บาทที่ 8
บาทที่ 8
ด้วยพลังปราณของพวกหงเซียวเอง เขามีไม่เท่ากับระดับปลายของเขตร่างปราณ กระทั่งระดับต้นของเขตร่างปราณขอเพียงตื่นอยู่ก็จะสามารถตื่นตัวและต่อต้านการสะกดของจิตมายาได้ถึงแม้ว่าจะได้ไม่ดีเท่าไหร่ อย่าว่าแต่ระดับกลาง และถึงแม้จะใช้ร่างวิญญาณในเคล็ดวิชาไหนก็จะสู้ได้เสมอเพียงแค่เขตร่างปราณระดับต้นเท่านั้น อย่าว่าแต่อีกฝ่ายมีระดับกลางและระดับสูงด้วย ทั้งยังมีถึงเจ็ดคน
การจะให้ไปสู้โดยใช้กล้ามเนื้อในสมองนั้นไม่ใช่วิถีของหงเซียวจอมวางแผนเลยแม้แต่น้อย
เขาจะต้องมีวิธีอื่นดีกว่านี้
อันดับแรกเขาสอบถามถึงความสามารถของเขตร่างปราณแต่ละคน และพบว่าสามในเจ็ดนั้นเป็นสายต่อสู้ระยะประชิด ซึ่งนั่นไม่เป็นอุปสรรคของพวกหงเซียวแม้แต่น้อย แต่อีกสี่คนนั้นเป็นสายโจมตีระยะไกล โดยเฉพาะอย่างยิ่งกัปตันจัดอยู่ในกลุ่มนี้ด้วย
วิชาที่ขึ้นชื่อของเขาก็คือ เพลงกระบี่หางหงส์ วิชากระบี่นี้สามารถฟาดฟันฝ่าอากาศเป็นสายสวยงามราวกับหงส์รำแพนหาง จึงได้ชื่อว่าเพลงกระบี่หางหงส์ เซมาลเคยเห็นอีกฝ่ายยืนอยู่บนแท่นบัญชาการรบและตวัดกระบี่ฟันเรือของฝ่ายตรงข้ามขาดเป็นสองท่อน
สองในนั้นใช้ธนูเป็นอาวุธ หนึ่งมีอำนาจโจมตีรุนแรงเหมือนปืนใหญ่ ส่วนอีกหนึ่งนั้นโจมตีได้รวดเร็วเหมือนสายฝน
คนสุดท้ายใช้ดาบจันทร์เสี้ยว สามารถควบคุมฉวัดเฉวียนได้ดังใจ
หงเซียวบอกทุกคนให้เตรียมฟืนก่อกองไฟกลางสายฝน เพื่อแจ้งให้พวกยอดยุทธเหล่านั้นมาที่นี่ในวันพรุ่งนี้ ระหว่างนี้หงเซียวก็ไปเตรียมการเพื่อจัดการกับยอดยุทธเหล่านี้
วันหนึ่งวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางสายฝนสาดซัดลมพัดรุนแรง พวกเขาได้ตั้งกระท่อมเล็กที่มีผนังทึบสี่ด้านเต็มไปด้วยไม้ท่อนใหญ่ และก่อกองไฟในกระท่อมนั้น จนกระทั่งไฟลุกโหมดีก็ลุกไหม้กระท่อมนั้นสว่างไสวไปทั่ว ต่อให้ฝนสาดรุนแรงแค่ไหนก็ไม่สามารถทนไฟที่กระพือโหมระดับนี้ได้ สามารถมองเห็นไปได้ไกล
คนในเขตร่างปราณทั้งเจ็ดนั้นมีความสามารถในการกระโดดข้ามฝั่งได้ทุกคน รวมถึงคนเขตแก่นปราณอีกประมาณห้าสิบคนนั้นด้วย เมื่อพวกเขาเห็นเช่นนั้นก็ส่งคนเขตแก่นปราณสองคนออกมาสำรวจว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่
แต่ก่อนที่คนสองคนที่ลงมาถึงพื้นนั้นจะทันได้ทำอะไร ทั้งคู่ก็เผชิญพบกับหมอกสี่กลุ่มโผล่พ้นขึ้นมาจากพื้น หมอกกลุ่มนั้นมีกรงเล็บเป็นอาวุธ มันตวัดฟันร่างของคนทั้งสองที่ไม่ทันระวังตัวขาดเป็นสองท่อน
การโจมตีนี้เห็นชัดเจนแม้ว่าจากที่ไกล สร้างความตื่นตัวให้กับคนบนเรือเป็นอย่างยิ่ง คนกว่าสามสิบคนถูกสั่งให้เข้ามาจัดการกับภูตเหล่านี้ทันที
คนสามสิบกว่าคนนั้นต่อสู้กับภูตที่ผลุบโผล่จากพื้นอย่างเต็มฝืน ในเมื่อกรงเล็บของภูตนั้นทั้งรุนแรงและรวดเร็ว ทั้งภูตพวกนี้ไม่กลัวการโจมตีของพวกเขาแม้แต่น้อย เมื่อถูกโจมตีพวกมันก็เพียงสลายตัวไป หลังจากนั้นตัวใหม่ก็จะผุดโผล่ขึ้นมาจากพื้นอีก เมื่อเวลาผ่านไป คนสามสิบกว่าคนก็ลดจำนวนลงเหลือเกินกว่าครึ่งมาเพียงเล็กน้อย
คนในลำเรือเห็นท่าทางแล้วว่าภูตพวกนี้น่าจะอยู่ในเขตแก่นปราณ แต่ว่ามันมีจำนวนมากมายไม่รู้จักสิ้นสุด พวกเขาจึงต้องมาช่วยเพื่อชักนำคนเหล่านี้กลับเรือ
แต่เมื่อเขตร่างปราณทั้งเจ็ดเกร็งพลังเพื่อจะกระโดดออกจากเรือพวกเขาก็พบว่าผิดท่า เพราะพบว่าตนเองนั้นติดพิษ
ติดพิษตอนไหนกัน จากอะไรกัน
ที่สูงขึ้นไปกว่าสามร้อยเมตรเหนือลำเรือ หมอกรูปทรงคล้ายกับแคสเปอร์ตัวใหญ่ยักษ์ยืนอยู่ที่นั่น มันโคจรพลังปราณของสำนักเจ็ดอสรพิษและปล่อยฝนพิษที่เม็ดฝนพิษแต่ละเม็ดนั้นแฝงปราณเซียนไร้ลักษณ์เข้าไปด้วย ฝนพิษแต่ละเม็ดนั้นตกลงบนตัวเรืออย่างแม่นยำ ทุกคนที่ยืนอยู่ที่นั่นจะได้รับพิษอย่างแน่นอน ด้วยปราณเซียนไร้ลักษณ์ที่ห่อหุ้มพิษอยู่จึงทำให้พิษเข้าไปในร่างของคนเหล่านั้นโดยไม่รู้สึกตัวจนกระทั่งสายเกินไป
เพราะว่าในที่นี้พวกทาสไม่มีสิทธิ์มายืนดู ทุกคนต้องอยู่ในห้องท้องเรือ จึงไม่มีใครที่จะโชคร้ายเท่ากับพวกโจรสลัดเหล่านี้อีก
พิษมากมายเหล่านี้มาจากไหนกัน คำตอบก็คือนี่เป็นพิษของงูดาวทะเลที่พวกหงเซียวใช้เวลาหนึ่งวันเดินทางลงไปใต้ทะเลลึกเพื่อล่างูดาวทะเลที่เกิดขึ้นมาใหม่เพื่อเอาพิษมาใช้
ซิ่วจู เหมยเหมย และซีชี่ รับหน้าที่โปรยฝนพิษนี้จัดการกับคนบนเรือ ขณะที่หงเซียวและจินหลินซ่อนตัวอยู่ในป่าต่อสู้กับคนหลายสิบคนนั้น เพราะว่าพวกเขามีวิชายุทธยอดเยี่ยมกว่าอีกสามสาว
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายรู้ตัวแล้ว สามสาวบนฟากฟ้าก็ทำการลอยตัวสูงขึ้นไปกว่าเดิมและเตรียมตัวต้านรับศัตรูอย่างเต็มที่ พร้อมกับหยุดปล่อยฝนพิษ
ก่อนที่พวกโจรจะคิดออกว่าพิษนี้มาจากไหน น้ำฝนก็ไม่มีพิษปนเปื้อนแล้ว ดังนั้นพวกโจรจึงช้าไปไม่กี่วินาทีในการตรวจพบว่าน้ำมีพิษ เมื่อคิดว่าน้ำมีพิษและทดลองนำน้ำขึ้นมาตรวจสอบ น้ำนั้นก็เป็นเพียงแค่น้ำฝนปกติไปเรียบร้อยแล้ว พวกโจรจึงได้แต่กังขาว่าพิษมาจากไหน
พวกโจรยังได้แหงนหน้ามองขึ้นไปดูบนฟ้า แต่เพราะว่าเมฆฝนอันมืดครึ้ม ทั้งฝนที่ตกลงมาใส่หน้าทำให้ไม่อาจตรวจสอบได้แม้แต่น้อยว่ามีคนซ่อนตัวอยู่ในเมฆ สูงขึ้นไปเบื้องบน
และอีกประการหนึ่งก็คือ บรรดาโจรสลัดทั้งหลายไม่พบเจอใครที่มีความสามารถในการบิน เพราะคนที่บินได้นั้นย่อมไม่มีใครมาใช้เรือให้เสียเวลาเช่นกัน ทำให้ข้อสงสัยว่าพิษที่มาจากท้องฟ้าตกไป
แต่ตอนนี้พวกโจรกำลังสงสัยว่าพิษจะมาจากหมอกที่แผ่คลุมข้อเท้าของตนเองอยู่ เช่นเดียวกับหมอกเรี่ยพื้นที่บริเวณใกล้กองไฟ
ฟุ่บ หมอกที่เรี่ยพื้นอยู่นั้นพลันยกตัวสูงขึ้น และมีร่างกายคล้ายกับคน กรงเล็บของมันตวัดวูบ
ฉับ เลือดพุ่งกระฉูด หัวหนึ่งหัวปลิวขึ้นไปบนท้องฟ้า
“เฮ้ย” คนรอบข้างตะลึง ไม่คิดว่าภูตที่อยู่บริเวณชายหาดสามารถปรากฏกายขึ้นมาที่นี่ด้วย กัปตันเรือหันขวับมาพร้อมกับตวัดกระบี่ฟาดฟันภูตที่ปรากฏตัวขึ้นมานั้นสลายไปในทันที
และนั่นก็สร้างความตื่นตัวให้กับทุกคนให้เตรียมรับมือ แต่อย่างไรก็ตามพิษที่เริ่มกำเริบในร่างของทุกคนนั้นทำให้สมาธิของแต่ละคนรวนเร ไม่อาจจะตั้งสมาธิได้ดีนัก
ยอดยุทธในเขตร่างปราณทั้งเจ็ดคนพยายามสะกดพิษไว้ แต่ดูเหมือนว่าหมอกภูตจะรู้ทัน มันโผล่ขึ้นมาขัดขวางพวกเขาทุกวิถีทาง ด้วยการโจมตีด้วยกรงเล็บ และไม่เพียงเท่านั้น จำนวนของพวกมันก็ดูเหมือนจะเพิ่มมากขึ้นมาด้วย
พวกมันโจมตีพวกเขาด้วยการใช้ความร่วมมือซึ่งกันและกัน ประสานกัน ในเมื่อหงเซียวนั้นเคยเป็นอันธพาล รู้ช่องว่างระหว่างคนต่อคนดี ดังนั้นการจะปิดช่องว่างเหล่านั้นย่อมทำไม่ยาก ส่งผลให้วิชาพยุหะพายุปีศาจมีอานุภาพถึงที่สุด
สามสาวที่อยู่เหนือขึ้นไปบนท้องฟ้า ส่งพลังลงมาด้านล่างจัดตั้งพยุหะพายุปีศาจของตนเองเข้าต่อสู้กับคนอื่นๆบนเรือ และเมื่อกำลังชุลมุนกันบนเรือนั้นพวกเธอก็ส่งฝนพิษลงมาซ้ำเติมอีกครั้ง
หงเซียวกับจินหลินนั้นพากันปรากฏตัวออกมาในรูปของร่างวิญญาณขนาดใหญ่สูงสามสิบเมตร ใช้ปราณเกราะสายฟ้าไล่เข่นฆ่าคนที่อยู่ที่ชายหาด ในเวลาเดียวกันก็ส่งพยุหะพายุปีศาจเข้าไปร่วมมือด้วย
ผู้คนที่อยู่ในกระท่อมต่างก็พากันมองออกไปยังชายหาดที่สว่างไสวด้วยแสงไฟที่ลุกไหม้อยู่ด้วยความหวาดหวั่น ไม่รู้ว่าพวกเขาหนีเสือปะจระเข้หรือไม่ ในเมื่อผู้ที่มาช่วยพวกเขานี้ดูจะร้ายกาจยิ่งกว่าโจรสลัด
หงเซียวใช้ร่างวิญญาณสำแดงวิชากรงเล็บเขี้ยวอสรพิษ โจมตีคนบนชายหาด ในเวลเดียวกันก็ส่งพยุหะพายุปีศาจโจมตีคนบนเรือร่วมกับพยุหะพายุปีศาจของสาวๆทั้งสาม โดยเขาเน้นการโจมตีไปยังสี่คนที่สามารถโจมตีระยะไกล ซึ่งก็ได้ผล ในเมื่ออีกฝ่ายเก่งการต่อสู้ระยะไกล เมื่อเจอพยุหะพายุปีศาจที่ผลุบโผล่ขึ้นมาใกล้ตัวเหมือนเกมตีตุ่นก็ไปไม่ถูก ต้องหันมาใช้อาวุธระยะประชิดต่อสู้แทน
ยกเว้นกัปตันที่กระบี่ของเขานั้นเป็นอาวุธต่อสู้ระยะใกล้อยู่แล้ว เพียงแค่ใช้วิชาโดยไม่ปล่อยหางหงส์ออกไปก็จะรับมือพยุหะพายุปีศาจได้
จากการดูไกลๆพวกเขาเห็นปฏิกิริยาการตอบโต้ของพยุหะพายุปีศาจอยู่ในเขตแก่นปราณ แต่เมื่อรับมือจึงรู้ว่าปฏิกิริยาแม้จะอยู่ในเขตแก่นวิญญาณก็จริงแต่พลังการโจมตีของร่างภูตพวกนี้กลับอยู่ในเขตร่างปราณระดับต้น การถูกร่างปราณระดับต้นที่ไม่รู้จำนวนผลุบโผล่เข้ามาโจมตีนั้นทำให้แต่ละคนรับมืออย่างยากลำบาก
วิชากรงเล็บเขี้ยวอสรพิษเหมือนกับถูกออกแบบมาให้ใช้กับร่างวิญญาณเป็นอย่างยิ่ง ในเมื่อร่างนี้สามารถยืดหดขดงอได้ตามใจปรารถนาไม่เหมือนร่างมนุษย์ที่มีกระดูกคอยขัดขวางอยู่ ทำให้วิชานี้โจมตีด้วยความร้ายกาจอย่างยิ่ง ยิ่งไปกว่านั้นร่างวิญญาณสูงใหญ่กว่าสามสิบเมตร ส่งการโจมตีได้ไกลนับร้อยเมตร เพียงชั่วอึดใจคนเกือบสามสิบคนก็ถูกกรงเล็บที่เต็มไปด้วยสายฟ้าตะกุยบาดเจ็บล้มตายจนหมดสิ้น
กรงเล็บเขี้ยวอสรพิษนี้มีขนาดใหญ่ หลบได้ยากมาก ทั้งมีความเร็วสูงมาก มันโจมตีเข้ามาจากระยะร้อยเมตรถึงตัวคนพวกนั้นด้วยเวลาที่ใช้เท่ากับคนเราต่อยหมัดออกไปเท่านั้น อีกทั้งคนที่อยู่ใกล้เคียงก็จะโดนสายฟ้าจากปราณเกราะสายฟ้าฟาดเข้าใส่ จึงไม่มีใครต่อต้านได้
จินหลินส่งพยุหะพายุปีศาจของเธอขึ้นไปบนลำเรือ พร้อมกันนั้นเธอกับหงเซียวก็พากันเดินไปบนทะเลเตรียมโจมตีขั้นเด็ดขาด