GOI ตอนที่ 95 มีข้อผิดพลาด!?
ผ่านไปสิบนาทีกว่าศิษย์หญิงที่เหลือถึงค่อยทยอยเดินออกมา
ผลลัพธ์น่าปลื้มปีติเช่นนัก สือเฉินและต้วนอีอีอยู่ในระดับมาตรฐานในการควบคุมหุ่นเชิดสามตัว ศิษย์หญิงคนอื่นที่เหลือได้สอง
“ข้าไม่ยินดี ฝึกแบบเดียวกันแท้ๆ ไม่ต้องพูดถึงสือเฉิน ทำไมข้าด้อยกว่าอีอี?”
ชีเว่ยขมวดคิ้วมุ่น สุ้มเสียงแฝงความไม่สบอารมณ์
“คำตอบจะไปยากอะไร? ความคิดของเจ้ายึดติดอยู่กับเรื่องนินทาว่าร้ายผู้อื่น เป็นปกติที่เจ้าจะทดสอบออกมาได้ด้อยกว่าคนที่เหลือ”
ขณะที่นางตบไหล่ชีเว่ย สือเฉินกระแนะกระแหนมออกมาอย่างอดไม่ได้ ในขณะเดียวกัน คำพูดของนางได้รับการตอบรับของทุกคนจากห้องคนเถื่อน
แน่นอน หวังหางนิ่งไม่เอ่ยอันใด...
เขามิบังอาจ!
“เสี่ยวเฉินเฉิน เจ้าดูเหมือนจะใช้โอกาสเมื่อทุกคนไม่อยู่เพื่อแสดงความ ‘กังวล’ ต่อสหายผู้หนึ่ง ข้าควรสรรเสริญเจ้าหรือไม่?”
สีหน้าไม่สบอารมณ์ของชีเว่ยพลันอันตรธานหายไป ถูกแทนที่ด้วยสีหน้าเยาะเย้ยของยามปกติ นางได้เปลี่ยนสุ้มเสียงเมื่อเอ่ยคำว่า ‘กังวล’ นางประสบความสำเร็จในการดึงดูดความสนใจของทุกคน
ในขณะเดียวกัน สีหน้าของสือเฉินและฟางเย่หยุดชะงัก
‘จบกัน! พวกเราลืมระวังเจ้าคนปากมากนี้!’
สือเฉินเอ่ย
“ข้าจำได้ว่าเจ้าสนใจชุดหนึ่งในวันก่อน พวกเราไปดูยามว่างเป็นอย่างไร? ข้ารู้สึกว่าชุดนั้นเหมาะสมกับหุ่นไร้ที่ติของเจ้ายิ่งนัก!”
สังคมแย่ลงทุกวัน ภายใต้อิทธิพลของป๋ายเสี่ยวเฟย ทักษะในการปรับตัวเข้าสู่สถานการณ์รอบด้านได้กลายมาเป็นลักษณะเฉพาะของศิษย์ห้องคนเถื่อน...
“ใช่ ข้าอยากได้ชุดนั้น แต่กระเป๋าของข้าออกจะแบนเล็กน้อย อีกทั้งข้าจำได้ว่าเจ้าเองก็ไม่ต่างกันเท่าใดนัก แล้วเราจะหาเงินมาจากที่ใด?”
‘เจ้าบอกว่าข้าชอบนินทา? เช่นนั้นข้าจะให้เจ้าเห็นว่าข้าเก่งเพียงใด!’
“ไม่ต้องกังวล ไม่ต้องกังวล มีสหายผู้หนึ่งที่ได้รับการ ‘กังวล’ มิใช่หรือ? เขาคงยินดีจะจ่ายให้ เขารวยใช้ได้นี่?”
ป๋ายเสี่ยวเฟยเข้าใจสถานการณ์โดยพลันเข้าร่วมบทสนทนา และฟางเย่ปรารถนาเพียงจะขุดหลุมหนี
‘บัดซบ! เหตุใดข้าจึงมาเรียนห้องนี้!’
“พวกเราจะไปทดสอบเพราะยังมีคนต่อแถวรออีกมาก!”
เมื่อเขาเห็นสถานการณ์ไม่สู้ดี ฟางเย่รีบเผยทักษะ ‘เปลี่ยนเรื่อง’ และไม่ให้โอกาสคนอื่นกลั่นแกล้งเขาอีก เขารีบวิ่งเข้าห้องด้วยขายาวๆ
เขาจะต้องถูกรังแกจนอาภรณ์ก็มิอาจปกปิดความอับอายได้เป็นแน่แท้หากอยู่ที่นี่ต่อไป!
เสียงหัวเราะดังลั่น สือเฉินผู้ไร้หนทางหลบหนีใบหน้าแดงซ่านอายม้วน รัศมีของหญิงแกร่งไม่มีให้เห็น
“ก็ได้ ก็ได้ ธุระของพวกเราควรมาก่อน ยังมีเวลาสำหรับเรื่องนี้อีกมาก”
ป๋ายเสี่ยวเฟยเผ่ยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ขณะที่กระตุ้นคนที่เหลือให้เข้าร่วมบททดสอบ อย่างไรเสียก็ยังมีคนต่อแถวรออยู่
พร้อมกับศิษย์ชายที่เดินเข้าไปทีละคนทีละคน คนที่รอและคนที่ถูกรอแลกเปลี่ยนตำแหน่งเมื่อกาลเวลาผ่าน แต่บรรยากาศไม่เปลี่ยนแปลง
ใช่ พวกเขาเปลี่ยนจากรอรับของขวัญไปเป็นรอรับการรักษา...
ชายหนุ่มเดินเข้าเดินออก บ้างยินดีบ้างเศร้าโศก พวกที่ยินดีคือหวังหางและฉิงหนาน ส่วนที่เหลือเสียใจ
เหมือนกับที่ชีเว่ยบ่นเมื่อครู่ ชายหนุ่มร้องไห้โหยหวนจากความไม่เป็นธรรม
หวังหางและฉิงหนานแข็งแกร่งตั้งแต่แรก และด้วยการที่สามารถควบคุมหุ่นเชิดได้มากกว่าผู้อื่นหนึ่งตัว ความแตกต่างของทั้งสองกลุ่มมีแต่จะมากขึ้นมิใช่หรือ!?
แต่หนึ่งคำพูดจากฟางเย่ทำให้ทุกคนเงียบลง
‘มีเงินพอแค่ซื้อหุ่นเชิดตัวที่สามให้สี่คน และต้องจับฉลากหากมีคนเกิน...’
จับฉลากเป็นวิธีที่สะดวกของห้องคนเถื่อนในการตัดสินปัญหายุ่งยาก ตั้งแต่ที่ชีเว่ยเสนอวิธีนี้ออกมา ทุกปัญหาของห้องคนเถื่อนได้เปลี่ยนเป็นยุ่งยาก...
ช่วยไม่ได้ พวกเขาทั้งหมดล้วนขี้เกียจ!
“เจ้าด้วย ไปทดสอบ”
เสวี่ยอิ่งเอ่ยอย่างแช่มช้าขณะที่นางมองไปยังป๋ายเสี่ยวเฟยที่ไม่มีความคิดจะขยับตั้งแต่แรกเริ่ม ภายใต้คำสั่งของนาง คนอื่นหันสายตาไปมองป๋ายเสี่ยวเฟยด้วยความคาดหวัง
“ข้าพูดเรื่องจริง พี่หญิงเสวี่ย วิชาฝึกปรือของข้าออกจะพิเศษอยู่บ้าง...”
ป๋ายเสี่ยวเฟยลังเลที่จะเอ่ยต่อ ท้ายที่สุดก็ไม่ได้พูดออกมาเพราะที่นี่ไม่ได้มีเพียงแค่ศิษย์ห้องคนเถื่อน แต่ยังมีผู้คนอีกร้อยกว่าคนคอยจับตามองอยู่รอบด้าน หากพูดสิ่งใดออกไป ข่าวจะต้องกระจ่ายไปทั่วบริเวณศิษย์ใหม่ภายในเวลาไม่ถึงครึ่งวันเป็นแน่แท้
“พี่ใหญ่เฟย ลองทดสอบดูก่อน บางทีวิชาที่ท่านฝึกอาจไม่เป็นเช่นนั้น ดูสิ ขนาดโม่ข่ายังผ่าน ท่านจะอ่อนด้อยกว่าเขาได้อย่างไร?”
ฉิงหนานรีบเอ่ยเสริมตามเสวี่ยอิ่ง ท้ายที่สุด โม่ข่าผู้น่าสงสารกลายเป็นตัวอย่างของอันดับโหล่ในห้อง
“ลองทดสอบดู ไม่ใช่เจ้าเองหรือที่บอกว่าหากไม่พยายามผลลัพธ์ย่อมไม่แน่นอน?”
ขณะที่นางดึงชายเสื้อของป๋ายเสี่ยวเฟย หลินหลีกะพริบตากลมโตที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง นางเชื่อมั่นอย่างไร้ข้อกังขาว่าป๋ายเสี่ยวเฟยไม่อ่อนแอกว่าคนอื่นแม้แต่น้อย
“ลูกพี่ป๋าย ทดสอบดู!”
“ใช่ ลูกพี่ป๋าย!!”
...
ด้วยเหตุผลอันใดไม่ทราบ ศิษย์ใหม่ที่รายล้อมตะโกนโห่ร้องเป็นเสียงเดียว ฝูงชนเดือดพล่านไปด้วยความตื่นเต้น
“เอาล่ะ! เอาล่ะ! ข้าจะทดสอบ! ข้าจะทดสอบ!”
สุดท้ายแล้ว ป๋ายเสี่ยวเฟยไม่อาจห้ามปรามฝูงชน ลือกที่จะยอมรับชะตากรรมพลางถอนหายใจยาวเหยียดออกมา
‘จบกัน ข้าเสียหน้าแน่...’
ขณะที่คิดเช่นนี้ ป๋ายเสี่ยวเฟยมองเสวี่ยอิ่งด้วยสายตาสงสาร โชคร้ายที่เสวี่ยอิ่งไม่อาจเข้าใจสายตาลึกล้ำของเขาได้
เสี่ยวเอ้อที่อยู่ภายในอ้อมกอดของเสวี่ยอิ่งเห่าออกมาสองครา
ใช่แล้ว มันกำลังพึงพอใจในความโชคร้ายของป๋ายเสี่ยวเฟย...
ป๋ายเสี่ยวเฟยเอ่ยว่าเขาจะให้หันเชียนเย่ยืมตัวเสี่ยวเอ้อไม่กี่วัน แต่เมื่อป๋ายเสี่ยวเฟยจำได้ว่าต้องไปรับตัวสุนัขฮัสกี้ เวลาก็ผ่านไปแล้วหนึ่งเดือน
เสี่ยวเอ้อได้จดจำเหตุการณ์ครานี้ลึกอยู่ในใจ...
“ไปเถอะ”
เสวี่ยอิ่งเข้าใจป๋ายเสี่ยวเฟยผิด นางส่งป๋ายเสี่ยวเฟยด้วยสายตาให้กำลังใจ ท่าทางขี้เล่นยิ่งน่าเย้ายวนมากกว่านักเรียน
น่าเสียดาย ป๋ายเสี่ยวเฟยที่กำลังเข้าสู่ ‘แดนรับโทษ’ ไม่มีอารมณ์จะชื่นชมนาง
อีกทั้งเพราะป๋ายเสี่ยวเฟยได้เริ่มทดสอบ ไม่มีใครสักคนเข้าสู่ห้องที่เหลืออีกห้าห้อง พวกเขาล้วนอยากล่วงรู้ถึงผลลัพธ์
ป๋ายเสี่ยวเฟยรู้สึกกระวนกระวายอยู่ในใจพลางยื่นมือไปวางบนลูกบอลที่ทดสอบปราณกำเนิด ขณะที่เขาส่งผ่านปราณกำเนิดเข้าไป ลูกบอลส่องแสงสว่างขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดมันเผยระดับของปราณกำเนิด
‘ระดับสูงขั้นแรก!’
ป๋ายเสี่ยวเฟยอดไม่ได่ที่จะตกลึงเล็กน้อยพลางมองไปยังลูกบอล
‘ข้าถึงระดับสูงแล้ว!?’
แต่เมื่อเขาคิดอย่างรอบคอบ ป๋ายเสี่ยวเฟยพลันเข้าใจขึ้นมา
‘เป็นไปได้มากว่าข้าถึงระดับสูงหลังกลับมาจากเทือกเขาไร้ขอบเขต’
‘แต่ข้าสามารถมองทะลุแก่นได้นานแล้ว ข้าจึงไม่ทันสังเกต’
อารมณ์ของป๋ายเสี่ยวเฟยดีขึ้นเล็กน้อย เขาเดินไปยังการทดสอบที่สอง เป็นลูกบอลเช่นกัน แต่เขาต้องทำให้มันลอยขึ้น...
ป๋ายเสี่ยวเฟยยอมรับชะตากรรมในใจพลางส่งผ่านปราณกำเนิดเข้าสู่ลูกบอลแรก
‘หืม ลอยขึ้นด้วย’
ลูกที่สอง
‘เอ๊ะ? ทำไมข้ายังมีพลังเหลืออยู่อีก?’
ลูกที่สาม
‘เกิดอะไรขึ้นกันแน่!?’
ป๋ายเสี่ยวเฟยกลืนน้ำลายพลางเหม่อมองไปยังบอลที่ลอยอย่างมั่นคงทั้งสามลูก เขารู้สึกว่าเขายังมีพลังเหลืออยู่อีก!
หลังจากนั้น ลูกที่สี่ ลูกที่ห้า ลูกที่หก...
ท้ายที่สุด ลูกบอลทั้งแปดลูกถูกป๋ายเสี่ยวเฟยทำให้ลอยขึ้น!
ระดับของการควบคุมหุ่นเชิดตัวที่สองได้อย่างไร้ที่ติ!!!
วินาทีที่เขาวางลูกบอลลง ป๋ายเสี่ยวเฟยนิ่งเงียบอยู่ภายนอก แต่ในใจมีพายุโหมกระหน่ำ...
‘‘เกิดอะไรขึ้นวะ!?’
‘มีข้อผิดพลาด?’