GE459 ยิ่งกว่าตบหน้า [ฟรี]
“นั่นมัน!”
ทุกสายตาจับจ้องไปยังใจกลางของเวที ใกล้ๆกับเสาศิลามีชายชราหัวล้านอยู่
มันอยู่อยู่ตรงนั้นมานานมากแล้ว กลิ่นอายที่มันแผ่ออกมาราวกับเป็นนักปรุงโอสถระดับสูง
ชายชราถอนหายใจก่อนจะทราบฝ่ามือลงบนเสาศิลา เสาเปล่งแสง 4 สี ระดับย่อยพุ่งถึงจุดสูงสุด ดูราวกับเสาศิลาจะไม่สามารถวัดระดับได้สูงกว่านี้
แต่แล้วเหนือเสาศิลากลับปรากฏหมอกที่ก่อตัวกลายเป็นเมฆ 5 สี จนทำให้ผู้คนบริเวณนั้นอุทาน
“นั่นมันเมฆ 5 สี ที่เป็นตัวบ่งชี้ถึงนักปรุงโอสถผันแปรที่ 5… คนผู้นั้นเป็นนักปรุงโอสถผันแปรที่ 5!”
“ว่าไงนะ! นักปรุงโอสถผันแปรที่ 5! ในโลกพิรุณมีนักปรุงโอสถระดับนั้นอยู่เพียงไม่กี่คน คนระดับทรงพลังมากพอที่จะทำให้โลกสั่นสะเทือน แต่ทำไมข้าไม่คุ้นหน้า...”
“เขาคือ ประมุขนิกายหยกสวรรค์รุ่นก่อน นักปรุงโอสถผันแปรที่ 5 ระดับสูง ‘ยี่หยุนสื่อ’... เขาหายตัวไปนานหลายปี คาดไม่ถึงว่าจะเข้าร่วมงานปรุงโอสถครั้งนี้ด้วย”
“ยี่หยุนสื่อเข้าร่วมตระกูลซัวเมื่อ 100 ปีที่แล้ว”
“ตระกูลซัว? หรือว่าเขาจะอยู่ในตระกูลซัว?”
ผู้คนมากมายคาดเดาต่างๆนาๆ เมื่อตัวตนของชายชราผู้นั้นถูกเปิดเผย เผ่าปีศาจยักษ์ก็เชิญชายชราไปยังที่นั่งพิเศษ พร้อมกับเหล่านักปรุงโอสถมากมายที่คารวะด้วยความเคารพ
ยี่หยุนสื่อนั่งมองเสาศิลาอย่างสงบ ราวกับไม่มีผู้ใดทำให้มันสนใจได้
แต่เมื่อหันไปยังผู้อาวุโสใหญ่และประมุขเกาะโอสถ มันสนใจเล็กน้อย
ผู้อาวุโสใหญ่ของเกาะปรุงโอสถน่าจะอยู่ในระดับเดียวกัน
แต่ชายชราแห่งวังสวรรค์แดงนั้น เหนือยิ่งกว่า!
“ยี่หยุนสื่อ ในอดีตเจ้าสู้ข้าไม่ได้ยังไง ต่อให้เจ้าเข้าร่วมกับตระกูลซัว เจ้าก็ยังสู้ข้าไม่ได้อยู่ดี” ชายชราแห่งวังสวรรค์แดงกล่าวกับยี่หยุนสื่อด้วยสัมผัสเทพ
“ฮึ่ม… แต่ถึงเจ้าจะแข็งแกร่งขึ้น ก็ไม่ได้มากมายขนาดนั้น”
การทดสอบรอบแรกยังคงดำเนินต่อไป ผู้คนส่งเสียงอึกทึกกับการทดสอบในรอบแรก
ในหมู่นักปรุงโอสถที่เข้าร่วม มีนักปรุงโอสถผันแปรที่ 4 จำนวนมากที่ผ่านเข้ารอบ
คนของวังสวรรค์แดงมาเข้าร่วมงานด้วยกันทั้งหมด 6 คน ผู้ที่มีระดับนักปรุงโอสถสูงสุดคือชายชรานาม ‘โม่ฉุย’ ซึ่งเป็นชายชราในขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นกลางที่เคยพบหนิงฝาน
นอกจากนี้อีก 5 คนของวังสวรรค์แดงที่เกือบถูกหนิงฝานสังหาร ก็เป็นนักปรุงโอสถระดับสูงเช่นกัน แม้จะอ่อนแอ แต่การปรุงโอสถไม่ธรรมดา ซึ่งยามที่พวกมันเข้าทดสอบรอบแรก ได้สร้างเสียงฮือฮามากมายจากผู้คน
“นักปรุงโอสถผันแปรที่ 4… ห้าคนนั้นเป็นนักปรุงโอสถผันแปรที่ 4 ขั้นสูง อีกเพียงก้าวเดียวพวกนั้นจะจะบรรลุนักปรุงโอสถผันแปรที่ 5… ในบรรดาวังทั้ง 9 วังสวรรค์แดงเป็นแหล่งรวมตัวของผู้เชี่ยวชาญที่มากพรสวรรค์จริงๆ ไม่เพียงจ้าววังจะไม่ธรรมดา ผู้ติดตามก็เก่งกาจไม่แพ้กัน”
คำเยินยอของผู้คนทำให้ทั้ง 5 ดีใจเป็นอย่างมาก ราวกับพวกมันลืมเลือนเรื่องที่เกือบถูกหนิงฝานสังหาร
ชายชราหนึ่งในห้าหันมองรอบๆก่อนกลาวถามฝูไป๋
“ได้ยินว่าท่านหมิงจะเข้าร่วมงานปรุงโอสถด้วย ทำไมตอนนี้เขายังไม่มา?”
“บางทีท่านหมิงอาจจะมาช้า” ฝูไป๋ ผู้อาวุโสใหญ่แห่งเผ่าปีศาจยักษ์กล่าวตอบอย่าสุภาพ
“ฮ่าฮ่า… ข้าคาดหวังในตัวท่านหมิงมาก ได้ข่าวว่าเขาเป็นศิษย์ของกษัตริย์โอสถครึ่งหนึ่ง อย่างน้อยเขาก็ควรจะเป็นนักปรุงโอสถผันแปรที่ 4… แม้ว่าเขาจะทรงพลังจนหาตัวจับได้ยาก แต่เรื่องของเต๋าแห่งโอสถน่าจะไม่สูงส่งขนาดนั้น เพราะต่อให้เข่นฆ่าไปมากเท่าไหร่ ก็ไม่ได้ทำให้วิชาปรุงโอสถยกระดับ”
หนึ่งในห้านักปรุงโอสถกล่าวด้วยปราณ ทำให้ผู้คนบริเวณนั้นได้ยินทั้งหมด
คนเหล่านั้นไม่รู้ว่าคนของวังสวรรค์แดงกับหนิงฝานมีความแค้นอะไรกัน คนผู้นั้นถึงได้กล่าวเช่นนั้น
เมื่อเดือนก่อน กษัตริย์โอสถประกาศว่าหนิงฝานเป็นศิษย์ อย่างน้อยหนิงฝานต้องเป็นนักปรุงโอสถผันแปรที่ 4
แต่ด้วยที่หนิงฝานเข่นฆ่าผู้คนมามากมาย ย่อมไม่อาจสงบใจฝึกฝนวิชาปรุงโอสถได้ ดังนั้นผู้คนส่วนใหญ่จึงเห็นด้วยกับคำกล่าวของคนจากวังสวรรค์แดง ว่าระดับนักปรุงโอสถของหนิงฝานไม่สมควรสูงส่ง
การที่หนิงฝานยังไม่ปรากฏตัว อาจเป็นเพราะวิชาปรุงโอสถต่ำเตี้ย จึงกลัวเสียหน้า
เมื่อคิดได้เช่นนั้น นักปรุงโอสถส่วนมากจึงเริ่มเข้าใจและสนับสนุนความคิดนั้นว่าถูกต้อง
คนของวังสวรรค์แสดงเผยสีหน้าพึงพอใจ แม้พวกมันไม่อาจทำร้ายหนิงฝานได้ แต่อย่างน้อยมันก็ใส่ความได้
หากเทียบเรื่องการต่อสู้ พวกมันไม่อาจเทียบเคียงหนิงฝานได้ แต่หากเป็นการปรุงโอสถ พวกมันมั่นใจว่าเหนือล้ำยิ่งกว่าหนิงฝาน
อายุกระดูกแค่ 500 ปีแต่กลับมาแข็งแกร่งได้ขนาดนั้น หากจะให้วิชาปรุงโอสถเหนือล้ำด้วยเช่นกัน สวรรค์ก็ออกจะไม่ยุติธรรมเกินไป
“เป็นไปไม่ได้ที่ซัวหมิงจะบรรลุนักปรุงโอสถผันแปรที่ 4 บางทีอาจจะยังไม่บรรลุนักปรุงโอสถผันแปรที่ 3 ด้วยซ้ำ… ข้าไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมกษัตริย์โอสถถึงรับคนแบบนั้นเป็นศิษย์ ข้าหล่ะอิจฉาจริงๆ!”
คนของวังสวรรค์แดงอิจฉา และดูถูกการปรุงโอสถของหนิงฝาน
แต่ในขณะที่คนของวังสวรรค์แดงเดินออกจากบริเวณทดสอบ จู่ๆก็มีคนมาขวาง
ผู้ที่มาขวางพวกมันคือหยุนเนี่ยนซูแห่งวังสวรรค์ลึกล้ำ และนักปรุงโอสถแห่งเกาะโอสถ หยางกู่
หยุนเนี่ยนซูจ้องมองคนของวังสวรรค์แดงด้วยสายตาเย้ยหยัน
หยุนเนี่ยนซูเคยพบกับหนิงฝานเมื่อคราวที่ยังอยู่เมืองกู่ซู จึงรู้ว่าระดับการปรุงโอสถของหนิงฝานไม่ธรรมดา
หยุนเนี่ยนซูคือบุตรบุญธรรมขององค์ชายสามแห่งวิหารพิรุณ จ้าววังสวรรค์ลึกล้ำ ซึ่งเป็นเพียงไม่กี่วังในบรรดาวังทั้งหมดที่เป็นมิตรกับวังสวรรค์ของหนิงฝาน
แม้ว่ามันจะไม่รู้ว่าหนิงฝานอยู่ระดับใด แต่มันก็ยอมรับในตัวหนิงฝาน อยากนับถือเป็นสหาย จึงคิดจะช่วยลบข้อครหาที่วังสวรรค์แดงได้สร้างขึ้น
“คนของวังสวรรค์มักจะกล่าววาจาให้ร้ายคนอื่น ช่างน่าอับอายนัก… การที่กษัตริย์โอสถยอมรับเขา แสดงให้เห็นว่าเขายอดเยี่ยม ไม่ว่าเต๋าแห่งโอสถของท่านหมิงจะอยู่ระดับใด ก็ไม่ใช่เรื่องที่เจ้าจะกล่าววาจาใส่ร้าย”
หยุนเนี่ยนซูกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่หยางกู่กลับโกรธมาก เหตุใดพวกวังสวรรค์แดงถึงกล้ากล่าววาจาเย้ยหยันอาจารย์ของตน ระดับของเต๋าแห่งโอสถของหนิงฝานสูงชั้นจนพวกมันทั้ง 5 ไม่อาจเอื้อม แต่พวกมันกลับกล่าวว่าหนิงฝานยังไม่บรรลุนักปรุงโอสถผันแปรที่ 3… ผายลม!
หยางกู่เห็นมากับตาว่าเต๋าแห่งโอสถของหนิงฝานบรรลุนักปรุงโอสถผันแปรที่ 5 ขั้นกลาง
“ระดับเต๋าแห่งโอสถของพวกเจ้าไม่อาจเทียบเคียงท่านหมิงได้แม้แต่ปลายเล็บ!” หยางกู่คำรามด้วยโทสะ จนทำให้ผู้คนที่พูดคุยเรื่องนี้เงียบไป
คนของวังสวรรค์แดงคาดไม่ถึงว่าการที่พวกมันใส่ร้ายหนิงฝาน จะทำให้นักปรุงโอสถมี่มีชื่อเสียงเคลื่อนไหว
พวกมันรู้ว่าหยุนเนี่ยนซูเป็นนักปรุงโอสถรุ่นเยาว์ที่มากพรสวรรค์ เป็นบุตรบุญธรรมขององค์ชาย 3 แห่งวิหารพิรุณ ซ้ำระดับเต๋าแห่งโอสถยังเกือบทะลวงนักปรุงโอสถผันแปรที่ 5 แล้ว ซึ่งเหนือกว่าพวกมันทุกคน
นอกจากนี้ หยางกู่ก็เป็นนักปรุงโอสถที่เก่งกาจไม่ด้อยไปกว่าหยุนเนี่ยนซู ต่อให้เป็นในอดีต พวกมันยังต้อง
ไว้หน้า นับประสาอะไรกับยามนี้
พวกมันถูกเหยียดหยามจนทำให้อับอาย และพวกมันจะย่อมไม่อยู่เฉย
“หยุนเนี่ยนซู หยางกู่! พวกเจ้าสองคนอยู่ระดับเดียวกับข้า แต่พวกเจ้ากลับไม่ไว้หน้าข้าแม้แต่น้อย!”
“ระดับเดียวกัน?” หยุนเนี่ยนซูแสดงสีหน้าเย้ยหยัน มันไม่เคยเห็นคนของวังสวรรค์แดงอยู่ในสายตา
มันเดินเข้าไปหาเสาศิลา ทาบฝ่ามือ ไม่นานศิลาก็เปล่งแสง 4 สี ก่อนที่เมฆ 5 สีจะก่อตัวเหนือเสาศิลา!
ผู้คนที่เห็นล้วนตกตะลึง พวกมันคาดไม่ถึงว่าคุณชายแห่งวังสวรรค์ลึกล้ำจะบรรลุนักปรุงโอสถผันแปรที่ 5
“เป็นไปไม่ได้! เจ้ายังเยาว์เกินไป เป็นไปไม่ได้ที่จะบรรลุนักปรุงโอสถผันแปรที่ 5!” คนของวังสวรรค์แดงแตกตื่น
พวกมันคิดอยู่เสมอว่าระดับการปรุงโอสถของพวกมันเท่าเทียมกับหยุนเนี่ยนซู แต่ยามนี้ หยุนเนี่ยนซูก้าวนำพวกมันไปไกลมาก
ในขณะที่พวกมันตกตะลึงอยู่นั้น หยางกูก็เดินไปหาเสาศิลา ทาบฝ่ามือ ก่อนที่เสาศิลาจะปรากฏเมฆ 5 สีเช่นเดียวกัน… หยางกู่ก็เป็นนักปรุงโอสถผันแปรที่ 5 เช่นเดียวกัน
“เป็นไปไม่ได้!” นอกจากคนของวังสวรรค์แดงแล้ว คนของเกาะโอสถเองก็ประหลาดใจ เพราะพวกมันไม่รู้ว่าหยางกู่บรรลุนักปรุงโอสถผันแปรที่ 5 ตอนไหน
ทุกสายตาจับจ้องหยางกู่และหยุนเนี่ยนซูด้วยความนับถือ เพราะนักปรุงโอสถผันแปรที่ 5 นั้นอยู่คนระดับกับนักปรุงโอสถผันแปรที่ 4
“ข้าบอกแล้วว่าพวกเจ้าไม่ได้เสี้ยวของท่านหมิงด้วยซ้ำ” หยางกู่กล่าวเย้ยหยัน
“ท่านหมิงคืออาจารย์ของข้า ระดับเต๋าแห่งโอสถของท่านเหนือล้ำค่ากว่าข้ามาก เหตุที่ข้าบรรลุระดับนี้ได้ ก็เพราะได้ท่านหมิงชี้แนะ! ในเมื่อพวกเจ้ายังเทียบข้าไม่ได้ พวกเจ้าก็เป็นได้เพียงมดแมลงไร้ค่าในสายตาอาจารย์ข้า!”
ผู้คนทั้งหมดอุทาน ทั้งหมดไม่อยากเชื่อว่าหยางกู่ที่เป็นนักปรุงโอสถผันแปรที่ 5 มีหนิงฝานเป็นอาจารย์
ในขณะที่ผู้คนกำลังตกตะลึงอยู่นั้น แรงกดดันที่แผ่ออกมาจากจิตวิญญาณสมุนไพรที่ทรงพลังราวกับมังกรย้กษ์ ได้ร่อนลงมาจากท้องนภา ลงสู่เวทีทดสอบ
นักปรุงโอสถทุกคนสั่นสะท้านทั้งร่างกายและจิตใจ ต่อให้เป็นนักปรุงโอสถผันแปรที่ 4 ก็ไม่อาจทนแรงกดดันนั่นได้
ทั้งหมดรู้ดีว่าเจ้าของแรงกดดันนั่นไม่ธรรมดา ต่อให้เป็นนักปรุงโอสถผันแปรที่ 5 ทั่วไป ก็ไม่อาจเปล่งแรงกดดันจากจิตวิญญาณสมุนไพรในระดับนี้ได้ และในที่นี้มีอยู่เพียง 2 คนเท่านั้นที่พอจะทำได้ นั่นคือยี่หยุนสื่อ และโม่ฉุย
ผู้เยาว์ในอาภรณ์ขาวร่อนลงมาจากท้องนภา ทาบฝ่ามือลงบนเสาศิลาอย่างแผ่วเบา
ในชั่วพริบตานั้น เมฆ 5 สีปรากฏเหนือท้องนภา ปกคลุมพื้นที่ไปมากถึงแสนลี้ และสีที่ปรากฏอยู่เมฆ ก็เกือบจะกลายเป็น 6 สีโดยสมบูรณ์
“นั่นอะไร? เมฆ 6 สี! ไม่ ยังไม่ใช่ 6 สีที่แท้จริง”
ยี่หยุนสื่อ โม่ฉุย หวางถิงสื่อ ผุดลุกยืนด้วยสีหน้าตกตะลึง จับจ้องไปยังผู้เยาว์ในอาภรณ์ขาว
“หากครั้งหน้าพวกเจ้ายังปากเสียอยู่อีก… ข้าจะฆ่าพวกเจ้าทุกคนกับมือ!”
หนิงฝานหันมองคนของวังสวรรค์แดงด้วยสายตาเย็นชา จนทำให้พวกมันแข็งค้างไม่อาจเคลื่อนไหว
จิตใจของพวกมันปั่นป่วนสับสน ผู้เยาว์อายุกระดูกแค่ 500 ปี แต่กลับทรงพลัง ทั้งยังมีระดับเต๋าแห่งโอสถที่สูงส่ง
เป็นไปได้ยังไง?
เหตุใดโลกนี้ถึงได้มีผู้ที่มากพรสวรรค์ขนาดนี้อยู่?!
คนของวังสวรรค์แดงถูกสายตาเย้ยหยันจากเหล่านักปรุงโอสถจำนวนมากจับจ้อง ความอับอายเช่นนี้ยิ่งกว่าตบหน้าพวกมัน
“ไอ้พวกสวะ!” โม่ฉุยขมวดคิ้ว ครั้งนี้ คนของมันทำให้วังสวรรค์แดงเสียหน้าอย่างใหญ่หลวง...