ตอนที่แล้วตอนที่ 69 : ล่าสมบัติในวันปีใหม่
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 71 : ตราประทับของราชาแห่งเป่ยฉี

ตอนที่ 70 : หน้าผาแห่งความสิ้นหวัง


วันที่สามของปีใหม่เป็นวันสุดท้ายที่ลู่หวู่จะได้สิ่งที่เขาเสียกลับคืนมา

อย่างที่เขาคาดไว้เกี่ยวกับส่วนลดที่จะมีแค่หนึ่งวัน ผู้เล่นจำนวนมากที่ลังเลในตอนแรกก็รีบเปลี่ยนอุปกรณ์อย่างไม่หยุดยั้งหรือซื้อทุกอย่างที่ต้องการ

ในที่สุดเหรียญวิญญาณของลู่หวู่ก็กลับสู่ระดับเดิม

เวลานี้กิจกรรมวันปีใหม่ได้นำความสนุกสนานมาสู่ผู้เล่นและทำให้เกิดข้อเสนอแนะอย่างมากเช่นกัน

ลู่หวู่ในที่สุดก็ตอบสนองต่อผู้เล่นที่ตั้งโพสต์ในฟอรัมที่กระหายต้องการเติมเงินโดยพร้อมจะเปิดช่องการเติมเงินให้

[ตัวอย่างการอัพเดท การเพิ่มระบบการเติมเงิน อัตราการเติมเงินทั้งหมดจะเป็น 1 ดอลลาร์ = 1 เหรียญมังกร เหรียญมังกรจะสามารถใช้ซื้อชุดแฟชั่นได้จากกิจกกรมการประมูลแฟชั่นที่กำลังจะมาถึง]

การประมูลแฟชั่น : จะมีชุดแฟชั่นสามชุดทำการประมูลทุกสัปดาห์โดยใช้เหรียญมังกรเป็นสกุลเงินการเสนอราคา ชุดแต่ละชุดจะมีการประมูลจำกัดอยู่ที่ 1000 ชุดเท่านั้น

อินวิสิเบอร์_โลนไลเนส : “ยิ้มจนหน้าแข็ง...ไอ้เหรียญมังกรบ้ามันคืออะไร? แล้วเหรียญวิญญาณของฉันอยู่ที่ไหน?”

เย่เสี่ยวเออร์ผู้น่ารัก “ผู้พัฒนา โปรดบอกที่อยู่มาซะดีๆ มันถึงเวลาที่จะดำเนินการกับคุณแล้ว”

เครยอน_ชินจัง “รู้สึกมีความสุขจังที่ได้เห็นพวกสายเติมทั้งหลายได้รับสิ่งที่ไม่ต้องการ (หัวเราะ)”

แอสซาซิน_ครีด “ฉันต้องการเหรียญวิญญาณ ฉันไม่สนใจอย่างอื่น ฉันอยากได้แค่เหรียญวิญญาณ”

ซู่วหลี่_เดาะ_สตร๊องเกรท “ผู้พัฒนา: แม้ว่าพวกคุณจะโกรธเครียดแค้นยังไง ข้าก็ยังไม่ขยับเขยื้อนเหมือนภูเขาที่ถูกข้าปราบปรามด้วยการกดด้วยมือเปล่าของข้า เจ้าพวกมนุษย์จะกล้าท้าทายพระเจ้าเยี่ยงข้างั้นเหรอ? พวกเจ้าเคยเห็นเท้าหวู่ที่อยู่ใต้น้ำแล้วใช่มั้ย? พวกเจ้าเชื่อไหมแค่ข้าคลิกแป้นพิมพ์ไม่กี่ครั้ง ข้าก็สามารถกำหนดความเป็นความตายของมันได้แล้ว?”

เครยอน_ชินจัง ตอบกลับ ซู่วหลี่_เดาะ_สตร๊องเกรท “อืมม!”

……

ลู่หวู่เข้าใจเหตุผลของการบ่นของผู้เล่นเกี่ยวกับการเติมเงิน แต่เขาก็ไม่สามารถเปิดขายได้เนื่องจากเขาก็ไม่มีเหรียญวิญญาณจำนวนมากเพื่อขาย

หากเขาจะเริ่มต้นการขายจริงๆ เขาเชื่อว่าเหรียญวิญญาณทั้งหมดของเขาอาจจะถูกซื้อโดยผู้เล่นภายในเวลาไม่ถึงสิบวินาที

ลู่หวู่ต้องยอมรับสายเติมเกมในเกมจริงๆ ผู้เล่นอย่าง อินวิสิเบอร์_โลนไลเนส เย่เสี่ยวเออร์ หลิวไชของกิลด์เดโมลิชั่นออฟฟิเซอร์และคนอื่นๆ พวกเขาเหล่านี้ล้วนแต่เป็นสุดยอดผู้ร่ำรวยในชีวิตจริง

ดังนั้นเส้นทางการเติมเอาเหรียญวิญญาณจะไม่มีทางเกิดขึ้นจนกว่าเขาจะมีพวกมันมหาศาลอย่างน้อย

ยิ่งไปกว่านั้นเหรียญวิญญาณเหล่านั้นมีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับลู่หวู่ การก่อสร้างทุกส่วนของเกมต้องการเหรียญวิญญาณ และแน่นอนว่าค่าใช้จ่ายของเขาก็คือการเพิ่มรายได้ของเหรียญวิญญาณในขณะที่ฝึกความสามารถของผู้เล่นไปด้วย

มันหวนให้ลู่หวู่นึกถึงวันอันเก่าแก่ของสงครามระหว่างผู้เล่นกับกองทัพชานา มันผ่านการทำลายล้างกองทัพของชาถึงทำให้ลู่หวู่ได้รับเหรียญวิญญาณจำนวนมาก

การทำสงครามเป็นวิธีที่จะทำให้ผู้เล่นและลู่หวู่เรียนรู้และเติบโต เขาได้เล็งเป้าหมายไปที่พื้นที่รอบๆคฤหาสน์แห่งความตายไว้แล้ว โดยพร้อมที่จะออกเควสการสำรวจอีกครั้ง

……

เมื่อม่านของกิจกรรมวันปีใหม่จบลง ผู้เล่นทุกคนก็ต่างกลับมาฮึกเฮิมคิดถึงการเดินทางใหม่อีกครั้ง

แม้ว่าครั้งนี้ผู้เล่นจะมีตัวเลือกให้เลือกมากมาย

การอัพเดทของทะเล เส้นทางบนพื้นดินก็มีความหลากหลายเพิ่มขึ้น การล่าหาสมบัติ และอื่นๆ ความหลากหลายและความสามารถในการเล่นของเกมนั้นเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆควบคู่ไปกับการอัพเดทแต่ละครั้ง

……

ในขณะเดียวกันที่บริเวณหน้าผาแห่งความสิ้นหวัง

กู่หยู (อินวิสิเบอร์_โลนไลเนส) อยู่กับซันฉี ชายและหมาเตรียมพร้อมที่จะปีนขึ้นไปสู่จุดสูงสุดของบริเวณนี้

นับตั้งแต่ปีนขึ้นภูเขาหิมะ กู่หยูก็ตกหลุมรักกับความรู้สึกของการท้าทายธรรมชาติ เขารู้สึกว่าการพิชิตพวกมัน สร้างความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ในตัวเขา ดังนั้นคราวนี้เขาเลือกที่จะปีนที่หน้าผาแห่งความสิ้นหวังที่สูงชันนี้

สำหรับเหตุผลที่เขาพาซันฉีไปด้วย เหตุผลก็คือเพราะซันฉีสามารถทำการรักษาได้ เขาจะเป็นผู้สนับสนุนที่ดีหากพวกเขาพบกับสัตว์ป่าตามทาง

ซันฉีไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอของกู่หยูในตอนแรก

ทำไมต้องไปมองหาปัญหาเมื่อพวกเขาไม่เคยแม้แต่ลิ้มรสความเจ็บปวดของชีวิตด้วยตัวเอง? สำหรับซันฉี สิ่งที่คนรวยเหล่านี้ต้องการทำก็คือพวกเขาไม่มีอะไรดีๆที่จะทำ

อย่างไรก็ตามทัศนคติที่มั่นคงนี้ของเขาเปลี่ยนไปอย่างฉับพลันเมื่อกู่หยูโยนเงินสดจำนวนหนึ่งไว้ข้างหน้าเขา ในทันทีเขาต้องการติดตามและเขาก็ดูเหมือนจะชอบการปีนเขา!

ดังนั้นชายและสุนัขจึงมาที่ภูเขาของหน้าผาแห่งความสิ้นหวัง

การปีนนี้แตกต่างจากก่อนหน้านี้ทั้งหมดเนื่องจากมันมีความยากลำบากตลอดการปีน สำหรับในหน้าผาแห่งความสิ้นหวัง มีสัตว์ประหลาดมากมายรอพวกเขาอยู่

อย่างไรก็ตามทุกครั้งที่กู่หยูได้รับบาดเจ็บ ซันฉีจะช่วยเหลือเขาโดยการรักษาโดยการเสียเลือดของซันฉีเองเล็กน้อยเพื่อทำการรักษาด้วยใบหน้าที่เป็นทุกษ์

ทั้งสองปีนขึ้นไปประมาณสามชั่วโมง แต่เมื่อพวกเขาเงยหน้าขึ้นมองหายอดหน้าผาแห่งความสิ้นหวังก็ยังไม่ปรากฏให้เห็น และทั่วสถานที่ก็ยังปกคลุมไปด้วยเมฆหมอก

ในขั้นต้นทั้งคู่ต้องการปีนขึ้นต่อไป แต่ในขณะนั้นเมื่อจมูกของซันฉีกระตุกและมันก็พูดขึ้นว่า

“หัวหน้า มีกลิ่นของไวน์ที่นี่!!”

ที่ซันฉีพูดได้ก็เป็นเพราะลู่หวู่ เหตุผลก็เพราะเจ้าซันฉีคนนี้ไปร้องเรียนในฟอรัมว่าเขาไม่สามารถพูดได้ ลู่หวู่คิดว่ามันตลกดีแต่ก็น่ารำคาญมาก ในที่สุดเขาก็อนุญาตให้เป่ยลี่เปลี่ยนการตั้งค่า โดยให้เขาสามารถพูดคุยกับคนอื่นๆได้

เมื่อได้ยินคำพูดของเขา กู่หยูยืนนิ่งและตรวจสอบสภาพแวดล้อมของพวกเขา

“ตามฉันมา” ซันฉีสูดดมกลิ่นเล็กน้อยแล้ววิ่งไปที่พื้นราบขอบภูเขา

เมื่อเห็นอย่างนั้น กู่หยูก็ตามรอยเท้าของมันไป

ครึ่งทางก่อนจะไปถึงขอบภูเขา ทั้งคู่หยุดอย่างรวดเร็วในการเดินต่อไป ด้วยความแปลกใจ พวกเขาพบเจอกระท่อมไม้ที่อยู่ไม่ไกลและยิ่งไปกว่านั้นก็มีเงาเหมือนกองไฟที่เปล่งประกายจากภายใน

ชายและสุนัขจ้องมองกันและกันก่อนที่จะเดินไปที่กระท่อมไม้พร้อมกัน

ทั้งสองสำรวจพื้นที่รอบนอกของกระท่อม หลังจากที่พวกเขาแน่ใจแล้วว่าพวกเขาปลอดภัยจากอันตราย กู่หยู่ยกมือขึ้นแล้วเคาะประตูไม้

“มีใครอยู่ที่นี่ไหม?”

ไม่มีใครตอบและสิ่งนี้ทำให้กู่หยูอยากรู้อยากเห็นเล็กน้อย เมื่อเขากำลังจะเปิดประตูเข้าไปข้างใน ประตูก็เปิดออกเองซะก่อน

ชายชราผู้มีผมสีขาวรุงรังพร้อมกับแววตามีความสงสัยพูดโพล่งออกมา “ต้องการอะไร?”

“อืมม ฉันขอถามเกี่ยวกับหน้าผาแห่งความสิ้นหวังได้ไหม?” กู่หยูพูดหลังจากพิจารณาสั้นๆในขณะเดียวกันก็สงสัยว่าทำไมชายชราคนนี้ถึงอยู่ที่นี่

“ถามมาสิ” ชายชราผมขาวพูดเบาๆออกมา

“ท่านจะเชิญพวกเราเข้าไปก่อนได้ไหม?”

คำพูดฉับพลันของซันฉีทำให้ชายชราผมขาวตกใจ เขาอุทานออกมาว่า “เหี้ย เจ้าสุนัขแกพูดออกมาได้ยังไง? แกเป็นปีศาจยังงั้นเหรอ?”

พวกเขาตะลึง

หลังจากจับล็อกคอซันฉีไว้แน่นผู้ที่กำลังจะโดดด่าสวนชายชรา “ชายชรา ฉันอยากรู้ว่าทำไมคุณถึงใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ หน้าผาแห่งความสิ้นหวังนี้มีความสูงแค่ไหน? ผมต้องการปีนขึ้นไปบนยอดเขาและดูรอบๆ”

“ยอดหน้าผา? ด้วยร่างกายที่ปวกเปียกและสุนัขของเจ้า เจ้าต้องการปีนขึ้นไปข้างบนงั้นเหรอ? ลืมมันไปซะดีกว่า” ชายชราผมสีขาวพูดอย่างดูถูก

ถ้าไม่ใช่เพราะเขาต้องดึงซันฉีกลับมา กู่หยูเกือบจะหัวร้อนเพราะลิ้นที่คมคายของชายชราผมขาว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาต้องสอนบทเรียนแก่ชายชราผมขาวคนนี้

เมื่อกู่หยูกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ชายชราผมขาวเดินเปิดทางให้ เพื่อแสดงให้ทั้งสองว่าเข้ามาได้

ทั้งสองคนสับสนแต่พวกเขาก็ยังเข้าไปอยู่ดี

การตกแต่งภายในของกระท่อมเป็นเรื่องธรรมดา มีโต๊ะไม้และเตียงไม้ มีตะเกียงน้ำมันก๊าดอยู่บนโต๊ะไม้และรอบกระท่อม มีชิ้นส่วนเหล็กที่เป็นสนิมกระจัดกระจายไปทั่วพื้นพร้อมกับกลิ่นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่แทรกซึมทั่วทั้งกระท่อม

มีเพียงเก้าอี้เดียวในกระท่อม ชายชราผมขาวเลยส่งสัญญาณให้ทั้งคู่นั่งบนเตียงไม้ จากนั้นเขาก็เข้าไปอีกห้องหนึ่ง แล้วนำไวน์ผลไม้หอมสองแก้วออกมา

พวกเขาสองคนรับไวน์ก่อนที่กู่หยูจะถามว่า “ทำไมท่านถึงบอกว่าเราไม่สามารถปีนขึ้นไปบนยอดหน้าผาแห่งความสิ้นหวังได้? มันมีอันตรายใดหรือไม่?”

เมื่อได้ยินคำถาม ใบหน้าชายชราผมขาวก็เปลี่ยนไปเป็นเคร่งขรึม

เมื่อคิดว่าชายชราผมขาวอาจกำลังเล่าให้ฟังเกี่ยวกับตำนานของหน้าผาแห่งความสิ้นหวัง การแสดงออกของชายชราก็กลายเป็นล้อเลียน

“เหี้ย วิธีที่เจ้าหมาของเจ้าดื่มเหมือนมนุษย์จริงๆ...”

กู่หยูมองไปที่ซันฉีและตระหนักว่าเขาได้ดื่มไวน์ด้วยตัวมันเอง ผลที่ตามมาทำให้แก้มของมันกลายเป็นสีแดงเข้ม แต่หลังจากได้ยินคำพูดของชายชราผมขาว การแสดงออกของซันฉีก็กลายเป็นเกลียดชังทันที

กู่หยูอีกครั้งรีบระงับการข่มขู่ของซันฉีและถามด้วยเสียงหนักเพื่อกลบเกลื่อนขึ้นมาอีกครั้ง

“ท่านพอจะให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับเราได้ไหม?”

ติดตามข้อมูลตอนใหม่ล่าสุดเพิ่มเติมได้ที่เพจ : https://www.facebook.com/novelth/

________________________________________________________

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด