ตอนที่แล้วบาทที่ 8
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบาทที่ 10

บาทที่ 9


บาทที่ 9

พวกเขาได้แต่ส่งพยุหะพายุปีศาจเข้าไปบนเรือ เนื่องจากหากใช้ร่างวิญญาณ กรงเล็บอันใหญ่โตเทอะทะของมันต้องทำลายเรือไปไม่น้อย ส่งผลกระทบต่อคนที่อยู่ด้านล่าง

ด้วยว่าจินหลินส่งพยุหะพายุปีศาจเข้าไปเสริม ทำให้สภาพที่พยุหะพายุปีศาจตกเป็นรองนั้นกลับมาเป็นคู่คี่ในทันที

จากการที่หงเซียวต้องใช้พยุหะพายุปีศาจของเขาทั้งหมดยื้อสี่คนที่สามารถโจมตีทางไกลได้นั้นทั้งยังต้องการความช่วยเหลือจากสามสาวบนท้องฟ้าเป็นระยะนั้น ขณะนี้เขาเพียงยื้อไว้เพียงสองคน กัปตันและรองกัปตันที่มีความสามารถในการใช้ธนูยิงเร็ว

หากว่ายืดเยื้อต่อไปแน่นอนว่าพวกหงเซียวย่อมเป็นฝ่ายได้เปรียบ เพราะว่าพิษย่อมจะกำเริบขึ้นมาทุกขณะ แต่พวกเขาทำเช่นนั้นไม่ได้เพราะว่าหากว่ายืดเยื้อต่อไปไม่แน่ว่าอีกฝ่ายจะมีเวลาสำแดงท่าไม้ตายออกมาและเอาชนะพวกเขาไปก็ได้ พวกเขาจะต้องเปิดไพ่จัดการกับอีกฝ่ายก่อน

หงเซียวส่งพิษออกไปด้วยวิชาหมอกพายุ พัดพาหมอกพิษขึ้นไปบนเรือ และเช่นเดียวกันบอกให้ทุกคนส่งทุกอย่างที่มีเข้าใส่ศัตรู

กับดักถูกติดตั้งในหมอกที่ท่วมข้อเท้าศัตรูบนเรือโดยไม่มีใครสังเกตพบ ท่ามกลางหมอกพิษที่โชยพัดเข้าไปในลำเรือเป็นระยะด้วยวิชาหมอกพายุที่ทั้งบดบังประสาทสัมผัสทั้งห้า หลายคนในฝ่ายศัตรูต่างพากันเหยียบลงไปบนกับดักที่เหมือนปากที่มีฟันแหลมคมกัดกร้วมลงไปยังเท้าข้างนั้นอย่างไม่ปรานี

เมื่อพลาดหนึ่งครั้งย่อมไม่มีโอกาสพลาดเป็นครั้งที่สองในเมื่อพลาดครั้งแรกนั้นถูกจอมฉวยโอกาสอย่างหงเซียวและจินหลินที่จ้องเขม็งตาเป็นมันจัดการทันที แน่นอนว่ายังมีคนที่ฝึกฉวยโอกาสรออยู่ด้านข้างอีกสามคน

กรงเล็บจัดการเด็ดชีพของผู้ที่พลาดพลั้งเหยียบไปบนกับดักอย่างรวดเร็ว คนอื่นต่างพากันรู้ตัว พยายามไม่ก้าวเท้า แต่นั่นก็ยิ่งทำให้การต่อสู้ของตนเองถูกจำกัด ยิ่งเลวร้ายยิ่งขึ้น

“หลบเข้าห้องท้องเรือ” กัปตันสั่งขณะที่ใช้กระบี่แทงไปยังร่างหมอกที่ขวางทางจนสลายไปก่อนจะพุ่งปราดไปยังห้องท้องเรือ

แต่ก่อนที่เขาจะเข้าไปในห้องท้องเรือสังหรณ์ร้ายก็ผุดขึ้น ชะงักตัวกลางคันปล่อยให้คนของตนเองเขตแก่นปราณนำหน้า

