GOI ตอนที่ 92 ศาลาไร้ตัวตน!
หนึ่งเดือนเป็นช่วงเวลาที่เรียกได้ว่าไม่สั้นไม่ยาว
หลังจากผ่านความยุ่งยากมากมาย เรื่องในศาลาบุปผาและสมาคมรวมพลังศิษย์ใหม่ได้ก้าวเดินเข้าสู่หนทางที่ถูกต้อง และนอกจากเรื่องพิเศษบางอย่าง ห้องคนเถื่อนมีเวลาว่างอีกครั้ง
ในเดือนที่ผ่านมา ทุกคนรู้ซึ้งถึงพลังของสาวงาม หลังจากป๋ายเสี่ยวเฟยยื่นข้อเสนอเกี่ยวกับบททดสอบในอันดับบุปผา คนมากมายหลากหลายมาเยี่ยมเยือนเขาไม่เว้นวัน และแปดในสิบเป็นคนระดับใหญ่โต!
เป็นเหตุให้ในขณะที่ป๋ายเสี่ยวเฟยรับทรัพย์สินจำนวนมาก เขาได้รู้จักมักจี่กับนายน้อยมากหน้าหลายตาด้วย อย่างไรเสียหากไม่ใช่เพราะป๋ายเสี่ยวเฟย พวกเขาอาจจะไม่มีโอกาสร่วมทานอาหารโต๊ะเดียวกับโฉมสะคราญในอันดับบุปผาทั่วทั้งชีวิต แต่ในปัจจุบัน พวกเขาเพียงต้องทำภารกิจสามอย่างของป๋ายเสี่ยวเฟยเท่านั้น
แน่นอนว่า มันดูเหมือนแบบนั้นในเปลือกนอก ในความเป็นจริงการที่พวกเขาจะได้สาวงามมาอยู่เคียงกายหรือไม่ล้วนขึ้นอยู่กับตัวพวกเขาเอง แต่นอกจากป๋ายเสี่ยวเฟยและศิษย์พี่หญิงในอันดับบุปผาแล้ว ไม่มีใครรู้
พูดอีกอย่างคือความลับทางธุรกิจ!
สำหรับเรื่องที่ว่าจะมีใครเคลือบแคลงหรือไม่ ไม่จำเป็นต้องกังวลเพราะภายใต้การแนะนำของป๋ายเสี่ยวเฟย มีศิษย์พี่หญิงสามคนถูกจีบติดไปแล้ว!
หลักฐานมีชีวิตมีให้เห็นอยู่ทนโท่ ธุรกิจของป๋ายเสี่ยวเฟยมีแต่จะรุ่งเรืองขึ้น จะมีใครไม่อยากได้ภรรยาที่ทั้งงามทั้งแข็งแกร่ง!?
แน่นอนว่ามีศิษย์พี่บางคนที่ยโสโอหังถึงขั้นข่มขู่ป๋ายเสี่ยวเฟย
โดยไม่มีข้อยกเว้น พวกมันทั้งหมดล้วนถูกแขวนอยู่ที่หน้าประตูศาลาบุปผา เป็นฝีมือของหยุนจิงชวง
ใครจะไปคาดคิดว่าหยุนจิงชวงที่แลเป็นกุลสตรียิ่งกว่าผู้หญิงจะเป็นนักเชิดหุ่นสายพลังงานน้ำแข็งที่หายาก!? อีกอย่าง พลังของเขาอธิบายได้คำเดียวว่าน่าหวาดหวั่น!
ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปตามที่ป๋ายเสี่ยวเฟยเอ่ยอธิบายให้กับหยุนจิงชวงในวันนั้น และทั้งคู่ได้รับเงินมาจำนวนมาก
ในขณะเดียวกัน พร้อมกับเวลาที่พัดผ่าน สมาคมรวมพลังศิษย์ใหม่ได้รับเงินค่าสมาชิกแล้วเช่นกัน และไม่จำเป็นที่ป๋ายเสี่ยวเฟยต้องกระตุ้นพวกเขาด้วยซ้ำ เพราะคนเบื้องล่างจะส่งมาให้เขาเอง
ในคราแรก มันดูเหมือนไม่ต่างอันใดไปจากค่าคุ้มครอง แต่มีบางสิ่งที่ทำให้มันแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง
ค่าคุ้มครองเป็นสิ่งที่ศิษย์พี่บังคับเก็บ แต่ค่าสมาชิก พวกเขาให้โดยสมัครใจ!
ในอดีต ในวันวานของการจ่ายค่าคุ้มครองคือช่วงเวลาที่น่ากระวนกระวายเพราะถึงแม้เจ้าจะจ่ายไปแล้ว เจ้าก็ยังต้องถูกกลั่นแกล้งอยู่ดี
แต่สมาคมรวมพลังศิษย์ใหม่แตกต่างไป!
