เล่ม1 : บทที่ 36 – โจรผู้ร้าย
กำเนิดดาบปีศาจ(BDS) เล่ม1 : บทที่ 36 – โจรผู้ร้าย
ตอนนี้มีหนึ่งปัญหาที่จวนจะเกิดขึ้นกับรูปแบบชีวิตของโนอาห์ เขายังคงฝึกฝนและต่อสู้ไปเรื่อยๆ แต่กลับมีสิ่งหนึ่งที่กดดันเขาอยู่ตลอด
‘จะบอกอาจาร์ยังไงดีล่ะเนี่ยว่าอักษรรูนในทะเลแห่งสติใกล้จะสมบูรณ์แล้ว?!’
ผ่านมาแค่เพียงสองปีครึ่งเท่านั้นตั้งแต่เริ่มฝึกพลังงานจิตมา แต่ด้วยความได้เปรียบในการเกิดใหม่อีกครั้งทำให้เขาเกือบจะได้เป็นจอมเวทย์อันดับหนึ่ง
‘คิดว่าหลังจากเสร็จภารกิจนี้ การรักษาครั้งที่ห้าก็คงจะไม่มีปัญหาอะไร’
เมื่อราวหนึ่งเดือนก่อนเขาประสบความสำเร็จอย่างสมบูรณ์กับวัฏจักรขั้นที่สี่และกำลังเข้าสู่ขั้นที่ห้า ชัดเจนว่าวัฏจักรที่เกิดขึ้นหลังจากที่ร่างกายพัฒนาแล้วย่อมสำเร็จได้ง่ายขึ้น ตามมาด้วยการบำรุงรักษาร่างกายที่จะต้องกินเวลานานกว่านั้น จนมาถึงส่วนสุดท้ายซึ่งจะบังคับให้ผู้ฝึกฝนนั้นก้าวข้ามการเปลี่ยนอันดับระหว่างการรักษา
‘หลังจากอายุครบสิบสาม อีกสองสามเดือนให้หลังน่าจะได้ร่างกายอันดับสาม หวังว่าการรักษาขั้นสุดท้ายจะให้ความรู้สึกที่ไม่แย่ไปกว่าครั้งก่อนๆ นะ’
เนื่องจากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดขึ้นระหว่างการรักษา โนอาห์จึงตื่นตัวกับวัฏจักรแต่ละขั้นของกระบวนนรกเจ็ดขั้นมากขึ้นเพื่อพร้อมรับมือหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้น หากพลาดไปเพียงนิดเดียวระหว่างการดำเนินการอาจทำให้เขาถึงขั้นเสียชีวิตหรือบาดเจ็บเรื้อรังได้
ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา เขาได้ขยายองค์ความรู้เกี่ยวกับประเทศแห่งนี้ต้องขอบคุณตำราหลายๆ เล่มจากอาจารย์ของเขาที่คอยหามาให้ตลอด และในที่สุดเขาก็พบข้อมูลที่เขาต้องการ
‘เมืองหลวงมีชื่อขึ้นกับราชวงศ์ที่ปกครองอยู่และเมื่อราวสองพันปีที่แล้วเมืองเคยมีชื่อว่า อัลบัส’
ตระกูลขุนนางใดที่จัดการควบคุมเมืองหลวงก็จะได้รับการสืบทอดเป็นราชวงศ์ต่อไป เมื่อสองพันปีก่อนตระกูลอัลบัสเข้าร่วมสงครามกับราชวงศ์ก่อนหน้าและได้รับชัยชนะ นับแต่นั้นมาพวกเขาก็ไม่เคยพ่ายต่อผู้ที่คิดก่อกบฏกับพวกเขาอีกเลย มีเพียงเหตุผลเดียวที่พวกเขาสามารถต่อต้านไว้ได้หลายต่อหลายครั้งก็คือการสร้างสำนัก
‘สำนักเป็นสถานที่ฝึกซ้อมรบที่ดีที่สุดสำหรับทายาทตระกูลขุนนางและผู้เยาว์ที่มีความสามารถ สถานที่นี้ถูกสร้างขึ้นโดยตระกูลอัลบัสเพื่อให้คนรุ่นใหม่อายุน้อยที่มีความสามารถได้ใกล้ชิดกับราชวงศ์ เนื่องจากเมื่อคุณจบการศึกษาจากสำนักคุณจะได้รับตำแหน่งสูงศักดิ์ในเมืองหลวง มันเป็นการดำเนินการที่ชาญฉลาดที่อำนาจของพวกเขาจะเพิ่มขึ้นแต่ขณะเดียวกันก็ลดอำนาจแก่ตระกูลขุนนางตระกูลอื่นไปด้วย นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำไมพวกเขาจึงลงทุนด้วยการให้เข้าถึงเคล็ดวิชาและคาถาแก่นักเรียนมากขนาดนี้ ปัญหาก็คือฉันสามารถเข้าไปที่นั่นได้เพียงแค่เข้าร่วมการประลองเท่านั้น’
สำนักเปิดรับสมัครปีละสองครั้งโดยผ่านสองวิธีการนี้เท่านั้น เงินและความแข็งแกร่ง หากคุณสามารถจ่ายด้วยทองคำหรือวัสดุที่ลำค่าก็สามารถชนะการประลองกับอีกฝ่ายได้
แต่สำหรับโนอาห์แล้ว เขามีอยู่เพียงทางเลือกเดียวนั่นก็คือวิธีที่สอง
‘ฉันเตรียมเส้นทางหลบหนีไว้แล้วสองสามเส้นทางเมื่อเวลานั้นมาถึง ตอนนี้ก็หวังเพียงแค่ว่าการสมัครเข้าร่วมการประลองคงจะเกิดขึ้นภายในเร็วๆ นี้’
หลังจากได้รับข้อมูลเกี่ยวกับสำนักแล้ว โนอาห์ก็ตรวจสอบแผนที่ยูทราเพื่อวางแผนเส้นทางหลบหนีไปยังจุดที่เขาได้เลือกไว้
ขณะที่เขากำลังใช้กำลังสมองเกี่ยวกับสิ่งที่เพิ่งค้นพบ โนอาห์ก็ตรงไปยังป่าเอเวอร์กรีนทันที ภารกิจของเขาคือการค้นหากลุ่มโจรที่สังหารขบวนพ่อค้าที่ขนส่งอวัยวะสัตว์เวทมนตร์ เขาต้องสังการโจรเหล่านั้นและนำของกลับคืนมา
อาจารย์ของเขาบอกเพื่อให้มั่นใจว่าโจรกลุ่มนี้ไม่ได้เป็นผู้ฝึกตนที่ทรงอำนาจขนาดนั้นและเขาสามารถเลือกรางวัลภารกิจจากของที่ถูกขโมยไปได้
‘รายงานระบุว่าโจรกลุ่มนี้เรียกตัวเองว่า “เงาสีเทา” และมีกันทั้งหมดเจ็ดคน เมื่อปลายปีที่แล้ว พวกเขาก่อเหตุอยู่บริเวณใกล้กับป่าเอเวอร์กรีนดังนั้นฐานที่ตั้งของพวกเขาน่าจะอยู่ที่นั่นแต่หลังจากที่ไปสำรวจอยู่สองสามครั้งกลับไม่พบสิ่งใดเลย คิดว่าแซนดี้กับมาร์คคงกำลังวุ่นอยู่กับภารกิจอื่นที่ไหนสักแห่ง อาจารย์เลยเลือกฉันให้มารับผิดชอบภารกิจนี้แทน’
ด้วยพลังงานจิตที่แข็งแกร่ง โนอาห์จึงเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับภารกิจนี้เนื่องจากเขาสามารถรับรู้ถึงสภาพแวดล้อมรอบตัวได้อย่างชัดเจน
