GOI ตอนที่ 91 คืบหน้าอย่างก้าวกระโดด!
เป็นความรู้ทั่วไปว่าการได้พบปะพูดคุยกับโฉมสะคราญเป็นเรื่องน่ายินดี แต่หลังจากหมดเวลาเที่ยง กลุ่มของป๋ายเสี่ยวเฟยทั้งเหนื่อยทั้งหิวและไม่รู้สึกปลื้มปีติแม้แต่น้อย มีแต่ความเจ็บปวด
และเป็นความเหนื่อยหน่ายที่มาจากทั้งกายและใจ!
“พี่ใหญ่เฟย พวกเราพึ่งไปพบศิษย์พี่หญิงเพียงห้าคนเท่านั้น เมื่อไหร่จะเสร็จ!?”
หวู่จื๋อบ่นงึมงำออกมาหลังจากพบเจอโฉมสะคราญมากหน้า หากเขาเลือกได้ เขาต้องเลือกที่จะเปลี่ยนภาระหน้าที่กับโม่ข่าแน่
ตั้งแต่เที่ยง ทุกคนในห้าโฉมสะคราญล้วนโดดเด่นในหลายด้าน และมีอารมณ์แปรปรวนเป็นพิเศษ
ทั้งหมดล้วนพูดคุยสัพเพเหระในตอนแรกและเริ่มเข้าเรื่องหลักหลังจากพวกป๋ายเสี่ยวเฟยเหนื่อยถึงขีดสุด...
แต่ป๋ายเสี่ยวเฟยและคนอื่นได้รับประสบการณ์ที่ทำให้พวกเขาเข้าใจอย่างหนึ่ง
ศิษย์พี่หญิงทั้งหมดในอันดับบุปผาล้วนรู้สึกโดดเดี่ยวอ้างว้าง และพวกเขาอยากจะสัมผัสช่วงเวลาของความรักเฉกเช่นดรุณีทั่วไป แต่จากตัวตนของพวกนาง ทำให้พวกนางรู้สึกว่ากลุ่มคนที่มาตามเกี้ยวพาราสีมีความตั้งใจไม่ดี และเมื่อกาลเวลาผ่านไป พวกนางได้สร้างกำแพงสูงใหญ่ในใจไม่ให้ใครผ่านเข้ามา
กลุ่มป๋ายเสี่ยวเฟยทั้งสามกล่าวได้ว่าผ่านเข้าไปในกำแพงโดยบังเอิญและได้เป็นพยานรู้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของโฉมสะคราญพวกนี้
ฉายาโฉมสะคราญในบางคราก็เป็นภาระ และเงื่อนไขของพวกนางล้วนคล้ายคลึงกัน
ความจริงใจ!
พวกนางหวังว่าผู้ที่สามารถผ่านบททดสอบของป๋ายเสี่ยวเฟยได้จะมีความซื่อสัตย์จริงใจและสามารถทำให้นางลดป้อมปราการป้องกันก่อนจะได้สัมผัสถึงความสัมพันธ์ที่แท้จริง
แต่เงื่อนไขออกจะตรงกันข้ามกับแผนที่ป๋ายเสี่ยวเฟยคิดไว้ในคราแรกเพราะคนทั้งหมดที่สามารถผ่านบททดสอบของฟางเย่ได้ล้วนเป็นพวกลูกคนรวยมากทรัพย์ และในหมู่พวกเขามีหนุ่มเจ้าสำราญไม่กี่คนที่ตรงตามเงื่อนไข...
อย่างไรก็ตาม ป๋ายเสี่ยวเฟยก็ยังเป็นป๋ายเสี่ยวเฟยในท้ายที่สุด
ด้วยลิ้นทองคำและความสามารถในการปรับตัวตามสถานการณ์ เขาเสนอแผนออกมาทันที แผนนี้ได้รับการยอมรับจากศิษย์พี่หญิงทุกคน
แผนของป๋ายเสี่ยวเฟยคือการส่งรหัสลับเกี่ยวกับพวกผู้ชาย!
เมื่อมีคนที่ตรงตามเงื่อนไขของพวกนาง ป๋ายเสี่ยวเฟยจะบอกรหัสลับให้แก่ผู้ที่ผ่านการทดสอบ และเมื่อชายหนุ่มคนใดเผยรหัสลับแก่ศิษย์พี่หญิง จะเป็นสัญญาณให้กับนางเพื่อเปิดใจได้อย่างสมบูรณ์ และหากไม่มีรหัสลับ ศิษย์พี่หญิงเพียงแค่ต้อนรับชั่วครู่เท่านั้น
ด้วยวิธีอันชาญฉลาด ทั้งป๋ายเสี่ยวเฟยและศิษย์พี่หญิงล้วนได้กำไรทั้งสองฝ่าย
เป็นเวลาเดียวกับที่หวู่จื๋อและสือขุยได้เป็นสักขีพยานแก่ความสามารถของป๋ายเสี่ยวเฟยอีกครา
เอ่อ ถ้าพูดให้ถูกคือความสามารถในการคิดเรื่องเกี่ยวกับเงิน...
“พวกเจ้าทั้งสองจะกังวลอะไร? ลืมเรื่องที่ฟางเย่กล่าวไว้แล้วหรือ? หาเงินไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ดีแค่ไหนแล้วที่ทุกอย่างไปได้ราบรื่น สิ่งที่เราขาดในปัจจุบันคือเวลา และเงินจะตกลงมาใส่มือเราไม่ช้าก็นาน”
ป๋ายเสี่ยวเฟยที่เหนื่อยพอกันดื่มน้ำอึกใหญ่ก่อนจะถอนหายใจยาวเหยียด
ถึงแม้เขาจะกำลังสั่งสอนทั้งสองอยู่ แต่ป๋ายเสี่ยวเฟยก็กระวนกระวายอยู่ในใจเช่นกัน ข้อแตกต่างคือเขาควบคุมอารมณ์ตนเองได้
ในบางครา มันคือความแตกต่างระหว่างผู้นำและผู้ตาม!
“แล้วเราจะทำต่อตอนดึกอีกหรือ?”
สือขุยถาม ความไม่เต็มใจปรากฎขึ้นทั่วหน้า เขาไม่อยากไปจริงๆ
“แน่นอน! แต่พวกเราสามารถหาคนมาแทนได้ ฉิงหนานและคนอื่นน่าจะว่างอยู่ ไปถามพวกมันเอาเอง”
เมื่อป๋ายเสี่ยวเฟยเอ่ยจบ หวู่จื๋อและสือขุยเผยรอยยิ้มผ่อนคลายออกมา
“พี่ใหญ่เฟยช่างเอาใจใส่ข้าเหลือเกิน! ข้าจะไปหาพวกมันทันที!”
เสียงของหวู่จื๋อยังไม่ทันจางหายไปจากอากาศเขาก็พลันพุ่งทะยานออกไปประดุจสายลม เผยให้เห็นผลลัพธ์จากการฝึกในเทือกเขาไร้ขอบเขต
“ไอ้ตัวไร้ประโยชน์! ข้าจะลดเงินไม่ให้มันซื้อหุ่นเชิดได้!”
ป๋ายเสี่ยวเฟยก่นด่า สือขุยที่อยู่ข้างๆ ฝืนตัวเองไม่ให้ปาดเหงื่อเย็นเยียบบนหน้าผาก
‘ข้าคงไม่อยู่ในบัญชีดำของเขาเช่นกัน ใช่หรือไม่?’
ขณะที่สือขุยคิด เขาลังเลขึ้นมา แต่เขาลืมไปอย่างหนึ่ง
หวู่จื๋อไม่ต้องการหุ่นเชิด...
“ใช่แล้ว ไปบอกคนอื่นทีหลังว่าให้ไปเลือกหุ่นเชิดได้เลย เมื่อเวลามาถึงจะได้ซื้อทันที”
ในที่สุดป๋ายเสี่ยวเฟยก็เอ่ยเรื่องน่ายินดีออกมา สือขุยเผยสีหน้าแห่งความสุขโดยพลัน จากนั้นเขาวิ่งเร็วประดุจพายุเช่นหวู่จื๋อไปบอกคนอื่น
ป๋ายเสี่ยวเฟยถอนหายใจกับตนเอง
‘หุ่นเชิดตัวที่สอง... เมื่อไหร่ข้าจะได้หุ่นเชิดตัวที่สอง ข้าจะยกระดับเคล็ดวิชาลวงโลกบัดซบนี่ได้อย่างไร!?’
ป๋ายเสี่ยวเฟยก่นด่าชายชราเทียนจีในใจเพราะจนกระทั่งปัจจุบัน เขายังไม่รู้ว่ามีสิ่งใดเกิดขึ้นกับเขา...
กาลเวลาไหลผ่านอย่างแช่มช้า ฉิงหนานและโม่ข่ามาแทนที่หวู่จื๋อและสือขุย ก่อนที่ทั้งสามจะเดินไปบนเส้นทางที่ไม่อาจหวนคืนเพื่อเยี่ยมเยือนศิษย์พี่หญิงในอันดับบุปผา...
ในขณะเดียวกัน ฟางเย่รับหน้าที่รับสมัครสมาชิกใหม่ ไร้เวลาว่างให้ตนเอง หลังจากเหตุการณ์ในวันก่อน สมาคมรวมพลังศิษย์ใหม่เป็นดั่งแม่เหล็กทรงพลังที่ดึงดูดศิษย์ใหม่ทุกคนมารวมกัน
หากไม่ใช่เพราะพวกศิษย์หญิงมาช่วยงานฟางเย่ เขาคงเหนื่อยจนสติแตกไปแล้ว
แต่ในฐานะลูกของพ่อค้า ฟางเย่ชื่นชอบความรู้สึกเช่นนี้เพราะมันเป็นดั่งฟ้าและเหวเมื่อเทียบกับวันวานที่เขาใช้ชีวิตไปอย่างไร้จุดหมาย!
เป็นเวลานี้เองที่ฟางเย่เริ่มรู้สึกว่าตนโชคดีที่ตัดสินใจมายังสถาบันชิงหลัวและได้พบกับป๋ายเสี่ยวเฟยกับคนอื่นในห้องคนเถื่อน
หากกล่าวว่าฟางเย่เคยเป็นลูกคนรวยที่ไร้สาระไปวันๆ เช่นนั้นเขาก็ไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไป!
สหพันธ์การค้าหมิงเยว่เป็นของเขา ฟางเย่เพียงผู้เดียว!
“พักสักหน่อยเถิด เจ้าทำงานมาทั้งวันแล้ว”
สือเฉินมีใบหน้าแดงซ่านขณะที่นางยื่นผ้าเช็ดตัวให้ฟางเย่ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นได้เพราะป๋ายเสี่ยวเฟยและคนอื่นไม่อยู่ด้วย มิเช่นนั้นสือเฉินจะไม่มีทางมา แม้นางจะถูกอัดจนตาย...
ความกดดันจากผู้อื่นช่างหนักหน่วงเหลือเกิน!
“ข้าไม่เป็นไร นี่ง่ายกว่าเมื่อเทียบกับกลุ่มการค้า ถึงแม้ข้าจะไม่เคยสนใจในอดีต แต่ก็ฟังมาไม่มากก็น้อย อีกอย่าง ถือโอกาสขัดเกลาพื้นฐานสำหรับอนาคตด้วยเลย”
ฟางเย่ยิ้มเผยสีหน้ามีความสุขออกมา
ตัวตนของสือเฉินอาจเป็นสาเหตุให้ฟางเย่เปลี่ยนไป เพราะเขาอยากทำตัวให้คู่ควรกับนาง
อย่างไรเสีย นักเชิดหุ่นแกร่งกล้าย่อมมีค่ามากกว่ากลุ่มการค้าเล็กๆ !
“เช่นนั้นก็อย่าทำงานหนักเกินไป ร่างกายของเจ้าเป็นรากฐานสำหรับการเจริญเติบโต อย่าลืมที่พี่หญิงเสวี่ยกล่าว”
สือเฉินยังยืนกรานให้เขาพัก นางเผยร่องรอยของความเขินอายที่แตกต่างไปจากยามปกติ
“พี่ใหญ่ยังบอกด้วยว่าพวกเราควรพยายามให้มากที่สุดในวัยเยาว์ ข้ากำลังสั่งสมประสบการณ์เพื่ออนาคต โอกาสเช่นนี้พานพบได้ยากนัก ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ทุกคนกำลังหวังพึ่งเงินเพื่อซื้อหุ่นเชิดตัวใหม่”
ทั้งป๋ายเสี่ยวเฟยและเสวี่ยอิ่งถูกเอ่ยถึงในบทสนทนา แสดงให้เห็นว่าพวกเขามีอิทธิพลมากเพียงใดสำหรับศิษย์ในห้องคนเถื่อน
“ก็ได้ งั้นทำด้วยกันเถอะ!”
ใครบอกว่าเสือเพศเมียไร้ความอ่อนโยน? นางเขินอายต่อหน้าคนที่นางชอบ!