กรึ๊บ กลางอากาศที่ว่างเปล่า มีหมอกเบาบางครอบคลุมทางเข้าห้องท้องเรือ ที่นั่นพลันปรากฏเขี้ยวแหลมคมกัดหัวคนของตนเองขาดออกจากตัวก่อนจะสลายหายไปในเสี้ยววินาที

ร่างไร้หัวนั้นล้มครืนลง

ฉับฉับฉับ กัปตันโกรธเกรี้ยวถึงที่สุดใช้กระบี่ในมือฟาดฟันทางเข้าห้องท้องเรือและหมอกนั้นอย่างสับสนวุ่นวาย หลายครั้งที่เขาฟาดฟันโดนคมเขี้ยวที่งับกระบี่ของเขา แต่ไม่ว่าอย่างไรคมเขี้ยวนั้นก็เหมือนมีไม่รู้จบ ไม่ว่าจะฟาดฟันกี่ครั้ง เขาก็ไม่สามารถทำให้มันหมดไปได้

และแค่นั้นยังไม่พอพิษในกายของเขาก็เริ่มกำเริบ เขาต้องปิดสกัดชีพจรหัวใจไว้ ซึ่งทำให้ฝีมือของเขาตกลงมามาก และนั่นก็ยังไม่หมด เมื่อหมอกภูตเหล่านั้นต่างพากันมารุมล้อมโจมตีเขาไม่หยุดหย่อน จนไม่มีเวลาพัก ไม่มีเวลาคิดถึงเรื่องอื่นได้อีก

คนเริ่มลดจำนวนลงอย่างรวดเร็ว ไม่นานนักก็เหลือเพียงคนเจ็ดคนเขตร่างปราณเท่านั้น

“สละเรือเถอะ กัปตัน” หนึ่งในนั้นกล่าว ขณะป้องกันตัวจากกรงเล็บอย่างยากลำบาก พิษในกายเขากำเริบขึ้นทุกขณะทำให้ฝีมือลดทอนลงเรื่อยๆ

“ไปไหน เกาะเรอะ” กัปตันย้อนถาม เขาไม่มีทางออก

“ข้าให้เรือเล็กเจ้าลำหนึ่ง ไปเถอะ” เสียงแหบแห้งโหยหวนเสียงหนึ่งดังขึ้นข้างหูทุกคน ต่างพากันตกตะลึง

ความจริงแล้วนั่นคือเชือกปราณที่หงเซียวส่งไปแปะไว้ เพื่อปกปิดต้นเสียง

เรือเล็กลำหนึ่งลอยเคว้งอยู่กลางน้ำมองเห็นได้ชัด มันเป็นเรือบดประจำเรือของพวกเขาเองสำหรับลูกเรือในการเดินทางเข้าฝั่งหรือในกรณีฉุกเฉินเรือล่ม ในเวลานั้นร่างภูตที่ปรากฏอยู่ต่างสลายตัวไป เหมือนกับรอให้กัปตันเรือตอบรับข้อเสนอ

“เจ้าเป็นใครกัน” กัปตันตะโกนก้อง สภาพของเขาก็ย่ำแย่ลงไปทุกขณะเช่นกัน

“ฮ่าฮ่าฮ่า ยินดีที่จะรับข้อเสนอของข้าหรือไม่ ฮ่าฮ่าฮ่า” เสียงแหบโหยนั้นหัวเราะออกมา

“พวกเราไป” กัปตันกัดฟัน พากันเดินไปอย่างระมัดระวัง ก่อนจะกระโดดพ้นกาบเรือไปยังเรือลำน้อยนั้นแล้วรีบพากันใช้ปราณผลักดันออกไปสู่ทะเลอันเดือดพล่านไปด้วยพายุและลมฝน

“กรี๊ดดด ฮ่าฮ่าฮ่า ฮ่าฮ่าฮ่า” มีเสียงหัวเราะโหยหวนตามหลังเรือลำน้อยนั้นออกมา ท่ามกลางกระแสลมและพายุ เหล่าคนร่างปราณทั้งเจ็ดนั้นต่างได้ยินเสียงนั้นอย่างชัดเจน ก่อนจะค่อยจางหายไปตามกระแสคลื่นลม

“กัปตัน เราแอบขึ้นเกาะไปดีหรือไม่ เราอาจจะรู้ว่าใครที่เล่นงานเรา” คนหนึ่งแนะนำ

“ถ้าเจ้าขับพิษจนหมดแล้ว และคิดหาวิธีเอาชนะภูตพรายพวกนั้นได้ ข้าจะไม่ห้ามเจ้า” กัปตันพูด

ทุกคนเงียบลงในทันใด

“ผลัดกันควบคุมเรือและโคจรพลังขับพิษ มุ่งหน้าไปทิศทางเดียวกับที่ลมพัดไป หลีกเลี่ยงเกาะนี้” กัปตันพูดอีกครั้งก่อนที่จะนั่งขัดสมาธิหลับตาทำการขับพิษออกจากร่างโดยไม่สนใจอะไรอีก

หงเซียวใช้เชือกปราณส่งเสียงบอกเซมาลให้มาพูดคุยกับคนบนเรือ แล้วใช้ร่างจิตเทียมพาเซมาลบินข้ามน้ำมาที่เรือ ก่อนจะบอกให้จัดการทุกอย่างตามความเหมาะสมก่อนจะอำลาไป

พวกเขาจำเป็นต้องปล่อยพวกโจรเขตร่างปราณพวกนี้ไป ก็เพราะว่าพวกเขาไม่มีวิธีที่จะจัดการกับคนเหล่านี้ได้ หากยื้อนานเกินไปอีกฝ่ายก็อาจจะจับเคล็ดพวกเขาได้ แล้วงัดไม้ตายออกมา ซึ่งนั่นไม่เป็นสิ่งที่ดีเลยแม้แต่น้อย

หมาจนตรอกอย่าไล่

หงเซียวและสี่สาวกลับคืนสู่ศูนย์กลางค่ายกล จากการใช้ไข่มุกและไอพลังสีฟ้า หงเซียวพบว่ามันเพิ่มพูนประสิทธิภาพในการเร่งการสร้างชีพจรเซียนขึ้นเป็นอย่างมาก ดังนั้นเขาจึงปรับปรุงวิชาอีกเล็กน้อยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้ถึงขีดสุด

พวกเขาก้าวเข้าสู่ใจกลางค่ายกล และเช่นเดิม หงเซียวส่งหมอกพลังงานสีฟ้าดึงตัวสี่สาวเข้าไปรวมกันและผนึกผิวไข่มุก แต่คราครั้งนี้แทนที่จะส่งกระแสพลังสีฟ้าออกมาเป็นคลื่นดังเดิม เขากลับส่งกระแสพลังสีฟ้าเป็นเหมือนหมอกแผ่ไปทั่วค่ายกล และไหลไปตามกระแสพลังเซียน มองเห็นเป็นหมอกสีฟ้าเรืองแสงไหลไปตามต้นไม้สีเขียวในความมืดมิดของลมฝนท่ามกลางสายฟ้าแปลบปลาบเป็นระยะ ดูแปลกตา

การทำเช่นนั้นดูเหมือนจะมีผลกระทบกับบรรยากาศรอบเกาะ พายุฟ้าคะนองพลันเบาบางและหยุดยั้งลงเหลือเพียงเมฆครึ้มที่ยังลอยเคว้งอยู่เท่านั้น ราวกับว่าพายุฟ้าคะนองนั้นถูกดูดพลังไปจนหมดสิ้น

ในเวลาไม่กี่วัน ท้องฟ้าก็โปร่งแสงอาทิตย์สาดส่องลงมาเป็นครั้งแรกในรอบเกือบเดือนนี้ บรรดาคนที่เหลืออยู่ต่างก็ออกมาจากที่พัก และเริ่มทำการปรับปรุงพื้นที่ ตามที่หงเซียวอนุญาตให้ใช้ได้ พวกเขาเริ่มสร้างที่พักเพิ่ม และเริ่มหาอาหารเองจากสัตว์ทะเลบริเวณชายฝั่ง หงเซียวยังใจดีใช้ร่างจิตเทียมประกอบเรือใบให้เป็นตัวอย่างหนึ่งลำ และสอนวิธีการใช้ให้กับคนเหล่านี้ เพื่อใช้ในการหาอาหาร

หงเซียวทิ้งวิชาปราณไว้ให้ฝึกฝน ปราณเพลิงสังหารเพื่อใช้ในการประกอบอาหารและป้องกันตัว ปราณหนอนศิลาสำหรับใช้ในการก่อสร้าง ปราณไส้เดือนรากอสูรสำหรับปลูกพืชผัก

ด้วยปราณหนอนศิลา ที่พักอาศัยและกำแพงสามารถสร้างขึ้นได้ด้วยการใช้ดินอย่างง่ายดาย และหากมีพลังปราณล้ำลึกขึ้นพวกเขาก็จะสามารถสร้างบ้าน กำแพง เกราะหรืออาุวุธจากดินบางเฉียบให้มีความแข็งแกร่งเท่ากับเหล็กกล้าได้อย่างสบาย และด้วยปราณไส้เดือนรากอสูร พวกเขาสามารถปลูกพืชอะไรก็ได้ให้เติบโตในเวลาอันรวดเร็วซึ่งก็ขึ้นกับชนิดของพืชผักและความล้ำลึกของพลังปราณของพวกเขา

บ้านดินถูกสร้างขึ้นหลังแล้วหลังเล่า โดยที่หลังคาของบ้านดินนั้นมุงด้วยหญ้าฟางหนาเพื่อป้องกันฝน ในเมื่อพลังปราณของผู้ฝึกปราณหนอนศิลายังอยู่ในระหว่างการพัฒนา พวกเขากำลังสร้างชุมชนขึ้นมา

พวกเขามีแปลงผักไม่ใหญ่มากนัก แต่ทว่าพืชผักที่นี่เติบโตเร็วมาก ในแต่ละวันพวกเขาสามารถหาอาหารได้พอกินขณะที่วิชาปราณของผู้ปลูกพืชผักกำลังพัฒนาขึ้น

คนกลุ่มหนึ่งในหมู่พวกเขาทำหน้าที่จับสัตว์น้ำ และฝึกการใช้เรือใบ พวกเขาต้องฝึกวิชาปราณสำหรับการต่อสู้ ปราณเพลิงสังหารจำเป็นสำหรับพวกเขา แม้ว่าจะใช้ได้ไม่ได้ดีในน้ำนัก แต่ก็สามารถใช้งานได้หลากหลายบนฝั่ง

เรือใบถูกต่อขึ้นอีกหลายลำ แหลนไม้ไผ่จำนวนมากถูกเหลา เสื้อผ้าจัดสร้างจากพืชเส้นใยที่พอหาได้นำมาถักทอและจากหนังสัตว์ทะเลที่เหนียวพอที่จะจัดทำเป็นผืนได้ พร้อมกับสิ่งของที่เหลือในเรือ พวกเขาเริ่มพัฒนาชุมชนชาวประมงขึ้น

สิ่งที่ทุกคนต้องจดจำก็คือ ห้ามเข้าไปใกล้ในเขตพื้นที่ที่มีหมอกเรืองแสงสีฟ้า นั่นคือเขตหวงห้ามของเจ้าของเกาะ

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วเกือบหนึ่งปี ชุมชนเริ่มเข้มแข็ง ชุดและของหลายคนผลิตขึ้นจากแผ่นดินที่แข็งแกร่งประดุจเหล็ก เช่นเดียวกับบ้านเรือน พืชผลของพวกเขาอุดมสมบูรณ์ และมีหลายคนที่เริ่มเพาะสมุนไพรหายาก พวกเขาเริ่มมีเรือใบขนาดใหญ่ที่จัดสร้างจากดินอันแข็งแกร่ง และเรือใบลำเล็กจากดินอีกนับร้อย

และเช่นเดียวกันที่ใจกลางเกาะ ไข่มุกที่หมุนอยู่อย่างสงบมานานนั้นพลันเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด