76 ท้วงทำนองของค้อน
76 ท้วงทำนองของค้อน
หลี่เย้าอย่างอารมณ์ดีอยู่ใต้ร่มไม้ พร้อมกับใส่มือทั้งสองข้างเอาไว้ในกระเป๋ากางเกง
เขาไม่มีความรู้สึกไม่เต็มใจที่จะออกไปจากโรงเรียนมัธยมซื่อเซียวที่สองเลยแม้แต่น้อย มันเป็นโรงเรียนเอกชน และพวกเขาก็คิดถึงแต่เรื่องของเงินทอง เงินจำนวนมากที่เขาจ่ายเป็นค่าเล่าเรียน กลับทำให้เขาได้เข้าเรียนในชั้นเรียนที่แย่ที่สุดเท่านั้น ซึ่งก็คือ คลาสสามัญ นอกจากเดือนที่แล้วที่เขาได้อยู่ภายใต้การดูแลของครูซุนเปียว ก็ไม่มีครูคนไหนสนใจใยดีเขาเลย และเขาก็ถูกเขี่ยทิ้งอย่างไม่ใยดี เมื่อเขากลับมาจากการเป็นตัวแทนของโรงเรียนเพื่อเข้าแข่งขัน
ถึงแม้ว่า เฮ่อเหลียนเลี่ยจะมีส่วนในเรื่องนี้ด้วย แต่ทางโรงเรียนก็ไม่มีความตั้งใจที่จะสู้เพื่อหลี่เย้าเลยแม้แต่น้อย
การออกไปจากโรงเรียนนี้ มันจะเป็นการสูญเสียอะไรไปอย่างนั้นเหรอ?
“ในตอนนี้ ฉันก็จะมีความสุขไปกับการเป็นคลาส 1 ของทหารทุพลภาพของสหพันธรัฐ ฉันจะได้รับสิทธิพิเศษจากยิมฝึกหลายๆที่ กรณีเลวร้ายที่สุด ในเดือนสุดท้ายนี้ฉันก็จะหาโรงยิมระดับสูงและฝึกฝนด้วยตัวเอง จากนั้น ฉันก็จะสมัครสอบด้วยตัวเอง ฉันไม่เชื่อหรอกว่า ฉันจะสอบเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยเชินห่ายไม่ได้!”
หลี่เย้าตัดสินใจอย่างแน่วแน่ เขาพ่นลมหายใจออกมาและกางแขนออกกว้าง เขารับรู้ถึงท้องฟ้าที่กว้างใหญ่และก้อนเมฆบนนั้น ความรู้สึกที่ลึกล้ำได้แหวกผ่านออกมาจากหน้าอกของเขา
“ฟั*คยู! โรงเรียนซื่อเซียว!”
เงาร่างหนึ่งโผล่มาอยู่เหนือศีรษะของเขา เฮ่อเหลียนเลี่ยปรากฏอยู่ตรงหน้าของเขาอีกครั้งหนึ่ง
หลี่เย้าตะลึงงันไปครู่หนึ่ง แต่เขาก็หัวเราะออกมาจากใจอย่างรวดเร็ว
เขาหัวเราะออกมาอย่างชั่วร้าย ไม่ต่างไปจากทีเร็กซ์ที่หิวโซได้เจอเข้ากับหมาป่าที่หิวกระหายเลย ถึงแม้ว่า มันจะเป็นคู่ต่อสู้ที่ผอมไปสักหน่อย แต่มันก็พอจะให้เขาเคี้ยวเล่นได้บ้าง!
“นี่ก็เหมือนกับคำพูดที่ว่า ประตูสวรรค์ไม่เดิน แต่กลับเดินไปหาประตูนรกแทน เฮ่อเหลียนเลี่ย นายถามหาความตายเองนะ อย่าโทษฉันเลย!” หลี่เย้าหัวเราะเสียงเย็น
“ฉันได้ยินมาว่า นายโกรธจัดอยู่ที่ห้องแนะแนว และลาออกจากโรงเรียนสินะ...เพื่อนนักเรียนหลี่เย้า!” เฮ่อเหลียนเลี่ยพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม เขาจงใจพูดเสียงดังเพื่อให้นักเรียนที่อยู่รอบๆได้ยินด้วย
“อะไรนะ? หลี่เย้าลาออกจากโรงเรียนเหรอ?”
“มันก็เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว เขาก็เป็นแค่ขยะที่มีอัตราการตื่นเหลืออยู่แค่ 7% เท่านั้น เขาจะทำอะไรได้ ถ้าเขาไม่ลาออกจากโรงเรียน? ใช่ว่าเขาจะสอบเข้าเรียนในเก้ามหาวิทยาลัยชั้นนำได้สักหน่อย จริงไหม?”
“น่าสงสารจริงๆ ฉันจำได้ว่า เดือนก่อนตอนที่เขาอยู่บนเกาะมังกรปีศาจ เขาสุดยอดมากเลยด้วย!”
“มันไม่เกี่ยวว่านายจะสุดยอดแค่ไหน เพราะถ้านายไปหาเรื่องเฮ่อเหลียนเลี่ยเข้า นายก็ไม่มีทางมีผลลัพธ์ที่ดีได้หรอก!”
นักเรียนหลายคนรู้เรื่องการประจันหน้ากันระหว่างเฮ่อเหลียนเลี่ยและหลี่เย้า พวกเขาจึงถอยออกไปทีละคน และคอยสังเกตการณ์อยู่ไม่ไกล ทุกคนต่างเดาะลิ้นและไม่มีใครมองหลี่เย้าในแง่ดีเลย
“เฮ่อเหลียนเลี่ย มันเป็นความคิดของแกสินะ ที่ทำให้ฉันต้องพักการเรียนไปหนึ่งปีน่ะ?” หลี่เย้าหัวเราะออกมาอย่างไม่ใส่ใจ
...ถ้าหากคนที่อยู่ภายในสุสานอาร์ติเฟ็กซ์อย่างเจ้าอ้วยเหลิงและกลุ่มหมาป่า ได้มาเห็นรอยยิ้มแบบนี้ของหลี่เย้า พวกเขาคงจะรีบวิ่งหนีออกไปโดยเร็วอย่างแน่นอน
ไม่มีใครยินดีที่จะเป็นเป้าหมายที่ได้รับรอยยิ้มแบบนี้ของอีแร้ง
แต่ทุกคนที่อยู่ในโรงเรียนนี้ ดูเหมือนจะไม่รู้ถึงความหมายของมัน
เฮ่อเหลียนเลี่ยหัวเราะออกมาอย่างประสงค์ร้าย ดวงตาทั้งสองข้างเบิกกว้าง พร้อมกับกัดฟันพูดออกมาว่า “ถูกแล้ว มันเป็นฉันเอง ที่ใช้อำนาจของตระกูลบังคับให้แกต้องพักการเรียน แล้วแกจะทำอะไรได้? บอกตามตรงนะ ถึงแม้ว่าแกจะไม่ลาออกด้วยตัวเอง ฉันก็จะคิดหาทางที่จะทำให้แกไม่สามารถเดินผ่านเข้ามาในประตูโรงเรียนได้อีก ฉันแค่อยากจะฆ่าแกให้ตาย แล้วแกจะทำอะไรได้?”
“แล้วพ่อของฉันก็ติดสินบนโรงเรียนที่มีชื่อเสียงและโรงเรียนดีดีในเมืองฝูเกอไว้หมดแล้ว ไม่มีโรงเรียนไหนที่จะรับแกเอาไว้ แกมันก็เป็นแค่ไอ้เศษขยะ!”
“ส่วนไอ้แก่ซุนที่คอยสนับสนุนแก...ฉันก็ต้องขอโทษด้วยจริงๆนะ พอมันได้ข่าวว่ารากวิญญาณของแกฉีกขาด อาการบาดเจ็บภายในที่เรื้อรังของมันก็กำเริบขึ้นมาอีกครั้ง และทำให้หัวใจของมันฉีกขาด มันนอนอยู่ที่โรงพยาบาลได้สองอาทิตย์แล้ว ตอนนี้ มันก็ก็ลาออกและกลับไปใช้ชีวิตเกษียณที่บ้านของมันนู้น!”
ยิ่งเฮ่อเหลียนเลี่ยพูดออกมามากเท่าไหร่ เสียงของเขาก็ดังมากยิ่งขึ้น เขาทำตัวหยิ่งยโสอยู่เหนือหลี่เย้า และใช้นิ้วมือจิ้มไปที่หน้าอกของหลี่เย้า เขาหัวเราะออกมาอย่างพึงพอใจ
“เป็นอะไรไปล่ะ? แกไม่ทำตัวเก่งเหมือนตอนที่อยู่บนเกาะมังกรปีศาจแล้วเหรอ? ไม่ใช่ว่าแกพึ่งพาแต่พลังของตัวเอง แล้วก้าวข้ามคนมากมายเพื่อขึ้นไปข้างบนหรอกเหรอ? ตอนนั้น แกมีอำนาจ แกทรงพลัง และหยิ่งยโสมากแค่ไหน! แล้วดูแกตอนนี้สิ! เหลืออัตราการตื่นอยู่แค่ 7% ทั้งผิวหนังและกระดูกของแกมันหดเล็กลงไปหมด แค่นิ้วนิ้วเดียวของฉัน ก็ทำให้แกลงไปนอนกองกับพื้นได้แล้ว!”
“การแสดงนี้มีเพื่ออะไรงั้นเหรอ? ก็เพื่อแสดงให้เห็นว่า ขยะก็ต้องเป็นขยะอยู่วันยังค่ำ ถึงแม้จะมีลมพัดช่วยให้แกได้ขึ้นไปบนท้องฟ้า แต่ไม่นาน แกก็ต้องตกลงมาอยู่ดี ตบแกให้กลับลงมาอยู่ในที่ที่แกควรจะอยู่ กลายมาเป็นเศษขยะอีกครั้งหนึ่ง!”
หลี่เย้าแคะหู ได้พูดออกมาอย่างเบื่อหน่ยด้วยใบหน้าที่ไร้อารมณ์ “ในชีวิตของฉัน มีสิ่งที่ฉันเกลียดอยู่ทั้งหมด 324 ข้อ ข้อที่ 138 ฉันเกลียดเมื่อมีคนเรียกฉันว่าขยะ ข้อที่ 275 ฉันเกลียดเมื่อมีคนเอานิ้วจิ้มตัวฉัน...นายหยุดทำมันได้ไหม?”
“ฉันอยากจะเอานิ้วจิ้มตัวแกแบบนี้ แล้วแกจะทำไม?”
ความตื่นเต้นห่อหุ่มใบหน้าของเฮ่อเหลียนเลี่ย ความหล่อเหลาและสง่างามไม่เหลือให้ได้เห็น “เดือนนี้ ฉันบ่มเพาะอย่างบ้าคลั่ง จนอัตราการตื่นของฉันมาถึง 78%!”
“มันมีเพื่อให้ฉันสามารถสอบเข้าเรียนในเก้ามหาวิทยาลัยชั้นนำ ฉันจะคว้าคะแนนสูงสุดของเมืองฝูเกอในการสอบครั้งนี้ และก้าวเข้าสู่โลกแห่งการฝึกตน ฉันจะกลายเป็นผู้ฝึกตนที่อยู่เหนือคนอื่นๆ! และแก...ก็จะเป็นได้แค่ขยะไปตลอดกาล! ขยะ! ขยะ! แกปฏิเสธที่จะยอมรับมันเหรอ? ถ้าอย่างนั้น ฉันก็ยินดีให้แกมาหาฉันเพื่อแก้แค้นได้เสมอ ฉันจะรออย่างใจเย็นสัก 10 ปี 20ปี 30ปี! ไอ้ขยะ!”
“ไม่จำเป็นหรอก ฉันไม่ใช่พวกที่ชอบเก็บความแค้นเอาไว้” หลี่เย้าพูดออกมาโดยไม่คิดอะไร “ฉันเป็นพวกที่ชอบลงมือแก้แค้นทันทีที่มีความเกลียดชัง”
มือของหลี่เย้าพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว ก่อนที่คำพูดสุดท้ายจะออกจากปากของเขา เขาคว้าจับนิ้วมือของเฮ่อเหลียนเลี่ยที่จิ้มหน้าอกของเขาอยู่
ก่อนที่เฮ่อเหลียนเลี่ยจะทันได้ตอบโต้ เขาก็รู้สึกได้ว่า นิ้วมือของเขากำลังแช่อยู่ในลาวา มันเผาไหม้ในอุณหภูมิสูง ทำให้เขาเผลอดึงมันกลับคืนมา แต่เขากลับไม่สามารถทำได้
หลี่เย้าออกแรงบิด จนเกิดเสียงปริแตกดังขึ้น กระดูกนิ้วของเฮ่อเหลียนเลี่ยถูกบิดจนแตก กระดูกนิ้วถูกบิดจนเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยกว่า 70-80 ชิ้น นิ้วมือของเขากลายเป็นไส้เดือนนุ่มๆไปแล้ว!
ใบหน้าที่มีสีเลือดของเฮ่อเหลียนเลี่ยได้แปรเปลี่ยนกลายเป็นสีซีดเผือด ความหวาดกลัวและความตกตะลึงพาดผ่านสีหน้าของเขา ก่อนที่เขาจะทันได้แสดงสีหน้าออกมาอย่างเต็มที่ มันก็แปรเปลี่ยนกลายเป็นสีหน้าของความเจ็บปวดแทน หลี่เย้าได้เตะเข้าใส่ท้องน้อยของเฮ่อเหลียนเลี่ย
ทั้งหมดที่เฮ่อเหลียนเลี่ยรู้สึกได้ ก็คือ ความรู้สึกที่เหมือนกับมีรถไฟฟ้าคริสตัลความเร็วสูงพุ่งชนเข้าใส่ท้องน้อยของเขา เขาถูกเตะอย่างรุนแรงจนฉี่แทบเล็ด ร่างทั้งร่างของเขาปลิวไปไกลหลายสิบเมตรและกระแทกเข้ากับต้นไม้ขนาดใหญ่ต้นหนึ่ง ต้นไม้สั่นไหวอย่างรุนแรง จนทำให้ใบไม้และกิ่งไม้ร่วงกราว
ก่อนที่เขาสามารถกรีดร้องออกมาจนสุดเสียง เขาก็ต้องกรีดร้องออกมาอีกเป็นครั้งที่สอง เสียงกรีดร้องทั้งสองที่ซ้อนทับกัน กลายเป็นเสียงที่แปลกประหลาดคล้ายกับไก่ที่ถูกตอน
“อ้า!!!!!!!!!...”
“ค้อนฝ่ามือพัวพัน เทคนิคที่ 47 ค้อนแทงใจ!”
ขาทั้งสองข้างของหลี่เย้าอ้ากว้างราวกับสายธนูที่ถูกดึงจนสุด เขาก้าวผ่านระยะ 5 เมตรด้วยหนึ่งก้าว และมาถึงจุดที่เฮ่อเหลียนเลี่ยอยู่ด้วยการสองก้าว นิ้วเท้าทั้งสองของเขาเป็นเหมือนกับตะขอเหล็ก 10 อัน ที่ฉีกทึ้งรองเท้าสำหรับบ่มเพาะที่หนาหนักและทิ่มแทงลงไปบนผืนดิน ที่ข้อเท้าของเขามีเส้นเลือดและเส้นใยกล้ามเนื้อกำลังเต้นตุบๆอย่างบ้าคลั่ง ร่างกายของเขาพุ่งตัวไปด้านหน้าด้วยความเร็วสูง จากเท้าถึงน่อง จากน่องถึงต้นขา จากนั้นก็เป็นหน้าท้อง มัดกล้าม...กล้ามเนื้อทุกมัดสั่นกระเพื่อมราวกับกระแสน้ำหลาก สุดท้าย ไปบรรจบอยู่ที่แขนขวาของเขา หนึ่งกำปั้นที่ส่งออกไป เกิดการระเบิดขึ้นถึงเจ็ดครั้ง “ปังปังปังปังปังปังปัง!” แรงระเบิดกระแทกเข้าใส่ร่างกายของเฮ่อเหลียนเลี่ยทีละชั้นๆ
“แกร๊ก!”
เปลือกไม้ของต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ด้านหลังเฮ่อเหลียนเลี่ยได้ระเบิดออก เกิดเป็นรอยกำปั้นฝังลึกอยู่ภายในเนื้อไม้!
เสียงกรีดร้องได้หายไป มันคล้ายกับว่า เฮ่อเหลียนเลี่ยได้ถูกฝังตรึงเอาไว้กับต้นไม้ สีหน้าของเขาไร้ชีวิตชีวา ก่อนที่เขาจะกระอักเลือดออกมา “อั๊ก!”
เขาไม่สามารถทนต่อไปได้อีก เขาใช้มือกอดท้องเอาไว้และคุกเข่าลงตรงหน้าของหลี่เย้าอย่างช้าๆ จากนั้น เขาก็วางมือลงไปบนพื้นและเริ่มอาดเจียนออกมา
ผิวหนังบริเวณแขนของหลี่เย้าเกิดการปริแตก มีเลือดสดๆไหลรินออกมา
หากมีผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษามาตรวจดูกระดูกของเขา พวกเขาก็จะพบว่ามีเศษกระดูกที่แตกละเอียดอยู่ทั่วทั้งแขนของเขา
เขาถึงยังไง เขาก็เพิ่งจะฟื้นขึ้นมา ร่างกายของเขายังอ่อนล้าและไม่สามารถทนรับแรงกระแทกจากท่าค้อนแทงใจได้ กำปั้นนี้ได้ส่งผลเสียอย่างรุนแรงกับร่างกายของเขา ความเจ็บปวดได้แผ่ขยายไปทั่วทุกเส้นใยประสาทในร่างกาย
สิ่งที่เขาต่างไปจากเฮ่อเหลียนเลี่ยก็คือ...เขาสามารถทนมันได้
หลี่เย้าจับใบหูของเฮ่อเหลียนเลี่ยและใช้แรงดึงมันขึ้นมา ครึ่งหนึ่งของใบหูของเฮ่อเหลียนเลี่ยเกิดการฉีกขาด ความเจ็บปวดนั้นมากจนเฮ่อเหลียนเลี่ยร้องไม่ออก ขาทั้งสองข้างของเขาเป๋ไปมา รอยปัสสาวะที่เป้ากางเกงขยายกว้างขึ้นเรื่อยๆ
หลี่เย้าเข้าก้มหน้าเข้าใกล้กับใบหูของเฮ่อเหลียนเลี่ย และพูดเน้นย้ำทีละคำว่า “ทีเดียวก็ทนไม่ได้แล้ว แกมัน...ไอ้ขยะ!”