GE461 ขวดเพลิง [ฟรี]
การปรากฏตัวของราชาสุสานบุบผาทำให้โม่ฉุยรอดพ้นจากวิกฤติ แต่เรื่องที่มันถูกช่วงชิงเพลิงไปก็ยังไม่อาจทำอันใดได้
ในหมู่นักปรุงโอสถทั้ง 1500 คน มีเพียง 180 คนที่เผาสมุนไพรและชำระล้าง 10 ครั้งได้ในเวลา 2 ชั่วยาม
ในหมู่นักปรุงโอสถเหล่านั้น ส่วนใหญ่เป็นนักปรุงโอสถผันแปรที่ 4 แต่ก็มีนักปรุงโอสถผันแปรที่ 3 ขั้นสูงสุดบางคน ที่แสดงฝีมือได้ต้องตาขุมกำลังบางแห่ง ทำให้ขุมกำลังเหล่านั้นเชื้อเชิญเข้าร่วม
ผู้เชี่ยวชาญที่สามารถชำระล้างสมุนไพรได้ 50 ครั้งในช่วงเวลา 2 ชั่วยาม คือนักปรุงโอสถผันแปรที่ 5
หวางถิงสื่อชำระสมุนไพรได้ 74 ครั้ง... ยี่หยุนสื่อ 77 ครั้ง และโม่ฉุยที่ถูกช่วงชิงเพลิงไปได้ 72 ครั้ง
แต่ผู้ที่อยู่เหนือความคาดหมายมากที่สุดคือหนิงฝาน ที่ชำระสมุนไพรได้ถึง 100 ครั้ง
ด้วยความสามารถระดับนี้ เทียบเท่านักปรุงโอสถผันแปรที่ 6 จนทำให้หนิงฝานกลายเป็นอันดับหนึ่งของรอบที่สองไป
แต่ถึงอย่างนั้น รอบนี้ก็เป็นเพียงการเผาสมุนไพร บางทีการปรุงโอสถอาจจะด้อยกว่าคนอื่นๆก็ได้
ผู้ชมและนักปรุงโอสถคนอื่นๆคาดหวังได้เห็นนักปรุงโอสถที่เข้ารอบทุกคนแสดงฝีมือเต็มที่ในรอบ 3 เพราะคนเหล่านั้นอยากรู้ว่าหนิงฝานจะยังได้เป็นอันดับ 1 อยู่หรือเปล่า
การแข่งขันรอบที่ 3 จะจัดขึ้นอีกครั้งภายใน 10 วันข้างหน้า
หนิงฝานใช้เวลาไปกับการทบทวน ทักษะการปรุงโอสถของนักปรุงโอสถแต่ละคน ที่แสดงฝีมือในรอบที่ 2
ไม่นานหลังจากจบการแข่งขันรอบ 2 มีข่าวลือว่าโม่ฉุยรักษาตัวจนหาย และอยากจะประชันฝีมือกับหนิงฝานในรอบที่ 3 อย่างตรงไปตรงมา แต่หนิงฝานไม่เชื่อว่ามันจะทำแบบนั้น
ในคืนวันที่ 8 มีเสียงต่อสู้ดังมาจากสถานที่แห่งหนึ่งของเผ่าปีศาจยักษ์
ผู้เชี่ยวชาญบางคนสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของราชาสุสานบุบผา ต่อสู้กับอีก 8 กลิ่นอายที่อยู่ในขอบเขตไร้ดัดแปลงอันทรงพลัง
หลังจากสู้กันได้ไม่นาน ราชาสุสานบุบผาก็จากไปด้วยความโกรธ แต่กลุ่มที่สู้กับราชาสุสานบุบผาก็ไม่ได้ตามไป เพราะยังหวั่นเกรงในความแข็งแกร่งของอีกฝ่าย
เหล่าผู้เชี่ยวชาญคาดเดาถึงตัวตนของผู้ที่สู้กับราชาสุสานบุบผา แต่ไม่ว่ายังไงก็คิดไม่ออก
จะมีก็เพียงหนิงฝานที่รู้ว่าราชาสุสานมั่นใจในตัวเองมากเกินไป จึงได้ลอบบุกเข้าไปชิงอนุสรณ์ปีศาจ กระทั่งปะทะกับบรรพบุรุษทั้ง 8
แต่นั่นก็ทำให้หนิงฝานกังวลในความแข็งแกร่งของ 8 บรรพบุรุษเช่นเดียวกัน
แม้ว่าราชาสุสานที่มาจะเป็นเพียงดวงจิตที่ 2 แต่มันก็แข็งแกร่งมากพอที่จะเอาชนะผู้เชี่ยชาญไร้ดัดแปลงขั้นสูงหลายคนได้
ขนาดราชาสุสานบุบผายังเอาชนะบรรพบุรุษทั้ง 8 ไม่ได้ หนิงฝานย่อมเข้าไปชิงอนุสรณ์ปีศาจไม่ได้เช่นเดียวกัน
“ราชาสุสานบุบผาทรงพลัง แม้จะเป็นดวงจิตที่ 2 แต่รับมือขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นสูง 2 คน และขั้นกลางอีก 6 คนได้โดยไม่ถูกสังหาร… สมแล้วที่เป็นคนรุ่นเดียวกับหยุนเทียนเฉว นอกจากผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยกแล้ว น่าจะไม่มีใครสู้มันได้อีก”
แม้จะกล่าวว่าหนีไปได้ แต่ราชาสุสานบุบผาก็บาดเจ็บอย่างหนัก
ครั้งหนึ่งราชาสุสานบุบผาเคยต่อสู้กับหยุนเทียนเฉว แม้จะเคยพ่ายมา แต่หากไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยกก็เอาชนะมันไม่ได้ แต่ถึงอย่างนั้น ยังมีข่าวว่าผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยกบางคนพ่ายให้กับมัน
หนิงฝานยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะต่อกรมันได้ เขาจึงต้องเลิกคิดเรื่องนั้นไปก่อน
โม่ฉุยเองก็ฟื้นฟูอาการบาดเจ็บจนหายดี มันจึงไม่จำเป็นต้องพึ่งราชาสุสานบุบผาอีก ยามนี้มันสนใจเพียงแต่เรื่องที่จะเอาชนะหนิงฝานให้ได้
ในวันที่ 9 หวางถิงสื่อและยี่หยุนสื่อมาพบหนิงฝาน แต่ไม่ทราบว่าทั้ง 3 พูดคุยอะไรกัน
เมื่อหวางถิงสื่อกลับไป มันป่าวประกาศกับผู้คนว่า หนิงฝานเป็นนักปรุงโอสถพิเศษให้กับเกาะโอสถ ส่วนยี่หยุนสื่อ ได้ป่าวประกาศกับผู้คนว่า ตระกูลซัวจะคอยหนุนหนิงฝานไปตลอด
แม้ว่าทั้งสองยังไม่รู้ฝีมือปรุงโอสถที่แท้จริงของหนิงฝาน แต่อย่างน้อยๆ พวกมันก็รู้ว่าระดับความสามารถของหนิงฝานไม่ได้ด้อยไปกว่านักปรุงโอสถผันแปรขั้นสูงสุดแน่ ทั้งสองจึงนับถือในตัวหนิงฝานมาก
หยุนเนี่ยนซูไปสืบข่าวเกี่ยวกับโม่ฉุย ได้ความว่ามันเตรียมจะทำบางอย่างเพื่อขัดขวางการปรุงโอสถของหนิงฝาน
การที่หยุนเนี่ยนซูแสดงเจตนาดีต่อหนิงฝาน เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่จะทำให้วังสวรรค์และวังสวรรค์ลึกล้ำผูกมิตรได้มากขึ้น
หนิงฝานเองเมื่อได้ทราบว่าหยุนเนี่ยนซูเป็นบุตรบุญธรรมของหยุนปู้ชู เขาเองก็สุภาพกับหยุนเนี่ยนซูมากขึ้นเช่นกัน
หนิงฝานเคยเห็นหยุนปู้ซู 2 ครั้ง ครั้งแรกยามที่เกิดเหตุการณ์ร้ายที่เมืองฉีเหม่ย อีกครั้งคือที่นิกายกุ่ยเชว่
มีข่าวลือว่า ในหมู่องค์ชายแห่งวิหารพิรุณ มีเพียงหยุนเทียนเฉวและหยุนปู้ซูเท่านั้นที่รักใคร่ดุจพี่น้องจริงๆ
ด้วยความที่หยุนเนี่ยนซูแสดงเจตนาดีต่อหนิงฝานหลายครั้ง ทำให้หนิงฝานยอมคบหาอีกฝ่ายเป็นสหาย
เมื่อได้รับคำเตือนจากหยุนเนี่ยนซู หนิงฝานก็จะระวังตัวมากขึ้น
ยามนี้ราชาสุสานบุบผาไม่อยู่ หากมันยังกล้าหาเรื่องเขาอีก เขาจะหาโอกาสสังหารมัน
เขามีทั้งวิหารพิรุณ ตระกูลซัว และกษัตริย์โอสถหนุนหลัง ไม่ว่าใครในโลกพิรุณก็ไม่กล้าล่วงเกินเขา ต่อให้โม่ฉุยเป็นจ้าววังสวรรค์แเดง เขาก็สังหารได้
ผ่านไป 10 วัน ก็ถึงเวลาที่การแข่งขันรอบ 3 จะเริ่มขึ้น
การแข่งขันในรอบนี้จัดขึ้นบนลานน้ำแข็ง มีปราณหนาแน่นยิ่งกว่าหุบเขาในรอบสอง อย่างน้อยๆก็มากกว่าโลกภายนอก 7 เท่า
แม้จะมีนักปรุงโอสถ 180 คนที่ผ่านเข้ารอบมา แต่คนเหล่านี้รู้ดีว่า ผู้ที่จะได้อันดับ 1 ถึง 3 มีเพียงหนิงฝาน ยี่หยุนสื่อ หวางถิงสื่อ และโม่ฉุยเท่านั้น
หนิงฝานมาถึงสถานที่จัดการประลองตั้งแต่เช้า ยืนรออยู่ตรงนั้นเป็นเวลานาน
ความหนาวเย็น หิมะ และสายลมอันพริ้วไหว ทำให้จิตใจของหนิงฝานใสกระจ่าง
การชี้แนะของกษัตริย์โอสถทำให้ความสามารถในการปรุงโอสถเพิ่มพูนไปมาก
แม้ว่าเขาจะก้าวเดินเพียงลำพังได้ไกลขนาดนี้ แต่ด้วยการชี้แนะที่ได้มา เขาเชื่อว่าตนเองจะไปได้ไกลกว่านี้อีก
ปราณสังหารที่น่าสะพรึงกลัวไม่ได้แผ่ออกมาจากร่างหนิงฝานเหมือนก่อน ยามนี้เขาเปรียบเหมือนนักปรุงโอสถที่ยิ่งใหญ่คนหนึ่ง
ฉุ่ยหลิงจ้องมองหนิงฝานด้วยรอยยิ้ม หลิงคงจ้องมองหนิงฝานด้วยความประหลาดใจ นางไม่คุ้นกับหนิงฝานในยามนี้ เพราะหนิงฝานที่นางรู้จัก คือผู้ที่มีปราณสังหารอันน่าสะพรึงกลัว
เฟินซื่อในยามนี้จ้องมองหนิงฝานไม่วางตา นางรู้สึกภูมิใจอย่างบอกไม่ถูก
ส่วนฉุ่ยเยวียนไม่ได้มา หลังจากเหตุการณ์ที่ราชาสุสานบุบผาบุกจู่โจม บรรพบุรุษทั้ง 8 ก็เฝ้าคุ้มครองนางเป็นอย่างดี เพื่อไม่เกิดข้อผิดพลาดใดๆขึ้น
แม้ยามนี้พวกมันจะปกป้องนางเหมือนไข่ในหิน แต่ในอีก 10 ปีข้างหน้า พวกมันก็จะสังหารนาง
“ฮ่าฮ่า ท่านหมิงมาเช้าเชียว”
หวางถิงสื่อและยี่หยุนสื่อทักทายหนิงฝานพลางพูดคุย
ไม่นานนักปรุงโอสถคนอื่นๆก็ทะยอยมา โม่ฉุยก็เป็นหนึ่งในนั้น
วันนี้ โม่ฉุยดูต่างไปจากก่อนหน้า สายตาของมันสงบ แววตายามที่จ้องมองหนิงฝานไร้ซึ่งความอาฆาตใดๆ ซึ่งนั่นทำให้ผู้ที่รอดูเหตุการณ์สนุกๆผิดหวัง
เมื่อนักปรุงโอสถมากันครบพร้อม ฝูไป๋ก็ปรากฏตัว เพียงแต่มันยังไม่ได้ประกาศเริ่มการแข่งขัน ราวกับกำลังรอบางสิ่ง
ผ่านไป 1 ชั่วยาม ไกลออกไปได้ปรากฏแสงสว่างจ้า เป็นดวงตะวันสีครามที่สว่างจ้าจนผู้คนไม่อาจมองมันได้ตรงๆ
“สหายเต๋าทุกท่านไม่ต้องกังวลไป สิ่งนั่นคือ ‘ขวดเพลิง’ เป็นสมบัติของเกาะโอสถ!”
แม้ฝูไป๋จะยังไม่ได้อธิบาย แต่ก็ทำให้ผู้คนตกตะลึง
“สหายเต๋าไม่ต้องตกตะลึงไป ขวดเพลิงนั้นมีไว้วัดระดับโอสถโดยเฉพาะ”
ผู้คนพูดคุยเรื่องขวดเพลิง เมื่อยามที่อยู่ในความฝัน กษัตริย์โอสถเคยกล่าวถึงขวดเพลิง มันคืออุปกรณ์วัดระดับโอสถ ที่แค่โยนโอสถเข้าไปก็จะรู้ผล
ในสมัยโบราณ จักรพรรดิเซียนผู้หนึ่งใช้พลังแห่งชีวิตปรุงโอสถหยินหยางขึ้น... โอสถหยินแปรเปลี่ยนเป็นดวงจันทร์ โอสถหยางแปรเปลี่ยนเป็นดวงตะวัน ให้กำเนิดเป็นแดนสวรรค์ทั้ง 4 และโลกทั้ง 9
เมื่อขึ้นชื่อว่าเป็นโอสถที่จักรพรรดิเซียนปรุงขึ้นนั้น อานุภาพย่อมไม่อาจดูแคลน
ขวดเพลิงนั้นหยิบยืมพลังส่วนหนึ่งของโอสถที่แปรเปลี่ยนเป็นดวงตะวัน เพื่อวัดระดับของโอสถ
“ยามนี้ขวดเพลิงก็พร้อมแล้ว ขอให้สหายเต๋าทุกท่านเตรียมตัวให้พร้อม… ผู้ที่ปรุงโอสถผันแปรที่ 3 และ 4 จะมีผู้คอยประเมิณคุณภาพให้ แต่หากเป็นโอสถผันแปรที่ 5 ขึ้นไป ขวดเพลิงจะเป็นผู้ประเมิณระดับให้… การปรุงโอสถจำกัดเวลาไว้ที่ 1 เดือน หากผู้ใดปรุงโอสถได้ช้ากว่านี้ก็ถือว่าไม่ผ่านการทดสอบ… เริ่มการแข่งขันรอบที่ 3 ได้!”
นักปรุงโอสถแต่ละคนเริ่มนำกระถางปรุงโสถของตนออกมา
หนิงฝานชำเลืองมองโม่ฉุย พร้อมๆที่มันก็ชำเลืองมองเขาเช่นเดียวกัน
“ท่านหมิงสนใจจะเดิมพันกับข้าหรือเปล่า?”
“เดิมพันอะไร?” หนิงฝานกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉยราวกับรู้ว่าโม่ฉุยจะกล่าวอะไร
“ก็แค่มาเดิมพันว่า ระดับการปรุงโอสถของใครจะสูงกว่า”
“จะใช้อะไรเดิมพัน?”
“หากข้าแพ้ ข้าจะยอมให้เจ้าเอาสมบัติของข้าไป 1 อย่าง หากเจ้าแพ้...เพลิงทมิฬของเจ้าต้องเป็นของข้า”
โม่ฉุยรู้ขีดจำกัดของมัน กษัตริย์พิรุณสั่งว่าห้ามล่วงเกินหนิงฝาน มันจึงไม่กล้าสังหาร แต่ก็ยังช่วงชิงเพลิงได้
ในเมื่ออีกฝ่ายต้องการเดิมพันเช่นนั้น หนิงฝานก็จะรับคำท้าของมัน... หยุนเนี่ยนซูได้บอกกล่าวแผนการของมันแล้ว ซึ่งทำให้หนิงฝานรู้ว่าโม่ฉุยไม่ได้แข่งขันแบบตรงไปตรงมาแน่นอน
“เช่นนั้นถ้าเจ้าแพ้… ข้าขอชีวิตของเจ้าก็แล้วกัน” หนิงฝานกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่กลับทำให้โม่ฉุยหวาดกลัว
แม้ว่าเต๋าแห่งโอสถของมันจะด้อยกว่าหนิงฝาน แต่มันแข็งแกร่งกว่าหนิงฝานมาก ยิ่งตอนนี้มันฟื้นฟูเต็มที่ หนิงฝานไม่มีทางสังหารมันได้อย่างแน่นอน
“ถ้าเจ้าทำได้ก็ลองดู!” โม่ฉุยกล่าว
ผู้ชมโดยรอบส่งเสียงฮือฮา เพราะหนิงฝานและโม่ฉุยเดิมพันกัน
แม้ว่าจิตวิญญาณสมุนไพรของหนิงฝานจะทรงพลัง แต่ไม่มีใครรู้ว่าการปรุงโอสถของหนิงฝานอยู่ระดับไหน
ผิดกับโม่ฉุยที่เดินทางไปยังแคว้นต่างๆมากมายเพื่อแสดงฝีมือ จนองค์ชายเจ็บประทับใจและชักชวนให้เข้าร่วมวิหารพิรุณ
ดังนั้นจึงมีบางส่วนที่คิดว่าหนิงฝานจะชนะ และบางส่วนที่คิดว่าหนิงฝานจะแพ้
การแข่งขันรอบที่แล้ว หากไม่เพราะโม่ฉุยบาดเจ็บ มันคงไม่แพ้หนิงฝาน หลายคนคิดเช่นนั้น
“แตงกวาน้อย ทำไมเจ้าถึงได้เดิมพันกับคนชั่วอย่างมัน ถ้าเจ้าแพ้เจ้าต้องเสียเพลิงเลยนะ?” หลิงคงกล่าวขึ้นด้วยความกังวล
“พี่เยว่ไม่เชื่อใจท่านพี่เหรอ? ถ้าท่านพี่ไม่มั่นใจ เขาไม่เดิมพันแน่” ฉุ่ยหลิงกล่าวด้วยสีหน้ามั่นใจ
ภายในสถานที่ลับของเผ่าปีศาจยักษ์ บรรพบุรุษทั้ง 8 รักษาตัว ราชาสุสานบุบผาทรงพลังมาก แม้ว่าอีกฝ่ายจะพ่ายแพ้กลับไป แต่พวกมันก็บาดเจ็บไม่ใช่น้อย
ยิ่งด้วยความที่พวกมันไม่มีร่างเนื้อ อาการบาดเจ็บที่รุนแรงก็ยิ่งเสี่ยงให้ร่างกายที่มันคงเอาไว้ถูกทำลายได้ตลอดเวลา
“บัดซบ ถ้ามันกล้ามาที่นี่อีก ข้าจะฉีกมันให้เป็นชิ้นๆ” เสียงสตรีนางหนึ่งดังขึ้น
“ยามนี้มันเองก็บาดเจ็บสาหัส คงไม่กล้ามาที่นี่ง่ายๆหรอก พวกเราเองก็ยังไม่มีกายเนื้อ อดทนรออีก 10 ปี หากเราได้กายเนื้อมาเมื่อไหร่ ค่อยไปถล่มมันให้ราบ… แต่จะว่าไป ในเผ่ามีข่าวว่าสมุนไพรของ ‘โอสถทะเลวินาศ’ ถูกบางคนเอาไปทั้งหมด แม้โอสถนั้นจะเป็นเพียงโอสถผันแปรที่ 5 ขั้นกลาง แต่ก็ต่อให้เป็นนักปรุงโอสถผันแปรที่ 6 ก็ใช่ว่าจะปรุงได้สำเร็จง่ายๆ” ชายชราคนหนึ่งกล่าว
“ใครเป็นคนเอาไป? ในโลกพิรุณมีนักปรุงโอสถผันแปรที่ 6 อยู่เพียง 7 คน และพวกมันก็ไม่ได้เป็นมิตรกับเผ่าเรา” สตรีคนหนึ่งกล่าว
“บางทีในงานปรุงโอสถครั้งนี้ อาจมีนักปรุงโอสถผันแปรที่ 5 ขั้นสูงสุดที่ปรุงมันก็เป็นได้” ชายชรากล่าว
“งั้นมันเป็นใคร? ถึงนักปรุงโอสถที่ชวี่ฉิงเชื้อเชิญมาจะไม่ธรรมดา แต่ก็ไม่น่าจะมีใครบรรลุนักปรุงโอสถผันแปรที่ 5 ขั้นสูงสุด”
“ซัวหมิง”
“เป็นไปไม่ได้ เด็กนั่นอายุกระดูกเพียง 500 ปี แค่บรรลุนักปรุงโอสถผันแปรที่ 5 ได้ก็นับว่าท้าทายสวรรค์มากแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่มันจะบรรลุจุดสูงสุดเช่นนั้น ที่มันเอาชนะรอบแรกกับรอบสองได้ ก็แค่มันได้เปรียบเรื่องเพลิงกับจิตวิญญาณสมุนไพรเท่านั้น” สตรีคนหนึ่งกล่าว
“ฮึ่ม! ข้าขอจิตวิญญาณสมุนไพรของมัน… ข้าเคยกินจิตวิญญาณสมุนไพรมาแล้วมากมาย จิตวิญญาณสมุนไพรของมันพิเศษกว่าคนอื่น ฮ่าฮ่า… แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้ต้องปล่อยให้มันได้ปรุงโอสถทะเลวินาศไปก่อน” ชายชราคนหนึ่งกล่าว
ทันทีที่ชายชราผู้นั้นกล่าวเสร็จ ชวี่หยานและบรรพบุรุษคนอื่นๆสั่นสะท้าน เพราะชายชราผู้นั้น ทำให้ทุกคนหวาดกลัว
ไม่ไกลนัก ฟงฉุ่ยเยวียนกำหมัดแน่น นางได้ยินที่พวกมันสนทนากันทั้งหมด นางรู้สึกตัวตื่นนานแล้ว
“พวกนี้จะกินน้องเขย… ข้าต้องหาทางบอกน้องเขย”
“ท่านปู่เป็นคนชั่ว!”
“ที่นี่...คือที่ไหน...”...