ข้อแรก ค่าสมาชิกน้อยกว่าค่าคุ้มครองถึงครึ่งหนึ่ง ข้อสอง นอกจากจัดการละเล่นบางสิ่งที่ทำให้ผู้คนไม่อาจหยุดได้จากความเจ็บปวดและรื่นรมย์ในเวลาเดียวกัน ป๋ายเสี่ยวเฟยจะไม่ทำสิ่งใดเกินเลยกับศิษย์ใหม่
แน่นอนว่าเป็นคนละเรื่องหากมีคนก่อปัญหา...
ยิ่งกว่านั้น หากกลายเป็นสมาชิกของสมาคมรวมพลังศิษย์ใหม่และถูกกลั่นแกล้ง แค่เพียงรายงานก็จะมีคนมาจัดการให้ทันที
ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นศิษย์ปีหนึ่งหรือปีสอง ป๋ายเสี่ยวเฟยกระทั่งเคยพาคนมาสั่งสอนศิษย์ปีสามที่โง่เขลา!
พูดให้เข้าใจง่ายก็คือ ป๋ายเสี่ยวเฟยอนุญาตให้ศิษย์ใหม่ทุกคนใช้ชีวิตที่พวกเขาไม่เคยเชื่อว่าจะเป็นไปได้ในอดีต!
พวกเขาจึงเต็มใจมอบค่าสมาชิก
“ฟางเย่ เจ้าคิดว่าเรามีเงินพอหรือยัง?”
ศิษย์จากคนเถื่อนนั่งรวมอยู่ด้วยกัน อาหารมื้อเที่ยงยังคงเป็นข้าวกล่องเพราะพวกเขาไม่ได้ไปโรงอาหารมาเป็นเดือน...
“บางคนสามารถซื้อหุ่นเชิดตัวที่สามได้”
ขณะที่ฟางเย่เอ่ย ทุกคนรู้สึกยินดีขึ้นมาเพราะพวกเขารู้ว่าพวกตนได้รับเงินมามาก แต่ไม่คิดว่าจะมากมายขนาดนี้
อย่างไรเสีย เมื่อฟางเย่เอ่ยว่าสามารถซื้อหุ่นเชิดตัวที่สาม เขายังรวมถึงเรื่องที่ว่าหุ่นเชิดตัวที่สองของทุกคนไม่ได้อยู่ในระดับต่ำ!
เพราะมาตรฐานของป๋ายเสี่ยวเฟยคืออย่างน้อยระดับม่วง!
“เรื่องเลือกหุ่นเชิดตัวใหม่เป็นไงบ้าง? มีหุ่นเชิดที่เหมาะสมกับพวกเจ้าในสถาบันหรือไม่?”
ป๋ายเสี่ยวเฟยถามพลางกวาดตามองทุกคน มีเวลาเหลือน้อยกว่าหนึ่งเดือนก่อนจะถึงงานประลองศิษย์ใหม่ และทุกคนจำเป็นต้องฝึกหุ่นเชิดตัวใหม่ให้คุ้นมือ จึงต้องซื้อให้ไวที่สุด!
“พวกเราเลือกเสร็จแล้ว และบางคนที่ไม่อาจหาหุ่นเชิดที่เหมาะสมได้ติดต่อกับทางร้านค้า ในเวลานี้พวกเขาคงจัดสรรหุ่นเชิดมาให้แล้ว”
คนที่เอ่ยตอบยังเป็นฟางเย่ เขากลายเป็นผู้จัดการด้านโลจิสติกส์และการเงินเป็นที่เรียบร้อย...
“งั้นก็ไปวันนี้เลย!”
ป๋ายเสี่ยวเฟยตัดสินใจ ทุกคนโห่ร้องยินดี
พวกเขารอมาทั้งเดือนเพื่อเวลานี้!
“พี่ใหญ่เฟย ข้าไม่เห็นท่านไปเลือกหุ่นเชิดสักครั้ง ท่านเลือกไว้แล้วหรือ?”
ฉิงหนานมีสีหน้าประหลาดใจ ในช่วงเวลาที่ผ่านมา นอกจากต้อนรับพวกศิษย์พี่ที่มาขอคำรับรองแล้ว ป๋ายเสี่ยวเฟยได้ไปซื้อของกับหลินหลีและเสวี่ยอิ่ง บางคราเขาก็หายไปโดยไม่บอก แต่ฉิงหนานไม่เคยเห็นป๋ายเสี่ยวเฟยไปเลือกซื้อหุ่นเชิด
“ข้าไม่อาจทำพันธสัญญากับหุ่นเชิดตัวที่สองได้ชั่วคราว...”
ป๋ายเสี่ยวเฟยเอ่ย เผยรอยยิ้มขมขื่นขณะที่เปิดเผยความลับที่ไม่ลับ
“จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร? ท่านถึงระดับกลางตั้งนานแล้วนี่? อีกทั้งความหนาแน่นของปราณกำเนิดของท่านก็เข้มข้นกว่าพวกเราตั้งเยอะ!”
ฉิงหนานตะโกนอย่างตกใจ ทุกคนคิดเช่นนี้เหมือนกัน
“ใช่แล้ว อีกทั้งท่านยังฉลาดเฉลียว ไม่เหมือนคนที่ขาดแคลนความจุทางใจ!”
โม่ข่าเอ่ยเสริมราวกับกำลังประจบสอพลออยู่ แต่เขากำลังพูดเรื่องจริง
โม่ข่าจะเชื่อหากเป็นนักเชิดหุ่นคนอื่นระดับกลางที่โง่จนไม่อาจครอบครองหุ่นเชิดตัวที่สองได้ แต่คนผู้นั้นไม่มีทางที่จะเป็นป๋ายเสี่ยวเฟย
“ข้ามีสถานการณ์พิเศษบางอย่าง ถึงจะอธิบายพวกเจ้าก็ไม่เข้าใจ ไม่มีความจำเป็นต้องกังวล ข้าจะมีหุ่นเชิดตัวที่สองสักวัน อีกทั้ง แค่พวกเจ้าแข็งแกร่งกันหมดยังไม่พอหรือ? ข้าไม่ใช่สายต่อสู้สักหน่อย”
ป๋ายเสี่ยวเฟยหัวเราะขำขันเปลี่ยนเรื่อง
เขาไม่อาจเอ่ยปากพูดได้ว่าเขาต้องการหญิงสาวเพื่อทำพันธสัญญากับหุ่นเชิดตัวที่สอง ใช่หรือไม่? ไม่ว่าใครจะได้ยินก็ล้วนคิดว่าเขาพูดเหลวไหลเป็นแน่แท้...
“แต่...”
โม่ข่าอยากเอ่ยต่อ แต่ป๋ายเสี่ยวเฟยหยุดเขาด้วยสายตา
“ไม่มีแต่ ข้าบอกว่าแล้วว่าไม่จำเป็นต้องรีบ อย่าพูดถึงเรื่องนี้อีก รีบๆ กินเข้าจะได้ไปซื้อของ!”
ในเมื่อคำพูดนุ่มนวลไม่ได้ผล งั้นเขาก็ต้องใช้กำลังเพื่อหยุดความสงสัยของพวกเขา มิเช่นนั้น ภาพลักษณ์ของเขาต้องป่นปี้...
หลังจากผ่านเหตุการณ์นี้กับป๋ายเสี่ยวเฟย ทั้งหมดมีสีหน้าตื่นเต้นพลางวิ่งไปยังย่านค้าขายในสถาบัน
ทั้งตลอดเส้นทาง พวกเขาเงียบปากไม่พูดเกี่ยวกับหุ่นเชิดที่เลือกเพราะพวกเขาอยากจะให้ทุกคนประหลาดใจ
“เป็นเพราะข้าไม่ได้ทุบตีพวกเจ้าเป็นเวลานาน พวกเจ้าจึงลืมว่าใครเป็นหัวหน้าพวกเจ้าใช่หรือไม่? พวกเจ้าอ้อนวอนให้ข้ามาช่วยเลือก แต่พวกเจ้ากลับมาสาย!”
ขณะที่เสียงคุ้นเคยดังแว่วให้ได้ยิน เสวี่ยอิ่งที่สวมเสื้อดำกางเกงสั้นและผ้าคลุมอาจารย์พูดออกมาอย่างโกรธเกรี้ยวข้างหน้าประตูทางเข้าของศาลาไร้ตัวตน โดยเฉพาะเมื่อนางมองไปยังป๋ายเสี่ยวเฟย ความโหดเหี้ยมปรากฎขึ้นในดวงตา
“พี่หญิงเสวี่ย พวกเรามิกล้า! พวกเราแค่กำลังเตรียมตัวอยู่เพราะไม่ได้เจอท่านนาน ดูสิว่าพวกเรามีชีวิตชีวาแค่ไหน!”
ตามที่คนโบราณว่าไว้ ผู้คนมิอาจใจเหี้ยมลงโทษผู้ที่ยอมรับผิด เพื่อที่จะไม่ให้ตนถูกอัดแล้ว ป๋ายเสี่ยวเฟยยิ้มทุกคราที่เขาเจอเสวี่ยอิ่งจนใบหน้าแทบจะเป็นตะคริว..
“เจ้าพูดเก่งเสียจริง ลืมมันเถอะ ข้าจะปล่อยเจ้าไปเพราะวันนี้เป็นวันสำคัญสำหรับพวกเจ้า”
ขณะที่เสวี่ยอิ่งผู้ ‘ใจกว้าง’ เอ่ย สีหน้ามืดทะมึนของนางพลันสดใสขึ้น จากนั้นนางหันหลังกลับเดินเข้าไปในศาลาไร้ตัวตน
ในอีกด้าน ป๋ายเสี่ยวเฟยและพวกยังคงเต็มไปด้วยความรู้สึกมุ่งมาดปรารถนาและคาดหวังขณะที่ยืนอยู่ข้างหน้าทางเข้า
‘เมื่อพวกเราเข้าไป ห้องคนเถื่อนจะทะยานขึ้นสู่ระดับใหม่!’