชาวบ้านคนอื่นๆในละแวกนี้แล้ว เขาก็ถือว่าไม่เลวเลยทีเดียวอีกทั้งการปฏิบัติต่อเธอก็พอใช้ได้ แต่น่าเสียดายว่าเธอไม่ใช่เหลียนฟางโจวคนนั้น เพราะฉะนั้นไม่ว่ายังไงเธอก็จะไม่ยอมให้งานแต่งงานในครั้งนี้เกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน
“ไม่จำเป็น!!” เหลียนฟางโจวเอ่ยตอบอย่างไม่แยแส “เรื่องแต่งงานก็ควรต้องฟังคำพ่อแม่ ได้ข่าวว่าแม่ของเจ้าหาสะใภ้คนใหม่ไว้ให้แล้วนิ ในเมื่อแม่เจ้าต้องการแบบนั้น ในฐานะที่เจ้าเป็นลูกชายที่ดี เจ้าก็ไม่ควรขัดคำสั่งของนาง!!”
“ฟางโจว ข้า-”
“ข้ายังพูดไม่จบ!” เหลียนฟางโจวพูดต่อด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ตอนนี้พ่อแม่ของข้าล้วนตายหมดแล้ว ส่วนน้องๆของข้าเองก็ยังเล็กนักเพราะฉะนั้นข้าจะไม่แต่งงานกับใครทั้งนั้น จนกว่าพวกเขาจะโตเป็นผู้ใหญ่และดูแลตัวเองได้ อีกอย่างแม่ของเจ้าก็ไม่ชอบข้า ถ้าแต่งเข้าบ้านไปก็รังแต่จะไม่มีความสุขทั้งสองฝ่าย เจ้ามาวันนี้ก็ดีเหมือนกันข้าจะได้พูดให้มันชัดเจนไปเลยจงไปเอาเงินมาสิบสองตำลึงมาให้ข้า แล้วหลังจากนั้นข้าจะคืนหนังสือสัญญาหมั้นหมายให้ หวังว่าข้าคงไม่ขอมากไปใช่ไหม?”
หยางฮุ่ยซานรู้มึนงงเป็นอย่างมาก เข้าจ้องหน้าเหลียนฟางโจวอย่างสงสัยเหมือนกับว่าเขาไม่เคยรู้จักผู้หญิงคนนี้มาก่อน
เหลียนเซ่อเองก็ตกตะลึง เขาอ้าปากเหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่างออกมา แต่สุดท้ายก็เปลี่ยนใจแล้วก็เดินมาอยู่ข้างๆเหลียนฟางโจวเงียบๆแทน
“หึหึ!!”หยางฮุ่ยซานหัวเราะกับตัวเองเบาๆอย่างสมเพศ ก่อนเขาจะพูดกึ่งประชดขึ้นว่า “สิบสองตำลึง!! ความรักของข้ามีค่าแค่สิบสองตำลึงหรือ ในใจของเจ้าความรักที่ผ่านมานานหลายปีมีค่าเท่านี้หรือ!!”
เหลียนฟางโจวมองดูเขาและพูดอย่างใจเย็นว่า “ใจจริงข้าเองก็อยากจะเรียกมากกว่านี้เหมือนกัน แต่กลัวว่าแม่ของเจ้าจะไม่ยอมจ่าย เพราะอย่างนั้นแค่นี้ก็เพียงพอแล้วล่ะ”
“นี่เจ้า!!...” หยางฮุ่ยซานรู้สึกผิดหวังและโมโหจนแทบอยากจะกระอักเลือดตาย สายตาของเขาฉายแววเจ็บปวดรวดร้าวอย่างถึงที่สุด
เขาจ้องมองเธอด้วยสายตาเว้าวอน เพราะไม่อยากจะเชื่อกับคำที่เพิ่งจะได้ยิน “ฟางโจวนี่ไม่ใช่สิ่งที่หัวใจของเจ้าต้องการ เจ้าพูดไปเพราะโกรธที่แม่ข้าส่งคนมาก่อกวนเจ้าใช่ไหม? เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงและมั่นใจได้ เพราะตอนนี้ข้ากลับมาแล้ว ข้าจะจัดการทุกอย่างเอง ข้าจะไปคุยกับท่านพ่อท่านแม่เอง!!”
เหลียนฟางโจวถอนหายใจและส่ายหัว ก่อนจะมองหน้าเขาและพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง “อย่าหลอกตัวเองอีกเลย!! ข้าสาบานได้ว่าทุกคำที่ข้าพูดออกไปนั่นคือความต้องการของข้าอย่างแท้จริง นี่ก็ใกล้ค่ำแล้วมันคงไม่เหมาะที่จะมีผู้ชายมาอยู่ในบ้านของข้าอย่างนี้ เจ้ากลับไปเถอะ กลับไปทำตามความต้องการของแม่เจ้า แล้วก็อย่าลืมเรื่องเงินไถ่ถอนหนังสือหมั้นด้วยล่ะ!”
มือและร่างของหยางฮุ่นซานสั่นเทาอย่างควบคุมไม่ได้ เขาทั้งโกรธแล้วก็เศร้าในคราเดียวกัน เขายืนนิ่งเงียบไม่พูดไม่จาราวกับว่าตอนนี้วิญญาณของเขาได้หลุดออกจากร่างไปแล้ว