นี่เข้าสู่วันที่สองแล้วที่เขาอยู่ในป่าแห่งนี้ แต่ก็ยังคงไม่พบร่องรอยใดๆ ของพวกโจร แม้ว่าพื้นที่ของป่าจะใหญ่กว่าพื้นที่ที่ตระกูลบัลวันปกครองอยู่และเต็มไปด้วยอันตรายจากสัตว์เวทมนตร์ แต่บริเวณพื้นที่ที่ใกล้กับเขตชายแดนนี้กลับปลอดภัยเนื่องจากตระกูลโชสติจะส่งทหารมาเป็นระยะเพื่อขจัดอันตรายบนเส้นทางการค้าให้มีความปลอดภัยยิ่งขึ้น
‘อาจารย์บอกว่าถ้าหลังจากที่ค้นหาหนึ่งเดือนแล้วไม่เจออะไรเลย ก็ให้ล้มเลิกภารกิจและกลับคฤหาสน์’
ดังนั้นภารกิจแห่งความโดดเดี่ยวจึงเริ่มต้นขึ้น โนอาห์จะเดินทางไประหว่างวันเพื่อหาร่องรอยของ เงาสีเทา และเมื่อตกกลางคืนก็จะใช้เวลาเพื่อฝึกฝนอักษรรูนคีเซอร์
เขาชอบภารกิจประเภทนี้เพราะมันทำให้เขาได้เรียนรู้วิธีการเอาตัวรอดในป่าใหญ่ เขาคิดว่ามันเป็นการเตรียมการที่ดีก่อนที่จะออกจากคฤหาสน์ไปในอนาคต
หลังจากหนึ่งสัปดาห์ของการสำรวจผ่านไป เขาก็ยังคงไม่พบอะไรเลย โนอาห์ไม่ต้องการให้ภารกิจล้มเหลว หรือจะพูดอีกอย่างก็คือ เขาไม่ต้องการพลาดของรางวัลฟรีจากกลุ่มโจร
เขายืนอยู่บนต้นไม้ขณะครุ่นคิดจนเกิดความคิดบางอย่างขึ้นมา ‘แล้วถ้าฉันตามขบวนพ่อค้าไปล่ะ?’
ความคิดนี้ดูจะคุ้มค่า ดังนั้นเขาจึงตรงไปยังชายแดนของป่าที่ตรงไปสู่เมืองมอสโกรฟ เขารอที่นั่นถึงสามวัน โดยปล่อยผ่านขบวนพ่อค้าที่เล็กเกินไปหรือประเมินแล้วว่าพวกเขาไม่ได้กำลังขนส่งอะไรที่สำคัญมากนักจนกระทั่งในที่สุดเขาก็พบกับเป้าหมายที่สมบูรณ์แบบ
ขบวนนี้เป็นขบวนใหญ่มีรถม้าถึงสองคัน มีตราสัญลักษณ์สีแดงรูปเสือมีปีกขนาดใหญ่สลักไว้ด้านข้าง โนอาห์คิดว่านั่นคงเป็นขบวนพ่อค้าของตระกูลขุนนางระดับกลางภายใต้การปกครองของตระกูลโชสติ
รถม้าคันหนึ่งมีกลุ่มทหารเป็นคนขับสลับกับผู้ที่เป็นสารถี ในขณะที่อีกคันหนึ่งมีชายอ้วนศีรษะล้านไร้เคราและเด็กผู้หญิงหนึ่งคนนั่งอยู่ ณ ตำแหน่งคนขับ
‘ขบวนนี้เหมาะแก่การตกเป็นเป้าของพวกโจร ทหารก็ดูไม่ได้แข็งแกร่งเท่าไหร่แต่ในฐานะที่ตระกูลขุนนางส่งมาเพื่อปกป้องพ่อค้าแล้ว ก็หมายความว่าสินค้าที่ขนมาน่าจะมีค่ามากพอสมควร’
เขาสามารถใช้พลังงานจิตเพื่อตรวจสอบสภาพแวดล้อมแต่ทั้งนี้ก็เพื่อประเมินความแข็งแกร่งของใครบางคนด้วย แต่ความแม่นยำก็ยังคงพร่องไปบ้าง
เพื่อประเมินทหารเหล่านี้ แค่ระดับความสามารถของโนอาห์ก็เพียงพอแล้ว
‘งั้นตามขวนนี้ไปก็แล้วกัน!’