ตอนที่แล้วบทที่ 1 : ลืมตาตื่น (1/2)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 3 : ลูกสาวคนโตของบ้านเหลียนเปลี่ยนไป (1/2)

บทที่ 2 : ลืมตาตื่น (2/2)


บทที่ 2  :  ลืมตาตื่น  (2/2)

ซูเม่ย:  "...……." นั่งนิ่งตะลึงงันฟังสิ่งที่เด็กชายกำลังพูด  เธอไม่เห็นจะเข้าใจเลยว่าเด็กน้อยพูดถึงอะไรกัน  นี่เธอเริ่มสงสัยแล้วนะว่า  เธอหรือเขากันแน่ที่เป็นบ้า!

จนกระทั่งเมื่อเธอได้ก้มหน้าลงแล้วมองมือของตัวเองอย่างไม่ตั้งใจ  ‘ เฮ้ย  ทำไมมือฉันมันเล็กอย่างนี้ล่ะ!’  ตอนนี้ในสมองของเธอพลันว่างเปล่าไปหมด

“มีกระจกไหม?”  ซูเม่ยเอ่ยถามทันที

“กระจก?”  เด็กชายที่โตสุดทวนคำถามด้วยท่าทีงุนงง

“ถ้างั้นขออ่างน้ำให้ฉันหน่อย”  ซูเม่ยพูดอย่างรวดเร็ว

“ข้าไปเอง!”  เด็กชายตัวน้อยอีกคนตะโกนขานรับ  เขาผลักฟางชิงเบาๆให้พ้นทาง  ก่อนจะรีบวิ่งออกไปนอกบ้าน

จากนั้นครู่หนึ่งเขาก็เดินเซซ้ายเซขวา  อุ้มอ่างน้ำใบใหญ่เข้ามา  เมื่อพี่คนโตเห็นดังนั้นเขาจึงรีบวิ่งเข้าไปช่วยถืออย่างรวดเร็ว

ซู่เม่ยลุกขึ้นรับอ่างจากเด็กน้อยทั้งสอง  ก่อนจะค่อยๆอุ้มอ่างน้ำนั้นไปวางลงบนโต๊ะไม้เก่าๆตัวหนึ่ง  ในเงาของน้ำสะท้อนภาพเด็กสาวหน้าตาซีดเซียว  ดวงตากลมโต  ริมฝีปากสีแดงสด  ใบหน้ารูปไข่นั้นดูรับกันได้ดีกับคิ้วโก่งเหมือนคันศร  แม้จะดูโทรมไปบ้างแต่ก็ยังพอเห็นเค้าโครงของความน่ารัก

เจ้าของใบหน้านี้ไม่ใช่เธออย่างแน่นอน  เพราะตอนนี้เธออายุเกือบๆจะสามสิบแล้ว  ทั้งใบหน้าที่อ่อนเยาว์  และแขนขาเล็กๆนี่อีก  เห็นได้ชัดเลยว่านี่มันเป็นร่างของเด็กสาวอายุเพียงสิบสี่ปีหรือสิบห้าปี  ที่ขาดสารอาหารอย่างรุนแรง ชัดๆ

เมื่อรวมกับคำว่า ‘พี่สาว’  ที่เด็กๆพวกนี้เรียกอีกล่ะ  ไม่จริงหรอก  เธอต้องฝันไปแน่ๆ  ซูเม่ยเริ่มตัวสั่นเทาจนเกือบจะล้มลงไปกองกับพื้น  ‘อย่าบอกนะว่า  เธอทะลุมิติมาอยู่ในร่างของเด็กคนนี้’

“พี่สาว!”  เด็กผู้ชายที่โตสุดรีบเข้ามาประคองเพื่อไม่ให้เธอล้มลง  ก่อนจะเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง  “พี่เป็นอะไรไหม?  อยากจะนั่งพักสักครู่หรือเปล่า?”

“ฉัน-”  ซูเม่ยอ้าปากเหมือนอยากจะพูด แต่เธอก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะพูดอะไร

เธอปล่อยให้เด็กชายประคอง  เธอให้นั่งลงบนเตียง  ก่อนจะมองไปรอบๆบริเวณที่พวกเขาเรียกว่าบ้านแล้วก็ถอนหายใจออกมาอย่างปลงๆ  เธอต้องทำใจยอมรับความจริงให้ได้สินะ

“พี่สบายดี”  ซูเม่ยฝืนยิ้ม  ก่อนจะตอบกลับไป  “พี่ไม่ตายหรอก   ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปพวกเราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วนะ...”

“ตราบใดที่พี่สาวสบายดี  ข้าเชื่อฟังพี่ทุกอย่าง!” เด็กชายที่อายุเยอะสุดพยักหน้าอย่างแรง  เขาดูตื่นเต้นเล็กน้อยมุมปากของเขายิ้มเล็กน้อยเผยให้เห็นฟันสีขาวของเขา

ซูเม่ยตาโต  ‘ว้าว  พอยิ้มแบบนี้แล้วเขาน่ารักจัง’

“พี่สาว!  พี่สาว!”  ฟางชิงตัวน้อยวิ่งมากอดเธออีกครั้งพร้อมกับร้องไห้คร่ำครวญ  “พี่ห้ามตายนะ  ถ้าพี่ตายข้าจะเสียใจมาก   ข้าไม่ให้พี่ตาย…”

ซูเม่ยอดที่จะยิ้มแล้วก็ดึงเธอเข้ามากอดไม่ได้

ตอนนี้เธอเริ่มจะลำดับเรื่องราวได้บ้างแล้ว  เธอมีน้องชายและน้องสาวอายุยังน้อย  พวกเขารักและยึดติดกับพี่สาวคนโตมาก  เพราะฉะนั้นไม่ใช่เรื่องยากอะไรที่เธอจะตะล่อมถามข้อมูลเจ้าของร่างเดิมจากพวกเขา  โดยที่พวกเข้าไม่สงสัยว่าเธอไม่ใช่พี่สาวแท้ๆ  อีกอย่างพวกเขาเองก็อายุยังน้อยคงไม่ได้มีความคิดซับซ้อนอะไร

อย่างไรก็ตาม.......

บนตัวของเธอไม่ได้มีร่องรอยบาดเจ็บ  แขนขาก็ดูปกติดี  หัวก็ไม่ได้แตก  แต่ทำไมพวกเด็กๆถึงร้องไห้ฟูมฟายกลัวว่าเธอจะตายนักล่ะ?

“มันเกิดอะไรขึ้นหรอ?”  ซู่เม่ยเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม

“ผู้หญิงอ้วนจากบ้านฮัว  มายืนตะโกนด่าพี่สาวอยู่หน้าบ้าน   จากนั้นพี่ทนไม่ได้ก็เลยเดินออกไปหานาง  แต่ไม่รู้ทำไมจู่ๆพี่ก็ล้มลงไปกับพื้น  พอพวกเราไปถึงพี่ก็หยุดหายใจไปแล้ว”  ฟางชิงน้อยรีบพูดอย่างรวดเร็ว

“บ้านฮัว?”  ซู่เม่ยถามแบบงงๆ

“ฟางชิง!”  เด็กชายตัวโตกระซิบเรียกน้องสาวเบาๆและสับสนกับท่าทางแปลกๆของซู่เม่ย  “พี่สาวจำบ้านฮัวไม่ได้หรอ?”

ซูเม่ยทำเป็นนวดขมับตัวเองแล้วก็พูดด้วยเสียงเศร้าๆว่า  “พี่ก็ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร  พอฟื้นขึ้นมาก็รู้สึกหลงๆลืมๆ  ความทรงจำมันดูเลือนรางไปหมด...”

เด็กชายพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้  แม้จะสงสัยนิดหน่อย  แต่เขาก็เล่าออกมาเองโดยที่ซู่เม่ยไม่ต้องเอ่ยถาม  “เมื่อกลางปีที่แล้ว  ท่านพ่อท่านแม่ของเราตายอย่างกะทันหันเพราะเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่บนภูเขา  พวกตระกูลหยางก็เลยอยากที่จะถอนหมั้น  แต่พี่-”

เด็กชายมองดูซูเม่ยด้วยท่าทางที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก

ซูเม่ยเข้าใจอย่างแจ่มชัดแล้วว่าเจ้าของร่างเดิมคงจะดึงดันไม่ยอมถอนหมั้นแต่โดยดีเป็นแน่

แต่เรื่องนี้จะโทษเธอก็ไม่ได้   ถ้าจะผิดก็คงผิดที่บ้านของเธอยากจน  พ่อแม่ก็มาตายจาก  แถมยังทิ้งน้องๆที่ยังเล็กอีกสามคนไว้เป็นภาระให้เธอต้องดูแลเลี้ยงดูตามลำพังอีก  มันก็ไม่ได้แปลกอะไรที่ทางฝั่งโน้นเองจะอยากถอนหมั้นก็ใครมันจะมาเต็มใจดูแลพวกเธอทั้งครอบครัวกันล่ะ

เธอพยักหน้าแล้วก็ยิ้ม  “แล้วหลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้นอีก?”

เมื่อเด็กชายเห็นว่าเธอมีท่าทีสงบไม่ได้ฟูมฟาย  เขาถึงได้วางใจแล้วก็เล่าต่อ  “ถึงตอนนี้พวกตระกูลหยางจะยังถอนหมั้นยังไม่สำเร็จ  แต่พวกเขาก็ได้มองหาว่าที่สะใภ้คนใหม่เอาไว้แล้ว  ดังนั้นพวกเขาจึงบอกให้บ้านฮัวหาวิธีอะไรก็ได้ให้พี่สาวยอมถอนหมั้น  นั่นก็เลยเป็นเหตุให้นางหลิวกับลูกสะใภ้คนโตของนางมายืนตะโกนด่าพี่เสียๆหายๆอยู่หน้าบ้าน  พี่ตกใจกับคำด่าทอพวกนั้นจนยืนนิ่ง  จากนั้นจู่ๆพี่ก็ล้มลงไป  แต่โชคยังดีที่พี่แค่เป็นลม  ไม่อย่างนั้นข้าได้ไปสู้ตายกับพวกนางแล้ว....”

ซูเม่ยถอนหายใจอย่างแรง  ‘ฉันไม่ได้เป็นอะไร  แต่พี่สาวแท้ๆของนายนะสิไม่ได้แค่โกรธจนเป็นลม  แต่หล่อนน่ะม่องเท่งจนได้ไปเข้าเฝ้าเง็กเซียนฮ่องเต้แล้ว’

เด็กสาวคนนี้ช่างขวัญอ่อนเสียจริง  โดนด่าแค่นี้ก็โกรธจนตายไปซะล่ะ

ก่อนครู่ต่อมาซูเม่ยจะได้ยินเสียงตะโกนแหลมเล็กแสบแก้วหูดังมาจากประตูหน้าบ้าน  แรกๆซูเม่ยยังจับใจความไม่ค่อยได้นัก   ดังนั้นเธอจึงพยายามเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด